ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 157 รีบออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยเดี๋ยวนี้!

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 157 รีบออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยเดี๋ยวนี้!

เรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน เซียงหลัวเซ่อและกงหู่จ้าวกำลังจะมาถึงแล้ว ไป๋หลิงหลงรับคำ รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อหาเหิงเทาทันที เมื่อติดต่อได้ก็พูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยความสุภาพนอบน้อม บอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่งจนกระจ่าง ก่อนจะวางสายแล้วหันมาพูดกับฉินอี๋ว่า “เหิงเทาบอกว่าจะรีบส่งคนมาคุ้มกันหอการค้าตระกูลฉินให้ค่ะ”

ฉินอี๋ได้ยินจึงพยักหน้า จากนั้นก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป

…..

ผู้พิทักษ์เมืองมาถึงเร็วกว่าคนของสองตระกูลใหญ่ ไม่ว่าตระกูลเซียงหลัวและตระกูลกงหู่จะมีอิทธิพลอำนาจมากมายแค่ไหน แต่กฎที่ควรปฏิบัติตามก็ยังต้องปฏิบัติตามอยู่ อยู่ในเมืองไม่สามารถบินได้ จึงได้แต่ต้องนั่งรถมา แต่ทางผู้พิทักษ์เมืองกลับบินลัดฟ้ามาทันทีที่ได้รับคำสั่ง

เซียงหลัวเซ่อและกงหู่จ้าวไม่ใช่แค่เพียงเดินทางมายังเมืองปู๋เชวี่ยพร้อมกัน หากแต่ยังนั่งรถคันเดียวกันหลังมาถึงเมืองปู๋เชวี่ยด้วย

“ยืนยันแล้วครับ ฉินอี๋ยังทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินครับ” คนที่นั่งข้างคนขับวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะหันหน้ากลับมารายงานคนทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างหลัง

ที่ต้องทำการยืนยัน ก็เพื่อไม่ให้มาเสียเที่ยว

พอเซียงหลัวเซ่อและกงหู่จ้าวได้ยินเช่นนั้นจึงหันมาสบตากัน นับว่าเบาใจไปเปลาะหนึ่ง การที่ทั้งสองคนถ่อมาถึงนี่ด้วยตัวเองก็เพื่อจะร่วมมือกันกดดัน ต้องเร่งให้การเซ็นสัญญาครั้งนี้สำเร็จโดยเร็ว

ช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้ยังค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่ตอนนี้หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานถูกเผิงซีกับสวีเฉียนก่อเรื่องวุ่นวายจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ไหนเลยยังจะค่อยเป็นค่อยไปได้

ทั้งสองคนมาหาฉินอี๋ถึงที่ เพื่อไม่ให้ฉินอี๋หาข้ออ้างผลัดไปผลัดมาอีก

กงหู่จ้าวเอ่ยกำชับเป็นพิเศษว่า “ที่นี่เป็นถิ่นของหอการค้าตระกูลฉิน รากฐานหยั่งลึก มีหูมีตามากมาย เรื่องที่พวกเรามาที่นี่คงจะปิดบังเธอไม่ได้ ให้คนคอยจับตาดูหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ให้ดี คอยระวังฉินอี๋จะแอบหนีออกไป ถ้าเห็นว่าฉินอี๋หนีออกไป ให้รีบมารายงานทันที”

“รับทราบครับ” คนที่นั่งข้างคนขับรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการทันที

รายงานที่ได้รับมาตลอดทางเผยให้เห็นว่าฉินอี๋ยังอยู่ในหอการค้าตระกูลฉิน แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหน

แต่ในตอนที่มาถึงประตูสำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉิน พวกเขากลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ ห้ามไม่ให้เข้าไป

ต่อให้กงหู่จ้าวกับเซียงหลัวเซ่อจะโมโหก็ไม่กล้าก่อเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ เพราะด้านนอกสำนักงานใหญ่หอการค้าตระกูลฉินมีผู้พิทักษ์เมืองคอยเฝ้าอยู่เต็มไปหมด หากกล้าปะทะกับผู้พิทักษ์เมือง กล้าท้าทายอำนาจของสภาเซียน ต่อให้เป็นตระกูลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้เช่นกัน

หัวหน้าหน่วยผู้พิทักษ์เมืองคนหนึ่งโบกมือส่งสัญญาณ สั่งให้รถของพวกเขารีบไปจอดทางด้านข้าง อย่าปิดกั้นขวางทางเข้าออก

ขบวนรถได้แต่ต้องเชื่อฟังคำสั่ง ขยับรถไปจอดไว้ด้านข้าง

เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ สีหน้าของเสมียนใหญ่ทั้งสองคนพลันอึมครึมลงทันที นั่งอยู่ในรถไม่ยอมลงมา

ใบหน้าของกงหู่จ้าวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ฉินอี๋คิดจะทำอะไรกันแน่? รีบติดต่อฉินอี๋เดี๋ยวนี้ ฉันจะคุยกับเธอ”

“ครับผม” ผู้ใต้บังคับบัญชารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำตามคำสั่งทันที

ภายในห้องทำงาน ไป๋หลิงหลงถือโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่ รีบเอ่ยเตือนฉินอี๋ว่า “ทางกงหู่จ้าวโทรมาค่ะ จะรับสายไหมคะ”

ฉินอี๋ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่างนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะวางปากกาในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้น “รับ! แน่นอนว่าต้องรับ! ถ้าไม่รับมันจะดูเหมือนว่าเราไม่จริงใจ บอกไปว่าฉันไม่อยู่ ”

“ไม่อยู่?” ไป๋หลิงหลงลังเลเล็กน้อย “ในเมื่อพวกเขากล้ามาถึงที่นี่ เกรงว่าพวกเขาน่าจะรู้ถึงความเคลื่อนไหวของท่านประธานแล้ว ถ้าบอกไม่อยู่ พวกเขาอาจจะไม่เชื่อนะคะ”

ฉินอี๋ “เธอตอบไปแบบนั้นแหละ ฉันมีวิธีรับมือของฉันอยู่”

ในเมื่อเธอคนนี้มีความมั่นใจ ไป๋หลิงหลงก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ฉินอี๋ส่งสัญญาณเล็กน้อย ไป๋หลิงหลงจึงกดเปิดลำโพงหลังรับสาย เพื่อที่ฉินอี๋จะได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดเช่นกัน “สวัสดีค่ะ ต้องการจะติดต่อใครเหรอคะ?”

เสียงของกงหู่จ้าวก็ดังออกมาว่า “ผู้ช่วยไป๋ อย่ามาใช้ลูกไม้นี้! ฉัน กงหู่จ้าว ให้ฉินอี๋มารับโทรศัพท์”

ไป๋หลิงหลงรีบยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ที่แท้ก็ท่านเสมียนใหญ่นี่เอง ต้องขออภัยด้วยค่ะ ตอนนี้ท่านประธานไม่อยู่ค่ะ”

กงหู่จ้าวโกรธเกรี้ยวขึ้นมา “อย่ามาพูดเหลวไหล! ฉินอี๋อยู่ที่สำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินชัดๆ บอกฉินอี๋นะว่าฉันกับเซียงหลัวเซ่ออยู่ข้างล่าง รีบให้เธอมารับโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”

อย่าว่าแต่ฉินอี๋เลย กระทั่งบนใบหน้าของไป๋หลิงหลงก็ยังมีสีหน้าดูแคลนปรากฏขึ้นมา ไม่เกรงใจ? ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของตระกูลกงหู่ ของแก ไม่เกรงใจแล้วแกจะทำอะไรได้ กล้าบุกเข้ามาเหรอ? ถ้ากล้ามาทำตัวอวดดีที่นี่ เชื่อหรือเปล่าว่าฉันจะทำให้แกไม่ได้กลับออกไป?

แต่จะตอบกลับไปแบบนี้ก็ไม่ได้ ไป๋หลิงหลงมองไปทางฉินอี๋

ฉินอี๋ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย ยื่นมือออกมาแล้วกวักมือเรียก รับเอาโทรศัพท์ที่ไป๋หลิงหลงยื่นส่งมาให้ จากนั้นวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า ข้อศอกเท้าลงบนโต๊ะ สิบนิ้วประสานเท้าคางเอาไว้ “ฉินอี๋พูดค่ะ ท่านเสมียนใหญ่กงหู่เหมือนจะไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยนะคะ ใครไปยั่วโมโหท่านหรือคะ?”

กงหู่จ้าวกล่าว “ฉินอี๋ ในที่สุดก็ยอมรับสายสักทีนะ ใครยั่วโมโหฉันอย่างนั้นเหรอ? ฉันต่างหากที่ควรจะถามเธอว่ามันหมายความว่ายังไง ขวางทางเอาไว้ไม่ให้พวกเราเข้าไป นี่มันหมายความว่ายังไง?”

ฉินอี๋ “คนที่อยู่ข้างล่างก็มีความลำบากใจของคนที่อยู่ข้างล่าง ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตก็เข้าไม่ได้ กฎที่ไหนก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นนะคะ”

กงหู่จ้าว “ แล้วกลุ่มผู้พิทักษ์เมืองที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าประตูนี่มันหมายความว่ายังไง หรือว่าผู้พิทักษ์เมืองของเมืองปู๋เชวี่ยเองก็อยู่ใต้บังคับบัญชาของหอการค้าตระกูลฉินด้วย?”

ฉินอี๋กล่าว “มีผู้พิทักษ์เมืองขวางอยู่อย่างนั้นหรือคะ? เรื่องนี้ฉันก็ยังไม่รู้จริงๆ ค่ะ”

กงหู่จ้าวโกรธเกรี้ยว “เหลวไหล ก่อนหน้านี้เห็นๆ อยู่ว่าไม่มี แต่จู่ๆ ก็มีผู้พิทักษ์เมืองโผล่มาก่อนที่พวกเราจะมาถึง เธอกล้าพูดไหมละว่าไม่ได้มาเพื่อขวางพวกฉัน?”

ฉินอี๋ “ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ ท่านเสมียนใหญ่กงหู่คิดมากไปแล้วค่ะ”

กงหู่จ้าว “ได้ ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด อย่างนั้นก็รีบบอกให้คนของเธอปล่อยพวกฉันเข้าไปซะ ฉันกับเซียงหลัวเซ่ออยู่ข้างล่าง จะให้พวกฉันขึ้นไปเจอเธอหรือเธอจะลงมาเจอพวกฉันก็ได้”

ฉินอี๋ “คงไม่จำเป็นต้องเจอกันแล้วล่ะค่ะ”

กงหู่จ้าวตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉินอี๋ เธอหมายความว่ายังไง? เงื่อนไขก็ตกลงกันไปแล้ว คิดจะกลับคำอย่างนั้นเรอะ?”

ฉินอี๋กล่าว “ฉันคิดจะกลับคำ? ฉันว่าเป็นพวกท่านมากกว่านะคะที่คิดจะกลับคำ ตอนนี้ใกล้จะประกาศผลการประมูลออกมาแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงที่สำคัญที่สุด การประมูลของหอการค้าตระกูลฉินได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตระกูลหนานชี ทางฉันกำลังถูกคนของตระกูลหนานชีจับตามองอยู่ แล้วจู่ๆ พวกท่านสองคนบุกมาหาฉันในเวลาแบบนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่คะ? คิดว่าตระกูลหนานชีตาบอดหรือคะ? คิดจะทำให้ตระกูลหนานชีเกิดความระแวง หรือต้องการจะยุแยงให้ตระกูลหนานชีมาทำให้การประมูลของหอการค้าตระกูลฉินครั้งนี้ต้องคว้าน้ำเหลว พวกท่านมีเจตนาอะไรกันแน่คะ?”

“…….”กงหู่จ้าวพลันพูดไม่ออก เซียงหลัวเซ่อเองก็อยากฟังว่าภายในสายกำลังพูดอะไร ภายในรถเองก็เปิดลำโพงอยู่

ทันทีที่ฉินอี๋เอ่ยออกมาเช่นนี้ กงหู่จ้าวกับเซียงหลัวเซ่อก็ได้แต่มองหน้ากัน ต่างพูดอะไรไม่ออก ท่าทางที่ต้องการจะกล่าวโทษอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะหายไปในพริบตา แต่ยังดูกระอักกระอ่วนคล้ายว่าเป็นตัวเองที่กระทำตัวไร้เหตุผลด้วย

ทั้งสองคนไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร ประการแรกคือสิ่งที่ฉินอี๋พูดมาย่อมต้องสมเหตุสมผลแน่นอน เธอกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการประกาศผลการประมูล การที่ทั้งสองคนถ่อมาถึงที่นี่ในเวลานี้นั้นดูไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ เพราะตำแหน่งและสถานะของพวกเขามันสะดุดตาเกินไป จะไม่ให้ตระกูลหนานชีคิดมากก็คงเป็นไปได้ยาก

หากหอการค้าตระกูลฉินต้องคว้าน้ำเหลวในการประมูลจริงๆ อย่างนั้นทั้งสองฝ่ายยังจะมีอะไรให้ร่วมมือกันอีก พอถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่จะร่วมมือเลย เกรงว่าตระกูลหนานชีก็คงไม่ปล่อยหอการค้าตระกูลฉินไปแน่ เช่นนี้แล้วฉินอี๋จะไปมาหาสู่กับพวกเขาอย่างเปิดเผยในเวลานี้ได้อย่างไร

ฉินอี๋ “ใช่ค่ะ ฉันขอพูดกับพวกท่านตรงๆ แล้วกัน ผู้พิทักษ์เมืองที่อยู่ตรงหน้าประตูฉันเป็นคนเชิญมาเอง จุดประสงค์ก็เพื่อขวางพวกท่านเอาไว้ ตอนนี้ฉันไม่สามารถพบพวกท่านได้ ไม่เพียงแต่จะไม่มีทางพบพวกท่าน แต่ยังต้องแสดงท่าทีไม่ไว้หน้าพวกท่านสองคนให้ตระกูลหนานชีดูด้วย ถ้าหากพวกท่านยืนกรานจะก่อเรื่องให้ได้ ยืนกรานที่จะเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินของฉันให้ได้ อย่างนั้นหอการค้าตระกูลฉินก็ไม่มีทางเลือก คงได้แต่ต้องแสดงความจริงใจต่อตระกูลหนานชี แล้วก็คงได้แต่ต้องร่วมมือกับทางตระกูลหนานชีแล้วล่ะค่ะ! ส่วนพวกคุณจะพอใจหรือไม่นั้น นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกคุณ ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องมานั่งกังวลอีก!”

ไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ เห็นปลายสายเงียบไป ก็ได้แต่เม้มปากกลั้นขำ

สีหน้ากงหู่จ้าวไม่สู้ดี อึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาแบบนี้ เขาก็ไม่สะดวกเอ่ยคำพูดที่แสดงท่าทียอมถอยออกมาเช่นกัน

“แค่กๆ!” เซียงหลัวเซ่อกระแอมออกมาเล็กน้อย ยื่นหน้าไปใกล้ๆ โทรศัพท์ของกงหู่จ้าว เอ่ยเกลี้ยกล่อมว่า “ฉินอี๋ นี่ฉันเอง เซียงหลัวเซ่อ เธอเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้น เรื่องผลประโยชน์ ตระกูลเซียงหลัวกับตระกูลกงหู่จะหาเรื่องให้ตัวเองทำไม จะยกหินมาทับเท้าตัวเองได้ยังไง ที่พวกเรามาที่นี่ก็แค่อยากจัดการเรื่องสัญญาให้เรียบร้อยเท่านั้น”

น้ำเสียงนุ่มนวล การพูดจาเองก็ดูโอนอ่อนผ่อนตาม ช่วยไม่ได้ ในแง่หนึ่งแล้ว ตอนนี้พวกเขาสองคนเป็นฝ่ายมาขอร้องอีกฝ่าย

เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของพวกเขาเอง ทำให้เผิงซีกับสวีเฉียนก่อความวุ่นวายขึ้นภายในหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพาน ถ้าหากที่นี่ยังเสียเรื่องอีก พวกเขาคงจะไม่มีหน้าไปอธิบายกับทางตระกูลได้จริงๆ

ฉินอี๋ว่า “จัดการกันแบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ? จะมาจัดการให้เรียบร้อย หรือว่าจะมาหาเรื่องให้หอการค้าตระกูลฉินของฉันกันแน่คะ? ถ้าหากพวกท่านยังมีความจริงใจที่จะร่วมมือกันจริงๆ อย่างนั้นก็รีบออกไปเลยนะคะ! ตระกูลหนานชีไม่ได้ตาบอด เมืองปู๋เชวี่ยไม่ใช่ที่ที่พวกท่านจะมาพักอยู่ได้ ตอนนี้ฉันเองก็ไม่สามารถไปพบพวกท่านได้ รีบออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!”

คำพูดนี้เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว อีกทั้งไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น กล่าวจบก็วางสายไปทันที ดันโทรศัพท์ไปอีกด้านของโต๊ะเพื่อคืนให้กับไป๋หลิงหลง

แม้นคำพูดจะไม่ไว้หน้า ทว่าในความเป็นจริงนั้น ฉินอี๋พูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ ความได้เปรียบอยู่ในมือเธอแล้ว เธอไม่มีอะไรต้องกลัวอีก

ไป๋หลิงหลงที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากลับอมยิ้ม เธอแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านเสมียนใหญ่ที่ดูแลกลุ่มดาวโต่วของสองตระกูลใหญ่จะถูกฉินอี๋สั่งสอนเหมือนเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าจะถูกฉินอี๋ด่าจนกลายเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออก

นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน คิดไม่ถึงว่าฉินอี๋จะไล่ตาแก่สองคนนั้นกลับไปแบบนี้ เธอล่ะนับถือฉินอี๋จริงๆ

……

เมื่อได้ยินเสียงตัดสายดังออกมาจากในโทรศัพท์ ทั้งคนขับรถและคนที่นั่งข้างคนขับต่างมองหน้ากันอย่างเงียบๆ พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าฉินอี๋จะด่าสั่งสอนท่านเสมียนใหญ่ทั้งสองท่านแบบนี้

ทั้งสองไม่กล้าที่จะหันกลับไปมองดูปฏิกิริยาของท่านเสมียนใหญ่ทั้งสอง

“ผู้หญิงคนนี้ดูทั้งสาวทั้งสวย คิดไม่ถึงว่าจะอารมณ์รุนแรงถึงขนาดนี้” กงหู่จ้าวแค่นเสียงเหอะพร้อมบ่นพึมพํา

“เฮ้อ!” เซียงหลัวเซ่อถอนใจแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้… จะว่ายังไงดีล่ะเนี่ย? ตอนแรกพวกเราอาจจะคิดไม่รอบคอบจริงๆ นั่นแหละ จู่ๆ ก็บุกมาแบบนี้ เกรงว่าคงทำให้ตระกูลหนานชีเกิดความระแวงขึ้นมาจริงๆ แล้ว ตระกูลหนานชีกำลังงัดข้อกับกลุ่มผู้มีผลประโยชน์เดิมเหล่านั้นอยู่ในสภาสูง นี่ถ้าพวกเขาผละจากทางนั้นมาได้จริงๆ ล่ะก็ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะมองดูผู้พิทักษ์เมืองที่เฝ้าอยู่หน้าประตูหอการค้าตระกูลฉินเล็กน้อย ต้องยอมรับเลยว่าการที่ฉินอี๋รีบทำการขัดขวางเช่นนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลทีเดียว อย่างน้อยก็ทําให้ตระกูลหนานชีได้เห็นท่าทีของหอการค้าตระกูลฉิน

กงหู่จ้าวขมวดคิ้ว “ผู้หญิงคนนี้ทําให้ฉันไม่ค่อยมั่นใจเลย ถ้าเกิดเธอไม่รับปากจะทํายังไง?”

เซียงหลัวเซ่อกล่าว “เป็นเพราะความประมาทของฉันและนาย หอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ต่อให้ผู้หญิงคนนี้กลับคำ อย่างนั้นทำได้แค่ปล่อยให้เลยตามเลย เดี๋ยวหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานค่อยร่วมมือกันคิดบัญชีกับเธอทีหลังก็ยังไม่สาย เอาเป็นว่าโจวหม่านเชากับพานชิ่งจะรอดชีวิตกลับไปไม่ได้เด็ดขาด ทันทีที่กลับไป แล้วต้องเจอกับการทรยศแบบนี้ มีหรือที่สองคนนั้นจะยอมจบง่ายๆ พวกเขาจะต้องสู้ตายกับเจ้าเด็กสองคนนั้นแน่ ภายในหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานจะต้องวุ่นวายแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราคงไม่สามารถไปอธิบายกับทางตระกูลได้จริงๆ แล้ว”

กงหู่จ้าวเข้าใจความหมายของเขา สุดท้ายหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานจะเป็นของใครไม่สำคัญ ขอเพียงอิทธิพลและอำนาจของหอการค้าทั้งสองแห่งยังอยู่ มันก็เป็นแค่การเปลี่ยนตัวผู้บริหารหอการค้าก็เท่านั้น ต่อให้ฉินอี๋กลับคํา พวกเขาก็สามารถผลักความผิดทั้งหมดไปให้ฉินอี๋ในตอนที่อธิบายกับทางตระกูลได้ แล้วสุดท้ายก็ค่อยกลับมาให้หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวร่วมมือกันจัดการหอการค้าตระกูลฉินเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ก็พอ

กงหู่จ้าวพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ฉันกับนายต้องจับตาดูเมืองปู๋เชวี่ยเอาไว้ให้ดี ทันทีที่โจวหม่านเชากับพานชิ่งออกมาจากคุก เราต้องรีบลงมือทันที จะปล่อยให้รอดชีวิตกลับไปไม่ได้เด็ดขาด!”

…………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน