ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 226 เอาอีกแล้ว นายนั่นแหละ!

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 226 เอาอีกแล้ว นายนั่นแหละ!

ในโรงงานสร้างข่ายพลังแห่งนี้มีคนอยู่เกือบสองหมื่นคน ถ้าตัดกำลังทหารออกไปหนึ่งหมื่น คนอื่นๆ ทั้งคนงานทั่วไป ทั้งผู้คุ้มกันและพนักงานที่ทำหน้าที่สร้างข่ายพลังล้วนเป็นลูกจ้างของหอการค้าตระกูลฉินทั้งสิ้น

พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ถึงแม้ว่าหอการค้าตระกูลฉินจะไม่ต้องดูแลในส่วนของทหารที่ประจำการณ์อยู่ แต่ก็ยังมีคนของหอการค้าตระกูลฉินอีกนับหมื่นคนเลยที่ต้องการยาแก้พิษ

คนนับหมื่นคนนี้ล้วนเป็นคนที่หอการค้าตระกูลฉินว่าจ้างมา เมื่อพวกเขาต้องมาประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ ทางหอการค้าไม่สามารถปล่อยปละไม่ดูแลได้ หากไม่ดูแลก็เท่ากับว่าหอการค้าตระกูลฉินยืนมองคนเหล่านี้ตายไปเฉยๆ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนที่ไม่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะไปซื้อยาเซียนแก้พิษระดับโอสถทองราคากว่าสิบล้านมุกได้

ส่วนคนที่สามารถควักเงินสิบล้านมุกมาซื้อยาเซียนแก้พิษได้นั้นก็ล้วนเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในบรรดาลูกจ้าง คนเหล่านี้มักจะเป็นคนที่ทางหอการค้าตระกูลฉินต้องคำนึงถึงเป็นลำดับต้นๆ เสมอ เป็นคนที่จำเป็นต้องลงเงินลงแรงให้การดูแลเป็นอันดับแรก จะให้คนเหล่านั้นมาจ่ายเงินซื้อยาแก้พิษเองไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นเจออู๋จื่อ จะให้เขาจ่ายเงินเองแล้วยังทำงานให้หอการค้าได้เหรอ?

สรุปแล้ว ไม่ว่ายังไงหอการค้าตระกูลฉินก็ต้องเป็นคนจ่ายเงินก้อนนี้

แต่หากต้องจัดการเรื่องนี้ จะต้องจัดการยังไงล่ะ?

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าจะหาซื้อยาแก้พิษราคาแพงในจำนวนมากขนาดนั้นได้หรือไม่ แค่ราคาต่อหนึ่งเม็ด จากที่คำนวนมาแล้วอย่างต่ำก็เม็ดละสิบล้าน แบบนี้ต้องใช้เงินเป็นแสนล้านเลย!

หอการค้าตระกูลฉินต้องดำเนินอุตสาหกรรมที่ใหญ่ขนาดนี้ เดิมทีกำลังทรัพย์ก็มีอยู่อย่างจำกัดอยู่แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะเอาเงินหนึ่งหมื่นล้านมุกมาจากหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวได้ หอการค้าตระกูลฉินถึงมีเงินมาหมุนเวียนได้ แล้วนี่จะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้จากไหนอีกล่ะ? หนึ่งแสนล้านมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย ทั่วทั้งดินแดนเซียนคนที่มีเงินสดจำนวนมากขนาดนี้ก็พอจะมีอยู่ แต่ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนที่เอาออกมาใช้ได้ตามอำเภอใจ อย่างตระกูลหนานซี ต่อให้พวกเขาจะรวบรวมเงินจำนวนนี้ได้ พวกเขาก็ไม่มีทางจะรวมเงินจำนวนมากขนาดนี้มาให้หอการค้าตระกูลยืมได้ ตระกูลหนานซีไม่ต้องเก็บไว้เผื่อในยามฉุกเฉินเหรอ?

และแน่นอน หอการค้าตระกูลฉินจะไม่สนใจดูแลคนเหล่านี้ก็ได้ แต่ผลของการไม่สนใจก็คือถ้าเกิดคนเหล่านี้ตายขึ้นมา หอการค้าตระกูลฉินจะไปหาคนมาจากได้อีก ใครยังจะกล้ามาทำงานกับหอการค้าตระกูลฉินอีก?

ครั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้หอการค้าตระกูลฉินเสียหายอย่างหนัก แล้วจะไม่ให้ฉินอี๋หน้าถอดสีได้อย่างไรกัน?

ในสถานที่แห่งนี้จะมีก็แต่หลัวคังอันที่กังวลอยู่แต่เรื่องของตนเองที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้ คนอื่นๆ ต่างกำลังหนักใจกันทั้งสิ้น

ลั่วเทียนเหอนิ่งเงียบ สำหรับเขาแล้ว เขาไม่ได้หวังจะให้หอการค้าตระกูลฉินล้มละลาย แต่ถ้าหากหอการค้าตระกูลฉินล้มละลายก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ก็มิใช่เพราะการประมูลของหอการค้าตระกูลฉินดึงความวุ่นวายเข้ามาหรอกเหรอ? ตอนแรกเขาเคยเตือนฉินอี๋แล้ว แต่ฉินอี๋ไม่ฟัง ตอนนี้เขาจึงได้แต่คิดว่านี่คงเป็นผลจากการกระทำของหอการค้าตระกูลฉินเอง

เว่ยผิงกงเอามือไพล่หลัง สายตามองดูท้องฟ้า ความเป็นความตายของหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลย

แต่ฉินอี๋กลับกำลังร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เลือดลมยิ่งปั่นป่วนรุนแรงขึ้น เธอปิดปากไอ “แค่กๆ ” ขึ้นมาอีกครั้ง ไอออกมาอย่างรุนแรง

หนานซีหรูอันเอ่ยถามไป๋หลิงหลง “พวกคุณไม่มียาแก้พิษพกติดตัวเหรอ?”

ตามหลักแล้ว คนในระดับฉินอี๋ ด้วยทรัพย์สินของตระกูลฉินแล้ว เธอไม่มีทางสนใจเงินแค่สิบล้านนี้หรอก ชีวิตเธอย่อมต้องสำคัญกว่าเงินอยู่แล้ว ต่อให้ราคาเป็นร้อยล้านก็จ่ายได้ ดังนั้นเธอน่าจะมียาเซียนที่มีประสิทธิภาพสูงพกติดตัวไว้ เผื่อใช้ป้องกันตัวยามเกิดเรื่องไม่คาดคิด

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ไป๋หลิงหลงพยักหน้า “มีค่ะ”

หนานซีหรูอัน “ถ้าอย่างนั้นทำไมยังไม่รีบเอามาให้ท่านประธานของพวกคุณกินอีกล่ะครับ?”

ไป๋หลิงหลงเหลือบมองหลินยวน หลัวคังอันและเจียงอวี้ เธอมียานั้นอยู่ในมือก็จริง แต่มันไม่มากพอที่จะมีให้ครบทุกคน เธอมีอยู่เพียงสองเม็ดเท่านั้น สำหรับป้องกันตัวเธอกับฉินอี๋ในยามจำเป็น เธอกำลังกังวลกับเรื่องนี้ เมื่อเห็นท่าทีของฉินอี๋ที่ดูไม่ค่อยดี ประกอบกับการเร่งเร้าของหนานซีหรูอัน เธอจึงไม่สนใจคนอื่นแล้ว เธอหยิบยาออกมา ก้าวเข้าไปแล้วป้อนใส่ปากให้ฉินอี๋กินก่อน อีกเดี๋ยวฉินอี๋จะได้ไม่ต้องลำบากใจ การปกป้องฉินอี๋เอาไว้ก่อนถือเป็นเรื่องสำคัญ

หลังจากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งไปแตะที่แผ่นหลังของฉินอี๋ ใช้พลังช่วยสลายยาให้

ยาเซียนระดับโอสถทองแตกต่างจากยาเซียนทั่วๆ ไป ฤทธิ์ยาแทรกซึมเข้าไปในทรวงอก ไม่นานอาการไออย่างรุนแรงของฉินอี๋ก็ทุเลาลง จังหวะการไอก็ช้าลงเรื่อยๆ

หลังจากไป๋หลิงหลงคลายมือ เธอหยิบยาเซียนออกมาอีกเม็ดหนึ่ง แต่กลับส่งให้ฉินอี๋ “ท่านประธานคะ ฉันยังมีอีกหนึ่งเม็ดค่ะ”

เธอไม่รู้ว่าจะแบ่งยังไง จึงโยนให้ฉินอี๋เป็นคนตัดสินใจดีกว่า

หลัวคังอันมองยาเม็ดนั้นตาปริบๆ แต่ก็อดหันไปมองหลินยวนอีกครั้งไม่ได้ หมอนี่มีความสัมพันธ์กับท่านประธาน แล้วยาเม็ดนั้นจะตกมาถึงตนเองได้เหรอ?

แต่เขาก็คิดดูอีกที ถึงอย่างไรตนก็ได้ชื่อว่าเป็นรองประธานหอการค้า ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาแบบนี้ถ้าฉินอี๋ทำแบบนั้นคงจะไม่ดีเท่าไหร่มั้ง?

หลินยวนกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ตั้งแต่ที่รู้ว่าอาจจะเป็นฝีมือของ ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ เขาก็รู้วิธีช่วยชีวิตเหมือนอย่างลั่วเทียนเหอ ต่อให้สถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน เขาก็สามารถหายาแก้พิษระดับโอสถทองมาได้โดยไม่เป็นปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็มีติดตัวอยู่แล้วด้วย

อีกอย่างคือขอเพียงไม่ใช่พิษที่พิเศษมากมายอะไร พวกพิษที่ยาเซียนแก้พิษสามารถรักษาได้แบบนี้นั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้

ฉินอี๋หันไปมองหลินยวน หลัวคังอัน เจียงอวี้ โดยเฉพาะหลินยวนที่เธอเหลือบมองมากกว่าคนอื่น ก่อนจะกล่าวกับพวกเขาว่า “เงินสำหรับซื้อยาเซียนจำนวนไม่กี่เม็ดนั้น ทางหอการค้าจ่ายไหวอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน ฉันต้องให้หลิงหลงคอยดูแลจัดการในหลายๆ เรื่อง ฉันขอช่วยหลิงหลงก่อนแล้วกัน ของพวกคุณเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที รบกวนรอสักหน่อยนะคะ”

เจียงอวี้เชื่อมั่นในตัวฉินอี๋อย่างมาก เขารู้ว่าถ้าฉินอี๋สัญญาแล้วจะไม่มีทางคืนคำเด็ดขาด จึงพยักหน้าเป็นคนแรก “ให้ผู้ช่วยไป๋ก่อนเลยครับ”

เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของเว่ยผิงกง ในแววตาของเขาจึงมีความรู้สึกชื่นชมปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย

ฉินอี๋ไม่สนใจว่าหลัวคังอันกับหลินยวนจะเห็นด้วยหรือไม่ เธอใช้มือข้างหนึ่งดันยาเซียนที่ไป๋หลิงหลงส่งมาให้กลับไป “เธอใช้ก่อนเลย เรื่องต่างๆ ล้วนมีลำดับขั้นตอน ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ตอนนี้มีเรื่องสำคัญต้องจัดการ”

เมื่อเธอพูดมาแบบนี้ ไป๋หลิงหลงก็ไม่กังวลแล้ว แล้วก็ไม่อิดออดแล้วด้วย กินยาเข้าไปทันที ใช้พลังสลายยาอย่างเงียบๆ

“แค่กๆ ” หลัวคังอันจงใจไอแรงๆ หลายครั้ง กล่าวเตือนขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “ท่านประธานครับ ยานี้มันแพงมาก ของหายากย่อมมีราคาแพง เกรงว่าเมืองปู๋เชวี่ยจะไม่มีขาย หากจะซื้อ รีบติดต่อหาซื้อเอาไว้ก่อนจะดีกว่านะครับ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดยานี้เป็นที่ต้องการมากๆ ขึ้นมา มันจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดได้ง่ายๆ นะครับ”

เว่ยผิงกงเหล่มองเขาแล้ว อดกรอกตาใส่ไม่ได้ ประเมินด้วยสายตาเพียงเล็กน้อยก็มองออกแล้วว่าหลัวคังอันจงใจไอแรงๆ

กระทั่งลั่วเทียนเหอและหนานซีหรูอันก็ยังเหล่มองหลัวคังอันเล็กน้อย

ฉินอี๋มอบหมายงานให้ไป๋หลิงหลงทันที “รีบติดต่อไปที่บ้าน ในบ้านน่าจะยังมียาที่เก็บสำรองไว้ป้องกันตัวอยู่หลายเม็ด บอกให้ที่บ้านเตรียมเอาออกมาเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉิน นอกจากนี้เธอให้คนไปสืบมาหน่อยว่าในเมืองนี้ยังมีใครที่มียานี้อยู่อีก ไปขอซื้อมาแก้พิษให้ผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าที่ติดเชื้อก่อน พยายามควบคุมสถานการณ์ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ได้ค่ะ” ไป๋หลิงหลงเดินออกไปทันที หยิบมือถือออกมาติดต่อหาฉินเต้าเปียนแล้วรายงานสถานการณ์ทางนี้ให้เขาฟัง

พอได้ยินว่ายังมียาอยู่ที่บ้านตระกูลฉินอีก หลัวคังอันก็ถอนใจโล่งอก

ลั่วเทียนเหอคิดแล้วคิดอีก เอ่ยถามเว่ยผิงกงว่า “ผบ.เว่ย แบบนี้จะกำจัดให้เกลี้ยงได้ไหมครับ?”

เว่ยผิงกง “ผมจะให้คนปูพรมหาซ้ำแล้วซ้ำอีกทั่วทั้งโรงงานแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เล็กแค่ไหน หรือต่อให้มันเข้าไปในใต้ดินลึก ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิต นอกจากคนแล้วก็ให้ฆ่าให้เกลี้ยง ตอนนี้เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องนี้ ในเมื่อมีคนวางหลุมพรางไว้ เกรงว่าคืนนี้คงจะต้องเกิดเรื่องแน่ คนของทางเราส่วนใหญ่ล้วนติดเชื้อ คนของคุณต้องคอยจับตาดูอย่างให้ดี ผมรายงานทางสภาเซียนไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องรอจนกว่ากำลังพลของสภาเซียนจะมาถึง”

ลั่วเทียนเหอพยักหน้าด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง

เว่ยผิงกงเหลือบมองไปทางฉินอี๋อีกครั้ง “คนอื่นๆ จัดการได้ง่าย แต่คนของหอการค้าตระกูลฉินพูดมากไปหน่อย โดยเฉพาะเจออู๋จื่อคนนั้น ประธานฉิน ช่วยส่งคนที่มือไม้คล่องแคล่วและพูดจามีประโยชน์มาช่วยประสานงานกับผมหน่อย ถ้ามีคนมาพูดมากขัดคำสั่งของผมอีก ต้องขอโทษด้วยถ้าผมต้องพูดแรงๆ แต่ถึงเวลานั้นมันคงไม่จบง่ายๆ แค่จับตัวไปขังคุกไว้แน่”

ฉินอี๋เองก็รับรู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ ยังไม่ต้องไปสนใจว่าหลังจากนี้หอการค้าตระกูลฉินจะยังยืนได้อยู่ไหม สิ่งสำคัญในตอนนี้คือต้องกำจัด ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ ที่อยู่ตรงหน้านี้ให้หมดสิ้นไปก่อน ไม่อย่างนั้นต่อให้หอการค้าตระกูลฉินจะยังยืนอยู่ต่อไปได้ แล้วถ้าเกิด ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ กลับมาอีกล่ะ แบบนั้นหอการค้าตระกูลฉินยังจะแบกรับความเสียหายไหวเหรอ? หรือจะต้องปล่อยให้โรงงานสร้างข่ายพลังที่ลงทุนไปเป็นจำนวนมหาศาลพังเสียหายไป?

สิ่งที่เว่ยผิงกงพูดมาใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ทุกคนล้วนเกิดอาการแบบนี้แล้ว ย่อมต้องเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องส่งคนสำคัญของทางนี้ไปเข้าร่วมด้วยจริงๆ

ฉินอี๋มองดูพนักงานที่เดินตามหลังมา คนที่มือไม้คล่องแคล่วและทำให้พนักงานของหอการค้าตระกูลฉินเชื่อฟังได้ คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้นอกเหนือจากไป๋หลิงหลงแล้วมีแต่รองประธานอย่างหลัวคังอันเท่านั้น ประจวบกับที่เธอต้องการให้ไป๋หลิงหลงคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายตนเอง เธอจึงทำได้เพียงกล่าวกับหลัวคังอันว่า “รองประธานหลัว คงต้องฝากให้คุณไปประสานงานช่วยผบ.เว่ยนะคะ รบกวนด้วยค่ะ”

หลัวคังอันหน้าเสีย “ท่านประธานครับ ผมยังไม่ได้แก้พิษเลย ร่างกายผมคงไม่ไหวหรอกครับ!”

คราวที่แล้วเขาถูกเว่ยผิงกงบีบหัวไหล่ ทั้งยังพบว่าเว่ยผิงกงคนนี้ไม่ค่อยฟังคนอื่นเท่าไร เขาค่อนข้างหวาดกลัวเว่ยผิงกง กลัวว่าจะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงคิดจะหลบเลี่ยงจากเรื่องนี้

ฉินอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เว่ยผิงกงได้ยื่นมือชี้ไปที่หลัวคังอันแล้วเอ่ยวว่า “บ่นพึมพำอะไร? นายเป็นรองประธานหอการค้าใช่ไหม? งั้นก็นายนี่แหละ!”

เอาอีกแล้วเหรอ? ฉันไปมีความแค้นอะไรกับแกหรือไงกัน? หลัวคังอันอ้าปากค้าง อึกอักคล้ายอยากพูดอะไร แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะระเบิดอารมณ์ออกมา จึงทำได้เพียงเชื่อฟังอย่างหงอยๆ

เว่ยผิงกงหันหลังเดินไป หลัวคังอันทำได้เพียงเดินตามไปอย่างว่าง่าย หลินยวนก็ย่อมต้องตามไปด้วยเช่นกัน

แต่ใครจะรู้ว่าผู้ติดตามของเว่ยผิงกงจะยื่นมือเข้ามาขวางหลินยวนเอาไว้

หลัวคังอันมึนงงเล็กน้อย กล่าวอธิบายว่า “เขาเป็นผู้ช่วยของผม”

ผู้ติดตามคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ผมได้ยินผบ.เว่ยพูดว่าหนึ่งคนเท่านั้นครับ ผบ.บอกหนึ่งก็คือหนึ่งคนครับ”

ลั่วเทียนเหอกับฉินอี๋มองเขา สำหรับผู้ติดตามที่ชื่อโม่ซินคนนี้ พวกเขาทั้งสองคนต่างรู้จัก ในบรรดาคนที่อยู่ในโรงงานทั้งหมด คนคนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่ติดตามเว่ยผิงกงมาจากดินแดนหมิง ดังนั้นเขาจะต้องเป็นลูกน้องคนสนิทของเว่ยผิงกงอย่างแน่นอน

“ผบ.เว่ย!” หลัวคังอันโก่งคอตะโกนเรียกเว่ยผิงกงที่เดินไปไกลแล้ว แต่เว่ยผิงกงกลับเย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก ไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด

หลินยวนเองก็ทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงกล่าวกับหลัวคังอันว่า “ท่านรองประธาน เดี๋ยวผมรอคุณที่นี่ครับ”

หลัวคังอันเหลียวซ้ายแลขวา กลับมาดึงแขนหลินยวน พาเขาออกไปกระซิบกระซาบไกลๆ

หลินยวนรู้ว่าเขากำลังกังวลอะไร จึงเอ่ยเสียงเบาๆ ว่า “ไม่ต้องกลัว เขาคงไม่ทำอะไรแกโดยไม่มีเหตุผลหรอก”

หลัวคังอันกล่าว “นั่นมันเป็นเรื่องรอง แต่ยาเม็ดละสิบล้านนี่สิ อย่างต่ำๆ เม็ดละสิบล้านเลยนะ ฉันกับนายมีเงินมากขนาดนั้นที่ไหนกัน เรื่องเงินยังไม่ต้องพูดถึงก็ได้ แต่ได้ยามาเร็วแค่ไหนก็ทรมานน้อยลงเท่านั้น นายลองดูคนที่ไอกันจะเป็นจะตายพวกนั้นสิ จะไม่ทรมานได้เหรอ? ต้องเอายามาอยู่ในมือก่อนถึงจะสบายใจ หากมัวแต่ชักช้ามันจะยิ่งมีปัญหานะ! น้องหลิน เรื่องความสัมพันธ์ของนายกับท่านประธานเราสองคนต่างรู้กันอยู่แก่ใจ ถ้านายได้ยาแก้มาก็อย่าลืมพี่น้องอย่างฉันนะ เอามาให้ฉันสักเม็ดด้วยนะ!”

ที่แท้เจ้านี่ก็กังวลเรื่องนี้นี่เอง หลินยวนฟังแล้วไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ อยากจะถามเขาว่าความสัมพันธ์อะไรของแก?

แต่จู่ๆ เว่ยผิงกงก็หันกลับมาตะโกน “มัวแต่ชักช้าลีลาอะไร เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?”

โม่ซินเอ่ยขึ้นมาทันที “รองประธานหลัว เชิญครับ!”

หลัวคังอันไม่กล้าชักช้า จึงรีบไปทันที แต่ก็เดินไปแล้วก็คอยเหลียวหน้ากลับมามองด้วยสีหน้าเป็นกังวล

หลินยวนรีบพยักหน้าเพื่อบอกว่ารู้แล้ว เพื่อที่เขาจะได้สบายใจ

คราวนี้หลัวคังอันจึงวิ่งตามเว่ยผิงกงที่เดินเอามือไพล่หลังไปอย่างว่าง่าย ยิ่งเข้าไปใกล้แผ่นหลังของเว่ยผิงกง เขาก็ยิ่งรู้สึกกลุ้มใจ ไม่รู้ว่าการตามตาแก่ที่มาจากดินแดนหมิงคนนี้นั้นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่ เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะตัวเองจะโชคดีอะไรหรอก ขอแค่อย่าอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนเอาใจไม่ไหวก็พอ

……………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน