ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 238 เออกูจื่อ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 238 เออกูจื่อ

เขาใช้มือยันโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ถอนใจพลางกล่าวว่า “ที่จริงแล้วการทำแบบนี้มันไม่มีประโยชน์อะไร เพียงแค่ตระกูลหนานชีของเราไม่ยอมปล่อยให้ผลประโยชน์หลุดมือไปเท่านั้น ยังอยากยื้อเวลาเอาไว้ มีความหวังว่าจะได้เห็นจุดเปลี่ยน กอดความหวังว่าเราจะโชคดี ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ก็เท่านั้นเอง”

หนานชีหรูอันร้อนใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “คุณพ่อครับ หรือว่าเรื่องยาแก้จะไม่มีทางเลยเหรอครับ?”

หนานชีเหวินเดินออกมาจากโต๊ะ เอามือไพล่หลังแล้วเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องหนังสือ กล่าวว่า “แกหมายถึงยาแก้พิษที่อยู่ในมือของสภาเซียน หมายถึงว่าจะให้สภาเซียนไปรวบรวมยาเซียนแก้พิษ หมายถึงว่าให้ตระกูลหนานชีของเราไปรวบรวมยาแก้พิษ หรือว่าหมายถึงการไปหาดวงตาแห่งความฝันที่ดินแดนแห่งความฝันล่ะ? ถ้าเป็นเรื่องดวงตาแห่งความฝันที่อยู่ในมือของสภาเซียนล่ะก็ หากสภาเซียนบอกว่ามีก็คือมี บอกไม่มีก็คือไม่มี ใครจะเข้าไปตรวจค้นในวังเซียนได้ล่ะ?”

“ส่วนเรื่องยาเซียนแก้พิษ หอการค้าตระกูลฉินต้องการหาเงินจำนวนมหาศาลจากสภาเซียน แล้วก็ยังต้องการให้สภาเซียนนำเงินจำนวนมหาศาลออกมาช่วยเหลือ เรื่องนี้อย่าแม้แต่จะคิดเลย เพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างมากที่ทางสภาเซียนจะฉวยโอกาสเอาเคล็ดลับสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินไป สภาเซียนไม่ฉวยโอกาสนี้ซ้ำเติมก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

“จริงอยู่ที่ทางตระกูลหนานชีของเราสามารถรวบรวมเงินก้อนนี้มาได้ แต่การจะใช้เงินจำนวนมากขนาดนั้น ทั้งยังเรื่องความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก นี่มันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของคนจำนวนมากในตระกูล ไม่ใช่เรื่องที่เราสองคนพ่อลูกจะสามารถตัดสินใจกันเองได้ คนอื่นๆ ในตระกูลไม่มีทางเห็นด้วยแน่”

หนานชีหรูอันไม่ได้หวังว่าตระกูลหนานชีจะเอาเงินนับแสนล้านออกมาอยู่แล้ว ถ้าเอาเงินจำนวนนี้ออกมาจริงๆ ผลประโยชน์ของหอการค้าตระกูลฉินก็จะไม่เหลือที่สำหรับเขาอีก “คุณพ่อครับ ผมหมายถึงเรื่องตามหาดวงตาแห่งความฝันครับ ผมได้ข่าวมาว่าทางหอการค้าตระกูลฉินได้เสนอเงินรางวัลสามพันล้านมุก ผมกำลังคิดอยู่ว่าตระกูลหนานชีของเราจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง” สรุปแล้วคือยังหวังว่าตระกูลจะใช้อำนาจของตระกูลไปช่วยเหลือ

หนานชีเหวินกล่าว “นี่ก็คือสิ่งที่ฉันกำลังหาทางวิ่งเต้นอยู่ ถ้าสามารถใช้เรื่องที่ทหารบกพร่องต่อหน้าที่มาเป็นข้ออ้างให้สภาเซียนยอมปล่อยให้คนเข้าไปตามหาดวงตาแห่งความฝันในดินแดนแห่งความฝันได้ก็นับว่าดีมากแล้ว”

หนานชีหรูอันงุนงง กล่าวอย่างไม่เข้าใจ “จะเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันยังต้องไปวิ่งเต้นด้วยเหรอครับ? หมายความว่ายังไงครับ?”

หนานชีเหวินกล่าว “ทางเข้าดินแดนแห่งความฝันถูกสภาเซียนปิดเอาไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครจะเข้าไปเสี่ยงอันตรายในดินแดนแห่งความฝัน ด้วยเหตุนี้คนที่รู้เรื่องนี้จึงมีอยู่ไม่เยอะ ปากทางเข้าถูกซ่อนเอาไว้ ต่อให้มีคนคิดอยากจะเข้าไปเสี่ยงก็เข้าไปไม่ได้หรอก”

“ถูกปิด?” หนานชีหรูอันแปลกใจ “ทำไมสภาเซียนถึงต้องปิดประตูทางเข้าดินแดนแห่งความฝันด้วยล่ะครับ?”

หนานชีเหวินหันกลับมา ก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ มาหยุดยืนอยู่ข้างเขาโดยหันหน้าไปคนละฝั่ง “จากที่สืบมา ร่างของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดนั้นสามารถหลอมรวมเข้ากับพลังของผู้บำเพ็ญเพียรได้ ซึ่งวัสดุที่ทำให้เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดสามารถทำแบบนั้นได้ก็มาจากดินแดนแห่งความฝันนี่แหละ!”

“ห้ะ!” หนานชีหรูอันตกใจเป็นอย่างมาก “ถ้ามันเกี่ยวพันกับความลับที่สำคัญเช่นนี้แล้ว แล้วทางสภาเซียนจะปล่อยให้คนเข้าไปอีกเหรอครับ?”

หนานชีเหวินส่ายหน้าเล็กน้อย “มันไม่ได้ลึกลับซับซ้อนเหมือนอย่างที่แกคิดหรอก เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดกำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว เดี๋ยวการสร้างเทพมหาวิญญาณหลังจากนี้จะต้องเกี่ยวพันกับคนจำนวนมาก เมื่อคนมากเข้า เรื่องแบบนี้ก็ไม่มีทางเก็บเป็นความลับได้ ไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็จะรู้กันหมด”

หนานชีหรูอันกล่าวอย่างลังเล “ในเมื่อมันเกี่ยวข้องกับเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดแบบนี้ แล้วสภาเซียนจะยอมเปิดผนึกทางเข้าดินแดนแห่งความฝันเพียงเพื่อหอการค้าตระกูลฉินเหรอครับ?”

หนานชีเหวินกล่าว “ผลประโยชน์ของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดนั้นมากมายมหาศาล ตระกูลใหญ่ๆ ทุกตระกูลต่างจับจ้องตาเป็นมัน ใครบ้างไม่อยากเข้าไปดูล่ะ? เรื่องของหอการค้าตระกูลฉินมันมาได้จังหวะพอดี คอยดูสิ พวกตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลได้แอบเตรียมการไว้อย่างเงียบๆ แล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะต้องรีบร่วมมือกันกดดันทางสภาเซียนให้ช่วยเหลือหอการค้าตระกูลฉินแน่ โดยใช้ข้ออ้างว่าสภาเซียนไม่อาจเมินเฉยต่อ ‘ชีวิตคนนับหมื่นของหอการค้าตระกูลฉิน’ ได้” เขายื่นมือไปตบบ่าลูกบุญธรรม “คนเบื้องล่างมีวิธีของคนเบื้องล่าง พวกตระกูลใหญ่ๆ ก็มีวิธีของพวกตระกูลใหญ่ๆ เข้าใจไหม?”

หนานชีหรูอันเข้าใจแล้ว ที่บอกว่าช่วยเหลือหอการค้าตระกูลฉินนั้นเป็นเรื่องโกหก การใช้ข้ออ้างเรื่องเงินรางวัลของหอการค้าตระกูลฉินแล้วส่งคนเข้าไปสำรวจดินแดนแห่งความฝันต่างหากถึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของตระกูลใหญ่ๆ เหล่านั้น

แต่ถึงเข้าใจไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดอะไรนั่นเป็นเรื่องไกลตัวเขามาก เรื่องที่เขาเป็นห่วงคือเรื่องผลประโยชน์ของตนเองในตอนนี้ จึงเอ่ยถาม “หากเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันแล้วจะหานางพญาหนอนแห่งความฝันเจอไหมครับ?”

หนานชีเหวินปล่อยมือออกจากบ่าของเขา “หลังจากที่ได้ฟังเรื่องโรงงานสร้างข่ายพลังแล้ว ฉันก็ไปสอบถามคนที่เคยไปเข้าร่วมการตามหานางพญาหนอนแห่งความฝันในตอนนั้นทันที นั่นมันไม่ได้ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลย ตอนนั้นสภาเซียนส่งคนไปตามหานางพญาหนอนแห่งความฝันตั้งหลายแสนคน เมื่อรวบรวมคนที่กระจัดกระจายออกไปกลับมาแล้ว สูญเสียคนไปหลายหมื่นคนแต่กลับหาเจอแค่ไม่กี่ตัว มันยากมากๆ ความหวังที่จะหาเจอมีเพียงริบหรี่ ครั้งนี้เรียกได้ว่าหอการค้าตระกูลฉินคงต้องเสี่ยงดวงดู อันเอ๋อร์ เตรียมตัดใจจากหอการค้าตระกูลฉินเถอะ”

“แต่ฉินอี๋คนนั้นไม่เลวเลยนะ กิจการของตระกูลหนานชีมีตั้งมากมาย ขอเพียงแกดึงตัวเธอมาได้ เราก็มีที่มากมายที่จะให้เธอได้ไป มีโอกาสให้เธอได้แสดงฝีมืออีกมาก คนอยู่ใกล้ย่อมได้ผลประโยชน์ก่อน การได้ภรรยาดีๆ สักคนดีกว่าทรัพย์สินเงินทองจำนวนนับไม่ถ้วน เข้าใจไหม?”

หนานชีหรูอันเงียบไป ในใจลอบถอนใจ ที่แท้การช่วยหอการค้าตระกูลฉินยื้อเวลาไม่ได้เป็นแค่การช่วยเหลือหอการค้าตระกูลฉินเท่านั้น

……

“ท่านอ๋อง!”

เพิ่งจะผ่านพ้นยามซวีไป ลู่หงเยียนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็พาร่างเย้ายวนของเธอไปอยู่ข้างกายหลินยวนที่กำลังครุ่นคิดอยู่เงียบๆ กลิ่นกายหอมรัญจวน เอ่ยกระซิบแผ่วเบา สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความรักใคร่

หลินยวนปล่อยให้เธอนั่งลงบนตักและโอบรัดคอเขาไว้ แต่กลับเอ่ยถามว่า “รวบรวมข้อมูลดินแดนแห่งความฝันเป็นยังไงบ้าง?”

ลู่หงเยียนกล่าว “จะมีอะไรได้ล่ะเพคะ คนที่เคยไปดินแดนแห่งความฝันมีไม่มาก รวบรวมไปรวบรวมมาก็ได้มาแต่คำเล่าลือที่คนพูดต่อๆ กันมา”

หลินยวน “ทางผู้อาวุโสรุ่นก่อนก็ไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เลยเหรอ?”

ร่างกายของลู่หงเยียนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นแสร้งทำเป็นซบลงบนไหล่ของเขา ใบหน้าซุกไซร้อยู่ตรงข้างหูของเขา

แต่หลินยวนกลับรับรู้ถึงเสี้ยววินาทีที่ร่างกายของเธอหยุดชะงักไปได้อย่างชัดเจน เขาคว้าแขนของเธอไว้ ค่อยๆ ดึงแขนของเธอออก จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยว่า “ตอบฉันมา”

ลู่หงเยียนสีหน้าดูลำบากใจ “ท่านอ๋องเพคะ ไม่ไปไม่ได้เหรอเพคะ? มันไม่ค่อยปลอดภัยจริงๆ นะเพคะ”

หลินยวนจ้องมองเธอโดยไม่พูดอะไร

ลู่หงเยียนถูกเขาจ้องมองจนรู้สึกอึดอัด ความรู้สึกอยากออดอ้อนออเซาะก็หายไปจนหมดด้วย จึงได้แต่ต้องลุกขึ้นมานั่งข้างๆ หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยก็เอ่ยตอบเขาไปมา “หลังจากที่ทางผู้อาวุโสรุ่นก่อนรู้ข่าว ต้องรออยู่พักหนึ่งถึงจะตอบกลับมา คิดว่าน่าจะไปสอบถามกันเองก่อน สุดท้ายก็เอ่ยถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา ชื่อว่าเออกูจื่อเพคะ บอกว่าเธอน่าจะรู้เรื่องดินแดนแห่งความฝันค่อนข้างดีเพคะ”

“เออกูจื่อ?” หลินยวนเอ่ยพึมพำพลางครุ่นคิด ไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เลยแม้แต่นิดเดียว จึงเอ่ยถามว่า “เป็นใครกัน?”

ลู่หงเยียนกล่าว “ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นนางข้าหลวงของรางวงศ์ก่อนเพคะ! ผู้อาวุโสรุ่นก่อนบอกว่าเออกูจื่อคนนี้มีหน้าตาสะสวย มีเทพองค์หนึ่งของราชวงศ์ก่อนมาชอบพอเธอ แต่เธอไม่เล่นด้วย สุดท้ายเธอจึงถูกย้ายให้ไปอยู่ดินแดนแห่งความฝัน โดยอ้างคำพูดที่ดูดีว่าแต่งตั้งให้เป็นเทพแห่งความฝัน เธอต้องอ้างว้างโดดเดี่ยวอยู่ในดินแดนแห่งความฝันเป็นเวลานานหลายปี แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ควรจะบอกว่าไม่มีใครอยู่ในดินแดนแห่งความฝันนานกว่าเธอแล้วเพคะ แล้วก็ผู้อาวุโสรุ่นก่อนยังพูดถึงเรื่องๆ หนึ่ง บอกว่าในอดีตเทพเจ้าแห่งโรคระบาดเคยขอให้เออกูจื่อหานางพญาหนอนแห่งความฝันมาให้ตัวหนึ่ง แล้วเอาเข้าไปเลี้ยงในวังเพคะ”

เรื่องที่เทพเจ้าแห่งโรคระบาดเลี้ยงนางพญาหนอนแห่งความฝันตรงกับที่อาจารย์หลางเล่าให้ฟัง ในใจหลินยวนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาเอ่ยถามทันที “เออกูจื่อคนนั้นอยู่ที่ไหน?”

ลู่หงเยียนกล่าว “จากคำพูดของผู้อาวุโสรุ่นก่อน ก่อนที่กำลังพลของราชวงศ์ก่อนจะติดกับแล้วถูกผนึกไว้ที่แดนมาร พวกเขาเคยเรียกตัวเออกูจื่อให้ไปที่แดนมารด้วยกันเพคะ แต่ก็เป็นเพราะว่าสิ่งที่เออกูจื่อเคยประสบพบเจอมา ทำให้เธอไม่พอใจราชวงศ์ก่อน จึงไม่ยินดีที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ของราชวงศ์ก่อนกับราชวงศ์ใหม่ ดังนั้นจึงไม่ได้ไป แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เธอรอดพ้นจากหลุมพรางของราชวงศ์ใหม่ ไม่ได้ถูกผนึกไว้ที่แดนมารเหมือนคนอื่นๆ หลังจากราชวงศ์ก่อนพ่ายแพ้ไป ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องถูกขังอยู่ในดินแดนแห่งความฝันที่รกร้างไร้ซึ่งผู้คนอีก แล้วก็ไม่ได้เลือกที่จะหักหลังราชวงศ์ก่อนไปสวามิภักดิ์เข้ากับราชวงศ์ใหม่ด้วย แล้วก็เป็นเพราะตำแหน่งเทพแห่งความฝันแห่งราชวงศ์ก่อน เธอจึงไม่กล้าแสดงตัวอีก ไปหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาหมอกวิญญาณ”

“หุบเขาหมอกวิญญาณ?” หลินยวนตะลึงพลางเอ่ยถาม “ซ่อนตัวอยู่ที่เมืองหมอกในปัจจุบันนี้น่ะเหรอ?”

เมืองหมอกเป็นตลาดมืดที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนเซียน ชื่อเดิมของมันคือหุบเขาหมอกวิญญาณ เรียกได้ว่าเมืองหมอกถือเป็นคำเรียกทั่วไป แต่ชื่อที่แท้จริงคือหุบเขาหมอกวิญญาณ เพียงแต่ผู้คนในตอนนี้เคยชินกับการเรียกว่าเมืองหมอกไปแล้ว คนรุ่นใหม่ก็เลยหลงลืมชื่อดั้งเดิมของมันไป

ลู่หงเยียนพยักหน้า “เดิมทีผู้อาวุโสรุ่นก่อนมีวิธีติดต่อกับเธอเพคะ ตอนที่คิดจะต่อต้านสภาเซียนใหม่อีกครั้ง พวกเขาคิดอยากจะรวบรวมกำลังขึ้นมาใหม่ เลยติดต่อไปหาคนของราชวงศ์ก่อนที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเธออยู่ด้วย แต่เธอปฏิเสธที่จะออกมา บอกประมาณว่าอำนาจของราชวงศ์ก่อนหมดไปแล้ว เรื่องราวในอดีตมันผ่านพ้นไปแล้ว เธอไม่อยากจะนึกถึงมันอีก แล้วก็ไม่อยากเข้าร่วมการต่อสู้ที่ไม่มีความหมายเช่นนี้ เธอบอกว่าไม่อยากหักหลังราชวงศ์ก่อน แต่อย่าบังคับเธอ ไม่อย่างนั้นเธอจะหันไปสวามิภักดิ์กับราชวงศ์ใหม่”

“หลังจากนั้นเธอก็ตัดขาดการติดต่อกับผู้อาวุโสรุ่นก่อนไป ทว่าทางผู้อาวุโสรุ่นก่อนมีคนที่มีความสามารถอยู่ พวกเขาสามารถระบุตำแหน่งคร่าวๆ ของเธอผ่านการติดต่อสื่อสารได้ เมื่อดูจากพื้นที่แล้ว ในพื้นที่แถบนั้นไม่มีที่ไหนที่เหมาะจะใช้หลบซ่อนตัวได้ดีไปกว่าหุบเขาหมอกวิญญาณแล้ว ดังนั้นจึงพอจะแน่ใจได้ว่าเธอน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่นเพคะ”

“ราชวงศ์ก่อนเคยทำผิดต่อเธอ ราชวงศ์ใหม่เองก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีต่อเธอ แต่เธอกลับไม่ได้หักหลังราชวงศ์ก่อน นี่นับว่าผ่านการทดสอบแล้ว ประกอบกับเรื่องที่ราชวงศ์ใหม่ไม่รู้ว่าเธอไม่ได้ไปที่แดนมารและคำเตือนของเธอ ผู้อาวุโสรุ่นก่อนไม่อยากสร้างศัตรูขึ้นมาอีก หลังจากพิจารณาในทุกๆ ด้านแล้ว ในที่สุดก็ยอมล้มเลิกความตั้งใจไป ไม่ได้เรียกตัวเธอมาอีก”

หลินยวนกล่าวอย่างลังเล “อย่างนั้นก็แสดงว่า ไม่รู้เลยว่าตัวตนของเธอในตอนนี้คืออะไร แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอซ่อนตัวอยู่ส่วนไหนของเมืองหมอก อีกทั้งไม่รู้อีกว่าตอนนี้เธอยังซ่อนตัวอยู่ที่เมืองหมอกหรือเปล่า แม้ว่าเธอจะยังอยู่ที่เมืองหมอก แต่เมืองหมอกกว้างใหญ่อย่างมาก มีคนอยู่ไม่ใช่น้อยๆ การจะตามหาเธอให้เจอก่อนที่พิษจาก ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ จะคร่าชีวิตคนเหล่านั้นไป หากไม่มีเบาะแสเลยแม้แต่นิดเดียว เกรงว่าคงจะไม่ทันเวลา คิดว่าคงไม่ต้องเสียแรงไปตามหาเธอแล้ว”

ลู่หงเยียนยอมให้เขาเดินหาอยู่ในเมืองหมอกไปตลอดเสียยังดีกว่า “ท่านอ๋อง ใช่ว่าจะไม่มีเบาะแสเลยนะเพคะ ผู้อาวุโสรุ่นก่อนให้เบาะแสที่จะใช้ตามหาเธอได้มาหนึ่งเรื่องเพคะ”

หลินยวนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “ว่ามา”

ลู่หงเยียนกล่าว “เมื่อครั้งที่ราชวงศ์ก่อนยังอยู่ ผู้มีอำนาจในเวลานั้นย่อมต้องคอยจับตาดูเทพทุกองค์ เพื่อที่จะได้รู้ถึงจุดอ่อนของเทพเหล่านั้น จากที่ผู้อาวุโสรุ่นก่อนบอกมา เออกูจื่อมีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่งที่แม้แต่ตัวเธอเองก็อาจจะไม่ทันสังเกต นั่นคือเออกูจื่อชื่นชอบกลิ่นหอมเพคะ!”

หลินยวนมึนงง “กลิ่นหอม? หมายความว่าอะไร?”

ลู่หงเยียน “ความหมายก็ตรงตามที่บอกเลยเพคะ เพียงแค่ได้กลิ่นหอม เออกูจื่อก็จะชอบเอามาดมใกล้ๆ เพคะ”

หลินยวนกล่าวอย่างลังเล “นี่นับว่าเป็นจุดอ่อนด้วยเหรอ? ถ้ามีกลิ่นหอม ใครเขาก็ดมกันไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เพคะ!” ลู่หงเยียนส่ายหน้าพลางกล่าว “ถ้าไม่มีพฤติกรรมที่พิเศษย่อมไม่อาจเรียกว่าจุดอ่อน เธอมีพฤติกรรมตามความเคยชินที่มักจะทำโดยไม่รู้ตัวอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือตอนที่ได้กลิ่นหอมเธอจะค่อยๆ ดมก่อน จากนั้นจะหันหน้าไปทางซ้ายเล็กน้อยแล้วดมอย่างช้าๆ จากนั้นจะหันหน้าไปทางขวาเล็กน้อยแล้วดมอย่างช้าๆ อีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะหรี่ตาลงเล็กน้อย ในแววตาจะปรากฏความดื่มด่ำขึ้นมา พฤติกรรมตามความเคยชินที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวของคนเรามันยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้เพคะ ผู้อาวุโสรุ่นก่อนบอกว่าให้ลองไปตามหาจากเบาะแสนี้ดู บางทีอาจจะได้อะไรกลับมาเพคะ”

หลินยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที นี่นับว่าเป็นเบาะแสที่ไม่เลวทีเดียว ขอแค่มีเบาะแสที่ชัดเจนให้ตามหา อย่างนั้นก็จัดการได้ไม่ยากแล้ว เขาลุกขึ้นยืน เดินวนไปวนมาอยู่สักพัก จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาหลัวคังอัน

………………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน