ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 174 คุณชายต้องการเงิน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 174 คุณชายต้องการเงิน

สำหรับเผิงซีแล้ว คำพูดของอีกฝ่ายเรียกได้ว่าแทงใจดำตนจริงๆ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาและตระกูลกงหู่ต่างไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่โจวหม่านเชากลับมา

แต่เขาไหนเลยจะโอนเอนไปตามคำพูดของอีกฝ่ายได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีเจตนาไม่ดี จึงแค่นหัวเราะพลางกล่าวว่า “หรือจะให้ผมไปเจรจากับศัตรู บอกให้ศัตรูละทิ้งผลประโยชน์ของตัวเอง จะให้ผมไปพึ่งพาคุณชายหรูอันที่ร่วมมือกับฉินอี๋มาเล่นงานผมอย่างนั้นน่ะหรือครับ?”

หนานชีหรูอันกล่าว “อย่าพูดจาฟังดูแย่อย่างนั้นสิครับ ขอเพียงสามารถรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ จะร่วมมือกับใครมันสำคัญด้วยหรือ? ดูแล้วประธานเผิงน่าจะไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ประธานเผิงน่าจะรู้นี่ครับว่าตระกูลหนานชีสามารถช่วยชีวิตคุณได้”

เผิงซีร้องโอ้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า “คุณชายต้องการเงิน ไม่ทราบว่าต้องการเท่าไหร่ถึงจะยอมช่วยครับ?”

หนานชีหรูอันกล่าว “ไม่เยอะครับ แค่ไม่ต่ำกว่าหกพันล้านมุกก็พอ ผมขอแนะนำให้ประธานเผิงฉวยโอกาสตอนที่อำนาจการบริหารหอการค้าตระกูลโจวยังอยู่ในมือ ฉวยโอกาสที่ในตอนนี้ยังสามารถเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของหอการค้าตระกูลโจวได้ รีบลงมือเสียจะดีกว่า เพราะถ้าเกิดตระกูลกงหู่แตกหักกับประธานเผิงแล้วเข้ามาควบคุมหอการค้าตระกูลโจวเอาไว้ล่ะก็ ถึงตอนนั้นก็คงจะสายไปแล้วล่ะครับ”

เผิงซีแค่นเสียงเหอะออกมา “หกพันล้านมุก? สมแล้วที่คุณชายหรูอันเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ กระเพาะใหญ่ไม่เบาทีเดียวนะครับ! คุณชายหรูอัน ตระกูลหนานชียังไม่อาจนับว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนเซียนได้ เงินจำนวนหกพันล้านมุกไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ถ้าผมยอมควักเงินจำนวนมากขนาดนี้ละก็ อย่างนั้นผมไปร่วมมือกับตระกูลอื่นไม่ดีกว่าหรือครับ ทำไมต้องมาหาคุณเพื่อติดกับฉินอี๋ด้วย? คุณชายจะไม่ฝันหวานไปหน่อยเหรอครับ?”

หนานชีหรูอันเอ่ย “สำหรับคุณแล้ว ยังมีคนที่เหมาะจะร่วมมือมากกว่าตระกูลหนานชีด้วยหรือครับ?”

เผิงซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงสูงต่ำเหมือนเป็นท่วงทำนองว่า “หอการค้าตระกูลเผย หอการค้าตระกูลอู หอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าทั้งสามแห่งนี้พ่ายแพ้ในการประมูล ถูกหอการค้าตระกูลฉินแย่งเอาผลประโยชน์ไป มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้สึกแค้นหอการค้าตระกูลฉิน? ผมไปหาหอการค้าทั้งสามแห่งนี้ได้ครับ!”

หนานชีหรูอันเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “คุณจะไปหาพวกเขาทำไมครับ? สำหรับตระกูลกงหู่แล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจัดการหอการค้าตระกูลฉินหรือครับ? การปกป้องหอการค้าตระกูลโจวเอาไว้ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องเร่งด่วนในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นทำไมคุณถึงต้องกังวลว่าตระกูลกงหู่จะไปยืนอยู่ข้างโจวหม่านเชาด้วยล่ะครับ? หอการค้าตระกูลโจวคือเนื้อในปากของตระกูลกงหู่แต่เพียงผู้เดียว หรือว่าหอการค้าตระกูลเผย หอการค้าตระกูลอู หอการค้าตระกูลฉวี่จะสนับสนุนให้คุณสู้กับตระกูลกงหู่ครับ?”

“ถ้าจะจัดการกับหอการค้าตระกูลฉิน พวกเขาสามารถรอให้โจวหม่านเชากลับมากุมอำนาจในหอการค้าตระกูลโจวก่อนแล้วค่อยร่วมมือกับเขาก็ได้ครับ ร่วมมือกับคุณไปแล้วพวกเขาจะได้อะไร? หรือจะให้พวกเขาปล่อยหอการค้าตระกูลฉินไปก่อน แล้วก็มาสู้กับโจวหม่านเชาให้ตายกันไปข้างก่อนแล้วค่อยว่ากัน? คุณคิดว่าหอการค้าทั้งสามแห่งนั้นจะทำเรื่องที่ไม่จำเป็นแบบนี้หรือครับ?”

ใบหน้าของเผิงซีบิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย คล้ายรู้สึกอับอายจนกลายเป็นความโกรธเกรี้ยว “ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปติดกับของฉินอี๋อยู่ดี ถ้าผมยินดีควักเงินหกพันล้าน ภายในดินแดนเซียนมีร้อยตระกูลใหญ่ มีตัวเลือกให้ผมเลือกมากมาย แซ่เผิงไม่มีความจำเป็นต้องไปพึ่งพาตระกูลหนานชีเพียงแค่ตระกูลเดียวหรอกครับ!”

“ฮ่าๆๆ!” หนานชีหรูอันหัวเราะเสียงดัง ราวกับได้ยินเรื่องราวที่น่าขบขันเป็นอย่างมาก “ ทำไมตระกูลอื่นๆ ต้องช่วยคุณด้วยล่ะครับ? แค่เพราะเงินหกพันล้านนั่นน่ะหรือครับ? ถ้าคุณกล้าทำเช่นนั้นจริงๆ อย่างนั้นก็ลองดูก็ได้ครับ คุณเชื่อหรือเปล่าว่าขอเพียงคุณกล้าไปหาพวกเขา พวกเขาก็กล้าฮุบเงินของคุณ จากนั้นค่อยเชือดคอคุณทิ้งครับ!”

“ขอเพียงคุณตกอยู่ในมือพวกเขา เรื่องแรกที่พวกเขาจะทำก็คือบีบให้คุณเอาเงินออกมา ขอเพียงได้เงินมาอยู่ในมือแล้ว เมื่อนั้นก็จะเป็นเวลาตายของคุณ! สามารถเอาเงินมาไว้ในมือได้ง่ายๆ ทำไมพวกเขายังต้องไปเสี่ยงสู้ตายเพื่อคุณด้วยล่ะครับ? เอาเงินมาให้ถึงที่ อีกทั้งไม่ต้องเปลืองแรงอะไร จะมีใครไม่เอาบ้างล่ะครับ ประธานเผิงคิดว่าไงครับ?”

เผิงซีหน้าดำคร่ำเคร่ง สรุปแล้วคือสีหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก เขากัดฟันเอ่ยว่า “พูดเหมือนกับว่าตระกูลหนานชีมีอะไรแตกต่างกับตระกูลอื่นๆ เหล่านั้นอย่างนั้นน่ะครับ”

หนานชีหรูอันที่อยู่ในฉากแสงโบกมือเล็กน้อย “เฮ้อ ไม่เหมือนกันแน่นอนครับ เอามาเทียบกันไม่ได้เลย เพราะขอเพียงผมได้เงิน ผมจะปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน ส่วนเหตุผลก็ง่ายมาก เพราะว่าหลังจากนี้ยังมีผลประโยชน์ที่มากกว่านี้กำลังรอผมอยู่ หอการค้าตระกูลฉินที่เอาชนะการประมูลมาได้สามารถทำเงินได้มากกว่า แล้วผมจะทำให้เสียงานใหญ่เพราะเงินแค่นี้ของคุณได้ยังไงล่ะครับ?”

“ที่ผมต้องการเงินของคุณ ก็แค่เพราะผมไม่อยากทำงานเหนื่อยเปล่า อยากจะหาเงินค่าเหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น ใช้คนทำงานย่อมต้องมีความเสี่ยง ก็ต้องมีเงินค่าลงหลักปักฐานให้เขาบ้างนิดหน่อย จะไปขี้เหนียวก็ไม่ได้ ถ้าได้เงินมาแล้วฆ่าคุณทิ้ง แบบนั้นมันไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อตระกูลหนานชี ผมต้องเก็บคุณเอาไว้ ขอเพียงคุณยังมีชีวิตอยู่ โจวหม่านเชาก็ยากจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ คุณเองก็ยากจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ ต้องอยู่อย่างหวาดผวาทั้งวันทั้งคืน ต้องรีบจัดการโจวหม่านเชาทิ้งถึงจะอยู่อย่างเป็นสุขได้ ผมต้องทำให้โจวหม่านเชาสู้กับคุณต่อไปเรื่อยๆ!”

“มีแต่ต้องทำให้โจวหม่านเชากับคุณสู้กันไปเรื่อยๆ หอการค้าตระกูลโจวถึงจะไม่มีเวลาและกำลังจะไปสร้างความวุ่นวายให้กับหอการค้าตระกูลฉิน และหอการค้าตระกูลฉินถึงจะหาเงินให้ตระกูลหนานชีได้เยอะๆ ถึงจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของตระกูลหนานชีได้ดียิ่งขึ้น ผลประโยชน์ตรงนี้ไม่ได้จำนวนที่เงินแค่หกพันล้านมุกของคุณจะเทียบได้ หรือคุณคิดว่าผมแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรควรไม่ควร?”

“ผมคงจะโง่มากหากไปช่วยโจวหม่านเชาฆ่าคุณ! และนี่ก็เป็นสิ่งที่ตระกูลหนานชีของผมแตกต่างกับตระกูลอื่นๆ มากที่สุด แล้วก็เป็นหลักประกันความปลอดภัยที่ดีที่สุดของประธานเผิงอีกด้วย! นอกจากตระกูลหนานชีของผมแล้ว คุณยังมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกหรือครับ?”

ดวงตาที่จ้องมองอีกฝ่ายของเผิงซีคล้ายว่ามีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวเผยให้เห็นออกมาทางสีหน้า อีกฝ่ายช่างโอหังอวดดีจริงๆ!

ไม่ใช่โอหังอวดดีธรรมดา อีกฝ่ายถึงขนาดมาเปิดเผยแผนการของตัวเองให้เขาฟัง ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกเล่าทุกอย่างอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง คล้ายกลัวว่าตนจะฟังไม่เข้าใจอย่างไรอย่างนั้น

แสดงท่าทีออกมาให้รู้เลยว่าฉันจะเล่นงานนายแบบนี้ จากนั้นทำท่าเหมือนถามว่านายจะให้พวกฉันเล่นงานไหม รีบๆ มาให้พวกฉันเล่นงานเร็ว เรียกได้ว่ารังแกกันเป็นอย่างมาก!

ความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในใจก็พูดออกมาชัดเจนแล้ว อีกฝ่ายต้องการเอาเงินจากเขา นี่เท่ากับจะให้เขาไปเอาเงินของหอการค้าตระกูลโจวมา!

หากเขาลงมือเอาเงินมาจากหอการค้าตระกูลโจว เขาย่อมไม่มีทางออมมืออย่างแน่นอน เขาย่อมต้องเอามาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้!

ทันทีที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หอการค้าตระกูลโจวจะต้องเสียหายอย่างหนักแน่นอน แค่ประคองตัวเองก็ยังลำบากเลย ไหนเลยจะมีกำลังไปเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินได้ นอกเสียจากตระกูลกงหู่จะยินดีให้เงินช่วยเหลือ แต่ตระกูลกงหู่จะยินดีให้เงินช่วยเหลือในเรื่องที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะด้วยหรือ?

ช่างชั่วร้ายจริงๆ! เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

หนานชีหรูอันสังเกตดูท่าทีของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้งว่า “โจวหม่านเชากำลังจับตาดูคุณอยู่ ไม่มีทางปล่อยให้คุณหนีรอดไปได้ง่ายๆ แน่ ตระกูลกงหู่เองก็กำลังจับตาดูคุณอยู่ ยิ่งไม่มีทางปล่อยให้คุณหนีไปได้ เผลอๆ กระทั่งทางการของเมืองฝูปอก็กำลังจับตาดูคุณอยู่เช่นเดียวกัน ผมขอพูดอะไรที่ไม่น่าฟังหน่อยแล้วกัน สถานการณ์มันมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณถูกจับตาจนไปไหนไม่ได้แล้ว เกรงว่าด้านนอกหอลอยฟ้าในเวลานี้ก็คงจะมียอดฝีมือคอยจับตาดูอยู่”

“หากไม่มีกำลังที่แข็งแกร่งจากภายนอกมาช่วยเหลือ คุณก็ยากจะหลุดพ้นไปจากสถานการณ์นี้ได้ ลำพังเซียนกระบี่เชอมั่วเพียงคนเดียวไม่มีประโยชน์อันใด ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังต้องพาแม่คุณหนีไปด้วย! ตระกูลหนานชีสามารถจ่ายค่าตอบแทนเพื่อช่วยคุณให้หลุดพ้นไปจากสถานการณ์นี้ได้ แต่ก็สามารถกลายเป็นศัตรูของคุณได้เช่นเดียวกัน ช่วยพวกเขาจับตาดูคุณเอาไว้ ไม่ให้คุณหนีไปไหนได้! หากต้องกลายเป็นแบบนั้น มันจะอยู่กันลำบากนะครับ ทำไมต้องทำให้กลายเป็นแบบนั้นด้วยล่ะครับ?

“ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาใหม่ ควรจะเลือกอย่างไร ประธานเผิงเป็นคนฉลาด ผมเชื่อว่าประธานเผิงรู้ว่าอะไรคือทางเลือกที่ดีที่สุด เงินหกพันล้านมุก ด้วยทรัพย์สินที่หอการค้าตระกูลโจวมีอยู่ สามารถจ่ายได้อยู่แล้วครับ! ผมเก็บเงินซื้อชีวิตคุณแค่หกพันล้านเท่านั้นครับ ไม่มากไปกว่านั้น คำพูดผมเชื่อถือได้ ไม่กลับคำแน่นอน เงินส่วนที่เหลือคุณจะเก็บไปใช้ได้มากเท่าไร นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ”

“ประธานเผิง ที่ผมจะพูดก็มีเพียงเท่านี้ แล้วก็ไม่ได้บังคับคุณด้วย คุณลองตัดสินใจเอาเอง หากคิดได้แล้ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ติดต่อผมได้ทุกเมื่อ แต่ผมยังคงขอแนะนำคุณว่าตอนนี้ยังมีเวลาก็ควรรีบตัดสินใจ ถ้าเกิดช้าไป ทันทีที่ถูกคนลงมือก่อน ถึงตอนนั้นต่อให้ผมอยากช่วยคุณก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ชีวิตของประธานเผิง คุณก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ดี หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ!”

กล่าวจบภาพบนฉากแสงก็ตัดไป ฉากแสงหายไปอย่างสิ้นเชิง ภายในห้องเหลือเพียงความว่างเปล่า

ร่างกายเผิงซีส่ายโงนเงนเล็กน้อยทันที มือทั้งสองข้างกำแน่น หอบหายใจขึ้นมาอย่างรุนแรง ท่าทางคล้ายกำลังแบกรับความกดดันอันหนักอึ้ง สีหน้าดูบิดเบี้ยวดุร้าย ราวกับสัตว์ที่ถูกขังเอาไว้โดยไร้หนทางให้ถอยหนี

เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยแม้แต่จะนึกฝันว่าจู่ๆ สถานการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่

เป็นเพราะลั่วเทียนเหอจับตัวโจวหม่านเชาและพานชิ่งเอาไว้ ทำให้ถูกฉินอี๋เจอช่องโหว่ในทันที และช่องโหว่นั้นก็ถูกฉินอี๋แทงจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่ในพริบตา ฉินอี๋ทำการโจมตีอย่างต่อเนื่องในทันที ไล่ต้อนอย่างไม่ลดละ ไม่เปิดโอกาสได้ให้พักหายใจแม้แต่นิดเดียว ทันทีที่เป็นฝ่ายได้เปรียบก็ไม่มีการออมมือแม้แต่น้อย เล่นงานจนเขาทำได้เพียงต้องฝืนรับมืออย่างยากลำบาก!

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่านั้นก็คือทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร แต่เขากลับทำได้เพียงมองดูเฉยๆ ทำได้เพียงเดินไปบนเส้นทางที่อีกฝ่ายกำหนดไว้ให้ ไม่มีทางเลือกอื่น!

เดิมคิดว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้จะหนักหนาสาหัสมากพอแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากนั้นจะยังมีสถานการณ์ที่แย่ยิ่งกว่านั้นอีก ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะให้ตัวเองเอาเงินไปประเคนขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยเหลือ!

เขาไม่คิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ แต่สถานการณ์กลับบีบให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ภายในใจเขากำลังเจ็บปวด เขารู้สึกเจ็บใจจริงๆ แต่เจ็บใจแล้วจะทำอะไรได้?

เขาได้ดูงานแถลงข่าวของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ได้ดูสุนทรพจน์ที่น่าตื่นตะลึงที่ฉินอี๋ประกาศบนเวที แล้วก็รู้ว่าฉินอี๋กำลังทำงานอยู่กับตัวแทนของทางสภาเซียน

ผู้หญิงคนนั้นได้นำพาหอการค้าตระกูลก้าวไปข้างหน้าด้วยความฮึกเหิม ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เพียงพอจะทำให้ผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนเซียนต้องลอบเหงื่อตก!

หอการค้าตระกูลฉินที่แต่ก่อนถูกหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวกลั่นแกล้งจนยากจะโงหัวขึ้นมาได้ จู่ๆ พลันโจมตีกลับอย่างกะทันหัน ทำเอาหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวมือไม้ปั่นป่วนทำอะไรไม่ถูก สร้างความเสียหายให้แก่หอการค้าทั้งสองอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าหอการค้าใหญ่ทั้งสองแห่งที่มีสองตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังจะถูกเล่นงานจนไม่สามารถโต้ตอบกลับได้

ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? ร่างกายที่ยังส่ายโงนเงนของเผิงซีค่อยๆ หมุนกลับมา ใบหน้าดูอ่อนระโหยโรยแรง คล้ายวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว

…..

หนานชีหรูอันที่ปิดฉากแสงไปแล้วได้หมุนตัวเดินมาทางที่นั่งประธานที่อยู่ภายในห้อง

ตรงนั้นมีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง ด้านหลังนั่งไว้ด้วยชายสูงอายุที่ใบหน้าดูดีสง่างามผู้หนึ่ง จะเรียกว่าเป็นชายชราที่หล่อเหลาก็คงไม่เกินไป

เค้าโครงใบหน้ามีความคล้ายคลึงกับหนานชีหรูอัน เขาก็คือหนานชีเหวินผู้เป็นหัวหน้าตระกูลหนานชี แล้วก็เป็นพ่อบุญธรรมของหนานชีหรูอัน

หากพูดถึงหน้าตาเพียงอย่างเดียวแล้ว มันก็ไม่แปลกที่จะมีข่าวลือบอกว่าความจริงแล้วหนานชีหรูอันคือลูกนอกกฎหมายของหนานชีเหวิน หน้าตาของพวกเขาทั้งสองคนมีความคล้ายคลึงกันจริงๆ

เพียงแต่ภายในความสง่างามของหนานชีเหวินมีความรู้สึกดุดันน่าเกรงขามแฝงเอาไว้อยู่หลายส่วน ยามที่เขาเหลือบมองมาทำให้คนที่เห็นรู้สึกกริ่งเกรงหวาดกลัว

ภายในมือของหนานชีเหวินมีไข่มุกสีแดงโลหิตขนาดประมาณไข่นกพิราบอยู่เม็ดหนึ่ง ไข่มุกเปล่งประกายที่เบาบางออกมา กลิ้งไปมาอยู่ในมือของเขา

เห็นได้ชัดว่าเขาล้วนได้เห็นและได้ยินการสนทนาของหนานชีหรูอันและเผิงซีเมื่อครู่ทั้งหมด ที่นี่ก็คือห้องหนังสือของเขา

หนานชีหรูอันที่เดินไปตรงด้านหน้าโต๊ะถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ผมไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายที่ยากจะคาดเดาได้แบบนี้มาก่อนเลย ถ้าขืนยังทำแบบนี้ต่อไป ผมคงต้องถูกฉินอี๋คนนั้นทำให้เสียคนแน่ โหดร้ายจริงๆ บีบอีกฝ่ายจนถึงขนาดนี้แล้วยังจะเอาเงินของเขาอีก”

หนานชีเหวินกล่าว “อย่าคิดว่าไม่ได้อยู่ในยุคสมัยของราชวงศ์ก่อนแล้วจะไม่มีเหตุการณ์ที่ผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ เมื่ออยู่ในกฎของเกม การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีไม่เรียกว่าเลว ถ้าบริหารได้ไม่ดีเธอก็คงไม่ได้เป็นผู้นำของหอการค้าตระกูลฉินหรอก! หรือว่าต้องให้หอการค้าตระกูลฉินถูกหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเล่นงานจนพังพินาศถึงจะเรียกว่าดี? ถ้าเธอใจดีมีเมตตา แกก็ลองดูสิว่าหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานจะปล่อยหอการค้าตระกูลฉินไปหรือเปล่า บนโลกมนุษย์มีคำกล่าวว่าอะไรนะ? สนามการค้าก็เหมือนสนามรบ! การที่สามารถบัญชาการอยู่ในฐานที่มั่นแล้วเอาชนะศึกไกลพันลี้ได้ นั่นเรียกว่าความสามารถ! การมีเมตตาต่อศัตรู มันก็คือการโหดร้ายต่อตัวเอง คนซื่อบื้ออย่างแกต่างหากที่ไม่รู้จักแยกแยะดีเลว!”

………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท