ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 241 ติดตาม

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 241 ติดตาม

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินยวนกลับมาที่ร้านตนเอง เมื่อเห็นว่าหลัวคังอันยังไม่ได้กลับมา เขาจึงตรวจสอบร้านอีกครั้ง

จากนั้นรอไปอีกพักใหญ่ก็ยังไม่เห็นหลัวคังอันกลับมา

แค่ไปสั่งทำของต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ? หลินยวนกังวลว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้น จึงหยิบมือถือออกมาต่อสายหาหลัวคังอัน เมื่อปลายสายรับก็เอ่ยถาม “ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก?”

ทั้งสองคนเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกันใหม่แล้ว

หลัวคังอันกล่าวเสียงอ่อยๆ “เอ่อ เหมือนว่าฉันจะหลงทางแล้ว” จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่อายปาก “เมืองบ้าๆ นี่ทำเอาฉันเวียนหัวไปหมด มองไปทางไหนก็เหมือนๆ กัน แต่พอมองอีกทีมันก็ไม่เหมือนกันอีก รอบๆ ก็มองอะไรไม่ชัดเลย ฉันเองก็ไม่รู้จักทางด้วย…”

หลินยวนกล่าวตัดบท “แกไม่รู้จักถามทางหรือไง?”

หลัวคังอันกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “เอ่อ ร้านเราไม่มีป้ายร้าน ถึงฉันอยากถามก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับไปที่ไหนนี่!”

หลินยวน “ตอนแกออกไปไม่ได้สังเกตว่ามีร้านอะไรอยู่ใกล้ๆ เราเลยเหรอ?”

หลัวคังอันถอนใจพลางกล่าว “อันนี้นายจะโทษจะฉันไม่ได้นะ ท่าทางนายตอนนั้นมันดูน่ากลัว ฉันเองก็ตื่นเต้น ก็เลยลืมสังเกตไป”

หลินยวนนับว่ายอมใจเขาแล้ว พบว่าคนคนนี้ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก จึงกล่าวทันที “ไม่ต้องพูดมาก มองไปรอบๆ ตัวแก มีร้านอะไรที่มันดูสะดุดตาไหม”

“อ๋อๆ นายรอเดี๋ยวนะ” หลัวคังอันหยุดพูด นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “มี มี ‘โรงเตี๊ยมทะเลหมอก’ น่าจะเป็นพวกสถานที่ที่ให้กินดื่มพักอาศัยนะ ดูจากขนาดแล้วไม่ใช่เล็กๆ เลย”

หลินยวน “แกรออยู่ที่หน้าประตูตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันไปหา”

หลัวคังอันยิ้มทันที “ได้ๆๆ เดี๋ยวฉันรอนายที่นี่”

หลินยวนรีบออกไปหาเขาทันที จะไม่ไปหาก็ไม่ได้ จะให้ทิ้งไว้ไม่สนใจก็คงไม่ได้ ในตอนที่ไปถึงหน้าประตู ‘โรงเตี๊ยมทะเลหมอก’ เขาก็เห็นหลัวคังอันยืนหันรีหันขวางไม่หยุดอยู่จริงๆ

ระหว่างทางที่เดินนำหลัวคังอันกลับมา หลัวคังอันเองก็นับว่าได้บทเรียนแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่บีบบังคับ เขาพยายามจำป้ายร้านค้าที่เดินผ่านตลอดทาง จะให้ออกมาข้างนอกแล้วเดินหลงอีกไม่ได้หรือเปล่า ขืนพูดออกไป กระทั่งตนเองก็ยังรู้สึกขายหน้า

แต่โชคดีที่เขาขายหน้าต่อหน้าหลินยวนจนชินแล้ว ก็เลยไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เลยว่าต้องหาข้ออ้างมากมายแค่ไหนมาปกปิดความไร้ความสามารถของตนเอง

หลินยวนเองก็คิดว่าเจ้านี่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมของเมืองหมอกแบบนี้ไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน เพื่อฝึกนิสัยที่คอยสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้านและจดจำเส้นทาง

เมื่อกลับมาถึงร้านค้า เนื่องจากทั้งสองต่างออกไปข้างนอกมา ไม่มีคนอยู่เฝ้าร้าน หลินยวนจึงต้องตรวจสอบร้านอย่างละเอียดอีกรอบ

หลังจากแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างปกติดี จึงปิดประตูร้านค้า ทั้งสองอยู่กันข้างในร้านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร

หลัวคังอันรู้สึกเบื่อ เขาเป็นคนไม่ชอบความเงียบเหงา อยากจะออกไปเดินเล่น แต่พอนึกถึงเรื่องที่ตนเองเพิ่งหลงทางมา ก็รู้สึกกระดากที่จะเอ่ยปาก จึงทำได้เพียงอดทนไว้

ขณะที่ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง หลินยวนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในห้องก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู พบว่าเป็นสายจากลู่หงเยียน จึงรับสายทันที “ฉันเอง”

ลู่หงเยียนกล่าว “ของที่พระองค์ต้องการมาถึงแล้วเพคะ ไปรับได้ที่ห้องหมายเลขสามของ ‘โรงเตี๊ยมทะเลหมอก’ เพคะ อีกฝ่ายจะพูดว่าฝนใกล้ตกแล้ว ให้พระองค์ตอบกลับไปว่าอีกสามวันตก เรื่องเงินมีคนจัดการแล้วเพคะ พระองค์ไปรับของแล้วกลับได้เลยเพคะ”

หลินยวนคิดไม่ถึงว่าเพิ่งไปโรงเตี๊ยมทะเลหมอกมาไม่นานก็ต้องกลับไปอีกแล้ว เขาจดจำข้อมูลทุกอย่าง แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย “ของมาถึงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”

ลู่หงเยียนกล่าว “พวกของอย่างเครื่องหอมพวกนี้ ผู้หญิงล้วนชอบกัน ขอเพียงเป็นของที่ขายดี อีกทั้งโลกมนุษย์ก็ไม่ได้ไปกันง่ายๆ อะไรที่เอามาได้ก็เอามาหมด ไม่กลัวว่าจะขายไม่ออกเพคะ”

หลินยวน “อย่างนั้นก็ตามนี้”

ลู่หงเยียนกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน “คอยติดต่อกันไว้นะเพคะ”

หลินยวนตอบอืม ก่อนจะวางสายไป เขาหันหลังเดินออกไปจากห้องของตนเอง ลงมาข้างล่าง กล่าวกับหลัวคังอันที่นั่งเหงาๆ อยู่ในร้านว่า “แกอยู่เฝ้าที่นี่ ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย”

หลัวคังอันลุกขึ้นทันที “ไม่เอา ไปด้วยสิ พาฉันออกไปเดินเล่นด้วย”

หลินยวนเอ่ยเตือน “ถ้าไม่มีคนอยู่เฝ้าร้าน เดี๋ยวกลับมาก็ต้องให้แกตรวจที่นี่อีก”

หลัวคังอันมองไปรอบๆ ทันที รู้สึกว่าคนคนนี้จะระวังตัวเกินไปแล้ว

“ฉันไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ” หลินยวนทิ้งคำพูดนี้ไว้พร้อมกับหลัวคังอัน เปิดประตู เดินออกไปพร้อมปิดประตู เดินจากไปแบบนี้

หลัวคังอันที่ต้องเฝ้าร้านค้าโล่งๆ ถอยกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้โยก เอนหลังพิงลงไปอีกครั้งพลางถอนใจออกมา

……

ณ โรงเตี๊ยมทะเลหมอก หลินยวนมาที่นี่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเดินตรงเข้าไปเลย พนักงานรับแขกเดินเข้ามาต้อนรับ หลินยวนจึงเอ่ยกับเขา “จองห้องหมายเลขสามไว้”

“ตามผมมาเลยครับ” พนักงานรีบนำทางไปอย่างกระตือรือร้น

หลังจากพามาถึงห้องหมายเลขสาม พนักงานก็ไม่ถามเขาเลยว่าจะกินหรือดื่มอะไร หากแต่ปิดประตูแล้วถอยออกไปอย่างรู้งาน

ภายในห้องไม่มีใครอยู่ หลินยวนนั่งรออยู่ในนั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีเสียงเคาะผนังก๊อกๆ ดังมาจากห้องข้างๆ เขาหันไปมอง มีเสียงคนดังขึ้นมาว่า “ฝนใกล้ตกแล้ว”

หลินยวนตอบกลับไปทันที “อีกสามวันตก”

คราวนี้คนข้างห้องถึงได้เปลี่ยนน้ำเสียง “ของอยู่ในกาน้ำชา ตรวจดูสิ”

หลินยวนหันไปมองกาน้ำชาบนโต๊ะ ยื่นมือไปเปิดฝาออกดู เห็นข้างในนั้นมีแหวนสารพัดนึกแช่อยู่ในน้ำชาหนึ่งวง

หลังจากเอาแหวนออกมาแล้วถ่ายพลังเข้าไปตรวจสอบดู เขาก็ตอบกลับไปว่า “ของน่ะมีอยู่ แต่ไม่รู้ว่าคุณภาพเป็นยังไงบ้าง?”

ข้างห้องเอ่ยว่า “เรื่องราคามีการตกลงกันไว้แล้ว ให้ราคามาเท่าไหร่ เราก็หาของราคาตามนั้นให้คุณ ในเรื่องนี้เราพอจะมีชื่อเสียงอยู่ ถ้าคุณจะบอกว่าของคุณภาพไม่ดี อย่างนั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด คุณวางของไว้ตรงนั้นแล้วไปได้เลย เดี๋ยวทางเราจะคืนเงินให้ แต่ถ้าคิดว่ายอมรับได้ ก็แจ้งกับคนที่ประสานเรื่องมา ได้เงินมาก็เอาของไปได้ แล้วแต่คุณละกันว่าจะเอายังไง เราไม่บังคับขายกันอยู่แล้ว ซื้อขายกันอย่างสันติย่อมเป็นเรื่องดีกว่า”

หลินยวนหยิบมือถือออกมาโทรหาลู่หงเยียน “ได้รับของแล้ว”

“เพคะ” ลู่งหงเยียนรับคำแล้ววางสายไป

จากนั้นไม่นาน เสียงจากข้างห้องก็ดังมาอีก “หากต้องการอะไรอีกก็มาหาพวกเราได้” จากนั้นเสียงข้างห้องก็เงียบไป เห็นได้ชัดว่าทำการซื้อขายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

หลินยวนวางธนบัตรใบหนึ่งไว้บนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นเดินออกไป

พนักงานที่รออยู่ตรงปากทางลงบันไดรีบเข้ามาพยักหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อย เดินผ่านหลินยวนเข้าห้องไป หยิบธนบัตรที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะรีบออกมาพยักหน้าให้กับพนักงานที่อยู่ในโถงรับแขกชั้นล่าง

พนักงานที่อยู่ในโถงรับแขกตอบรับ เดินเข้ามาตรงหน้าหลินยวนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที จากนั้นก้มหน้าโค้งคำนับส่งแขก “เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ”

หลินยวนที่เดินไปถึงหน้าประตูเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนที่เป็นหัวหน้าคือผู้ชายรูปร่างกำยำ ใส่สูทกับรองเท้าหนัง มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ด้านหลังมีผู้ติดตามอยู่อีกหลายคน

หลินยวนสังเกตดูชายรูปร่างกำยำคนนั้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสายตาพลันไปหยุดอยู่ที่สร้อยข้อมือเส้นหนึ่งที่อยู่บนข้อมือของมือที่เสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่าย จากนั้นสายตาคู่นั้นก็กลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว เดินผ่านคนกลุ่มนั้นไปโดยไม่เผยความผิดปกติใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย

หลังออกมาจากโรงเตี๊ยม หลินยวนไม่ได้ไปไหนไกล หากแต่คอยจับตาดูอยู่แถวๆ ประตูโรงเตี๊ยม รอคอยอยู่ตรงนั้น

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ท้องฟ้ามืดสลัวอย่างมากแล้ว หลัวคังอันโทรมาหาเขา หลินยวนรับสายแล้วเอ่ยถามว่า “มีอะไร?”

หลัวคังอันว่า “นายบอกว่าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังไม่กลับมาอีกล่ะ?”

หลินยวนว่า “มีธุระนิดหน่อย อาจจะกลับไปดึกหน่อย”

หลัวคังอันว่า “ทำอะไรอะ มีเรื่องอะไรสนุกๆ ก็พาฉันไปด้วยสิ!”

“อยู่เฝ้าร้านไป ห้ามไปไหนทั้งนั้น” หลินยวนไม่พูดอะไรกับเขาอีก กดวางสายไป แล้วก็ขยับตัวขึ้นมา เพราะว่าเห็นกลุ่มของชายรูปร่างกำยำที่เจอก่อนหน้านี้เดินออกมากันแล้ว เขาเดินตามคนพวกนั้นไป

เขาไม่ได้เดินตามหลังไปตรงๆ หากแต่ใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศที่ตนเองนับว่าค่อนข้างคุ้นเคยในการปิดบังอำพรางตัวเขาไว้ ใช้วิธีเดินเยื้องไปทางด้านหลัง ติดตามไปตลอดทาง

ผลก็คือพบว่าพวกเขาเดินไปตามถนนอย่างอย่างไม่เกรงกลัวอะไร เดินตรงไปถึงจุดสำหรับขึ้นพาหนะโบยบินที่อยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของเมืองหมอก

เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างกายชายรูปร่างกำยำเดินไปซื้อตั๋วที่หน้าต่างจำหน่ายตั๋ว หลินยวนก็ไม่ได้จับตาดูชายรูปร่างกำยำอีก หากแต่เดินไปที่จุดจำหน่ายตั๋วเช่นกัน

กระทั่งคนที่ซื้อตั๋วอยู่ข้างหน้าเดินออกไป หลินยวนก็รีบเดินเข้าไป ค่อยๆ หยิบเงินออกมา เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่เดินออกไปไม่ได้ยินที่เขาพูด เขาจึงกล่าวกับพนักงานขายตั๋วว่า “มาด้วยกัน เอาตั๋วอีกใบ”

พนักงานขายตั๋วมองเขา แล้วมองคนที่เดินออกไป สายตามีความสงสัยเล็กน้อย แต่ในฐานะที่อยู่ที่นี่จึงรู้กฎเป็นอย่างดี อย่าพูดเรื่องที่ไม่ควรพูด อย่าถามเรื่องที่ไม่ควรถาม ดังนั้นแค่รับเงิน ทอนเงินและให้ตั๋วไปก็พอแล้ว

หลินยวนที่ได้ตั๋วมาอยู่ห่างจากจุดที่กลุ่มของชายรูปร่างกำยำยืนรออยู่ค่อนข้างไกล อย่างน้อยทั้งสองฝ่ายก็มองเห็นกันไม่ง่าย นั่งหันหลังให้กัน หลับตาพักผ่อน

หลังจากรอไม่นาน พาหนะโบยบินเที่ยวนี้ก็ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว หลินยวนลุกเดินไปยังพาหนะโบยบินเที่ยวนี้ ก่อนจะเข้าไปข้างในแล้วนั่งลงในที่นั่งของตนเอง

ไม่นาน กลุ่มของชายรูปร่างกำยำก็ขึ้นมา ตั๋วของพวกเขาเป็นที่นั่งติดกัน เรียกได้ว่านั่งอยู่ในแถบเดียวกันกับหลินยวนเลย

พาหนะโบยบินขึ้นบิน พุ่งทะยานออกไป

ในตอนที่ลงจอดอีกครั้งหลังจากโบยบินมาเป็นเวลายาวนาน พาหนะโบยบินก็มาถึงเมืองเซินยวนแล้ว เหล่าผู้โดยสารทยอยลงจากพาหนะโบยบิน ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง

กลุ่มของชายรูปร่างกำยำมีรถมารับไป

หลินยวนเดินตรงไปยังพื้นที่จอดรถ สายตากวาดมองไปในกลุ่มคนที่ผ่านไปผ่านมา เจอเป้าหมายที่เหมาะสมที่เดินไปยังที่จอดรถและกำลังเปิดประตูฝั่งคนขับอยู่คนเดียว เขาจึงรีบเดินเข้าไป และในชั่วพริบตาที่อีกฝ่ายจะปิดประตู มือข้างหนึ่งได้ยื่นไปจับประตูเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นเข้าไปก่อน จากนั้นจึงเบียดตัวเข้าไปนั่งในที่นั่งของคนขับอย่างรวดเร็ว

กระทั่งเขานั่งและปิดประตูรถเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถที่ถูกทำให้สลบโดยที่ไม่ได้รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นถูกโยนไปที่เบาะด้านหลัง

หลินยวนขับรถออกไป ปะปนอยู่ท่ามกลางรถที่หนาแน่นบนท้องถนน ติดตามรถของเป้าหมายไป

ที่เขาขโมยรถมาแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากประหยัดเงิน หากแต่เป็นเพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเคยติดตามเป้าหมาย

รถที่สวนทางไปมาบนถนนมีเยอะมาก กฎของเมืองอื่นๆ ล้วนเหมือนกับที่เมืองปู๋เชวี่ย นั่นคือห้ามบินภายในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต

เขาติดตามเป้าหมายมาจนถึงทางแยกแห่งหนึ่ง หลินยวนไม่กล้าตามต่อแล้ว แม้ว่าด้วยทักษะในการติดตามของเขาจะทำให้เขามีความมั่นใจว่าจะไม่ถูกอีกฝ่ายพบ แต่เขาก็ยังค่อนข้างระวังตัว ยิ่งไปกว่านั้นคือดูเหมือนว่าเป้าหมายจะมาถึงที่หมายแล้วด้วย ทั้งคนทั้งรถเริ่มน้อยลงแล้ว

เขาชะลอความเร็วรถ สังเกตเห็นรถเป้าหมายขับเข้าไปในในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่บนหน้าผา จากนั้นถึงจะเร่งความเร็วรถจากไป

หลินยวนหาที่ที่เหมาะสมทำการจอดรถ จากนั้นทิ้งรถแล้วเดินออกไป คนที่สลบอยู่ในรถเมื่อถึงเวลาย่อมฟื้นขึ้นมาเอง

หลังจากเดินห่างออกมาจากรถที่จอดทิ้งไว้ เขาก็เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่วิ่งผ่านมาแล้วออกไปจากตรงนั้น

ระหว่างทางก็หาที่ที่หนึ่งแล้วลงจากรถ เดินไปจนถึงที่ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง หลินยวนหยิบโทรศัพท์มือถือที่ก่อนหน้านี้ใช้งานอยู่ที่เมืองปู๋เชวี่ยออกมา โทรหากวนเสี่ยวไป๋ “ฉันเอง”

ตอนนี้กวนเสี่ยวไป๋ค่อนข้างกลัวที่จะรับสายเขา จึงเอ่ยถาม “มีอะไร?”

หลินยวนถาม “แกมีรูปสวี่สยงไหม?”

“สวี่สยง?” กวนเสี่ยวไป๋มึนงง “ทำไมจู่ๆ แกถึงมาถามหาเขาล่ะ?”

หลินยวน “มีหรือไม่มี?”

กวนเสี่ยวไป๋ยิ้มเจื่อนพลางกล่าว “ฉันจะไปมีรูปเขาได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็นแกจากไป หรือว่าเขาจากไป ตอนนั้นมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายรูปที่แพร่หลายกันตอนนี้ ฐานะของพวกเราตอนนั้นก็ไม่มีโอกาสที่จะเก็บภาพเหมือนอะไรไว้ด้วย ตอนนั้นที่เขาอาจจะเคยกลับมา เขาก็ไม่ได้มาเจอฉัน ฉันจะไปมีรูปเขาได้ยังไง แกถามแบบนี้ คงไม่ใช่ว่าไปเจอเขามาใช่ไหม?”

หลินยวน “เปล่า แค่จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมา ก็เลยนึกถึงเขา อยากจะให้คนไปตามหา ถ้ามีรูปก็จะได้ตามหาได้ง่ายขึ้น”

…………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน