ตอนที่ 233 เตือน
นี่คือการเอาชื่อของวังพิฆาตมารมาเป็นหลักประกัน
ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมาของทุกคน เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้แล้ว เว่ยผิงกงไม่เชื่อก็คงไม่ได้ แต่เขายังคงเอ่ยถามว่า “มีคำอธิบายให้ฉันจริงเหรอ?”
คังซ่ากล่าว “หรือเว่ยซยงคิดว่าแซ่คังจะทำให้ชื่อเสียงวังพิฆาตมารด่างพร้อยได้? หากยังไม่เชื่อฉัน อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วเช่นกัน!”
แต่เว่ยผิงกงกลับไร้ซึ่งความลังเล เขาผลักมือออกไป อาจารย์หลางที่เท้าติดพื้นอยู่ไถลออกไปไกลถึงสิบจั้งทันที จากนั้นถึงจะใช้พลังประคองร่างให้กลับมายืนอย่างมั่นคงได้
พอยืนได้อย่างมั่นคง อาจารย์หลางก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก กางแขนพร้อมระเบิดพลังออกมา ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันระวังตัวเลยโดนเล่นงาน เห็นได้ชัดว่าอยากจะคิดบัญชีคืน
“อาจารย์ อย่า!” คังซ่ารีบยกมือตะโกน เกือบจะพูดออกไปแล้วว่าคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลย ไยต้องทำให้ตนเองอับอายขายหน้าด้วย
เขารู้ดี คนหนึ่งคือคนที่ผ่านการต่อสู้ฆ่าฟันจนได้รับตำแหน่งนายทวารบาลแห่งดินแดนหมิง ส่วนอีกคนหนึ่งคือคนที่อาศัยทักษะทางการแพทย์จนเป็นที่เคารพในวังเซียน หากนับกันที่สภาวะ อาจารย์หลางอาจจะสูงส่งกว่า แต่หากนับกันที่เรื่องการต่อสู้แล้ว ทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันเลย
อาจารย์หลางเปรียบเสมือนคนร่างใหญ่ที่มีพละกำลังมหาศาล ส่วนเว่ยผิงกงเปรียบเสมือนคนผอมแห้งตัวเล็กแต่คล่องแคล่วว่องไว ในแง่ของพละกำลังอาจจะเทียบกันไม่ได้ แต่คนร่างใหญ่เคลื่อนไหวเงอะงะ เมื่อต่อสู้กันจะต้องถูกคนผอมแห้งที่คล่องแคล่วว่องไวโค่นล้มได้แน่นอน
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะกล่อมให้เว่ยผิงกงหยุดมือได้ แต่อาจารย์หลางกลับจะหาเรื่องใส่ตัวอีก แล้วจะไม่ให้คังซ่าร้อนใจได้อย่างไร
ถ้าเกิดผู้บำเพ็ญเพียรขั้นเซียนเทพประมือกันอย่างเต็มกำลัง ผลกระทบที่เกิดจากการต่อสู้นั้นมิใช่เรื่องเล็กๆ พวกเจียงซั่งซานจึงรีบกันพวกฉินอี๋ให้ถอยออกมา
ลั่วเทียนเหอก็ตะโกนออกมาเช่นกัน “อาจารย์ อย่าวู่วาม!”
เขาเองก็รู้ว่าอาจารย์หลางไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้กับเว่ยผิงกงได้ ดูจากการประมือเมื่อครู่นี้ ในใจเขาก็ทราบดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์หลางไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้ การเอาจุดอ่อนของตนเองไปปะทะกับจุดแข็งของอีกฝ่าย แบบนี้ไม่เรียกว่ารนหาที่ตายเหรอ?
ด้วยความบ้าคลั่งของเว่ยผิงกงแล้ว เขาไม่นึกสงสัยเลยสักนิดหากเว่ยผิงกงที่ถูกยั่วโมโหจะสังหารอาจารย์หลางจริงๆ
ประเด็นสำคัญก็คือแม้ว่าจะสังหารอาจารย์หลางไปแล้ว สภาเซียนก็ไม่แน่ว่าจะทำอะไรกับเว่ยผิงกงได้ ตอนนี้เว่ยผิงกงกำลังอ้างเรื่อง ‘สั่นคลอนกำลังใจทหาร กับ ทำตามกฎทหาร’ อยู่ ความเด็ดขาดของกฎทหารไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีคำว่าเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังของเว่ยผิงกงก็ยังมีคนหนุนหลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ด้วย
คนหนุนหลังผู้ยิ่งใหญ่คนนี้คือหนึ่งในคนที่องค์จักรพรรดิให้สัญญาว่าจะให้ปกครองทุกดินแดนร่วมกันเมื่อครั้งที่พิชิตใต้หล้า ดูจากที่เว่ยผิงกงสามารถใช้พลัง ‘สิบแปดสัมภเวสีแห่งยมโลก’ ได้นั้น เห็นได้ชัดเลยว่าเขาได้รับการชื่นชมจากองค์จักรพรรดิโยวหมิงเป็นอย่างมาก มีคนหนุนหลังระดับนี้อยู่ หากไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าทำอะไรเว่ยผิงกงส่งเดช
แต่อาจารย์หลางโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เวลานี้ได้ถูกเพลิงโทสะทำให้หน้ามืดตามัวแล้ว
ทว่าในขณะที่การปะทะกำลังจะเริ่มขึ้น จู่ๆ เว่ยผิงกงพลันเหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา สะบัดแขนเสื้อข้างขวา ทำให้เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งโรงงานสร้างข่ายพลัง
จู่ๆ เด็กหนุ่มสาวที่ดูเหม่อลอยราวกับไม่ได้สติคู่นั้นก็เหมือนถูกฟ้าผ่า ทั้งคู่เงยหน้ากระอักเลือดออกมา ก่อนจะล้มตึงลงไปกับพื้นทั้งอย่างนั้น
อาจารย์หลางหันไปมอง ตกใจเป็นอย่างมาก รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที หลังจากนั้นรีบพยุงทั้งสองคนขึ้นมาตรวจอาการ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบพาตัวทั้งสองออกไปทันที เห็นได้ชัดว่าต้องการช่วยชีวิตทั้งสองคนโดยด่วน
การต่อสู้สะเทือนฟ้าดินที่กำลังจะเกิดขึ้นกลับต้องหยุดลงเพราะฝ่ายหนึ่งออกจากการต่อสู้ไป ทุกคนต่างรู้สึกโล่งอก
คังซ่าสีหน้าคร่ำเคร่ง เข้าไปใกล้เว่ยผิงกงพลางเอ่ยเสียงขรึม “เว่ยซยง เด็กหนุ่มสาวคู่นี้องค์ฮองเฮาพระราชทานให้เป็นศิษย์ของอาจารย์หลาง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาจริงๆ มันจะไม่เหมาะนะ”
เว่ยผิงกงกล่าว “วางใจเถอะ อาศัยทักษะการแพทย์ของตาแก่นั่น ไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอก ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง คำอธิบายล่ะ?”
พอได้ยินว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คังซ่าก็โล่งใจไม่น้อย เขาโบกมือไปทางถ้ำบนหน้าผา “เชิญไปคุยกันทางนั้นดีกว่า” กล่าวจบก็พุ่งตัวออกไปก่อน
เว่ยผิงกงรีบพุ่งตามเขาไปทันที
ผู้คนที่ยังอยู่ที่เดิมต่างมองหน้ากันไปมา แต่หลินยวนกลับจ้องมองร่างของเว่ยผิงกงที่พุ่งออกไป
ทว่าใบหน้าที่เคร่งเครียดของลั่วเทียนเหอกลับยังไม่ผ่อนคลายลง มีคนที่รับมือได้ยากขนาดนี้เข้ามาในเมืองปู๋เชวี่ย เกรงว่าในวันข้างหน้าเขาคงจะต้องปวดหัวเป็นแน่
หนานชีหรูอันเดินไปข้างๆ ฉินอี๋ “อารมณ์ของผบ.เว่ยคนนี้ไม่ค่อยดีเลยนะครับ เอาคนแบบนี้มาคอยดูแล แบบนี้มันเท่ากับหาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองนะครับ!” เขากำลังเตือนอีกฝ่าย คุณไม่ควรเอาคนๆ นี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ?
แววตาของฉินอี๋วูบไหว ในใจเธอกลับไม่ได้คิดแบบนั้น จากเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า เธอมองว่าความน่ากลัวของผบ.เว่ยคนนี้เกินกว่าที่เธอคาดหวังเอาไว้เสียอีก
สำหรับเธอแล้ว เธอไม่กลัวคนอารมณ์ร้อนที่มีความสามารถ แต่กลัวคนไม่มีความสามารถมากกว่า
แต่ไม่นานในแววตาก็ปรากฏความกังวลขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอไม่มีเวลาจะมานั่งสนใจประโยชน์ของเว่ยผิงกงแล้ว ตอนนี้ควรจะแก้ไขปัญหาอย่างไรต่างหากถึงเป็นเรื่องสำคัญ
……
ภายในถ้ำที่อยู่บนหน้าผา เว่ยผิงกงสาวเท้าเข้าไปถึงตรงหน้าคังซ่า “ฉันอยากให้นายอธิบายต่อหน้าพี่น้องทุกคน ทำไมจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วย?”
ก่อนหน้านี้ที่เขาโมโหก็เพราะการทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ของอาจารย์หลาง
คังซ่านิ่งเงียบไป พยายามเรียบเรียงคำพูดเล็กน้อย จากนั้นจึงถอนใจพลางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ที่ฉันห้ามเว่ยซยงไว้ไม่ให้ไปหาอาจารย์หลาง ก็เพราะอยากจะบอกเว่ยซยงนี่แหละ แต่เว่ยซยงหุนหันพลันแล่นเกินไป”
เว่ยผิงกงกล่าวอย่างใจเย็น “กลัวอะไรกับเขา ท่านสองแห่งวังพิฆาตมารของนายกับป้าที่วังเซียนของเขาคนนั้นก็ไม่ถูกกันอยู่แล้วนี่ ฉันทำแบบนี้นายควรจะดีใจสิถึงจะถูกสิ”
คังซ่าฟังแล้วก็กรอกตา โบกมือพลางกล่าว “ไม่มีเรื่องแบบนี้ ห้ามพูดเหลวไหลเด็ดขาด”
เว่ยผิงกงแค่นหัวเราะเหอะๆ พลางกล่าว “ปัญหาของพวกนาย ฉันขี้เกียจจะถามให้มากความ ว่ามา พูดตอนนี้ยังไม่สาย นายบอกว่าจะอธิบาย ฉันต้องการยาแก้ ต้องการแค่ยาแก้เท่านั้น!”
คังซ่ากล่าว “ยาแก้มีแน่นอนอยู่แล้ว เว่ยซยงจะใจร้อนทำไม”
“หืม?” เว่ยผิงกงแปลกใจ “ก่อนหน้านี้นายยังบอกว่าไม่มียาแก้ ยาแก้ถูกใช้ไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ทางสภาเซียนก็ตอบฉันกลับมาแบบนี้”
คังซ่ากล่าว “ยาแก้ที่อาจารย์หลางบอกน่ะไม่มีแล้ว แต่ก็ยังมียาแก้ทั่วไปอยู่ไม่ใช่เหรอ? เว่ยซยงวางใจได้ สภาเซียนไม่มีทางนั่งอยู่เฉยๆ ไม่สนใจความเป็นความตายของทหารกว่าหมื่นชีวิตได้หรอก ยาเซียนแก้พิษระดับโอสถทองนับหมื่นเม็ดนั้น สภาเซียนคิดหาวิธีรวบรวมมาได้อยู่ ดินแดนเซียนออกจะใหญ่โต จะรวบรวมยาเซียนแก้พิษหมื่นเม็ดมาไม่ได้เชียวหรือ เรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากเกินกำลังของสภาเซียน แม้ว่าราคาที่ต้องจ่ายจะสูงมาก แต่เทียบกับขวัญกำลังใจของทหารแล้ว สภาเซียนย่อมต้องยอมจ่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นเว่ยซยงไม่ต้องร้อนใจ สภาเซียนจะพยายามรวบรวมยาแก้พิษให้ได้เร็วที่สุดอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักหน่อยเท่านั้น อย่างมากก็ประมาณสิบวัน ยาเซียนแก้พิษน่าจะรวบรวมส่งมาให้ได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เว่ยผิงกงก็โล่งใจ พยักหน้าพลางกล่าว “อย่างนั้นก็ดี”
แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าผิดปกติ ในเมื่อมีหนทางแล้ว เหตุใดต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วย จึงเอ่ยถามทันทีว่า “สภาเซียนจะมียาเซียนแก้พิษให้คนของหอการค้าตระกูลฉินหมื่นกว่าคนด้วยหรือเปล่า?”
คังซ่าเอ่ยคลุมเครือ “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ ควรจะต่อรองกับทางสภาเซียนยังไงนั่นเป็นเรื่องของหอการค้าตระกูลฉิน พวกเราทำส่วนของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องเป็นห่วง สรุปแล้ว เว่ยซยงสามารถไปอธิบายกับเหล่าทหารได้แล้ว แล้วก็อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีกล่ะ เอาล่ะ ทางผู้พิทักษ์เมืองปู๋เชวี่ยส่งรายชื่อของผู้ต้องสงสัยมาจำนวนหนึ่งแล้ว ฉันต้องไปตามจับคนก่อน คงไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเว่ยซยงแล้ว” กล่าวจบก็หันหลังออกไปเลย
เว่ยผิงกงที่มองดูเขาเดินออกไปคล้ายยังคงครุ่นคิดอยู่ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเข้าใจอะไรขึ้นมา เขาส่ายศีรษะพลางถอนใจเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งดื่มสุราตรงที่นั่งของตน
เขาโล่งใจแล้ว แต่ฉินอี๋กำลังกังวลอยู่ กระทั่งฟ้าสว่าง เธอถึงได้รู้ว่าคังซ่าออกจากโรงงานสร้างข่ายพลังไปที่เมืองปู๋เชวี่ยแล้ว ในที่สุดฉินอี๋ก็ทนไม่ไหว รีบมาเข้าพบเว่ยผิงกง พร้อมกับพาเจียงอวี้และหลัวคังอันมาด้วย แต่กระทั่งไป๋หลิงหลงก็ไม่อนุญาตให้เข้าไป
หลังจากทำความเคารพแล้ว ฉินอี๋จึงเอ่ยถาม “ผบ.เว่ยคะ คำอธิบายของท่านแม่ทัพเทพ ผบ.เว่ยคิดว่าเหมาะไหมคะ?”
เว่ยผิงกงเงียบไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจพลางกล่าว “ประธานฉิน คุณไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก เรื่องอื่นผมไม่รู้ รื่องบางเรื่องเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ยามเฝ้าประตูอย่างผมควรจะถาม ผมเองก็จะไม่อ้อมค้อมกับคุณเช่นกัน ผมแค่จะเตือนคุณเอาไว้อย่างหนึ่ง ถ้าคุณยังคิดจะตามหาดวงตาแห่งความฝัน อย่างนั้นคุณก็รีบไปหาเถอะ หอการค้าตระกูลฉินของคุณก็นับว่าร่ำรวย ถ้าให้ค่าจ้างมากพอก็น่าจะมีคนกล้ามาเข้าร่วมงานนี้ ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร!”
เมื่อเขาเอ่ยออกมาแบบนี้ ฉินอี๋พลันรู้สึกใจสั่นขึ้นมาทันที สายตามีประกายของความสิ้นหวัง “ผบ.เว่ย คนตั้งเป็นหมื่นคน สภาเซียนจะไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเขาเลยเหรอคะ?”
เว่ยผิงกงใช้มือยันโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ประธานฉิน กำลังคนของสภาเซียน สภาเซียนย่อมต้องคิดหาหนทางช่วยเหลือ ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องมากังวล ไปซะ ไปจัดการเรื่องของตัวเองเถอะ!” เขาโบกมือ ไม่พูดอะไรมาก
ฉินอี๋ยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่โม่ซินก้าวออกมา ผายมือส่งแขก “เชิญครับ!”
ฉินอี๋รู้ว่าคนคนนี้เป็นคนประเภทที่คำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น จึงทำได้เพียงหันหลังกลับอย่างเงียบๆ
แต่ใครจะรู้เว่ยผิงกงกลับชี้พวกขวดเหล้าที่ทิ้งระเกะระกะอยู่บนพื้น “หลัวคังอัน ยังไม่ได้ทำความสะอาดที่นี่เลย นายจะไปไหนล่ะ?”
ทุกคนหันกลับมา หลัวคัวอันเหลือบมองขยะ งุนงงไปทันที ในใจนึกด่าขึ้นมา ฉันมาช่วยแกจัดการเรื่องโรงงาน ไม่ได้มาเป็นคนรับใช้ให้แกนะ!
แต่ในเวลาปกติ คำพูดที่เขาด่าอยู่ในใจล้วนเป็นคำพูดที่เขาไม่กล้าพูดออกมา
ยิ่งไปกว่านั้นคือก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งจะได้เห็นความหุนหันพลันแล่นของคนผู้นี้แล้ว พอไม่พอใจขึ้นมา แม้แต่คนของวังเซียนก็ยังกล้าลงมือ แล้วเขาจะกล้าไปขัดขืนได้อย่างไร?
ใจด่าแต่หน้ายิ้ม เขาพยักหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โค้งตัวพยักหน้าหงึกๆ “ครับ ผมจะจัดการให้สะอาดเลยครับ”
ฉินอี๋ทำได้เพียงมองด้วยสายตาว่า ‘รบกวนคุณด้วยนะคะ’ ก่อนจะเดินออกไป
หลังจากเก็บขยะเรียบร้อยแล้ว หลัวคังอันก็ยิ้มให้เว่ยผิงกงพลางกล่าว “ผบ.เว่ย ผมทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่ายังมีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
เว่ยผิงกง “จากที่ฉันรู้มา ตำแหน่งรองประธานหอการค้าตระกูลฉินของนายมันก็แค่ตำแหน่งเปล่า วันๆ ไม่ได้ทำงานอะไรจริงจัง จะไปทำงาน? ทำงานอะไรล่ะ?”
หลัวคังอันร้องไอหยาพลางกล่าว “ตอนนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนนะครับ ตอนนี้หอการค้าตระกูลฉินกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบาก ผมก็ต้องไปช่วยให้กำลังใจทุกคนสิครับ” ข้ออ้างทั้งนั้น แค่ไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆ คนคนนี้
เว่ยผิงกงเอ่ยเยาะเย้ย “คนรักตัวกลัวตายอย่างนาย ในช่วงเวลาอันตราย แค่นายไม่หนีไปคนแรกก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว ยังจะไปให้กำลังใจคนอื่นได้อีกเหรอ คำพูดพวกนี้ นายพูดออกมาแล้วเชื่อที่ตัวเองพูดหรือเปล่า?” พอเห็นหลัวคังอันกำลังจะพูดจาไปเรื่อยเปื่อยอีก เขาจึงรีบห้ามทันที “พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระ เข้าเรื่องเถอะ”
หลัวคังอันไม่สามารถแก้ตัวได้ แล้วก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ได้ เขารู้สึกอึดอัด แต่อำนาจในการตัดสินใจของที่นี่ไม่ได้อยู่ในมือของเขา เขาจึงทำได้เพียงเอ่ยถามว่า “เรื่องอะไรครับ? ผบ.เว่ยว่ามาได้เลยครับ ผมรอฟังอยู่”
ท่าทางว่านอนสอนง่ายแบบนี้ของเขา เว่ยผิงกงมองยังไงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงอดชี้หน้าด่าเขาไม่ได้ “นายลองดูท่าทางหงอๆ ของนายซิ ฉันล่ะรู้สึกสงสัยจริง ตอนอยู่ในการประมูลก็ดูกล้าหาญเฉลียวฉลาด เห็นๆ อยู่ว่ามีความสามารถทีเดียว แต่กลับเอาแต่ทำท่าหงอๆ แบบนี้ นายไม่เหนื่อยเหรอ?”
หลัวคังอันถอนใจพลางกล่าว “มีความสามารถอะไรกันล่ะครับ กระต่ายเวลาร้อนใจยังกัดคนได้เลย ในการประมูลนั่นเป็นเพราะผมถูกบีบจนอับจนหนทางต่างหากล่ะครับ อีกอย่าง ท่านผบ. เองก็รู้ว่าผมเป็นใครมาจากไหน ผมแค่ไม่อยากเป็นจุดสนใจ ไม่อยากทำอะไรโจ่งแจ้งเท่านั้นเอง ยิ่งไปกว่านั้นอีก นี่ผมไม่ได้หงอนะ ผมกำลังให้ความเคารพผบ.เว่ยต่างหาก…”
“หยุดๆๆ เข้าเรื่องเถอะ” เว่ยผิงกงรีบยกมือห้าม เขาได้รู้แล้วว่าคำพูดเหลวไหลของหมอนี่มีพลังที่ทำให้คล้อยตาม ขืนฟังไปเรื่อยๆ อาจจะทำให้เขวได้ เขายกไหสุราขึ้นมาดื่ม แล้วจึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ถ้าหอการค้าตระกูลฉินล้มละลาย นายวางแผนจะไปที่ไหน?”
……………………………………………………………….