ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 148 ชั่วร้าย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 148 ชั่วร้าย

เมื่อเห็นเขาอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่พูดอะไรออกมา กงหู่จ้าวก็พอจะรู้แล้วเช่นกันว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่ จึงกล่าวเตือนไปว่า “เธอวางใจได้ ฉันแค่ว่าไปตามความจริง ไม่ได้มีความหมายอื่น ฉันสามารถรับรองกับเธอได้ว่าทางตระกูลกงหู่นั้นยอมรับในความสามารถของเธอ ยินดีสนับสนุนให้เธอเป็นประธานหอการค้าตระกูลโจว ต่อไปหอการค้าตระกูลโจวจะเปลี่ยนชื่อเป็นหอการค้าตระกูลเผิงก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

เผิงซีเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยไปตามความจริงเช่นกัน “ตามหลักแล้ว ลั่วเทียนเหอไม่มีทางกล้าทำอะไรที่มันเหลวไหลจนเกินไป ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เขาจะสังหารคุณน้าจึงมีไม่มาก ในเวลานี้แค่รอให้คุณน้ากลับมาก็พอครับ เหตุใดท่านเสมียนใหญ่ถึงกล่าวเช่นนี้ หรือว่าคุณน้าไปทำอะไรให้ตระกูลกงหู่ไม่พอใจครับ ตระกูลกงหู่ถึงได้คิดที่จะทอดทิ้งคุณน้า?”

กงหู่จ้าวกล่าวว่า “มันไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนี้ หากแต่เป็นเพราะเหตุผลอื่น”

เผิงซีกล่าว “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ท่านเสมียนใหญ่พอจะบอกได้ไหมครับว่าเพราะเหตุใด?”

กงหู่จ้าวกล่าวว่า “ยังจำเรื่องเงื่อนไขที่โจวหม่านเชาเสนอให้กับทางหอการค้าตระกูลฉินที่ฉันเคยถามเธอก่อนหน้านี้ได้ไหม?”

เผิงซีตกใจระคนสงสัย “คำพูดของท่านเสมียนใหญ่ กระผมย่อมไม่กล้าลืม หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ครับ?”

กงหู่จ้าวกล่าวว่า “ถูกต้อง หอการค้าตระกูลฉินยินดีประนีประนอมกับทางหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพาน ยินดีแบ่งผลประโยชน์จากการประมูลให้สองในสามส่วน แต่มีเงื่อนไขคือเธอต้องขึ้นเป็นประธานหอการค้าตระกูลโจว!”

เผิงซีตกใจเป็นอย่างมาก “นี่เป็นไปไม่ได้ครับ! ก่อนหน้านี้หอการค้าตระกูลฉินไม่ยอมรับปาก พอประมูลชนะแล้วจะมารับปากเนี่ยนะครับ?”

กงหู่จ้าวกล่าว “เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาด เงื่อนไขนี้ฉินอี๋เป็นคนเสนอออกมาเอง ฉันได้คุยกับทางฉินอี๋แล้ว เหตุผลสำคัญเป็นเพราะทางตระกูลหนานชีเอาเปรียบเธอเกินไป…” เขาบอกเล่าคำพูดของฉินอี๋ออกมาอีกรอบ

ใครจะไปรู้ว่าเผิงซีที่สายตาวูบไหวไปมาอย่างรวดเร็วพลันอุทานตกใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ท่านเสมียนใหญ่ นี่เป็นหลุมพลางครับ นังแพศยาฉินอี๋เจ้าเล่ห์เพทุบาย เธอทำแบบนี้เพราะอยากให้หอการค้าตระกูลโจวเกิดปัญหาภายใน ต้องการขัดขวางหอการค้าตระกูลโจวเอาไว้ เพื่อที่หอการค้าตระกูลฉินจะได้มีเวลาในการจัดการผลประโยชน์ภายในมือ หากปล่อยให้เธอทำสำเร็จ หอการค้าตระกูลฉินจะต้องกลับมาเล่นงานหอการค้าตระกูลโจวอย่างแน่นอน นังแพศยาคนนี้กลอกกลิ้งร้ายลึก ท่านเสมียนใหญ่อย่าหลงกลเธอเด็ดขาดนะครับ!”

กงหู่จ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องนี้ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ เธอไม่จำเป็นต้องมาสอนฉัน ฉันรายงานเรื่องนี้ให้ทางตระกูลทราบแล้ว ตระกูลกงหู่เองก็สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีเจตนาแอบแฝง แล้วก็ระวังตัวอยู่แล้วเช่นกัน เรื่องที่ฉินอี๋บอกเล่ามา ทางตระกูลได้ทำการตรวจสอบดูแล้ว เป็นอย่างที่เธอว่ามาจริง ตระกูลหนานชีต้องการผลประโยชน์หกส่วนจากทางหอการค้าตระกูลฉินจริงๆ!”

เผิงซีกล่าว “จะเชื่อเธอแค่เพราะเรื่องนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดตระกูลหนานชีวางแผนร่วมกับหอการค้าตระกูลฉินล่ะครับ แบบนั้นจะทำอย่างไรครับ?”

กงหู่จ้าวกล่าว “เรื่องนี้ย่อมต้องให้ทางฉินอี๋เซ็นสัญญาก่อนถึงจะจัดการได้ พอสัญญาอยู่ในมือแล้ว มีกฎหมายดินแดนเซียนคุ้มครองอยู่ หอการค้าตระกูลฉินก็ไม่อาจบิดพริ้วได้อีก ตอนนี้ฉันเพียงแค่อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไร จะได้วางแผนขั้นต่อไปได้ถูก”

เผิงซีรีบประสานมือกล่าวว่า “ฉินอี๋เจ้าเล่ห์ชั่วร้าย เล่ห์เหลี่ยมยากจะคาดเดาได้ เรื่องนี้เผิงซีไม่กล้ารับปากเด็ดขาด คุณน้ามีพระคุณต่อเผิงซี เผิงซีไม่มีวันทรยศคุณน้าแน่นอน ขอบคุณในความหวังดีของท่านเสมียนใหญ่ แต่ขอให้ท่านเสมียนใหญ่ยกเลิกคำสั่งนี้ด้วยเถอะครับ!”

เรื่องการประมูลขนาดวางแผนเอาไว้เสียดิบดีก็ยังเกิดความผิดพลาดได้ เขาถูกเล่ห์เหลี่ยมของฉินอี๋เล่นงานจนรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว

เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้แบบนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ปลอดภัย หอการค้าตระกูลโจวในตอนนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่เป็นญาติภายใน ความสามารถของเขาเองก็ไม่ได้แย่ ต่อไปย่อมต้องได้รับสืบทอดหอการค้าตระกูลโจวอย่างราบรื่นแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงทำเช่นนี้

แต่กงหู่จ้าวก็ใช้เหตุผลนี้มาเกลี้ยกล่อมเขาเช่นเดียวกัน “หอการค้าตระกูลโจวในตอนนี้ ช้าเร็วโจวหม่านเชาก็ต้องส่งมอบมันให้เธอสืบทอดต่ออยู่ดี ก็แค่ลงจากตำแหน่งช้าหรือเร็วเท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องโจวหม่านเชาเลย มีตระกูลกงหู่อยู่ โจวหม่านเชาไม่มีทางกล้าว่าอะไรแน่”

มีคำพูดประโยคหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดออกไป ขอเพียงเรื่องราวสำเร็จลุล่วง ขอเพียงหอการค้าตระกูลฉินเซ็นสัญญาแบ่งผลประโยชน์ให้จริงๆ ถ้าจะไม่ให้โจวหม่านเชามีชีวิตรอดกลับมา ตระกูลกงหู่ก็สามารถทำได้เช่นกัน

เผิงซีไม่รู้ว่าควรจะว่าอะไรเขาดี เรื่องราวไหนเลยจะง่ายดายเหมือนอย่างที่คุณว่ามา ตระกูลกงหู่ของคุณจะถือดีเกินไปแล้วหรือเปล่า คุณน้าบริหารหอการค้าตระกูลโจวมานานขนาดนี้ วางแผนปูทางเอาไว้อย่างลึกซึ้ง มีหรือที่จะยอมให้ใครมาชิงเอาหอการค้าตระกูลโจวไปได้ง่ายๆ? หากทำเช่นนั้นได้จริงๆ หอการค้าตระกูลโจวคงจะถูกคนที่ไม่หวังดีในตระกูลกงหู่แย่งชิงเอาไปนานแล้ว

เรื่องที่พัวพันถึงอำนาจ มีหรือที่คุณน้าจะยอมให้คนอื่นมาแย่งชิงและปล่อยให้เสพสุขไปจนแก่ได้ง่ายๆ? อำนาจคือสิ่งที่ทำให้คนฆ่าฟันกันได้ โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าหลานที่ตัวเองเอ็นดูรักใคร่ทรยศหักหลัง คุณน้าจะโกรธเกรี้ยวเพียงใด เพียงแค่คิดดูก็พอจะรู้ได้

การช่วงชิงอำนาจในเวลานี้มันเท่ากับว่าต้องการให้คุณน้าตาย เท่ากับไม่อยากให้คุณน้ามาขวางทางตน ไม่ได้ต่างอะไรกับวางแผนฆ่าคุณน้าเลย ชื่อเสียงนี้ไม่น่าแบกรับเท่าไรนัก!

นักธุรกิจที่ชื่อเสียงเสียหายจะมีผลเป็นอย่างไร? เขาจำเป็นต้องคิดถึงอนาคตในระยะยาว

และทันทีที่คุณน้ากลับมาพร้อมกับความโกรธเกรี้ยว การจะทำให้หอการค้าตระกูลโจวพังพินาศนั้นมิใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย คุณน้าที่บริหารหอการค้าตระกูลโจวมาเป็นเวลาหลายปีมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ สามารถบีบให้ตระกูลกงหู่ยอมแพ้ได้ นอกเสียจากตระกูลกงหู่จะไม่อยากได้ผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจากทางหอการค้าตระกูลโจวแล้ว หากตระกูลกงหู่ไม่ยอมรับปาก เกรงว่าหอการค้าตระกูลโจวคงต้องพังทลาย ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะได้ไปเลย!

ตอนนี้ที่อีกฝ่ายกล้าพูดเช่นนี้ ก็เป็นเพราะเห็นว่าคุณน้าไม่อยู่ที่นี่

และถ้าจะว่าไปแล้ว หากคุณน้าตายไปแล้วจริงๆ อย่างนั้นเรื่องที่เขาจะได้ขึ้นรับตำแหน่งประธานหอการค้าตระกูลโจวมันก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ทุกอย่างในหอการค้าตระกูลโจวย่อมต้องตกเป็นของเขา

แต่ตอนนี้โจวหม่านเชายังไม่ตาย ขอเพียงโจวหม่านเชายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ยังมีอำนาจบารมีอยู่ในหอการค้าตระกูลโจวอยู่ ตัวเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรง่ายๆ

แต่แน่นอน สมมติว่าเขาอยากจะให้โจวหม่านเชาตาย เขาเองก็ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจ ไม่สามารถ แล้วก็ไม่กล้าพูดออกมาเช่นกัน

สรุปแล้วไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา เผิงซีก็เรียกได้ว่าไม่ยอมรับปากเด็ดขาด อีกทั้งพยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วย

ในตอนที่ออกมาจากเรือนพัก อารมณ์ความรู้สึกภายในใจเรียกได้ว่าสับสนวุ่นวาย เรื่องบางเรื่องต่อให้เขาไม่รับปากก็ไม่มีประโยชน์ เขากังวลว่าตระกูลกงหู่จะทำการตัดสินใจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่ตระกูลกงหู่เซ็นสัญญากับฉินอี๋จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลกงหู่คงจะลงมือจัดการคุณน้า สุดท้ายเกรงว่าถึงเขาจะไม่อยากรับตำแหน่งก็คงไม่ได้

แต่เขาจะไปว่าอะไรตระกูลกงหู่ได้ จะไปเตือนตระกูลกงหู่ว่าอย่าทำอะไรเหลวไหลอย่างนั้นเหรอ?

ผลประโยชน์จำนวนมหาศาลขนาดนี้ สำหรับตระกูลกงหู่แล้วสามารถลองทำดูก่อนได้ หากว่าไม่ได้ค่อยล้มเลิกแผนการนี้ไปก็ได้

เผิงซีเดินกลับออกมาด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง ครั้งนี้นับว่าเขาได้รู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของฉินอี๋อีกครั้งแล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นปีศาจชัดๆ จู่ๆ ก็ใช้แผนการนี้ออกมา ทำเอาเขารับมือไม่ถูกเลย!

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ดันไม่ใช่การวางแผนร้ายแอบเล่นงานลับหลังอะไรเลย อีกฝ่ายใช้แผนนี้ออกมาตรงๆ ให้พวกเขาตัดสินใจกันเอาเอง ต่อให้เขามองแผนนี้ออกก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงมองดูจิตใจของมนุษย์ที่จะต้องโดนทดสอบในด้านต่างๆ โดยไม่อาจทำอะไรได้

จิตใจของมนุษย์จะทนต่อการทดสอบเช่นนี้ได้หรือ?

เป็นไปได้หรือที่ภายในใจเขาจะไม่มีสักเสี้ยวหนึ่งที่คิดอยากจะให้ตระกูลกงหู่สังหารคุณน้าทิ้งไป? ความจริงความปรารถนานั้นมันก็แค่ถูกความรู้สึกผิดชอบสะกดเอาไว้เท่านั้น!

ตอนนี้ส่วนลึกภายในใจเขาทั้งไม่อยากหลงกลฉินอี๋ แล้วก็มีความคาดหวังเล็กๆ ที่ไม่อาจบอกให้ใครรับรู้ได้อยู่ ทำเอาเขาจิตใจว้าวุ่น ความคิดสับสนวุ่นวาย ยากจะรวบรวมสมาธิได้ คล้ายมีคนโยนก้อนหินลงไปในทะเลสาบที่เงียบสงบอยู่เป็นระยะ ผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมขึ้นมาไม่หยุด แล้วภายในใจจะสงบได้อย่างไร?

เขาต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นแผนการที่ชั่วร้ายเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่เคยนึกฝันเลยว่าฉินอี๋จะลงมือเช่นนี้ ทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนเป็นอย่างมาก!

ตอนนี้เขากำลังนึกเป็นห่วงทางหอการค้าตระกูลพาน เมื่อฟังจากคำพูดของกงหู่จ้าวแล้ว เกรงว่าหอการค้าตระกูลพานก็คงจะกำลังเผชิญกับเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากลำบากเช่นเดียวกันอยู่

……

หอการค้าตระกูลพานนั้นกำลังเผชิญกับเรื่องราวอย่างที่เผิงซีคิดเอาไว้จริงๆ ในเรื่องบางเรื่อง ตระกูลเซียงหลัวกับตระกูลกงหู่ได้มีการพูดคุยกันลับหลัง เรื่องแบบนี้หากไม่มีการพูดคุยกันก็คงไม่ได้ เรื่องราวเกี่ยวพันถึงสองตระกูล จะให้ตระกูลใดตระกูลหนึ่งจัดการเพียงลำพังนั้นไม่มีประโยชน์

หลังได้พูดคุยกันก็มีข้อสรุปออกมา พวกเขาย่อมต้องร่วมมือกันจัดการ สวีเฉียนถูกเซียงหลัวเซ่อเรียกตัวไปยังเมืองเทียนกู่เป็นการด่วน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซียงหลัวเซ่อ สภาพของสวีเฉียนนั้นดูแย่กว่าเผิงซีเสียอีก หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมออกมา

ถึงแม้การกล่าวเตือนของฉินอี๋จะทำให้เขาเตรียมตัวเตรียมใจ และรู้ว่าเซียงหลัวเซ่ออาจจะพูดอะไร

แต่ในยามที่ต้องมายืนอยู่ต่อหน้าเซียงหลัวเซ่อจริงๆ เขาก็ยังต้องหลั่งเหงื่อเยียบเย็นออกมาเพราะคำพูดของเซียงหลัวเซ่อ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรถึงจะทำให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจได้

เซียงหลัวเซ่อกล่าว “ฉันบอกแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ตระกูลเซียงหลัวจะสนับสนุนให้นายเป็นประธานหอการค้าตระกูลพานจริงๆ”

สวีเฉียนส่ายศีรษะ “ท่านเสมียนใหญ่ครับ พ่อตามีบุญคุณกับผมอย่างมาก ผมจะหักหลังท่านตอนที่ท่านลำบากได้ยังไงครับ…”

…..

ภายในเรือนหลังเล็กของคฤหาสน์ตระกูลพาน พานหลิงเยวี่ยนั่งนิ่งๆ มองไปด้านนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง

โกวซิงยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้าง หลังจากที่พานหลิงอวิ๋นหายตัวไป เขาก็มาติดตามพานหลิงเยวี่ย ถือได้ว่าถูกพานหลิงเยวี่ยรับตัวเอาไว้

เสียงเดินขึ้นบันไดดังขึ้นมา ผู้ติดตามคนสนิทของพานหลิงเยวี่ยรีบก้าวเข้ามาข้างกายเธอ กล่าวว่า “สวีเฉียนกลับมาแล้วครับ ไม่ได้กลับไปหาคุณหนูใหญ่ หากแต่ตรงไปหาเซียงหลัวเซ่อ ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่ครับ”

พานหลิงเยวี่ยขบกรามแน่น “แน่ใจนะว่าเขาไปเจรจาอย่างลับๆ กับฉินอี๋ที่คฤหาสน์ตระกูลฉินมา?”

เธอจับตาดูสวีเฉียนเอาไว้ เพราะจู่ๆ เธอก็ได้ข่าวมาว่าทางหอการค้าตระกูลฉินกับตระกูลเซียงหลัวมีการบรรลุข้อตกลงอย่างลับๆ กัน ขอเพียงตระกูลเซียงหลัวสนับสนุนให้สวีเฉียนขึ้นเป็นประธานหอการค้าตระกูลพาน ทางหอการค้าตระกูลฉินก็จะแบ่งผลประโยชน์ให้

เรื่องนี้ทำให้เธอเกิดความระแวงขึ้นมาทันที พอทำการสืบดู เธอก็พบว่าสวีเฉียนนั้นเดินทางไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉินในเวลานี้กลางดึก

กูเป่ยกล่าวว่า “จะไปเจรจาอย่างลับๆ กับฉินอี๋จริงหรือไม่นั้น เรื่องนี้เรายังไม่อาจมั่นใจได้ แต่เรื่องที่มั่นใจได้คือคืนนั้นเขาไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉินจริงๆ ตัวเขาเองก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าเป็นเพราะฉินอี๋บอกว่าสามารถช่วยท่านประธานได้ เขาถึงได้ลองนัดคุยกับเธอดู ใครจะไปรู้ว่าฉินอี๋คิดอยากจะยุแยงให้พวกเราแตกกัน”

พานหลิงเยวี่ยกล่าวว่า “อย่างนั้นก่อนหน้านี้ทำไมเขาถึงไม่พูด ทำไมถึงต้องรอให้ฉันแกล้งถาม เขาถึงจะยอมพูดออกมา? ฉินอี๋จะช่วยคุณพ่ออย่างนั้นเหรอ? คำพูดเหลวไหลแบบนี้เขาเชื่อด้วยอย่างนั้นเหรอ?”

กูเป่ยกล่าวถามอย่างสงสัยว่า “เรื่องแบบนี้หากไม่ถามถึง เกรงว่าไม่ว่าใครก็คงต้องลังเลที่จะเล่าออกมาทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าฉินอี๋จงใจทำเช่นนี้เพื่อจะยุให้พวกเราทะเลาะกันครับ!”

พานหลิงเยวี่ยกล่าว “ฉันรู้ว่านังผู้หญิงคนนั้นมันเจ้าเล่ห์ คิดอยากจะยุแยงให้พวกเราแตกกัน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลเช่นนี้ ตระกูลเซียงหลัวจะตัดสินใจอย่างไร? เซียงหลัวเซ่อเรียกพี่เขยเข้าไปคุยในเวลานี้ หรือว่านายยังมองไม่ออก? เมื่อมีตระกูลเซียงหลัวคอยสนับสนุน เขาก็จะกลายเป็นประธานหอการค้าตระกูลพานได้ นายว่าพี่เขยจะหวั่นไหวหรือเปล่าล่ะ?”

“เอ่อ…” กูเป่ยพูดไม่ออก เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ที่เย้ายวนขนาดนี้ เขาก็ไม่อาจมั่นใจได้จริงๆ ว่าสวีเฉียนจะไม่เกิดความหวั่นไหว จึงเหลียวหน้ากลับไปสบตากับโกวซิงแวบหนึ่ง

พานหลิงเยวี่ยกล่าวต่อว่า “หากในเวลานี้พี่เขยเกิดคิดไม่ซื่อขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็คงไม่อยากให้คุณพ่อมีชีวิตกลับมา ตระกูลเซียงหลัวเองก็คงไม่มีทางต้องการให้คุณพ่อกลับมาเช่นกัน พวกเขาต้องการให้คุณพ่อตาย!”

กูเป่ยขมวดคิ้วขึ้นมา เอ่ยว่า “อันที่จริงนี่เป็นเพียงการคาดเดาและความกังวลเท่านั้นครับ เอาไว้รอให้สวีเฉียนกลับมาแล้วลองถามเขาดูก็ได้ครับ แต่อย่าได้หลงกลนังแพศยาฉินอี๋เด็ดขาดครับ”

พานหลิงเยวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่รู้ว่าพี่รู้เรื่องนี้ แล้วก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า!”

กูเป่ยกับโกวซิงสบตากัน เรื่องในครอบครัวแบบนี้ คนนอกอย่างพวกเขาไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมากจริงๆ

…..

มืดค่ำดึกดื่น ท้องฟ้าใกล้สาง แต่ฉินอี๋กลับยังไม่ได้นอน กำลังหกสูงตัวยืดตรง เรือนร่างอ้อนแอ้นอรชร

โทรศัพท์ในมือของไป๋หลิงหลงที่นั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้างดังขึ้นมา เธอรีบกดรับสาย หลังฟังเสร็จเรียบร้อยก็พูดเพียงแค่ว่า ‘ตกลง’ แล้ววางสายไป จากนั้นลุกขึ้นมาพูดกับฉินอี๋ว่า “สายที่อยู่ข้างในรายงานมา บอกว่าสวีเฉียนออกมาแล้ว”

ฉินอี๋วางเท้าลงมาทันที ก่อนจะลุกขึ้นยืน ใบหน้ารูปไข่แดงเรื่อ อีกทั้งเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ “โทรหาเขา”

ไป๋หลิงหลงรีบโทรไปยังเบอร์เบอร์หนึ่งทันที

…..

สวีเฉียนที่เดินออกมาจากเรือนของเซียงหลัวเซ่อดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายเขาก็ยังไม่กล้าทรยศพานชิ่ง จึงปฏิเสธเซียงหลัวเซ่อไป

เขาเพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่ไกล ขณะที่กำลังคิดว่าจะไปอธิบายกับสองพี่น้องตระกูลพานอย่างไร โทรศัพท์ที่อยู่ในตัวพลันดังขึ้นมา เขาหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย “ใคร?”

ในโทรศัพท์มีเสียงฉินอี๋ดังลอดออกมา “ฉันเอง ฉินอี๋”

สีหน้าสวีเฉียนคร่ำเคร่งขึ้นมาทันที “คุณจะเอายังไงอีก?”

ฉินอี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ ใจเย็นๆ ฉันแค่หวังดีอยากจะมาเตือนคุณ ฉันได้รับแจ้งมาว่าพานหลิงเยวี่ยกำลังเตรียมลงมือกำจัดคุณก่อน เพื่อจะได้ตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง!”

สวีเฉียนตกใจเป็นอย่างมาก “คุณคิดว่าผมจะเชื่อคำพูดเหลวไหลของคุณเหรอ!”

“จะเชื่อไม่เชื่อมันก็แล้วแต่คุณ คุณตัดสินใจเอาเอง” เสียงของฉินอี๋หายไป สายถูกตัดไป

………………………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน