ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 219 กลับมาอย่างปลอดภัย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 219 กลับมาอย่างปลอดภัย

นี่คือการส่งสัญญาณ หลัวคังอันถอนหายใจโล่งอก รู้ว่าจบได้แล้ว พูดจนปากแห้ง ในที่สุดหยุดได้เสียที

เขาเองก็ไม่รู้ว่าหลินยวนกำลังทำอะไร สรุปแล้วคือจะต้องไม่ได้ทำเรื่องดีแน่นอน

แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้อยากสนใจอะไรมากนัก แค่อยากจบเรื่องที่ต้องพูดยืดเยื้อเปลืองน้ำลายนี้เร็วๆ เท่านั้น กระทั่งเขาก็ยังรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว

นับตั้งแต่ที่กลับมาจากงานประมูล หลัวคังอันรู้สึกว่าตนเองทำเรื่องที่ไม่อยากทำไปมากมายหลายเรื่อง ลอบด่าโคตรเหง้าของใครบางคนลับหลังอยู่เป็นประจำ

ในเวลานี้เขาจงใจดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือต่อหน้าจูลี่ จากนั้นข้อคิดเห็นที่เสนอแนะออกมาก็เริ่มกระชับขึ้น เนื้อหาในฉากแสงก็เร่งให้เร็วขึ้น

ไม่นานก็ชี้แนะเนื้อหาสำหรับออกอากาศจบสิ้น เขาพูดสรุปกับจูลี่ว่า “คุณจูลี่ คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ?”

เป็นยังไง? จูลี่ไม่รู้ว่าเป็นยังไง เธอย้อนถาม “ข้อคิดเห็นที่คุณหลัวว่ามาเป็นข้อคิดเห็นสุดท้ายจากหอการค้าแล้วใช่ไหมคะ?”

ถ้าจะแก้แบบนี้ล่ะก็ เธอเองก็พูดอะไรมากไม่ได้ หอการค้าตระกูลฉินอยากให้ทำแบบนี้ แล้วเธอจะทำอะไรได้?

หลัวคังอันกล่าว “จะว่าแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ผมยังต้องขอความคิดเห็นจากคนที่เป็นมืออาชีพกว่าอย่างพวกคุณอยู่ครับ”

จูลี่หมดคำพูด อย่างนั้นการที่เรามานั่งพูดไร้สาระกันในนี้ตั้งนานมันหมายความว่าอะไร? คุณว่างจนเบื่อ แต่ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกมากนะ

แต่จะพูดอะไรแรงๆ ก็ไม่ดีเหมือนกัน หลัวคังอันมักจะชอบทำแบบนี้ เธอเองก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร จึงฝืนฉีกยิ้ม แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อยว่า “คุณหลัวอยากแก้แบบไหน ทางสถานีของเราก็แก้ให้ตามนั้นแหละค่ะ” พูดพลางมองดูนาฬิกาข้อมือ “แต่นี่ก็เย็นมากแล้ว วันนี้เกรงว่าคงจะทำการแก้ไขก่อนเวลาออกอากาศไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”

หลัวคังอันพยักหน้า “ครับ อย่างนั้นเดี๋ยวผมไปหารือกับทางแผนกโฆษณาอีกที ให้พวกเขาแจ้งข้อสรุปสุดท้ายให้พวกคุณวันพรุ่งนี้ คุณคิดว่ายังไงครับ?”

จูลี่พยักหน้า “ได้ค่ะ คุณหลัวยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ?”

หลัวคังอันลุกขึ้นยืน “ช่างเถอะครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว พอเท่านี้แหละครับ ผมยังมีธุระต้องจัดการอีกเล็กน้อย คงไม่ได้เชิญคุณจูลี่ไปทานข้าวนะครับ”

จูลี่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ต่อให้คุณเชิญ ฉันก็ไม่กล้าไปหรอก

เธอกล่าวปฏิเสธอ้อมๆ ทันที “น้ำใจของคุณหลัวฉันขอน้อมรับไว้ค่ะ ทางฉันก็ยังมีเรื่องต้องรีบกลับไปจัดการอีกเหมือนกันค่ะ”

การพูดคุยจบลง หลัวคังอันผายมือเชิญ ยืนกรานจะไปส่งอีกฝ่ายด้วยตัวเอง

ในตอนที่ผ่านหน้าประตูห้องทำงานของตนเอง พนักงานคนหนึ่งเข้ามาบอกหลัวคังอันว่า “ท่านรองประธานคะ คุณจูเก่อรออยู่ในห้องทำงานของท่านค่ะ”

หลัวคังอันมึนงง จูเก่อม่านเลิกงานไม่กลับบ้าน มาที่นี่ทำไมกัน?

หลินยวนที่ติดตามอยู่กล่าวว่า “ผมเป็นคนบอกเธอเองครับว่าวันนี้ท่านเลิกงานช้าหน่อย ให้เธอมารอท่านที่นี่”

ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย? หลัวคังอันประหลาดใจ ไม่รู้ว่าดึงจูเก่อม่านเข้ามาทำไม แต่ในเมื่ออีกฝ่ายจัดการแบบนี้ เขาก็ไม่สะดวกจะไปพูดอะไรต่อหน้าทุกคน จึงแสร้งทำเป็นตอบรับว่า “อืม” ไปอย่างนั้น แต่ภายในใจกลับกำลังบ่นพึมพำ

และในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของจูลี่ที่หลินยวนใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น

ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นจิ้นเซียวโทรมา เขาคำนวณเวลาแล้วไปส่งสัญญาณบอกหลัวคังอันแล้ว แต่หลัวคังอันก็ยังพูดไปเรื่อยๆ อีกพักหนึ่ง ทำให้เสียเวลาไปนิดหน่อย

แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หลัวคังอันจะจบการสนทนาก็ต้องจบแบบลื่นไหลและไม่ผิดปกติ จะให้ไปตัดจบการสนทนากับจูลี่ดื้อๆ เลย แบบนั้นมันดูไม่ดี

หลินยวนเลี่ยงออกมาเล็กน้อย เดินตรงไปที่ระเบียงทางเดินอีกด้านหนึ่ง หยิบมือถือขึ้นมารับสาย

เสียงจิ้นเซียวดังมาจากปลายสาย “ฉันมาถึงหน้าประตูใหญ่หอการค้าแล้ว เข้าไปไม่ได้”

หลินยวน “รอเดี๋ยว เดี๋ยวฉันจัดการให้” พูดจบก็วางสายไป จากนั้นเร่งฝีเท้าตามหลัวคังอันไป กระตุกแขนเสื้อหลัวคังอันเล็กน้อย ให้เขาเดินช้าลงหน่อย จากนั้นกระซิบที่หูเขาสองสามประโยค

หลัวคังอันพยักหน้าเล็กน้อย สื่อว่ารู้แล้ว

ตอนที่พวกเขามาถึงหน้าลิฟต์ จูลี่พยายามบอกว่าไม่ต้องไปส่ง แต่หลัวคังอันยืนกรานว่าจะไปส่ง

จูลี่ยากจะปฏิเสธได้ ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้ จึงทำได้เพียงตามใจเขา

ภายในลิฟต์ หลินยวนยืนอยู่ด้านหลังลู่หงเยียนอีกครั้ง หยิบมือถือของจูลี่ออกมา หลังทำการจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยก็ยัดโทรศัพท์ใส่มือของลู่หงเยียนเงียบๆ

ลู่หงเยียนเข้าใกล้จูลี่อย่างเงียบๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าจูลี่เครื่องนั้นค่อยๆ ลอยออกมาอีกครั้ง

หลัวคังอันเป็นผู้บำเพ็ญเพียร เมื่อมีคนใช้พลังอยู่ข้างๆ เขา ไม่มีทางที่เขาจะรับรู้ไม่ได้ เขาชำเลืองมอง หางตาเหลือบไปเห็นพฤติกรรม “ขโมย” ของลู่หงเยียน จึงลอบรู้สึกตกใจ คิดไม่ถึงว่าสาวสวยขนาดนี้จะขโมยของด้วย

หลังจากนั้นเขาเห็นลู่หงเยียนเอาโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งใส่เข้าไปในกระเป๋าของจูลี่ เขาพลันเข้าใจทันที เธอไม่ได้ขโมยของ แต่กำลังสับเปลี่ยนของอยู่ต่างหาก ไม่รู้ว่าชายหญิงคู่นี้กำลังแอบทำเรื่องบ้าอะไรกัน

แต่จูลี่กลับไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย

เมื่อออกมาจากลิฟต์ จูลี่จะไปยังที่จอดรถของตนเอง แต่หลินยวนกลับเอ่ยขึ้นมาว่า “จิ้นเซียวออกไปทำธุระข้างนอกครับ ตอนนี้รอคุณอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของหอการค้าครับ”

“หืม?” จูลี่งุนงง แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร แค่แปลกใจว่าจิ้นเซียวออกไปทำไม

หลัวคังอันผายมือ ทำท่าว่าจะไปส่งจูลี่ที่หน้าประตูใหญ่ ยังไงก็จะไปส่งให้ได้ จูลี่จึงทำได้เพียงรับน้ำใจนี้เอาไว้ เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก เธอไม่กังวลว่าเขาจะทำอะไรเธอ

แต่ขณะที่เดินไปได้ไม่ไกล จู่ๆ พวกเขาก็ต้องหลบไปยืนข้างทาง ขบวนรถของฉินอี๋แล่นผ่านไป

ฉินอี๋ที่อยู่ในรถหันมามองคนกลุ่มนี้เล็กน้อยแล้วผ่านไป

พวกเขาเดินต่อไปจนมาถึงหน้าประตูใหญ่ ก่อนจะเห็นจิ้นเซียวที่ถูกผู้คุ้มกันขวางเอาไว้ด้านนอกประตู แล้วก็ยังมีจางเลี่ยเฉินที่อยู่ข้างกายจิ้นเซียว

จิ้นเซียวร้อนใจ ไม่รู้ว่าผลเป็นยังไงบ้าง แต่เมื่อเห็นจูลี่เดินยิ้มแย้มพูดคุยออกมาปกติ เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไร เขาถึงจะรู้สึกโล่งอก

ส่วนจางเลี่ยเฉินก็หันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นหลินยวนกับลู่หงเยียนเดินมาก็โบกมือทันที เพื่อบอกว่าตนเองอยู่ตรงนี้

ทุกคนเดินออกมา จูลี่เอ่ยกับจิ้นเซียวอย่างไม่พอใจ “นายไปไหนมา?”

“…” จิ้นเซียวงุนงงเล็กน้อย มองสำรวจจูลี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นว่าท่าทางของเธอดูไม่เหมือนคนที่ถูกจับตัวเอาไว้

“ไอหยา ลุงเฉิน” หลัวคังอันพอเห็นจางเลี่ยเฉินก็เข้าไปจับมืออย่างดีอกดีใจ

จางเลี่ยเฉินเองก็จับมือตอบอย่างเป็นมิตรพลางกล่าว “ได้ยินว่าตอนนี้คุณได้เป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว มิน่าถึงไม่ไปโรงอีหลิวของผมเลย”

หลัวคังอันหัวเราะแหะๆ พลางกล่าว “ยุ่งครับ ค่อนข้างยุ่ง รอไว้มีเวลาว่างแล้วจะไปนั่งเล่นแน่นอนครับ”

จางเลี่ยเฉินกล่าว “รองประธานหลัว ต่อไปต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ! โดยเฉพาะเสี่ยวหลินจึ ช่วยดูแลเขาด้วยนะครับ!”

แม่งเอ้ย ใครดูแลใครกันแน่? หลัวคังอันบ่นในใจ ก่อนจะยิ้มขืนๆ พลางกล่าว “ไม่มีปัญหา คนกันเองทั้งนั้น คุยกันง่ายครับ”

หลินยวนเอ่ยแทรก “ลุงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

จางเลี่ยเฉินเกาหัว ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “กลับไปค่อยคุยกัน”

ค่อยกลับไปคุย อย่างนั้นก็แสดงว่าไม่เป็นไร หลินยวนพยักหน้า รู้สึกวางใจ

จูลี่ที่ยืนตาเป็นประกายอยู่ข้างๆ ก็ยื่นมือไปหาจางเลี่ยเฉินเช่นกัน กล่าวว่า “คุณคือเถ้าแก่ของโรงอีหลิวใช่ไหมคะ? ฉันจูลี่ค่ะ เป็นผอ.ของปู๋เชวี่ยวิดีโอ”

จางเลี่ยเฉินรีบจับมือตอบ “ยินดีที่ได้พบครับ”

จูลี่กล่าวยิ้มพลางกล่าว “ไว้มีเวลาว่างจะไปคุยเล่นที่โรงอีหลิวนะคะ ลุงเฉินคงไม่ทำเหมือนไม่รู้จักกันใช่ไหมตะ?” เธอพูดจริงๆ

จิ้นเซียวย่อมต้องรู้ว่าเธอพูดจริง เขาจ้องมองเธอ อยากจะถามเธอจริงๆ ว่าแค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ ยังคิดจะเข้าไปยุ่งกับคนพวกนี้อีกเหรอ?

“ไม่หรอกครับๆ ยินดีต้อนรับครับ” จางเลี่ยเฉินรีบรับปากด้วยความยินดี

ทั้งสองฝ่ายกล่าวลากัน จิ้นเซียวกับจูลี่เดินไปที่รถ ทั้งคู่สอดตัวเข้าไปในรถ

ในตอนที่จิ้นเซียวเลี้ยวรถ เขาจ้องมองหลินยวนจากด้านในกระจกรถเล็กน้อย จากนั้นถึงจะขับรถออกไป

หลังเห็นรถแล่นออกไปแล้ว หลัวคังอันก็เอ่ยขึ้นมาอย่างมีความสุขว่า “ลุงเฉินมาแล้ว แถมวันนี้ยังได้เจอคุณหงเยียนเป็นครั้งแรกอีก ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันดี เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือพาทุกคนไปเลี้ยงสักมื้อเป็นไง?”

หลินยวนไม่พูดอะไร หลัวคังอันถือว่าเขาตกลง จึงรีบเชิญจางเลี่ยเฉินไปที่ลานจอดรถด้วยกัน ให้จางเลี่ยเฉินขึ้นรถของเขา ขณะเดียวกันก็หยิบมือถือออกมาโทรหาจูเก่อม่าน บอกให้เธอลงมาเจอกันที่ลานจอดรถ

เมื่อมีหลัวคังอันออกหน้ารับรองด้วยตัวเอง คนเหล่านี้ย่อมต้องเข้าออกหอการค้าได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

ลู่หงเยียนที่เดินรั้งท้ายรอให้สองคนข้างหน้าเดินห่างออกไปก่อน จากนั้นถึงจะเอ่ยถาม “ที่ให้จิ้นเซียวพาคนมาแลกตัวที่หอการค้า พระองค์มีเจตนาอะไรหรือเพคะ?”

เธอกลับไม่เคยกังวลมาก่อนว่าถ้าเกิดจิ้นเซียวทำอะไรวุ่นวายขึ้นมาแล้วท่านอ๋องจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ถึงแม้หลินยวนจะใช้ลูกไม้บีบให้จิ้นเซียวไปช่วยคน เธอก็คิดว่าเป็นเพราะท่านอ๋องไม่อยากลงมือช่วยเหลือเอง ด้วยกลัวว่าจะทำให้ตัวตนถูกเปิดเผย เขาถึงได้ให้จิ้นเซียวไปช่วยคนแทน

เจตนานั้นย่อมต้องมีอยู่ แต่บางเรื่องหลินยวนก็ไม่สะดวกจะอธิบายให้เธอฟัง เขารู้ว่าในหอการค้าตระกูลฉินจะต้องมีสายของคนพวกนั้นอยู่อย่างแน่นอน จุดประสงค์ที่ให้พาคนมาแลกตัวกันที่นี่ก็เพื่อต้องการผลักให้จิ้นเซียวออกไปอยู่ข้างหน้า ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้น จิ้นเซียวก็จะได้กลายเป็นเป้าหมายแรกของคนพวกนั้น

พูดง่ายๆ ก็คือเขาต้องการเปิดเผยตัวตนจิ้นเซียว ทำให้คนพวกนั้นรู้ว่าคนที่ไปช่วยจางเลี่ยเฉินออกมาคือใคร

นี่คือข้อได้เปรียบของการรู้เรื่องกับไม่รู้เรื่อง จิ้นเซียวถูกใช้ให้ไปทำโน่นทำนี่โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าเบื้องหลังของการจับตัวครั้งนี้มันคืออะไร

สำหรับหลินยวนแล้ว เขาเคยเตือนจิ้นเซียวตั้งแต่แรกแล้วว่าให้พาจูลี่หนีไป แต่จิ้นเซียวไม่ทำอะไร ยังคงพัวพันอยู่ที่นี่ อย่างนั้นก็โทษเขาไม่ได้แล้ว

หลินยวนจ้องมองแผ่นหลังของจางเลี่ยเฉินพลางกล่าว “ก่อนเลิกงานฉันรับสายจากจิ้นเซียว ตอนนั้นเขาช่วยจางเลี่ยเฉินได้แล้ว”

เมื่อเห็นเขาตอบไม่ตรงคำถาม ในเมื่อไม่อยากพูด ลู่หงเยียนก็ไม่ถามอะไรอีกเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ค่อนข้างประหลาดใจ “ตัดเวลาเดินทางไปกลับออกไป เร็วขนาดนี้เลยเหรอเพคะ?”

หลินยวน “ใช้เวลาเพียงเท่านี้ก็ช่วยคนออกมาได้แล้ว เร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก คนที่ลงมือจะต้องเป็นหนึ่งในคนที่พวกเรารู้จักพวกนั้นแน่นอน การที่สามารถช่วยคนออกมาจากมือคนพวกนั้นได้เร็วขนาดนี้ จิ้นเซียนคนนี้ไม่ธรรมดา น่าสนใจ”

ลู่หงเยียนพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่

“สภาวะของฉันถูกผนึกไว้ ช่วยคลายผนึกให้ฉันหน่อยได้ไหม?” จางเลี่ยเฉินที่อยู่ข้างหน้าพลันเอ่ยขึ้นมา

“หา?” หลัวคังอันหยุดเดิน กล่าวอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น? ไอจิ้นเซียวนั่นเป็นคนทำเหรอลุง?”

จางเลี่ยเฉินยิ้มกระอักกระอ่วน ไม่ได้พูดอะไร

หลัวคังอันส่งเสียงเหอะ “ไอ้ลูกกระจ๊อกนั่นใจกล้าไม่เบานี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามารังแกลุงเฉินของพวกเรา ลุงเฉิน เรื่องนี้ลุงวางใจได้ เดี๋ยวผมช่วยลุงจัดการเขาเอง จะช่วยลุงแก้แค้นให้ได้!” เขาไม่ชอบขี้หน้าจิ้นเซียวมานานแล้ว แต่หลินยวนคอยขัดขวางมาตลอด ตอนนี้จางเลี่ยเฉินโดนเล่นงานแล้ว คิดว่าหลินยวนคงไม่ว่าอะไรอีก เขาคิดว่าตนเองเจอโอกาสสั่งสอนจิ้นเซียวแล้ว

แล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาใช้พลังตรวจสอบร่างกายของจางเลี่ยเฉิน ก่อนจะคลายผนึกบนร่างของจางเลี่ยเฉินให้

หลินยวนและลู่หงเยียนที่เดินอยู่ใกล้ๆ มองดูโดยไม่ได้พูดอะไร

……

จู่ๆ จูลี่ที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “จิ้นเซียว นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่านายไปไหนมา”

จิ้นเซียวเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะย้อนถามว่า “พวกเขาไม่ได้ทำร้ายคุณใช่ไหม?”

จูลี่กล่าวอย่างแปลกใจ “ก็แค่ฟังหลัวคังอันคนนั้นพูดจากยืดยาวเท่านั้นเอง พวกเขาจะทำร้ายฉันทำไม?”

จิ้นเซียวหันหน้ามาเล็กน้อย “พวกเขาควบคุมตัวคุณเอาไว้ แต่คุณกลับไม่รู้สึกสงสัยอะไรเลยเหรอ?”

………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน