ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 192 แค่จับมือเท่านั้น

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 192 แค่จับมือเท่านั้น

หลิงซานคือโรงเรียนระดับสูงสุดของดินแดนเซียน สำหรับคนจำนวนมากแล้ว นั่นคือสถานที่ที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก และอาจารย์หลงก็คือหนึ่งในผู้ก่อตั้งหลิงซานขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสามอธิการบดีของหลิงซานอีกด้วย เกรงว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยได้ยินชื่อเขา โดยเฉพาะเรื่องที่หลงซืออวี่ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยจับไปขังไว้ในนรกได้เคยเป็นข่าวครึกโครมอยู่พักหนึ่ง

สำหรับจูลี่แล้ว อาจารย์หลงนั้นคือบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันเอื้อมถึง

แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้กลับเป็นลูกศิษย์สายตรงของคนระดับอาจารย์หลงอย่างนั้นหรือ? เธอรู้สึกยากจะเชื่อได้

ตรงหน้าประตู จิ้นเซียวที่ยืนพิงกำแพงอยู่ภายในห้องได้ยินแว่วๆ สีหน้าเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงอย่างมากเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าหลัวคังอันจะมีเบื้องหลังเช่นนี้ด้วย

หลินยวนสังเกตเห็นแล้ว คาดเดาได้ว่าคนคนนี้อาจจะไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ แล้วก็รู้สึกเข้าใจอีกฝ่าย เพราะก่อนหน้านี้เขาเองก็สืบเบื้องหลังของหลัวคังอันไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะมันแอบซ่อนเอาไว้มิดชิดเกินไป

หลัวคังอันผายมือ “ทำไมครับ ไม่เชื่อเหรอครับ? ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ คุณลองไปถามคนอื่นดูก็ได้ครับ ผมเข้าไปอยู่ในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงได้โดยที่ไม่ต้องสอบเลย เป็นอาจารย์ที่แนะนำผมเข้าไป แค่บอกกับทางนั้นผมก็เข้าไปในหน่วยผู้พิทักษ์เทพได้แล้ว แต่คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่เยอะเท่าไร เหตุผลแรกเป็นเพราะคำสอนของอาจารย์ เหตุผลที่สองเป็นเพราะผมชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบทำตัวเด่น เรื่องบางเรื่องมันไม่มีความจำเป็นต้องมาเอาอวดให้ใครดู”

“หากไม่เป็นเพราะอาจารย์ของผมเกิดเรื่อง ผมก็คงไม่มาอยู่ที่นี่ หากอาจารย์ยังอยู่ ในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงก็คงจะไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องผม ต่อให้เป็นท่านสองแห่งวังพิฆาตมารก็ยังต้องไว้หน้า ความจริงในการประมูลของหอการค้าตระกูลฉิน ผมเองก็ไม่อยากแสดงฝีมือออกมา ผมแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ เท่านั้น แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ไม้ใหญ่มักจะต้านลม ผมอยากอยู่เงียบๆ แต่หอการค้าที่เข้าร่วมการประมูลเหล่านั้นกลับทำกันเกินไป ผมยอมถอยให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขากลับยังแอบคิดจะฆ่าผมอีก”

“ผมไม่รู้จะทำยังไง เป็นพวกเขาที่บีบให้ผมต้องลงมือ ในเมื่อจะฆ่ากันให้ได้ ผมก็เลยได้แต่ต้องเชือดพวกเขาทิ้งเสีย จนทำให้ผมกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลย รวมไปถึงตำแหน่งรองประธานอันนี้ด้วย ความจริงเรื่องบางเรื่องผมไม่อยากจะพูด แต่เป็นเพราะคุณจูลี่เข้าใจผมผิดอย่างรุนแรง อย่าได้ดูถูกคนที่ไม่ชอบโอ้อวดครับ ผมไม่โอ้อวด แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่มีความสามารถที่จะโอ้อวด”

หลินยวนที่พิงกำแพงอยู่ภายในห้องเงยหน้ามองดูเพดาน ก่อนจะเหลือบมองดูปฏิกิริยาของจิ้นเซียวอีกครั้ง เขาเห็นแววตาครุ่นคิดอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย

จูลี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อได้สติกลับมาก็รีบอธิบายว่า “คุณหลัวคะ ฉันไม่ได้ดูถูกคุณนะคะ”

หลัวคังอันกล่าว “จะดูถูกหรือเปล่า ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดี ผมทราบครับ ในสายตาของหลายๆ คนต่างคิดว่าตำแหน่งรองประธานหอการค้าตระกูลฉินของผมเป็นแค่ตำแหน่งเปล่าๆ เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว คนที่ควบคุมงานที่สำคัญที่สุดของหอการค้าตระกูลฉินในตอนนี้ นอกจากเจออู๋จื่อแล้วก็คือผม…ช่างเถอะ นี่คือความไว้ใจที่ประธานฉินมีให้ผม ผมไม่พูดมากดีกว่าครับ”

จูลี่เผยสีหน้าสงสัย “งานสำคัญอะไรคะ?”

แต่เธอก็ไม่ได้รับคำตอบ หลัวคังอันบอกจะไม่พูดก็ไม่พูดจริงๆ

แต่สายตาของจิ้นเซียวได้วูบไหวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หลินยวนรู้สึกหมดคำพูดจริงๆ เขาพบว่าเรื่องที่เขาสั่งให้หลัวคังอันพูด คิดไม่ถึงว่าเจ้าหลัวคังอันจะพูดออกมารวดเดียวจนหมด

แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องที่ควรจะพูดอย่างไร ก็ย่อมต้องให้หลัวคังอันเป็นคนดูสถานการณ์แล้วทำการตัดสินใจ จังหวะการตัดเข้าประเด็นของหลัวคังอันนับว่าทำได้ไม่เลว คำพูดที่พูดออกมาก็ไม่ได้มีความรู้สึกผิดแปลกอะไร

หลัวคังอันถอนใจอีกครั้ง “จูลี่ อะไรที่ควรพูด อะไรที่ไม่ควรพูด ผมก็ได้พูดไปหมดแล้ว ความรู้สึกของผมคิดว่าคุณน่าจะรู้แล้วใช่ไหมครับ?”

ภายในใจจูลี่รู้สึกหมดคำพูดเป็นอย่างมาก เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “จูลี่โง่เขลา ไม่เข้าใจว่าคุณหลัวกำลังพูดอะไรค่ะ”

หลัวคังอันจ้องมองเธอ “นับตั้งแต่ที่เราได้พบกันบนเรือคุน นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมได้เห็นคุณ ผมก็รู้สึกชอบคุณเข้าแล้ว ให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ?”

นี่คือการสารภาพรักชัดๆ สีหน้าของจิ้นเซียวคร่ำเคร่ง พยายามเงี่ยหูฟัง

หลินยวนเงยหน้ามองเพดานอีกครั้ง รู้สึกยอมใจเจ้านี่ ไม่ว่าคำพูดอะไรก็พูดออกมาได้จริงๆ

เห็นฉันเป็นผู้หญิงใสซื่อที่ไม่เคยผ่านโลกมาอย่างนั้นเหรอ? จูลี่เองก็ทั้งโมโหทั้งขบขัน อดเอ่ยเหน็บแนมไปไม่ได้ว่า “คุณหลัวไม่ควรมาพูดแบบนี้กับฉันหรือเปล่าคะ จูเก่อม่าน คุณควรจะไปพูดกับจูเก่อม่านถึงจะถูกนะคะ คุณสารภาพรักผิดคนแล้วล่ะค่ะ ถ้าคุณจูเก่อม่านรู้เข้าจะรู้สึกอย่างไรคะ?”

“ใช่ ตอนนี้ผมอยู่กับจูเก่อม่าน แต่คุณไม่เหมือนกับเธอ ผมไม่สามารถหลอกหัวใจของตัวเองได้” ขณะที่พูด หลัวคังอันก็ยื่นมือออกไปด้วย กุมมือของจูลี่เอาไว้ “ให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ?”

หลินยวนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

จูลี่ถูกจู่โจมจนทำอะไรไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะใจกล้าขนาดนี้ ถึงขนาดกล้าถูกเนื้อต้องตัวเธอ เธอรีบสะบัดมือเขาทิ้งด้วยความตกใจพร้อมลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงขรึมว่า “คุณหลัว โปรดให้เกียรติกันด้วยค่ะ!” การที่เธอไม่ได้ถีบอีกฝ่ายเหมือนตอนอยู่บนเรือคุนก็นับว่าเธอไว้หน้าแล้ว

เหตุการณ์นี้ทำให้จิ้นเซียวหมุนตัวจะเดินเข้าไปทันที หลินยวนรีบเข้าไปขวางเอาไว้ แต่กลับถูกจิ้นเซียวใช้มือปัดออกไป จิ้นเซียวเดินออกไปที่ระเบียงทันที เอ่ยเสียงคร่ำเคร่งว่า “ผอ.ครับ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

หลัวคังอันคิดไม่ถึงว่าขณะที่กำลังจู่โจมด้วยคำหวาน ผู้หญิงคนนี้จะยังมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้ได้ เขาพลั้งมือไปแล้ว จึงกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที

“ไม่เป็นไร” จูลี่ตอบจิ้นเซียวกลับไป ก่อนจะหันมองไปทางหลัวคังอัน เอ่ยด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวว่า “คุณหลัว คำพูดของคุณในวันนี้ ฉันจะถือซะว่าไม่เคยได้ยิน แล้วก็จะถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ขอให้คุณสำรวมตัวเองด้วยค่ะ ฉันหวังว่าต่อไปเราจะคุยกันแต่เรื่องงาน ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก อย่ามาโทษถ้าฉันไปพูดกับประธานฉินนะคะ!”

ถ้าไม่เป็นเพราะเห็นแก่งานของทางสถานี ถ้าไม่เป็นเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์กับหอการค้าตระกูลฉิน เรื่องที่ไม่ร้ายแรงจึงได้แต่ต้องอดทนเอาไว้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงจะสั่งสอนหลัวคังอันไปแล้ว

หลัวคังอันเอ่ยอย่างเก้อกระดากว่า “คุณจูลี่ คุณเข้าใจผิดแล้วครับ”

“ได้ค่ะ ถือเสียว่าฉันเข้าใจผิด” จูลี่ยอมเขา ก่อนจะชี้นิ้วเข้าไปในห้อง “ยังจะคุยเรื่องแผนการอยู่ไหมคะ? ถ้าไม่คุย อย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินเข้าไป เดินเข้าไปหาคนของทางสถานีกับแผนกโฆษณา ส่วนหลัวคังอันจะมาหรือไม่นั้น เธอไม่สนใจ!”

จิ้นเซียวเคลื่อนเท้าเล็กน้อย จ้องมองหลัวคังอันด้วยสายตาเย็นชา ในแววตาเผยให้เห็นถึงจิตสังหารรางๆ

“คุณจูลี่” หลัวคังอันกลัวจูลี่จะเข้าไปพูดอะไร จึงรีบตามไป แต่กลับถูกจิ้นเซียวขวางทางเอาไว้ เขายกมือผลักจิ้นเซียวจนเซถอยไป ทั้งยังกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “จะมาเกะกะทำไมวะ ถอยไป!” ก่อนจะก้าวอาดๆ ตามไปอย่างรวดเร็ว

จิ้นเซียวงุนงงเล็กน้อย เมื่อหมุนตัวกลับมาอีกครั้งก็มีคนมายืนขวางอยู่ตรงหน้าเขาอีก เป็นหลินยวน

หลินยวนเอ่ยเสียงเฉยชา “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาทำอะไรตามใจชอบได้ ผมขอเตือนคุณว่าอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาจะต้องร้ายแรงเป็นอย่างมากแน่”

“คุณกำลังขู่ผมเหรอ?” จิ้นเซียวจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาพลางเอ่ยถาม

หลินยวนกล่าว “ถ้ามีปัญญาคุณก็ลองดู ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าคุณจะออกไปจากหอการค้าตระกูลฉิน จะออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า!” กำไลข้อมือที่ดูโบราณเทอะทะที่อยู่บนข้อมือเริ่มหมุนขึ้นมาเบาๆ

จิ้นเซียวรู้ว่าที่หอการค้าตระกูลฉินมียอดฝีมือขั้นเซียนเทพอยู่สองคน แล้วก็น่าจะมียอดฝีมือลึกลับอยู่กับหลินยวนอีกคนหนึ่ง แต่เขาก็ยังสืบเท้าก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ประจันหน้ากับอีกฝ่าย ไม่ได้พูดอะไร ยกมือขึ้นมาแล้วค่อยๆ ดันหลินยวนให้หลบไป ส่วนตัวเองรีบก้าวอาดๆ เข้าไปในห้อง

หากคุยไม่ถูกคอกัน พูดเพียงครึ่งคำก็ยังนับว่ามากเกินไป เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น จูลี่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ฟังคนของทั้งสองฝ่ายหารือกันเท่านั้น หลัวคังอันเองก็แอบโล่งใจ

เมื่อคุยกันไปได้ครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรออกมา จูลี่จึงหาข้ออ้างบอกว่ามีธุระ ให้คนของสถานีหารืออยู่ที่นี่ต่อ ส่วนตัวเองออกไปก่อน

จิ้นเซียวจ้องมองหลัวคังอันด้วยสายตาเย็นชา ตามออกไปเช่นกัน

คนของสถานีกับคนของแผนกโฆษณามองดูอย่างเงียบๆ ต่างรู้สึกว่าบรรยากาศดูแปลกๆ

“พวกคุณค่อยๆ คุยกันไปนะ” หลัวคังอันเองก็เดินมือไพล่หลังออกไป

เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง เขาก็ให้หลินยวนเข้ามา ก่อนจะรีบประตูทันที จากนั้นเอ่ยอย่างลนลานกับหลินยวนว่า “น้องหลิน พวกเราทำเกินไปหรือเปล่า?”

หลินยวนกล่าว “เมื่อกี้แกทำอะไรเธอ ทำไมเธอถึงโกรธขนาดนั้น?”

หลัวคังอันถอนใจ “ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่จับมือกันเท่านั้น”

หลินยวนเชื่อก็แปลกแล้ว “คิดจะฉวยโอกาสเธอมากกว่ามั้ง?”

หลัวคังอันกระอักกระอ่วน “ก็ประมาณนั้นแหละ”

หลินยวนแปลกใจ “แกจะใจร้อนทำไม แกเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอต้องค่อยเป็นค่อยไป?”

หลัวคังอันจะไปพูดได้เหรอว่าเห็นจูลี่เหมือนจะเคลิ้มตาม โรคเก่าตัวเองเลยกำเริบขึ้นมา? เขากล่าวย้อนไปประโยคหนึ่งว่า “ก็นายเป็นคนบอกให้ฉันเติมเชื้อไฟไม่ใช่เหรอ!”

คิดจะโบ้ยความผิดเหรอ? หลินยวนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

หลัวคังอันหัวเราะแห้งๆ “พวกเราอย่าเพิ่งมาทะเลาะกันเลย ผู้หญิงคนนั้นจะไปพูดอะไรกับท่านประธานหรือเปล่า?”

หลินยวนพบว่าเจ้านี่อยากจะกินเนื้อแต่ก็ขี้ขลาด “เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าจะถือว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ก็แค่จับมือเท่านั้น มีอะไรต้องกลัว ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน”

หลัวคังอันเบิกตาโต “ยังมีครั้งหน้าอีกเหรอ? จากประสบการณ์ของฉันนะ ผู้หญิงคนนี้จัดการยาก ตามจีบไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันว่าเราพอแค่นี้ดีกว่า อย่าไปเสียเวลาเลย”

“พยายามติดต่อเธอต่อไป” หลินยวนกล่าวทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาสั่งกำชับอีกครั้ง “ต่อไปถ้าเจอจิ้นเซียวคนนั้น แกเบามือหน่อย ไม่ใช่ว่าไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่ายแล้วจะไปลงไม้ลงมือกับเขา ระวังอีกฝ่ายเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน เกิดเขาสวนแกกลับขึ้นมาจะเจ็บตัวเอาได้”

หลัวคังอันกำลังรู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงแค่นเสียงเหอะดูถูกออกมาทันที “จูลี่มีลั่วเทียนเหอหนุนหลังอยู่ ฉันพอจะยอมเธอได้ แต่ไอกระจอกจิ้นเซียวนั่นมันเป็นใคร มาทำให้ฉันไม่พอใจ อัดแม่งซะดีไหมเนี่ย!”

“บอกให้แกระวังก็ระวังเอาไว้หน่อย” หลินยวนหันไปสั่งกำชับ ก่อนจะก้าวอาดๆ ออกไป

ระหว่างทางที่กลับไปยังสถานี จิ้นเซียวขับรถ หลังนั่งเงียบไปครู่ใหญ่ จู่ๆ เขาก็เอ่ยเรื่องเก่าออกมา “จูลี่ พวกเราออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยกันเถอะ!”

สำหรับเขาแล้ว เรื่องบางเรื่องเขาไม่จำเป็นต้องทน แต่ถ้าจูลี่ไม่ไป เขาก็ไปไหนไม่ได้

แต่จูลี่ที่นิ่งเงียบกลับตอบไม่ตรงคำถาม “หลัวคังอันบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลง นายคิดว่าจริงไหม?”

จิ้นเซียวกล่าว “ไม่รู้สิ คนระดับอาจารย์หลง ข้อมูลส่วนตัวของเขาไม่ใช่ใครนึกอยากจะสืบก็สืบได้”

จูลี่พลันเอ่ยว่า “ไปสำนักงานเจ้าเมือง!”

จิ้นเซียวมองดูเล็กน้อย หมุนพวงมาลัยตรงทางแยกข้างหน้า ตรงไปยังสำนักงานเจ้าเมือง

หลังมาถึงสำนักงานเจ้าเมือง การขอพบท่านเจ้าเมืองไม่ได้ยุ่งยากอะไร เธอแจ้งเจ้าหน้าที่ไป หลังได้รับอนุญาตก็มีเจ้าหน้าที่พาจูลี่เข้าไปในส่วนลึกของสำนักงานเจ้าเมือง เข้าไปพบลั่วเทียนเหอในตำหนักแห่งหนึ่ง

หลังเธอทำการคารวะเสร็จเรียบร้อย ลั่วเทียนเหอก็เอ่ยถามว่า “มาหาฉันมีธุระอะไร?”

จูลี่กล่าวว่า “มีเรื่องอยากจะขอให้ท่านเจ้าเมืองช่วยสืบหน่อยค่ะ”

ลั่วเทียนเหอร้องโอ้ “เรื่องอะไร?”

จูลี่กล่าวว่า “ฉันได้ยินว่าหลัวคังอันที่เป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉินเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลงแห่งหลิงซาน ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า เลยอยากจะมาขอให้ท่านเจ้าเมืองช่วยสืบให้หน่อยค่ะ”

ลั่วเทียนเหอประหลาดใจ “เธอไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน?”

จูลี่กล่าว “เรียนท่านเจ้าเมืองตามตรง เมื่อกี้นี้หลัวคังอันเป็นคนบอกฉันเองค่ะ”

ลั่วเทียนเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ใช่หรือไม่ใช่แล้วมันมีปัญหาอะไร เธอจะสืบเรื่องนี้ไปทำไม? เรื่องของอาจารย์หลง กระทั่งฉันก็ยังไม่สะดวกที่จะไปถาม นี่ใช่เรื่องที่เธอควรจะไปสืบเหรอ?”

จูลี่ลังเลเล็กน้อย แต่การกระทำของหลัวคังอันยังคงทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ ในเมื่อถูกถามมา เธอจึงพูดออกไป “ตอนนี้หลัวคังอันเข้ามาดูแลแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉิน นิสัยของคนคนนี้เป็นอย่างไรท่านเจ้าเมืองก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง ช่วงนี้เขาชอบติดต่อฉันมาบ่อยๆ ทำให้ฉันรู้สึกรำคาญค่ะ”

ลั่วเทียนเหอพอจะเข้าใจแล้ว “เขาคงไม่ถึงกับมาล่วงเกินอะไรเธอใช่ไหม? ขอเพียงเขาไม่ได้ทำอะไรข้ามเส้น ฉันแนะนำว่าเธอเองก็อย่าไปทำอะไรวุ่นวายดีกว่า คนคนนี้อาจจะไม่ใช่คนที่เธอจะไปมีปัญหาด้วยได้”

เมื่อคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของเขา จูลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ไม่ใช่คนที่จะมีปัญหาด้วยได้?”

ลั่วเทียนเหอกล่าว “ไม่ต้องไปสืบแล้ว ถูกต้อง เขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลง ฉันจะพูดแบบนี้แล้วกัน ตอนที่หลิงซานเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาแรกๆ อาจารย์หลงก็อยู่ที่หลิงซานแล้ว ผ่านมานานขนาดนั้น ลูกศิษย์ของอาจารย์หลงจะมีแค่หลัวคังอันเพียงคนเดียวเหรอ? ถ้าไม่เป็นเพราะเขาแนะนำหลัวคังอันเข้าไปในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าหลัวคังอันคือลูกศิษย์ของอาจารย์หลง หลัวคังอันอาจจะยังมีศิษย์พี่คนอื่นๆ อยู่อีก ไม่มีใครรู้ว่าศิษย์พี่เหล่านั้นเป็นใคร มีตำแหน่งสถานะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ เธอเข้าใจความหมายของฉันไหม?”

………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน