ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 191 ผมจงใจไม่ทำตัวเด่น

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 191 ผมจงใจไม่ทำตัวเด่น

เด็กหนุ่มจ้องมองความเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของจางเลี่ยเฉินที่ดึงลิ้นชักหยิบยาอยู่ตรงหน้าตู้ยา คนที่มามิใช่ใครอื่น เป็นจิ้นเซียว

ยาถูกวางลงบนกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมกองแล้วกองเล่า หลังจากทำการแยกประเภทและชั่งน้ำหนักเสร็จเรียบร้อย ตัวยาต่างๆ ก็ถูกห่อและมัดอย่างรวดเร็ว เป็นวิธีการห่อยาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

ตัวยาเจ็ดชนิดถูกซ้อนแล้วมัดเข้าด้วยกัน จากนั้นเลื่อนส่งไปให้ลูกค้า “คุณลูกค้า ยาของคุณได้แล้วครับ”

จิ้นเซียวกล่าวถาม “เท่าไร?”

จางเลี่ยเฉินนับนิ้ว “สามร้อยยี่สิบห้ามุกครับ”

จิ้นเซียวหยิบเอาธนบัตรสี่ใบยื่นส่งให้ จางเลี่ยเฉินหัวเราะแหะๆ แล้วรับไป แต่ใครจะไปรู้ว่าในพริบตาที่มือของเขาจับธนบัตร จู่ๆ จิ้นเซียวจะยื่นมือมาคว้าจับข้อมือของเขาเอาไว้ จางเลี่ยเฉินตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “คุณลูกค้าจะทำอะไรครับเนี่ย?”

เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังของอีกฝ่ายที่ไหลเข้ามา เขาก็พยายามสะบัดมือเล็กน้อย แต่กลับถูกอีกฝ่ายใช้สภาวะที่เหนือกว่าสะกดเอาไว้จนไม่สามารถดิ้นหลุดได้

จิ้นเซียวกล่าว “ลดหน่อยได้ไหม สามร้อยมุกได้หรือเปล่า?”

จางเลี่ยเฉย “ก่อนจะเข้ามาในร้าน คุณลูกค้าไม่เห็นป้ายที่ปิดเอาไว้หน้าร้านหรือครับ ราคาสมเหตุสมผล งดต่อราคา!”

จิ้นเซียวดึงพลังกลับ คลายมือจากข้อมือของเขา

จางเลี่ยเฉินเองก็ดึงแขนกลับ จ้องมองอีกฝ่าย “คุณลูกค้าเหมือนไม่ได้จะต่อราคาเลยนะครับ คิดจะทำอะไรกันแน่?”

จิ้นเซียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทอนเงินเถอะ”

จางเลี่ยเฉินมองดูเขา จากนั้นตรวจสอบดูธนบัตรใบละร้อยมุกสี่ใบที่อยู่ในมือ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา ก็ควานหาเศษเงินในเคาน์เตอร์ จากนั้นวางลงบนเคาน์เตอร์แล้วดันไปให้จิ้นเซียว

จิ้นเซียวกวาดเงินทอนมาไว้ในมือ มืออีกข้างหนึ่งหิ้วห่อยา หมุนตัวเดินออกจากร้านไป

จางเลี่ยเฉินมองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินห่างออกไป ค่อยๆ เดินออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์ จากนั้นหมุนตัวนอนลงไปบนเก้าอี้นอน หลับตาพักผ่อน

….

จิ้นเซียวที่ออกมาจากโรงอีหลิวนึกสงสัยอยู่ภายในใจ เขาทำการตรวจสอบสภาวะของจางเลี่ยเฉินด้วยตัวเองแล้ว อีกฝ่ายไม่มีทางใช่คนที่ลงมือในคืนนั้นได้

ไม่ใช่หลินยวน แล้วก็ไม่ใช่จางเลี่ยเฉิน อย่างนั้นเป็นใคร?

เมื่อเดินมาถึงถนน เขาก็สำรวจดูสภาพแวดล้อมรอบๆ โรงอีหลิวเล็กน้อย มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาสามารถมั่นใจได้ นั่นคือคนที่ลงมือในคืนนั้นจะต้องอยู่ในละแวกใกล้เคียงโรงอีหลิวอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะจับตำแหน่งไอพลังของเขาได้เร็วขนาดนั้น

แต่บริเวณรอบๆ มีบ้านและบ้านต้นไม้อยู่จำนวนไม่น้อย ขอบเขตเป้าหมายค่อนข้างกว้าง ยากจะระบุได้ว่าเป็นใคร

เขาไม่ได้รั้งอยู่ที่นี่นานนัก ตรงกลับไปที่ปู๋เชวี่ยวิดีโอ ทันทีที่เข้าไปในห้องทำงาน เขาก็เห็นว่าจูลี่กำลังนวดขมับด้วยท่าทางคล้ายปวดหัว

จิ้นเซียวเดินเข้าไปทันที ช่วยเทชาให้จูลี่ จากนั้นถึงจะถามว่า “เป็นอะไรเหรอ?”

จูลี่ถอนใจออกมา “ยังจะมีใครอีกล่ะ ก็หลัวคังอันคนนั้นน่ะสิ เขาจะนัดฉันกินข้าวอีกแล้ว”

จิ้นเซียวเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “เหมือนเขาจะชอบคุณ ได้ยินว่าเมื่อก่อนนี้เขาตามจีบคุณด้วย”

จูลี่กรอกตาใส่ “ฉันไม่สวยเหรอไง? มีคนมาชอบ มีคนมาตามจีบมันแปลกตรงไหน?”

จิ้นเซียวกล่าว “คุณก็ชอบเขาเหรอ?”

จูลี่หัวเราะขึ้นมา “กล้องวงจรปิดนายก็เห็นแล้ว นายคิดว่าฉันจะชอบคนที่ยืมมือคนอื่นมาเที่ยวโอ้อวดหลอกลวงแบบนี้เหรอ?”

จิ้นเซียวลังเล็กน้อย ก่อนจะถามว่า “แล้วถ้าเขาไม่ได้หลอกล่ะ ถ้าคนที่ควบคุมเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินคือเขาจริงๆ คุณจะชอบเขาหรือเปล่า?”

จูลี่เอ่ยอย่างไม่ลังเล “เขาเนี่ยนะ? ไม่ใช่เขาแน่นอน! ต่อให้เป็นเขาจริง ให้ฟรีฉันยังไม่เอาเลย นายไม่เคยได้ยินเรื่องเขากับเสวี่ยหลานเหรอ? แถมตอนนี้เขาก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย แล้วยังคิดจะมาจีบฉันอีก เห็นฉันเป็นอะไร? คิดแล้วน่าขยะแขยงจริงๆ!”

บนใบหน้าของจิ้นเซียวมีรอยยิ้มโล่งใจปรากฏขึ้นมา “มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าคุณรำคาญจริงๆ ไม่อยากจะไปคุยกับเขาจริงๆ คุณก็ไปพูดกับท่านเจ้าเมืองหรือหัวหน้าเหิงก็ได้นี่ คุณเองก็สนิทกับประธานฉินไม่ใช่เหรอ ไปพูดกับประธานฉินก็ได้นี่นา”

จูลี่ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด เธอส่ายศีรษะอย่างลังเลเล็กน้อย “ตอนนี้เขาลงมารับผิดชอบดูแลงานทางด้านนี้ของหอการค้าตระกูลฉิน และตอนนี้ก็กำลังเตรียมงานเรื่องการถ่ายทำพิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลัง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร การที่เขามาคุยเรื่องแผนการถ่ายทำกับฉันที่เป็นผู้รับผิดชอบของสถานีก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ถ้าฉันไปหาท่านเจ้าเมืองหรือหัวหน้าเหิง จะให้พวกเขาไปพูดยังไง? ให้พวกเขาไปแทรกแซงเรื่องการมอบหมายหน้าที่ภายในหอการค้าตระกูลฉิน เตะหลัวคังอันออกไปจากแผนกโฆษณาเพียงแค่เพราะรู้สึกรำคาญน่ะเหรอ?”

“หลัวคังอันบอกแล้ว ฉันเองก็ตรวจสอบกับคนของแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ประธานฉินต้องการจะดูแผนการจริงๆ หลัวคังอันทำตามคำสั่งของประธานฉิน เขาทำอะไรผิดล่ะ? จะให้ฉันไปบอกให้ประธานฉินเปลี่ยนคนเหรอ? จิ้นเซียว นายไม่เข้าใจ อาชีพของพวกเรานี้ พวกเราสามารถเสนอความเห็นของมืออาชีพได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยึดเอาความต้องการของลูกค้าเป็นหลักอยู่ดี ต่อให้ถ่ายออกมาเละแค่ไหน ขอเพียงลูกค้าชอบ พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นหอการค้าตระกูลฉินยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราด้วย”

“ถ้าเอะอะก็ใช้เส้นสายเปลี่ยนคนของลูกค้า แถมคนที่ไปเปลี่ยนยังเป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉิน อย่างนี้คนของแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉินจะยังมีใครกล้าเสนอข้อคิดเห็นกับเราอีก? ลำพังปู๋เชวี่ยวิดีโอแห่งหนึ่ง แต่กระทั่งรองประธานของหอการค้าตระกูลฉินก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา นายจะให้ประธานฉินคิดยังไง? ฉันเคยติดต่อกับประธานฉินอยู่พักหนึ่ง พอจะรู้จักนิสัยของเธออยู่บ้าง เห็นเธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ แต่อันที่จริงแล้วไม่ธรรมดาเลย ฉันได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองเคยเตือนไม่ให้เธอเข้าไปยุ่งกับเรื่องเทพมหาวิญญาณตั้งนานแล้ว แต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะทำให้ได้”

“ถ้าท่านเจ้าเมืองกับหัวหน้าเหิงเอ่ยปาก บางทีเธออาจจะยอมไว้หน้า แต่การที่ฉันยื่นมือเข้าไปในหอการค้าตระกูลฉินแบบนั้นไม่เหมาะ ถ้าเกิดไปทำให้เธอไม่พอใจขึ้นมา ฉันกลัวว่าต่อหน้าเธออาจจะยังทำเป็นเกรงใจอยู่ แต่ลับหลังกลับมาสร้างปัญหาให้พวกเรา เธอจะต้องสั่งสอนให้พวกเรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรอย่างแน่นอน ด้วยอิทธิพลและอำนาจของเธอ เธอมีหลากหลายวิธีที่จะทำให้ปู๋เชวี่ยวิดีโอของเราเดินต่อไปไม่ได้ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ประธานฉินทำได้แน่นอน!”

“ถ้านายลองดูอดีตที่ผ่านมาของหอการค้าตระกูลฉินก็จะรู้ คนที่ขวางทางหอการค้าตระกูลฉินถูกประธานฉินจัดการไปเท่าไร? ไม่มีใครมีจุดจบที่ดีสักคน! ไม่ต้องไปมองไหนไกล เรื่องของหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานนายคงเคยได้ยินใช่ไหม? ตอนนี้เหมือนจะถูกประธานฉินเล่นงานจนใกล้จะล้มลงแล้ว ได้ยินว่าหอการค้าสองแห่งนี้กำลังจะล้มละลายแล้ว จะพูดว่าทั้งกลุ่มใต้ดินและบนดินในเมืองปู๋เชวี่ย นอกจากท่านเจ้าเมืองกับหัวหน้าเหิงแล้ว ไม่มีใครกล้ายุ่งกับประธานฉินก็ว่าได้ ได้ยินว่าพ่อบ้านของคฤหาสน์ตระกูลฉินก็เคยเป็นหัวหน้าของกลุ่มใต้ดินในเมืองปู๋เชวี่ยด้วย!”

จิ้นเซียวกล่าว “ผมถึงได้บอกให้คุณลืมเรื่องกล้องวงจรปิดไปไง พวกเขาไม่ใช่คนที่คุณจะเข้าไปยุ่งด้วยได้ จูลี่ หนีไปกับผมเถอะ”

จูลี่เอ่ยเหน็บแนม “นายมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ฉันหนีตามนายไป นายเป็นอะไรกับฉัน หรือว่าฉันเป็นอะไรกับนายอย่างนั้นเหรอ?”

จิ้นเซียวพูดไม่ออก

ท่าทีของเขาทำให้จูลี่ค่อนข้างโมโห “แล้วก็นะ ต่อไปเวลาทำงานอยู่ในสถานี อย่าเรียกชื่อฉันตรงๆ ให้เรียกตำแหน่งของฉัน”

เมื่อเห็นเขาก้มศีรษะ อีกทั้งยังทำท่าเหมือนคนถูกรังแก จูลี่จึงใจอ่อนลงเล็กน้อย ผ่อนน้ำเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “ถ้าออกไปจากที่นี่ ฉันจะไปทำอะไรได้? จริงอยู่ที่ไปทำอย่างอื่นได้ แต่มันไม่มีทางที่จะมีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกแล้ว แล้วก็ไม่มีทางที่จะมีคนมอบเวทีให้ฉันได้เป็นผู้นำแบบนี้อีกแล้ว ไม่มีทางให้ฉันได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ความจริงฉันต้องขอบคุณท่านเจ้าเมืองลั่วด้วยซ้ำ นายวางใจได้ ต่อให้หลัวคังอันจะทำตัวเหลวไหลแค่ไหน เขาก็ต้องคิดถึงเจ้าเมืองลั่วที่อยู่เบื้องหลังฉันเหมือนกัน ขอเพียงฉันไม่ยินยอม เขาก็ไม่กล้าทำอะไรหรอก”

จิ้นเซียวเงยหน้าขึ้นมา “คุณรับปากไปกินข้าวกับเขาอีกแล้วเหรอ?”

จูลี่ส่ายศีรษะ “ปฏิเสธไปแล้ว พยายามไม่ไปเจอเขาแบบส่วนตัว แต่เรื่องแผนงานที่ประธานฉินต้องการ เราจะชักช้าไม่ได้เหมือนกัน ฉันแจ้งทางแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉินไปแล้วว่าอีกเดี๋ยวจะเข้าไปคุยกันที่หอการค้าตระกูลฉิน” เธอมองดูนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย “ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ”

เธอลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานไป เรียกลูกน้องสองคนให้ไปเตรียมของแล้วไปด้วยกัน

หลังจากมาถึงหอการค้าตระกูลฉิน เธอก็ตรงไปที่แผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉิน ทางแผนกโฆษณารีบติดต่อหลัวคังอันทันที

หลังรู้เรื่อง หลัวคังอันสบถด่าอยู่ในห้องทำงานครู่หนึ่ง เขารู้ถึงความคิดของจูลี่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับตนตามลำพัง

แต่เขาก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ได้แต่ต้องติดต่อหลินยวน พาหลินยวนไปที่แผนกโฆษณาด้วยกัน

ทั้งสองฝ่ายเมื่อเจอหน้ากันก็ทักทายกันตามมารยาท จากนั้นหลัวคังอันไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้คัดค้าน เขาทำการสั่งการพนักงานในแผนกโฆษณา ให้พวกเขาไปวางแนวทางกับคนของปู๋เชวี่ยวิดีโอที่จูลี่พามาก่อน ถ้าได้แนวทางแล้วค่อยเอามาให้เขากับจูลี่ดู

จากนั้นเชิญจูลี่ไปนั่งในสถานที่ที่เงียบๆ ไม่มีใคร แต่จูลี่ปฏิเสธอ้อมๆ เธอบอกว่าอยู่หารือและระดมความคิดกับทุกคนจะเหมาะสมกว่า

แต่เมื่อมาที่นี่แล้วเธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ หลัวคังอันบอกเธอว่ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องการขอคำชี้แนะจากจูลี่เป็นการส่วนตัวสักครู่

จูลี่หงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายก็ต้องตามเขาไป

ความจริงจูลี่ที่สายตาเหลือบมองไปทางหลินยวนเป็นระยะนั้นอยากจะเข้าไปพูดคุยกับหลินยวนมากกว่า แต่หลัวคังอันเข้ามาวุ่นวายกับเธอจนเธอหมดอารมณ์จะเข้าไปหาหลินยวน

จิ้นเซียวเดินตามไปโดยไม่พูดอะไร

ที่นี่เองก็ไม่มีสถานที่ที่จะให้ไปมากนัก หลัวคังอันพาจูลี่ไปที่ระเบียงของแผนกโฆษณา ผายมือเชิญจูลี่อยู่ตรงประตู จากนั้นเอามือยันหน้าอกของจิ้นเซียวเอาไว้ นิ้วมือจิ้มไปที่หน้าอกของจิ้นเซียว เอ่ยอย่างไม่เกรงใจว่า “นายเป็นใคร? พวกเราจะคุยกัน นายจะตามมาด้วยทำไม?”

เมื่อได้ยินว่าคนคนนี้ก็ชอบจูลี่เหมือนกัน เขาจึงรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร

หลินยวนที่ตามมาด้วยมองเห็นภาพที่หลัวคังอันใช้นิ้วจิ้มหน้าอกของจิ้นเซียว มุมปากกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

จิ้นเซียวก้มหน้ามองดูนิ้วที่จิ้มอยู่ตรงหน้าอกของตัวเอง

จูลี่ที่เดินออกมาที่ระเบียงก่อนเห็นอย่างนั้นจึงรีบกล่าวว่า “เขาเป็นผู้ช่วยของฉันค่ะ” จากนั้นหันไปพยักหน้าให้กับทางจิ้นเซียว เพื่อสื่อว่าอยู่ตรงนั้นไม่ต้องเข้ามา เธอเห็นว่าที่นี่เป็นระเบียงที่เปิดโล่ง หลัวคังอันน่าจะไม่กล้าทำอะไรเหลวไหล

จิ้นเซียวถึงได้หยุดอยู่ตรงนั้น หลินยวนเองก็ค่อยเฝ้าอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนยืนพิงกำแพงสบตากันเล็กน้อย

“หลินยวน ไปยกชามาหน่อย” หลัวคังอันที่เดินไปที่ระเบียงตะโกนออกมา ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์ หากไม่ฉวยโอกาสนี้ใช้งานอีกฝ่าย แล้วตอนไหนถึงจะได้ใช้?”

หลินยวนจะไม่ฟังเขาก็ไม่ได้ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยกน้ำชามาวางไว้ที่โต๊ะน้ำชาตรงระเบียง หลัวคังอันโบกมือเล็กน้อย เขาถอยออกไปอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง

สายตาจูลี่วูบไหวเล็กน้อย จ้องมองหลินยวนที่ถูกใช้งาน

หลังช่วยเธอเทชาเสร็จเรียบร้อย หลัวคังอันก็จัดท่าทางเล็กน้อย “คุณจูลี่เหมือนจะจงใจหลบหน้าผมนะครับ”

จูลี่ยิ้มพลางกล่าว “คุณหลัวเข้าใจผิดแล้วค่ะ คุยไม่ได้ทำอะไรฉันเสียหน่อย อยู่ดีๆ ทำไมฉันต้องหลบหน้าคุณด้วยคะ?”

หลัวคังอันกล่าว “ผมรู้ว่าคุณจูลี่อาจจะเข้าใจผมผิดนิดหน่อย เรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือคุนตอนนั้น ผมขอบอกคุณจูลี่ตามตรงก็แล้วกันครับ ความจริงผมจงใจทำเป็นขี้ขลาดกลัวตาย ความจริงผมอยากจะฉวยโอกาสนี้เข้าใกล้คุณจูลี่ เพราะว่าคุณจูลี่สวยถึงขนาดนี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนปฏิเสธได้หรอกครับ”

หลินยวนสังเกตดูท่าทีของจิ้นเซียว เห็นนิ้วมือของจิ้นเซียวกำลังถูกันไปมา

ภายในใจจูลี่กลับรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ เธอฝืนฉีกยิ้มพลางกล่าวว่า “อย่างนั้นหรือคะ? ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว คุณหลัว ฉันว่าในเวลางาน เราคุยกันเรื่องงานจะดีกว่านะคะ”

หลัวคังอันกล่าว “ถ้าในใจมีความอคติอยู่ เกรงว่าเรื่องงานก็คงจะคุยกันได้ไม่สะดวก ผมว่าผมจำเป็นต้องอธิบายให้คุณจูลี่เข้าใจเสียหน่อย อาจารย์ที่ดูแลผมโดยตรงตอนที่ผมอยู่หลิงซานคืออาจารย์หลงที่เป็นหนึ่งในสามอธิการของหลิงซาน หลายๆ เรื่องผมเองก็ได้รับการชี้แนะสั่งสอนมาจากอาจารย์ ท่านสอนผมว่าเป็นคนต้องรู้จักถ่อมตัว ผมจึงได้แต่ต้องอยู่เงียบๆ ไม่ทำตัวโดดเด่น หลายๆ เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะครับ”

จูลี่ผงะไป เห็นได้ชัดว่าตกใจไม่น้อย “อาจารย์ของคุณหลัวคืออาจารย์หลงอย่างนั้นหรือคะ?”

………………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน