ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 246 หมอนี่ชอบด่าคนลับหลัง

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่​ 246 หมอนี่ชอบด่าคนลับหลัง

เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา ในเมื่อเธอมาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว​ พูดโกหกไปมันไม่ดี ในเมื่อพยายามดึงคนแบบนี้มาทำงานด้วยแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะเข้ากันไม่ได้เท่าไหร่ แต่เธอยังคงมองในระยะยาว ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ เพราะปัญหาเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้านี้

ทันทีที่เอ่ยคำพูดนี้ออกไป​ กลับทำให้เว่ยผิงกงอึ้งไปทันที

หลังจากที่เว่ยผิงกงมึนงงไปเล็กน้อย เขาก็ถามว่า​ “ประธานฉินกำลังล้อเล่นใช่หรือเปล่า?”

ฉินอี๋กล่าว​ “ฉินอี๋พูดความจริงทุกประการ​ รองประธานหลัวไปหายาแก้ให้ผู้ที่ได้รับพิษจริงๆ​ ค่ะ​ หากมีคำพูดโกหกแม้แต่ประโยคเดียว​ ฉินอี๋ยินดีให้ผบ.เว่ยตัดสินโทษค่ะ”

เว่ยผิงกงเงียบไปเล็กน้อย​ สายตาจับจ้องอยู่ที่เธอครู่หนึ่ง​ จู่ๆ​ พลันแค่นหัวเราะพลางกล่าว​ “หอการค้า​ตระกูลฉินนี่ใจกว้างจริงๆ​ เลยนะ​ ขนาดรองประธานก็ยังส่งไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนั้นได้? จากที่ฉันรู้มา หอการค้าตระกูลฉินออกเงินรางวัลจำนวนสามพันล้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ? คนที่ยอมเสี่ยงตายเพื่อเงินก็น่าจะมีอยู่ไม่น้อย​ ยังจำเป็นต้องส่งเขาไปด้วยหรือ?”

“ทิวทัศน์ที่ดินแดนแห่งความฝันนั้นนับว่าไม่เลว แต่ว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่น่าสนุกอะไร ขนาดสภาเซียนส่งกองทัพไปก็ยังสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมาก อาศัยเพียงสภาวะแค่นั้นของเขาคิดจะทำเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ? ทำไมฉันฟังแล้วมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย หรือว่าหอการค้าตระกูลฉินไม่ชอบขี้หน้าหมอนั่น เลยคิดจะใช้โอกาสนี้กำจัดเขา?”

ฉินอี๋โค้งคำนับ “ผบ.เว่ยกล่าวหนักไปแล้วค่ะ ไม่ใช่ทางหอการค้าตระกูลฉินส่งเขาไป แต่เป็นเขาที่มาเสนอตัวจะไปเอง ฉันเองก็เคยเตือนเขาไปแล้ว แต่ในเมื่อเขายืนกรานจะไป ฉันก็ทำได้แค่ตอบตกลงค่ะ”

“เสนอตัว?” เว่ยผิงกงมึนงง เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “นิสัยรักตัวกลัวตายอย่างหมอนั่น เขาจะเสนอตัวไปเสี่ยงอันตรายเองได้เหรอ? ประธานฉิน เธอเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”

“ไม่กล้าค่ะ!” ฉินอี๋ส่ายหน้า พลางกล่าวอย่างเคารพนบนอบ “จริงอยู่ที่บางครั้งรองประธานหลัวมักจะทำอะไรตามใจ แต่เขาก็ไม่ถึงกับเลวร้ายเหมือนอย่างที่ผบ.เว่ยว่ามา ในเวลาสำคัญเขายังสามารถแยกแยะผิดชอบได้อยู่ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผบ.เว่ยอาจจะไม่รู้ ตอนที่ทำการประมูล ฉันเคยรับปากกับรองประธานหลัวเอาไว้ว่าขอเพียงเขาสามารถเอาชนะการประมูลได้ นอกจากตำแหน่งรองประธานแล้ว ฉันยังจะมีรางวัลให้อีกหนึ่งพันล้านมุกด้วย แต่หลังจากที่เอาชนะการประมูลมาได้แล้ว รองประธานหลัวกลับยืนกรานไม่ยอมรับเงินก้อนนั้น คนโลภย่อมรักตัวกลัวตาย แต่นี่กลับตรงกันข้าม ดังนั้นรองประธานหลัวไม่ได้เป็นคนแบบที่ผบ.เว่ยคิดหรอกค่ะ รูปร่างหน้าตาไม่ได้บ่งบอกถึงนิสัยที่แท้จริงของคนเราได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงกลายเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลงไม่ได้หรอกค่ะ”

รางวัลพันล้านมุกก็ไม่เอาเหรอ? เว่ยผิงกงตกตะลึงกับคำพูดของเธอ คิดไม่ถึงว่าหลัวคังอันจะสามารถปฏิเสธสิ่งล่อใจที่น่าเย้ายวนเช่นนี้ได้ อดไม่ได้ที่จะลอบบ่นพึมพำ หรือว่าตนเองประเมินเจ้านี่ต่ำไปจริงๆ?

แต่พอคิดๆ ดูอีกทีก็รู้สึกแปลก จึงเอ่ยถาม “เรื่องความอันตรายของดินแดนแห่งความฝัน คิดว่าประธานฉินน่าจะรู้อยู่แล้ว เรื่องที่อันตรายแบบนี้ เขาบอกอยากไปประธานฉินก็ให้เขาไปได้เหรอ? หากเป็นอย่างที่ประธานฉินว่ามาจริงๆ การที่ให้เขาไป เกรงว่าคุณคงมีเหตุผลอื่นที่ยอมปล่อยให้เขาไปสินะ?”

“เอ่อ…” ฉินอี๋ลังเล ไม่สะดวกที่จะพูดเหตุผลจริงๆ

เธอเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนคนนี้จะให้ความสนใจกับหลัวคังอันเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าซักไซ้ไล่ถามถึงขนาดนี้

แต่เธอเองก็รับรู้ได้เช่นกัน คนคนนี้คล้ายจะไม่ค่อยชอบหน้าหลัวคังอัน เหมือนอยากจะเล่นงานหลัวคังอัน ส่วนหลัวคังอันก็ดูเหมือนกลัวคนคนนี้ คิดที่จะหลบเลี่ยงอยู่ตลอด กลับเป็นหอการค้าตระกูลฉินที่ทำให้หลัวคังอันได้รับความอึดอัด

เว่ยผิงกงเลิกคิ้วพลางกล่าว “ดูเหมือนจะมีสาเหตุจริงๆ ด้วย ทำไม มีอะไรไม่ดีที่ไม่สามารถบอกฉันได้เหรอ?”

ฉินอี๋ลังเลพลางกล่าว “ผบ.เว่ยคะ เนื่องจากรองประธานหลัวขอเอาไว้ การเดินทางครั้งนี้ของเขาเป็นการเดินทางแบบลับๆ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ว่าเพื่อความปลอดภัย หากให้ใครรู้เข้า เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นได้ อันที่จริงแล้ว เรื่องนี้ไม่สะดวกที่จะบอกใคร แต่เพราะผบ.เว่ยถามอยู่หลายครั้ง ฉินอี๋จึงจำต้องให้คำอธิบายกับผบ.เว่ย ส่วนเรื่องสาเหตุนั้นมีอยู่จริงๆ ค่ะ หากผบ.เว่ยอยากรู้ ฉินอี๋จะบอกทุกสิ่งที่รู้ให้ทราบ แต่เพื่อความปลอดภัยของรองประธานหลัว ฉินอี๋หวังว่าจะได้รับคำสัญญาจากผบ.เว่ย หวังว่าผบ.เว่ยจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้กับใครทั้งนั้นค่ะ”

เว่ยผิงกงกล่าวทันที “ฉันรับรอง ไม่มีทางแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด ต่อให้องค์จักรพรรดิมาเอง ฉันก็ไม่มีทางหลุดปากบอกพระองค์แม้แต่คำเดียว ฉันรับรองแบบนี้ เธอคงพอใจแล้วใช่ไหม? จะบอกได้หรือยัง?”

ฉินอี๋โค้งคำนับ ตอบกลับไปทันทีเช่นกัน “ผบ.เว่ยรับปากขนาดนี้ ฉินอี๋จะกล้าไม่เชื่อได้เหรอคะ? ที่จริงแล้วสาเหตุที่รองประธานหลัวมาเสนอตัวก็เพราะว่าตัวรองประธานหลัวมีความมั่นใจค่ะ เขาเอ่ยถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง บอกว่าได้ยินอาจารย์ของเขาเคยเอ่ยถึงนางพญาหนอนแห่งความฝัน ส่วนเรื่องรายละเอียดเป็นยังไงเขาไม่ได้เล่าค่ะ พวกเราเองก็ไม่สะดวกจะถามอะไรมาก แต่ในเมื่ออาจารย์หลงพูดไว้ นั่นย่อมไม่ใช่เล่นๆ การที่รองประธานหลัวกล้าไปเสี่ยงอันตราย ก็แน่นอนแล้วว่าเขาค่อนข้างมีความมั่นใจจริงๆ ค่ะ”

“หลงซืออวี่เคยพูดถึงเรื่องนางพญาหนอนแห่งความฝันกับเขาอย่างนั้นเหรอ?” เว่ยผิงกงพึมพำพลางขมวดคิ้ว

ฉินอี๋พยักหน้า นิ่งเงียบไป ภายในถ้ำก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นกัน

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เว่ยผิงกงที่ดึงสติกลับมาจากห้วงความคิดก็ถามอีกว่า “เขาพาคนไปด้วยเท่าไหร่?”

ฉินอี๋ “พาไปแค่ผู้ช่วยของเขาค่ะ ไม่มีคนอื่น”

“คนเดียว?” เว่ยผิงกงยืนขึ้น พลางกล่าวอย่างตกใจ “เขาพาผู้ช่วยของเขาที่เรียนอยู่ที่หลิงซานมาสามร้อยปีก็ยังเรียนไม่จบคนนั้นไปแค่คนเดียวเนี่ยนะ?”

ฉินอี๋พยักหน้า “เขาบอกว่าพาคนไปเยอะมันกลับจะไม่สะดวกค่ะ ฉันให้เขาเลือกคนในหอการค้าตระกูลฉินได้ตามสบาย ถึงขนาดจะช่วยให้เขาเลือกผู้ช่วยมาจากทางตระกูลหนานชี แต่เขาไม่เอาเลย บอกว่าการไปครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือความรู้ใจ ในเมื่อเป็นเรื่องที่ตัวเขามีความมั่นใจ หากหอการค้าตระกูลฉินเข้าไปแทรกแซงมากเกินไป เดี๋ยวกลับจะเกิดปัญหาเอาได้ ด้วยเหตุนี้ก็เลยปล่อยให้เขาจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ได้ไปบีบบังคับเขาค่ะ”

สีหน้าอึมครึมของเว่ยผิงกงเปลี่ยนไปสักพักหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง ยกไหสุราขึ้นมาดื่มอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ นิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน

หลังจากรออยู่พักหนึ่ง ฉินอี๋ก็ลองเอ่ยถามดูว่า “ผบ.เว่ยยังมีอะไรจะสั่งอีกไหมคะ?” ความหมายในคำพูดนี้คือฉันอธิบายเช่นนี้แล้ว คุณพอใจหรือยัง?

เว่ยผิงกงเรียกสติกลับมา โบกมือเล็กน้อย “ไปเถอะ ในเมื่อทำไปเพื่อช่วยเหลือคน ฉันก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเขาแล้ว เอาไว้เขากลับมาแล้ว ก็ให้เขามาหาฉันก็แล้วกัน”

“คำสั่งของผบ.เว่ย ฉินอี๋จดจำไว้แล้วค่ะ ผบ.เว่ยเชิญตามสบาย ฉินอี๋ขอตัวก่อนนะคะ” ฉินอี๋ขอตัวออกไป หลังจากออกมาจากปากถ้ำ เมื่อเห็นว่าอธิบายได้เรียบร้อย ในที่สุดก็นับว่าโล่งอกเสียที ไม่อย่างนั้นคนแบบนี้มักจะมาหาเรื่องอยู่เรื่อย ซึ่งก็น่าปวดหัวจริงๆ

เมื่อไม่มีคนนอกอยู่ด้วยแล้ว เว่ยผิงกงที่นั่งอยู่ในถ้ำกลับวางไหสุราที่อยู่ในมือลง สีหน้าดูครุ่นคิด ปากก็บ่นพึมพำกับตัวเอง “บอกเรื่องนางพญาหนอนแห่งความฝัน…ตาแก่นั่นค่อนข้างมีเสน่ห์ ดูเหมือนจะเคยมีความสัมพันธ์กับเทพแห่งความฝันด้วย หรือว่าจะถูกใจเจ้าลูกศิษย์คนสุดท้ายคนนี้จริงๆ บอกเรื่องเก่าๆ มากมายขนาดนี้เลยเหรอ?”

ฉินอี๋ที่ลงมาถึงด้านล่างภูเขาเดินอยู่บนพื้นที่ทำการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ หลังบอกให้คนที่ติดตามคนอื่นๆ ถอยไปแล้ว เธอก็กล่าวกับไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ ว่า “หลิงหลง รู้สึกไหมว่าผบ.เว่ยคนนี้ดูจะให้ความสนใจรองประธานหลัวมากเกินไปหน่อย?”

ไป๋หลิงหลงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้สึกค่ะ แต่หลังจากได้ฟังที่เขาพูดแล้ว มันก็มีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เท่าที่ฉันมอง หากไม่ใช่ว่าเขาถูกใจรองประธานหลัว ก็ต้องเป็นเขาไม่ชอบหน้ารองประธานหลัวค่ะ” ฉินอี๋ลังเลพลางกล่าว “จะเป็นอย่างนั้นเหรอ?”

ไป๋หลิงหลงลังเลเล็กน้อยพลางกล่าว “ถ้าจะมีเหตุผลอื่น…พูดตามตรงนะคะ คนอย่างรองประธานหลัวไม่น่าจะทำให้เขาชื่นชอบได้ ถ้าหากจะได้รับความสนใจจริงๆ เกรงว่าน่าจะเป็นเพราะภูมิหลังของรองประธานหลัว เกรงว่าท้ายที่สุดแล้วคงเป็นการพุ่งเป้าไปที่อาจารย์หลงค่ะ”

มีเหตุผล! ฉินอี๋พยักหน้าเงียบๆ ครุ่นคิดพลางแสดงท่าทีเห็นด้วย

……

“เถ้าแก่ มันหมายความว่าอะไรกันแน่?”

ภายในร้านกลิ่นหอม หลัวคังอันที่เล่นปมเชือกอยู่ในแขนเสื้อตลอดเวลาฉวยโอกาสตอนที่ในร้านไม่มีคนนอก เข้าไปตรงหน้าโต๊ะเก็บเงิน เอาเชือกที่มีปมทั้งใหญ่และเล็กเส้นนั้นในแขนเสื้อออกมา ไปให้หลินยวนที่อยู่ด้านหลังโต๊ะเก็บเงินช่วยสอนให้อีกครั้ง

หลินยวนที่สอนวิธีผูกเชือกบันทึกเรื่องราวให้กับเขา อีกทั้งยังมัดปมเชือกเส้นนั้นเองกับมือ บอกว่านั่นเป็นข้อความประโยคหนึ่งที่ทิ้งเอาไว้ให้หลัวคังอัน ขอเพียงหลัวคังอันแก้ปมเชือกได้ ก็จะสามารถไขปริศนาข้อความบนปมเชือกได้ หลังจากไขข้อความได้ก็จะได้รับสิ่งสำคัญบางอย่าง

เรื่องนี้ทำให้ในใจหลัวคังอันคล้ายมีกรงเล็บนับร้อยมาข่วนอยู่ แต่มันก็ยากที่จะไขปริศนาได้

หลินยวนกล่าวเรียบๆ ว่า “ค่อยๆ หาคำตอบไป”

หลัวคังอันหันหลังกลับอย่างหมดคำพูด ไปนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง คลำเชือกในแขนเสื้อต่อ สีหน้าท่าทางดูพยายามอย่างมาก

วันเวลาที่เมืองหมอกผ่านไปอย่างเรียบง่าย แล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนุกด้วย ทั้งยังออกไปเดินเล่นไม่ได้อีก ตอนนี้นับว่าเขามีอะไรทำแก้เบื่อได้แล้วจริงๆ วันเวลาที่น่าเบื่อแบบนี้ก็ผ่านไปได้เร็วขึ้นอีกหน่อย

ในเวลานี้เอง ที่หน้าร้านก็มีเด็กสาวที่ดูฉลาดซุกซนคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากเข้ามาก็มองไปรอบๆ ร้านอย่างอยากรู้อยากเห็น

ก๊อกๆๆ! หลินยวนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเก็บเงิน เป็นการเตือนหลัวคังอันว่าลูกค้ามาแล้ว

หลัวคังอันเรียกสติกลับมา หันไปมอง ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไป พลางกล่าวด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม “คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าต้องการซื้อกลิ่นอะไรครับ?”

สาวน้อยเอามือไพล่หลังทันที ท่าทางดูเย่อหยิ่งมั่นอกมั่นใจ เดินพลางมองไปรอบๆ ร้าน “พวกคุณมีกลิ่นอะไรบ้างล่ะ?”

หลัวคังอันยิ้มพลางกล่าว “มีหลายประเภทเลยครับ อยากได้อะไรสามารถเลือกได้เองเลย มีราคาและรายละเอียดติดไว้ ดูได้เลยครับ” ท่าทีภายนอกนับว่าไม่เลว เพียงแต่วิธีที่ให้ลูกค้าเลือกดูเอาเอง เหมือนอยากจะซื้อก็ซื้อ ไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อเช่นนี้ดูไม่คล้ายวิธีค้าขายทั่วๆ ไป

แต่ที่นี่คือเมืองหมอก หญิงสาวกลับไม่ได้ถือสาอะไร เห็นได้ชัดว่าเคยชินแล้วเช่นกัน

หลัวคังอันยืนสงบเสงี่ยมรออยู่ข้างๆ ครู่หนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นก็เดินวนไปวนมาอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป ในตอนที่เดินผ่านหลัวคังอันยังทิ้งคำพูดไว้ด้วยว่า “ไม่เห็นมีของดีอะไรเลย”

หลัวคังอันยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร กระทั่งหญิงสาวคนนั้นออกจากร้านไปไกลแล้ว จึงได้หันหน้าไปทางนอกร้านแล้วสบถขึ้นมาว่า “ตาบอดเหรอไง ขอให้ชีวิตนี้หาผู้ชายไม่ได้”

หลินยวนที่อยู่หลังโต๊ะเก็บเงินเหลือบมองเขา หลังจากเปิดร้านมาในช่วงหลายวันนี้ เขาพบปัญหาหนึ่งของหลัวคังอัน นั่นคือหมอนี่ชอบด่าคนลับหลัง ขอเพียงลูกค้าที่เข้ามาในร้านทำให้เขาไม่พอใจ ก็จะต้องถูกเขาด่าลับหลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้ชายคนหนึ่งถึงได้มีนิสัยแบบนี้ได้

แล้วก็ยิ่งไม่รู้เลยว่าหลัวคงอันด่าเขาลับหลังไปแล้วกี่ครั้ง

สำหรับเรื่องนี้ หลินยวนก็ไม่ได้พูดอะไร เขารู้จักนิสัยของหลัวคังอัน รู้สึกเห็นใจที่เขาต้องมานั่งเบื่ออยู่ที่นี่ จึงอนุญาตให้เขาได้หาความบันเทิงให้ตัวเองคลายความเบื่อหน่ายไป

ส่วนหลัวคังอันก็กลับไปนั่งลงอีกครั้ง นั่งเล่นเชือกของตนเองต่อ ประเดี๋ยวก็เอียงหัวไปทางซ้าย ประเดี๋ยวก็เอียงไปทางขวา ครุ่นคิดถึงปัญหา ครุ่นคิดว่าจะไขปริศนาบนเชือกอย่างไร

……

เวลาประมาณเที่ยง ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเป็นระยะที่ด้านนอก เสียงตึกๆ ที่ฟังผิดปกติเสียงหนึ่งก็ดังแว่วมา ดึงดูดให้หลินยวนต้องเงี่ยหูฟัง

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมา “คุณยาย ที่นี่แหละค่ะ ที่นี่เปิดร้านขายเครื่องหอมค่ะ”

ลูกค้ามาแล้ว หลินยวนเคาะโต๊ะเก็บเงินดังก๊อกๆๆ อีกครั้ง หลัวคังอันที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดก็ได้สติขึ้นมา ลุกขึ้นมาต้อนรับลูกค้า

ที่หน้าร้านมีลูกค้าเข้ามาสองคน คนหนึ่งคือหญิงชราที่ถือไม้เท้า ส่วนอีกคนหนึ่งกลับทำให้หลัวคังอันอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือเด็กสาวที่ดูซุกซนก่อนหน้านี้คนนั้น

…………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน