ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 190 ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 190 ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?

ลู่หงเยียนได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ “แบบนี้หลัวคังอันจะไม่มีอันตรายหรือเพคะ? ตอนนี้เราจำเป็นต้องใช้เขาเพื่อแทรกซึมเข้าไปในหอการค้าตระกูลฉิน เอาเขาไปไว้ในที่อันตรายแบบนั้นมันจะไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่าเพคะ?”

หลินยวนกล่าว “เขาไม่เป็นอะไรหรอก คนที่จะลงมือไม่มีทางลงมือกับหลัวคังอันเพียงคนเดียว ทำแบบนั้นมันเท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น ถ้าจะลงมือ พวกเขาจะต้องลงมือพร้อมกันแน่ ตอนนี้พวกเราไม่มีคนพอให้ใช้งานได้ ความสามารถในการสังเกตการณ์ศัตรูจึงมีจำกัด เสียเปรียบเกินไป เราจำเป็นต้องใช้เหยื่อเพื่อล่ออีกฝ่ายออกมา หลัวคังอันอยู่ข้างกายพวกเราพอดี สะดวกต่อการจับตาดู”

ทำงานด้วยกันมาหลายปี ลู่หงเยียนพอจะเข้าใจความหมายของเขาแล้ว “จะให้กระจายข่าวออกเป็นวงกว้างไหมเพคะ?”

หลินยวนว่า “ไม่ ถ้ากระจายข่าวออกไปกว้างเกินไป นั่นจะทำให้พวกเราวิเคราะห์ได้ยากว่าคนที่มาสืบเรื่องหลัวคังอันเป็นใคร ไปหาเหิงเทา บอกให้เขาเลือกจับตาดูเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงสักเป้าหมายจากในบรรดาคนที่มีความผิดปกติภายในเมืองปู๋เชวี่ย จากนั้นเธอค่อยหาวิธีกระจายข่าวไปให้อีกฝ่าย”

ลู่หงเยียนพยักหน้า รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร

….

ตอนที่เข้างานวันถัดมา เมื่อมาถึงสำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉิน หลินยวนก็ตรงไปที่ห้องทำงานของหลัวคังอัน ทันทีที่เข้าไปก็เห็นหลัวคังอันกำลังเที่ยวค้นดูทั่วทั้งห้องทำงาน กำลังตรวจสอบห้องทำงานของตัวเองตามความเคยชิน

หลินยวนนั่งรอเขาอยู่พักหนึ่ง กระทั่งหลัวคังอันเดินเข้ามานั่งลงอย่างโล่งอก เขาจึงเอ่ยถามว่า “ไม่ไปประชุมเหรอ?”

หลัวคังอันว่า “ผู้บริหารหลายๆ คนมีธุระต้องไปทำ เลยยกเลิกการประชุม”

หลินยวนกล่าว “เรื่องที่ให้ตามจีบจูลี่ตอนนี้ยังหยุดไม่ได้ ต้องเจอหน้าเธอต่อไป”

หลัวคังอันเริ่มรู้สึกสนุกไปกับงานนี้แล้ว “ได้ เดี๋ยวฉันหาวิธีเอง”

หลินยวนว่า “เติมเชื้อไฟเข้าไปหน่อย”

“เอ่อ…” หลัวคังอันดูลังเลเล็กน้อย “ถ้าฝืนรุกเข้าไปกลัวว่าจะไม่ค่อยเหมาะน่ะสิ”

หลินยวนเหลียวหน้ากลับไปมองเขา “แกคิดไปไหนของแก?”

หลัวคังอันรู้ตัวอย่างรวดเร็ว เป็นตัวเองที่เข้าใจผิดไป จึงรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “ความหมายของฉันคือค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า”

หลินยวนกล่าว “ฉันหมายความว่าในระหว่างที่จีบ ให้แกเพิ่มสิ่งที่แกถนัดที่สุดเข้าไปหน่อย”

หลัวคังอันไม่เข้าใจ เอ่ยถามอย่างมึนงงว่า “สิ่งที่ฉันถนัดที่สุด? คืออะไร?”

หลินยวน “คุยโวไง”

“เอ่อ…” หลัวคังอันพูดไม่ออก เขาหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะได้สติกลับมา รีบแก้ตัวว่า “น้องหลิน นายเข้าใจฉันผิดแล้ว อันนี้ฉันไม่ถนัดจริงๆ”

ถ้าแกไม่ถนัดแล้วใครจะถนัด? มุมปากของหลินยวนมีรอยยิ้มดูถูกปรากฏขึ้นมา เขาคร้านที่จะเถียงกับคนหน้าไม่อายที่พยายามจะกลบเกลื่อนความผิดพลาดของตัวเองคนนี้ “ตอนที่เจอหน้าเธอครั้งหน้า แกต้องหาวิธีเผยความลับของแกให้เธอรู้ซะ”

หลัวคังอันตกตะลึงไปอีกครั้ง ท่าทางดูหวาดระแวงเล็กน้อย เอ่ยว่า “ฉันมีความลับอะไรให้เผยออกไปอีก?”

หลินยวนกล่าว “ทำเหมือนหลุดปากโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้เธอรู้ว่าอาจารย์ของแกคือหลงซืออวี่ ให้เธอรู้ว่าหลงซืออวี่เป็นคนแนะนำแกเข้าไปในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง”

เป้าหมายของเขาไม่เพียงแต่จะให้จูลี่รู้เท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาจะให้จิ้นเซียวรู้ด้วย

ก่อนหน้านี้เขาทำให้จิ้นเซียวรู้ว่าสภาวะของตัวเองธรรมดา จากนั้นก็จะทำให้จิ้นเซียวรู้ว่าหลัวคังอันเป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ เป็นคนที่หลงซืออวี่แนะนำเข้าไปในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง เพื่อทำให้จิ้นเซียวรู้สึกคลางแคลงสงสัยมากยิ่งขึ้น แล้วก็จะได้คลายความสงสัยที่มีต่อตัวเขา อย่างน้อยก็ทำให้จิ้นเซียวเกิดความสงสัยในสิ่งที่อยู่ในกล้องวงจรปิด แล้วก็ไม่กล้าเอามันออกมาส่งเดช

เขากำลังพยายามควบคุมสถานการณ์เอาไว้

“….” หลัวคังอันพูดไม่ออก เรื่องอื่นยังพอคุยกันได้ แต่เรื่องที่จะให้เอาอาจารย์ของตัวเองออกมาอ้างส่งเดช นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ยินดีทำเด็ดขาด ในชีวิตนี้คนที่ดีกับเขามีอยู่ไม่มาก เขาไม่ยอมดูหมิ่นหลงซืออวี่เด็ดขาด โดยเฉพาะการเอาอาจารย์มาเป็นเครื่องมือในการจีบผู้หญิง กระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่ามันมากเกินไป

จะทำเรื่องหน้าไม่อายเหล่านั้น ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องดึงอาจารย์ของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย เขาจึงส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “น้องหลิน แบบนี้ไม่เหมาะ ฉันทำไม่ได้ ทำไม่ได้จริงๆ อาจารย์มีพระคุณต่อฉัน ฉันไม่สามารถทำเรื่องที่ผิดต่ออาจารย์ได้ ตอนนี้อาจารย์จากโลกนี้ไปแล้ว พวกเราจะทำอะไรก็ได้ แต่จะดูหมิ่นท่านไม่ได้”

หลินยวนกล่าว “บอกตามตรง แกฝืนจีบไปอย่างนี้มันก็ไม่แน่ว่าจะได้ผล จูลี่เหมือนจะเข้าใจแกผิดอยู่”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลัวคังอันก็ถอนใจออกมา “เฮ้อ ใครไม่รู้บ้างล่ะ ตอนที่อยู่บนเรือคุนตอนนั้น ฉันลนลานไปหน่อย ก็เลยเผลอลืมตัวไป เกรงว่าคงโดนเธอดูถูกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

เผลอลืมตัว? หลินยวนมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้านี่ยังมีหน้ามาพูดอีก แต่เขาก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับอีกฝ่าย กล่าวต่อไปว่า “ไม่ใช่แค่นี้เท่านั้น แกมองไม่ออกเหรอ? จิ้นเซียวคนนั้นก็เหมือนจะชอบจูลี่อยู่ด้วย”

“จริงเหรอ?” หลัวคังอันพลันตื่นตัวขึ้นมา รู้สึกเหมือนเจอศัตรูหัวใจเข้าแล้ว

หลินยวนกล่าว “แกว่าแกแสดงท่าทีขี้ขลาดกลัวตายตอนอยู่บนเรือคุน แต่พอตอนประมูลกลับกลายเป็นอีกคนหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนเป็นแก แกจะไม่รู้สึกสงสัยบ้างเหรอ?”

“อันนี้ก็…” หลัวคังอันรู้สึกลังเล

หลินยวนกล่าวว่า “แกต้องขจัดความรู้สึกสงสัยของเธอ ทำให้เธอรู้ว่าก่อนหน้านี้แกแสร้งทำเป็นอ่อนแอ อาจารย์หลงคือข้ออ้างที่ดีที่สุดของแก การอ้างชื่ออาจารย์ของแกจะทำให้จิ้นเซียวกลัวจนถอยไปด้วย”

หลัวคังอันยกมือขึ้นมาลูบคางพลางครุ่นคิด

หลินยวนกล่าว “แล้วก็ แกต้องทำให้จูลี่รู้ว่าสถานะในหอการค้าตระกูลฉินของแกไม่ธรรมดา ต้องทำให้เธอรู้ว่าแกไม่ใช่หุ่นเชิด ทำให้เธอรู้ว่าการที่หอการค้าตระกูลฉินสามารถเปลี่ยนรูปแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จ เคล็ดลับในการสร้างข่ายพลังเทพมหาวิญญาณของเจออู๋จื่อคือสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ แต่หอการค้าตระกูลฉินไม่มีทางเก็บความเสี่ยงทั้งหมดไว้ที่ตัวเจออู๋จื่อเพียงคนเดียว หอการค้าตระกูลฉินจะต้องมีการสำรองข้อมูลเคล็ดลับในการสร้างข่ายพลังเก็บเอาไว้แน่”

หลัวคังอันมีสีหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าการที่จู่ๆ เขาเปลี่ยนประเด็นมาเป็นเรื่องนี้มันหมายความว่าอย่างไร

หลินยวนเอ่ยเตือนว่า “แกล้งบอกให้จูลี่รู้ว่าเคล็ดลับการสร้างข่ายพลังที่หอการค้าตระกูลฉินทำการสำรองข้อมูลเอาไว้ถูกเก็บเอาไว้ที่แก”

ตอนนี้เขาต้องการใช้หลัวคังอันในการล้วงความลับของจิ้นเซียว พูดอีกอย่างคือเขาจะล้วงความลับของจูลี่มาด้วย เขาอยากจะดูว่าสองคนนี้หมายตาเคล็ดลับในการสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้หรือเปล่า

หากสามารถขจัดความกังวลในด้านนี้ทิ้งไปได้ เขาถึงจะสามารถส่งหลัวคังอันไปแทรกซึมอยู่ในแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉินและใช้งานต่อไปได้

“หา!” หลัวคังอันตกใจ “นี่มันไม่ดีมั้ง?”

หลินยวนกล่าว “มีอะไรไม่ดี กระทั่งเรื่องที่ทำร้ายป้าหวังจนบาดเจ็บสาหัสแกยังกล้าพูดเหลวไหลออกมาเลย กลัวอะไรกับแค่เรื่องนี้?”

หลัวคังอันรีบโบกมือเพื่อบอกเขาว่าให้เบาเสียงหน่อย “ฉันเคยบอกน้องหลินแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นที่ฉันพูดไปแบบนั้นก็เพื่อปากท้องตัวเอง แต่เรื่องเคล็ดลับการสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินจะไปเที่ยวซี้ซั้วพูดได้ยังไง ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูหอการค้าล่ะก็ ฉันอาจจะหมดหนทางทำมาหากินได้เลยนะ อีกอย่าง หอการค้าพวกนั้นต่างสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างจ้องจะตะครุบเคล็ดลับการสร้างข่ายพลังตาเป็นมัน ถ้าฉันพูดเหลวไหลออกไป นั่นอาจจะเป็นการชักภัยมาให้ตัวเองได้นะ”

ก็ไม่โง่นี่นา! หลินยวนเหลือบมองดูเขาเล็กน้อย “ถ้าแกไม่พูด เดี๋ยวฉันจะหาโอกาสช่วยแกพูดเอง เพียงแต่ฉันมันเป็นคนพูดจาไม่เก่งซะด้วยสิ ถ้าเกิดเผลอพูดอะไรเกินจริงมากเกินไป แกก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”

“ไม่ใช่” หลัวคังอันยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ ร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย “น้องหลิน ทำไมถึงต้องพูดเรื่องนี้ให้ได้ด้วย ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายมีเจตนาอย่างอื่นอยู่?”

หลินยวนเปลี่ยนวิธีพูด “เอาตามนี้นี่แหละ ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะรอข่าวจากแก!” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกไป

“น้องหลิน…” หลัวคังอันลุกขึ้นเดินตามไป ยังคิดที่จะต่อรองกับเขา แต่ก็ไม่สามารถรั้งตัวอีกฝ่ายเอาไว้ได้

กระทั่งประตูปิดลง เสียงฝีเท้าหายไปแล้ว เขาถึงจะหมุนตัวกลับมา เตะเก้าอี้ตัวหนึ่ง ในปากบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “ฉันยังเป็นรองประธานอะไรอีกล่ะ แกมาเป็นเองเลยมา…”

เขาถอนใจพลางเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องทำงาน ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าเรื่องที่หลินยวนให้เขาทำมีความไม่ชอบมาพากล แต่เขาไม่มีช่องทางหาข้อมูล ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้เลย

ในตอนที่เดินมาตรงหน้ากระจก เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระจก ลูบหนวดเล็กๆ ของตัวเองเล็กน้อย

หนวดสองขีดเป็นสิ่งที่เขาเพิ่งไว้ขึ้นมาในช่วงนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ตัวเอง การมีหนวดเพิ่มขึ้นมาทำให้ตัวเขาดูสุขุมขึ้นจริงๆ ด้วย รู้สึกว่าตัวเองดูเหมาะสมกับตำแหน่งรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน ไม่อย่างนั้นเขามักจะมีความรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนประสบการณ์

เขาชื่นชมความหล่อเหลาของตัวเองอยู่ในกระจกพักหนึ่ง อารมณ์แย่ๆ ก่อนหน้านี้ก็พลอยดีขึ้นมาเล็กน้อย

แต่เมื่อเขาหันหน้าออกมาก็ถอนใจออกมาอีกครั้ง หลินยวนมักจะให้เขาทำเรื่องแปลกๆ อยู่เป็นประจำ อีกทั้งไม่ยอมบอกอะไรให้รู้เรื่องเลย ภายในใจเขาไม่มีความรู้สึกมั่นใจจริงๆ กลัวว่าจะถูกหลินยวนหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว แอบรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ นึกอยากจะตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายว่าไม่ทำแล้ว

แต่สิ่งที่เขาหวาดกลัวมากกว่ายังคงเป็นตัวหลินยวน อีกฝ่ายฆ่าคนในการประมูลโดยไม่กระพริบตา ฆ่าคนเหล่านั้นโดยที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจะต้องเคยฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน เขาเห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตาของตัวเอง แล้วก็ยังมีเรื่องนิสัยที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นคนเย็นชาไร้ความปราณีของหลินยวนที่เขายิ่งรู้ซึ้งแก่ใจดี คนคนนั้นมักจะทำให้เขารู้สึกเอาแน่เอานอนไม่ได้ เหมือนอยู่ใกล้เสืออย่างไรอย่างนั้น

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือจุดอ่อนของเขาอยู่ในมือหลินยวน เขาให้การเท็จหลอกสภาเซียนไปแล้ว เมื่อก้าวขาข้างนั้นออกไปแล้วมันก็คล้ายจะไม่มีทางให้ถอยกลับได้อีก

เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแย่ ทำไมตัวเองถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้นะ? แต่เมื่อหันกลับไปมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง สภาพในตอนนี้ก็คล้ายจะไม่มีอะไรไม่ดี จู่ๆ ก็กลายเป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉินโดยไม่รู้ตัว!

เรื่องบางเรื่องเขาเองก็ไม่อยากคิดมาก นานวันเข้าก็กลายเป็นความเคยชิน กลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ

จัดการเรื่องตรงหน้าก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน หลังตัดสินใจได้แล้ว เขาก็เดินออกจากห้องทำงานไป ไปหาอะไรทำที่แผนกโฆษณา

แต่ในตอนที่เดินมือไพล่หลังไปถึงหน้าประตูลิฟต์ เขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เขาขึ้นไปชั้นบนก่อน ขึ้นไปหาฉินอี๋

ตัวเขาในตอนนี้หากอยากจะพบฉินอี๋ ต่อให้ฉินอี๋จะยุ่งแค่ไหนก็ต้องเจียดเวลามาพบเขา

ก็ไม่ใช่เรื่องอะไร เป็นเรื่องเรื่องหนึ่งที่เขาได้เห็นในแผนกโฆษณาก่อนหน้านี้ ทันทีที่โรงงานสร้างข่ายพลังที่หอการค้าตระกูลฉินกำลังสร้างขึ้นมาใหม่ทำการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย ทางหอการค้าก็จะมีการจัดพิธีฉลองเปิดตัวโรงงาน เมื่อทำการบันทึกภาพเสร็จเรียบร้อยก็ต้องนำไปออกอากาศ ทางปู๋เชวี่ยวิดีโอย่อมต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

หลัวคังอันมาที่นี่เพื่อถามฉินอี๋ว่ามีอะไรจะสั่งการสำหรับเรื่องนี้ไหม

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฉินอี๋ต้องมานั่งเสียเวลาจัดการด้วยตัวเอง เรื่องเล็กๆ แค่นี้ย่อมต้องมีคนจัดการให้ แล้วก็ย่อมไม่มีอะไรจะสั่งการเช่นกัน เธอเอ่ยเพียงว่าให้ไปจัดทำแผนงานขึ้นมาแล้วค่อยเอามาให้เธอดู

หลัวคังอันรับคำแล้วเดินออกไป ทันทีที่มาถึงแผนกโฆษณาก็ทำการอ้างชื่อฉินอี๋ สั่งคนในแผนกให้ทำนั่นทำนี่ จากนั้นโทรศัพท์ไปหาจูลี่

…..

ณ โรงอีหลิว ประตูร้านเปิดกว้าง จางเลี่ยเฉินที่อยู่ภายในร้านเอนหลังอยู่บนเก้าอี้นอน นอนดูข่าวที่อยู่ในฉากแสง ท่าทางคล้ายกำลังสัปหงกอยู่ พัดที่อยู่ในมือประเดี๋ยวยกประเดี๋ยววาง แต่จู่ๆ เขาพลันลืมตาขึ้นแล้วเหลียวหน้ากลับไปมอง

ตรงประตูมีคนเดินเข้ามาคนหนึ่ง เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างผอมเพรียว ผิวพรรณขาวผ่อง ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็กวาดตามองดูรอบๆ สุดท้ายสายตามาหยุดอยู่ที่จางเลี่ยเฉิน พินิจพิเคราะห์ดูอีกฝ่าย

จางเลี่ยเฉินวางพัดลงแล้วลุกขึ้นมา กล่าวต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “คุณลูกค้าต้องการซื้ออะไรครับ?”

เด็กหนุ่มพลิกมือแล้วยื่นใบยาใบหนึ่งให้ “จัดยา”

จางเลี่ยเฉินรับเอาใบยามาดู ลูบเคราพลางเอ่ยว่า “นี่มันตำรับยาอะไร? เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ยาซี้ซั้วกินไม่ได้นะครับ!”

เด็กหนุ่มเอ่ยถาม “มีไหม?”

“มีๆๆ คอยสักครู่นะครับ จะไปจัดให้เดี๋ยวนี่ครับ” จางเลี่ยเฉินรีบรับคำ จากนั้นหมุนตัวเดินไปที่ตู้ยาที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์

…………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท