ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 250 เธอกลัวมากกว่าแก

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 250 เธอกลัวมากกว่าแก

ประตูหน้าของร้านเครื่องหอมปิดสนิท ริมหน้าต่างชั้นบน หลินยวนยืนสองมือไพล่หลังหลับตาอยู่ตรงหน้าต่างที่ปิดอยู่ รับรู้ถึงแสงในโลกด้านนอกที่ค่อยๆ สลัวลง รวบรวมสมาธิฟังเสียงความเคลื่อนไหวภายนอก

หลัวคังอันรู้สึกเบื่อ เขานั่งอยู่ตรงนี้มาตลอดทั้งบ่าย ภายในใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ตลอดเวลา หวังว่าคนที่หลินยวนกล่าวถึงจะไม่มา

“เธอมาแล้ว!” เมื่อได้ยินเสียงไม้เท้าที่ดังแว่วมาจากด้านนอก หลินยวนลืมตาขึ้นมา สีหน้าเรียบเฉย หันกลับมากล่าวว่า “ในที่สุดก็มาแล้ว ออกไปต้อนรับเถอะ!”

หลัวคังอันที่ค่อนข้างตื่นตระหนกค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เอ่ยถามว่า “แค่ผมคนเดียวเหรอ? เถ้าแก่ไม่ไปด้วยเหรอ?”

หลินยวนกล่าว “เป็นเธอจริงๆ ด้วย! แกไม่ต้องกลัว ทำตามที่ฉันบอกก็พอ เธอกลัวมากกว่าแก ไปพาเธอมาหาฉัน”

กลัวมากกว่าฉัน? หลัวคังอันไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่เมื่อเห็นเขาสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้ หลัวคังอันกลับรู้สึกเบาใจขึ้นไม่น้อย จึงพยักหน้า เดินลงไปชั้นล่าง หลังวิ่งไปถึงหน้าประตูร้านก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตูที่ปิดสนิท รอคอยด้วยสีหน้าที่คร่ำเคร่ง แล้วก็ได้ยินเสียง ‘ก๊อกๆ‘ ของไม้เท้าที่ดังเข้ามาใกล้

เสียงไม้เท้าหยุดลงแล้ว ยายเฉ่าหยุดเดิน เห็นป้ายปิดร้านที่แขวนอยู่ด้านนอกร้านเครื่องหอม แล้วก็ย่อมต้องมองเห็นประตูที่ปิดสนิทด้วย

ปิดร้านอย่างนั้นเหรอ? ยายเฉ่าใจเต้นรัว อาเซียงหายไป ที่นี่ก็ปิดร้าน บังเอิญอย่างนั้นเหรอ?

ความหวังว่าจะโชคดีที่อยู่ในใจเธอกำลังสั่นไหว

เมื่อแหงนมองไปยังป้ายที่แขวนอยู่บนประตู ในเวลานี้คำว่า ‘กลิ่นหอม’ สองพยางค์นี้ดูแล้วช่างดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง ในเวลานี้เธอตระหนักได้แล้วว่า ‘กลิ่นหอม’ สองพยางค์นี้พุ่งเป้ามาที่เธอ

ในเวลานี้เธอตระหนักได้แล้วว่ากลิ่นหอมจางๆ ที่ลอยล่องอยู่ด้านนอกก่อนหน้านี้นั้นเอาไว้ให้เธอดม!

เดิมเธอนึกว่าเป็นกลิ่นหอมของใครที่ซื้อมา ที่แท้ก็เป็นเหยื่อล่อ เป็นเหยื่อที่ล่อให้เธอมาที่นี่!

อีกฝ่ายรู้ว่ากลิ่นหอมสามารถล่อตัวเองออกมาได้ กระทั่งตัวเธอเองก็ยังไม่เคยตระหนักถึงจุดนี้มาก่อน แต่อีกฝ่ายกลับรู้ คิดไม่ถึงว่าจะรู้จักเธอดีขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถวางหลุมพรางเช่นนี้ออกมาได้ ความน่ากลัวของคนเหล่านั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้าน คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีนี้หาตัวเธอพบ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

คนเหล่านั้นเตรียมตัวมาถึงขนาดนี้ เธอยิ่งตระหนักได้ว่าครั้งนี้ตนเองยากจะหนีรอดไปได้แล้ว

หลังนิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดเธอก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนบันได ยกมือหมายจะเคาะประตู แต่กลับยากจะเคาะลงไปได้ เพราะเธอรู้ว่าทันทีที่ประตูบานนี้เปิดออก มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับปากของสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวอันแหลมคมที่กำลังอ้าออก ยามที่เท้าเธอย่างเข้าไป มันก็หมายความว่าเธอได้ถูกกลืนกินเข้าไปแล้ว!

แต่ความหวังว่าตัวเองจะโชคดีที่อยู่ในใจนั้นยังอยู่ บางทีอาจจะแค่บังเอิญปิดร้านก็เป็นได้

สุดท้ายมือยังคงเคาะ ‘ก๊อกๆ’ ลงไปบนประตูร้าน ตัวเธอในเวลานี้คล้ายกำลังรอคอยการพิพากษาครั้งสุดท้ายอยู่

แอ๊ด! ประตูเพิ่งจะถูกเคาะไปเล็กน้อยก็เปิดออก หลังคังอันที่พยายามทำตัวใจเย็นอยู่ด้านหลังประตูยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ผายมือเชิญอีกฝ่ายให้เข้าไปในร้าน

ยายเฉ่าแอบตื่นตระหนกขึ้นมา เธอก้าวเข้าไปด้านนอก กวาดมองไปรอบๆ พบว่านอกจากพนักงานที่อยู่ตรงหน้าคนนี้แล้ว ภายในร้านไม่มีใครอยู่เลย ราวกับเป็นหลุมดำที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปได้อย่างไรอย่างนั้น

หลัวคังอันปิดประตู เผยมือเชิญอีกครั้ง “เถ้าแก่กำลังรอคุณอยู่ด้านบนครับ”

เขาไม่รู้ว่าคำพูดที่ตัวเองพูดกับยายเฉ่าประโยคนี้มันหมายความว่าอย่างไร

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกไป ใจของยายเฉ่าพลันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ความหวังพังทลายลงทันที อีกฝ่ายรู้ว่าเธอจะมา อาเซียงตกอยู่ในมืออีกฝ่ายจริงๆ ด้วย ร้านเครื่องหอมร้านนี้จ้องจะเล่นงานเธอจริงๆ ด้วย

เคร้ง! เธอปล่อยมือจากไม้เท้าที่อยู่ในมือ ไม้เท้าร่วงตกลงไปบนพื้น

หลัวคังอันตกตะลึง เกือบจะสะดุ้งโหยงเพราะความเคลื่อนไหวนี้ของเธอ มองดูไม้เท้าที่เธอทิ้งเอาไว้บนพื้นอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าเธอทำอะไร ทำเอาเขาหวาดระแวงขึ้นมา ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะตะโกนว่าช่วยด้วย

ยายเฉ่าเปล่งเสียงออกมา แต่น้ำเสียงกลับเปลี่ยนไป ไม่ใช่เสียงแก่ชราเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก หากแต่เป็นเสียงผู้หญิงที่ฟังดูไพเราะอ่อนหวาน “นำทางไปสิ”

“เชิญ?” หลังคังอันโล่งอกเล็กน้อย รีบนำทางอยู่ข้างหน้า ผายมือเชิญอีกฝ่ายเป็นระยะ

ทั้งสองคนเดินไปยังห้องด้านหลัง จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปด้านบน

หลัวคังอันสังเกตเห็นแล้ว การย่างก้าวขึ้นบันไดของคนผู้นี้ไม่ได้มีท่าทางของคนแก่ชราอีก ฝีเท้าแปรเปลี่ยนเป็นแผ่วเบา

นี่ทำให้เขาต้องบ่นพึมพำขึ้นมาในใจ ดูจากท่าทาง อีกทั้งเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ หญิงชราคนนี้อาจจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ จริงๆ ก็ได้

นี่ทำให้ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่จากนั้นก็รู้สึกแปลกๆ

ถ้าเป็นคนที่ราชวงศ์ก่อนแต่งตั้งให้เป็นเทพ หากพูดไม่ถูกหูอีกฝ่ายอาจจะถูกอีกฝ่ายฟาดตายเอาง่ายๆ ได้ อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่เขาจะไปยั่วโมโหง่ายๆ ได้

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบน พาคนเข้าไปในห้องของหลินยวน เห็นหลินยวนที่ยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงริมหน้าต่าง หน้าต่างไม่รู้ว่าเปิดออกตั้งแต่เมื่อไร หลินยวนยืนมือไพล่หลังมองดูไอหมอกที่ดูลี้ลับยากจะคาดเดาได้ทางด้านนอก

หลัวคังอันตะลึงไปเล็กน้อย ถึงแม้จะหันหลังอยู่ แต่วันนี้เขาเองก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนจากบนตัวของหลินยวน ถึงแม้อีกฝ่ายจะหันหลังอยู่ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่บางอย่าง

เขาเดินเข้าไปเอ่ยว่า “เถ้าแก่ครับ คนมาแล้วครับ”

หลินยวนไม่เอ่ยอะไร แต่จะต้องได้ยินอย่างแน่นอน ยังคงหันหลังอย่างเงียบๆ

หลังคังอันไม่รู้ว่าเขาทำอะไร เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบเช่นนี้ ตัวเขาก็ไม่พูดอะไรมากเช่นกัน เพียงแค่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้าง เหลือบมองดูยายเฉ่าที่ในเวลานี้ยืนตัวตรงขึ้นมาอยู่เป็นระยะ

เขาประหลาดใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตัวเองดูผิดไปหรือเปล่า แต่เขามองเห็นความรู้สึกหวาดกลัวที่อยู่ในสายตาของยายเฉ่า

ไม่ใช่มั้ง? คนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพในสมัยราชวงศ์ก่อนกลับหวาดกลัวคนแซ่หลินเนี่ยนะ?

ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจคำพูดของหลินยวนก่อนหน้านี้แล้ว เธอกลัวมากกว่าแก!

ยายเฉ่าจ้องมองแผ่นหลังที่อยู่ตรงริมหน้าต่าง ภายในใจรู้สึกหวาดกลัว ยืนอยู่แถวประตูที่เพิ่งจะเดินเข้ามา ไม่ค่อยกล้าเดินเข้าไปใกล้

ทั้งแผ่นหลังที่เหยียดตรงของอีกฝ่ายและความนิ่งเงียบของอีกฝ่ายได้สร้างความกดดันให้เธออย่างมหาศาล

ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอเอ่ยออกมาว่า “ฉันดูถูกพวกแกเกินไป ซ่อนตัวมานานขนาดนี้ สุดท้ายก็ยังถูกพวกแกหาพบ”

หมายความว่ายังไง? หลัวคังอันฟังไม่เข้าใจ หันมองคนนี้ที มองคนนั้นที

หลินยวนที่ยืนหันหลังอยู่เอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าคุณซ่อนตัวได้ดี หากแต่ต้องดูว่าคนที่เขาหาตัวคุณได้เขาอยากจะหาหรือเปล่า”

ยายเฉ่ากล่าว “แกเป็นใคร? ไม่ทราบว่าเป็นสหายเก่าคนไหนที่มา?”

หลินยวนวางสองมือที่ไพล่อยู่ด้านหลังลง ยื่นมือออกไปด้านนอกหน้าต่าง ค่อยๆ ปิดหน้าต่างเข้ามา ปิดหน้าต่างจนสนิทแล้วถึงจะค่อยๆ หมุนตัวกลับมา กวาดมองดูยายเฉ่าตั้งแต่หัวจรดเท้า “ผมเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคนของคุณอยู่ในมือของผม ซ่อนตัวมานานขนาดนี้ ผมควรจะเรียกคุณว่าอะไรล่ะ? เรียกคุณว่ายายเฉ่านั่นแหละดีแล้ว”

สายตาของยายเฉ่าฉายแววสงสัยออกมาทันที ทำไมถึงรู้สึกว่าคำพูดนี้มันแปลกๆ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่เธอจินตนาการเอาไว้

แต่อีกฝ่ายเรียกชื่อในตอนนี้ของเธอออกมาตรงๆ เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่เธอจริงๆ ไม่อย่างนั้นสำหรับร้านค้าร้านหนึ่งแล้ว จะไปรู้จักชื่อของลูกค้าที่แค่แวะเข้ามาในร้านคนหนึ่งได้อย่างไร เธอเองก็ไม่ใช่คนที่ไปปรากฏตัวอยู่ในเมืองหมอกบ่อยๆ ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรอเธออยู่

หลินยวนเดินไปตรงข้างโต๊ะน้ำชาแล้วนั่งลง ก่อนจะผายมือเชิญเธอนั่ง “นั่งลงก่อนสิ ค่อยๆ คุยกัน”

ยายเฉ่าไม่ได้เดินเข้าไป หากแต่ลองถามว่า “แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”

เมื่อเห็นเธอไม่เดินเข้ามา หลินยวนก็ไม่ได้บังคับขืนใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ช่วยพวกผมจัดการเรื่องเรื่องหนึ่ง เสร็จเรื่องแล้ว พวกผมจะปล่อยอาเซียง”

อีกฝ่ายยอมรับแล้วว่าจับอาเซียงไป ยายเฉ่ากล่าวอย่างลังเลว่า “เรื่องอะไร?”

หลินยวนกล่าว “คุณอยู่ในดินแดนแห่งความฝันมาเป็นเวลาหลายปี อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เห็นมีใครที่จะคุ้นเคยกับดินแดนแห่งความฝันมากเท่าคุณ”

เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา มันก็ยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่าอีกฝ่ายทราบถึงตัวตนของเธอ ยายเฉ่ากล่าวอย่างสงสัยว่า “ดินแดนแห่งความฝัน? จะเข้าไปทำอะไรในดินแดนแห่งความฝัน?”

หลินยวนกล่าว “นางพญานอนแห่งความฝัน ผมต้องการดวงตาของนางพญาหนอนแห่งความฝัน เอามาใช้แก้พิษ!”

“ดวงตาแห่งความฝัน?” ยายเฉ่าตะลึงไปเล็กน้อย “เงินรางวัล? เพื่อเงินรางวัลสามพันล้านมุกนั่นน่ะเหรอ?”

ช่องทางข่าวสารของเธอมีบางด้านที่ถูกปิดกั้นอยู่ แต่ก็ไม่ถือว่าถูกปิดกั้นไปเสียทั้งหมดทีเดียว การที่เธอมาหลบซ่อนอยู่ในโรงจอมยุทธ์พเนจร ก็เพื่อไม่ทำให้ข่าวสารของตัวเองถูกปิดกั้นจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นข่าวเงินรางวัลสามพันล้านของหอการค้าตระกูลฉินก็อึกทึกครึกโครมเป็นอย่างมาก ทำเอาจอมยุทธ์พเนจรจำนวนไม่น้อยอยากจะเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันเพื่อล่าเงินรางวัลเช่นกัน เธอจึงย่อมได้ยินข่าวนี้มาบ้าง

หลินยวนกล่าว “ได้ยินว่าเมื่อครั้งที่เทพแห่งโรคระบาดยังอยู่ คุณเคยจับนางพญาหนอนแห่งความฝันมาให้เขาตัวหนึ่ง รบกวนคุณช่วยจับมาให้ผมอีกตัวหนึ่ง น่าจะไม่ใช่เรื่องยากหรือเปล่า? ถ้าคุณช่วยผมหาดวงตาแห่งความฝันได้ ผมก็จะคืนอาเซียงให้คุณ แต่แน่นอน ผมไม่ได้จะให้คุณช่วยเปล่าๆ พวกเรารับรองว่าจะไม่เปิดเผยตัวตนของคุณออกไป การแลกเปลี่ยนนี้น่าสนใจหรือเปล่า?”

ทำไมฟังแล้วรู้สึกเหมือนไม่ใช่คนพวกนั้นเลย! ยายเฉ่ากล่าวเสียงขรึม “พวกแกเป็นใครกันแน่?”

หลินยวนกล่าว “คนของหอการค้าตระกูลฉินที่ประกาศจะให้เงินรางวัลสามพันล้านมุก”

ยายเฉ่ายิ่งรู้สึกไม่เข้าใจ “คนของหอการค้าตระกูลฉิน ทำไมถึงรู้ว่าฉันซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้?”

หลินยวนเหลือบมองไปทางหลัวคังอัน หลัวคังอันเข้าใจ ภายในลอบด่าอีกฝ่ายเล็กน้อย “เรื่องนี้ ผมเคยได้ยินอาจารย์ของผมพูดถึงเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ บอกว่าคุณซ่อนตัวอยู่ที่เมืองหมอก เนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ ผมเลยได้แต่ต้องมาลองหาดู คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณเข้าจริงๆ”

“อาจารย์ของแก?” ยายเฉ่างุนงงสงสัย มองดูพนักงานคนนี้ เอ่ยถามว่า “อาจารย์ของแกเป็นใคร?”

หลัวคังอันกระแอมเล็กน้อย “หนึ่งในอดีตสามอธิการบดีของหลิงซาน อาจารย์หลง หลงซืออวี่!”

“เขา?” ยายเฉ่าประหลาดใจ สายตาฉายแววเคียดแค้นออกมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “ฉันไม่เคยบอกใครเรื่องที่ฉันซ่อนตัวอยู่ในเมืองหมอก ฉันมาที่นี่ตัวคนเดียว นอกจากตัวฉันแล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ในเมืองหมอก?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินยวนกับหลัวคังอันอดสบตากันเล็กน้อยไม่ได้ ทำไมฟังแล้วรู้สึกเหมือนหลงซืออวี่รู้จักกับผู้หญิงคนนี้เลย

หลัวคังอันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ประเด็นคืออาจารย์หลงก็ไม่เคยบอกเขามาก่อนว่ารู้จักคนผู้นี้ด้วย เขาจึงได้แต่ต้องเดินหน้าแต่งเรื่องต่อไปว่า “ตอนที่อาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยปลอมตัวมาเดินเล่นที่เมืองหมอก ก่อนจะได้เจอกับคุณในเมืองหมอกโดยบังเอิญ คุณอาจจะจำอาจารย์ไม่ได้ แต่อาจารย์ท่านจำคุณได้ทันทีที่มองเห็นคุณ ผมเองก็ไม่รู้ว่าท่านรู้ได้ยังไงว่านั่นเป็นคุณ อาจเป็นเพราะท่านเคยเจอคุณที่ไหนสักแห่งมาก่อน อาจเป็นเพราะท่านชื่นชมในความงามของคุณ เลยทำให้จำคุณได้ไม่รู้ลืมหรือเปล่า”

กระทั่งตัวเขาที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมาก็ยังรู้สึกผิด หลบหลู่อาจารย์แบบนี้ หากไม่เป็นเพราะรู้ว่าอาจารย์ถูกทำลายร่างและวิญญาณไปในนรกแล้ว เขาก็ยังกลัวว่าดวงวิญญาณของอาจารย์ที่อยู่บนสวรรค์จะมาบีบคอเขาจริงๆ จึงทำได้เพียงขออภัยผู้เป็นอาจารย์อยู่ในใจ ปลอบใจตัวเองว่าตัวเองทำไปเพราะถูกบังคับ

“ความงามของฉัน?” ยายเฉ่าแค่นหัวเราะเหอะๆ ขึ้นมา “เขาสนใจในความงามของฉันด้วยเหรอ? เขาเป็นคนพูด หรือว่าพวกแกคิดเอาเอง?”

อะไรเนี่ย? หมายความว่าไง? หลินยวนกับหลัวคังอันยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกแปลก ทำไมรู้สึกเหมือนหลงซืออวี่กับผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้รู้จักกันแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น

หลินยวนไม่พูด หลัวคังอันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงที่ถูกฝ่ายชายทอดทิ้งจากในน้ำเสียงของอีกฝ่าย ในใจรู้สึกตกใจระคนสงสัย ตายห่า อาจารย์คงจะไม่ได้เคยมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?

หลินยวนรู้สึกแปลกๆ คล้ายว่าแผนการที่วางขึ้นมามันจะบังเอิญตรงกับความเป็นจริงโดยบังเอิญ คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของหลงซืออวี่กับผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ธรรมดา

…………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท