ตอนที่ 267 เจออันตรายสลบไสล
“นั่นมันมดไฟ ถอย!” เยี่ยนอิงเรียก ทั้งสามคนถอยไปอย่างรวดเร็ว ถอยไปจนถึงมุมหนึ่ง ทำเอาแมงมุมคุณยายที่อยู่บนเพดานถ้ำด้านหลังหดตัวอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าขยับเขยื้อน หยุดนิ่งอยู่บนเพดานถ้ำ
เยี่ยนอิงโบกมือกระชากผิวผนังถ้ำออก ฝ่ามือกดผนังถ้ำจนยุบลงไปเป็นโพรงถ้ำ ทั้งสามคนรีบเข้าไปหลบอย่างรวดเร็ว เยี่ยนอิงที่มือจับผิวผนังถ้ำยังคงยืนอยู่หน้าสุด ผิวผนังถ้ำปิดปากถ้ำไว้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นการปกปิดไปตามธรรมชาติ
แมงมุมคุณยายที่อยู่ด้านบนเพดานถ้ำผ่อนคลายร่างกาย ดวงตาสีดำมืดจ้องมองมายังที่ที่ทั้งสามคนซ่อนตัวอยู่
เสียงเคลื่อนไหวที่ดังยุบยับหลั่งไหลมาถึงแล้ว เหมือนกระแสน้ำที่หลากเข้ามา กองทัพมดตัวสีน้ำตาลที่มีขนาดประมาณกระต่ายเคลื่อนตัวออกมา เวลาที่มันอ้าปากจะมีสะเก็ดไฟแลบออกมา
พอเห็นแมงมุมคุณยายที่อยู่บนเพดานถ้ำ มดไฟที่พุ่งออกมาก็พากันแหวกเปิดทางให้
แมงมุมคุณยายส่งเสียงร้อง “จิ๊ดๆ” กองทัพมดไฟที่กำลังตื่นตัวทยอยหยุดลง การเคลื่อนไหวจำนวนมากในถ้ำหยุดลงเหมือนระลอกคลื่น แต่สะเก็ดไฟก็ยังคงปะทุออกมาจากในปากที่กำลังขบเคี้ยวของพวกมันไม่หยุด
แมงมุมคุณยายไต่ออกจากในฝูงของมดไฟ ไต่ไปถึงด้านบนตรงที่ที่พวกหลินยวนทั้งสามคนซ่อนตัวอยู่ แกว่งขาของมันบอกตำแหน่งที่มีคนซ่อนตัวอยู่
มดไฟที่อยู่ใกล้ๆ เดินไปข้างหน้าทันที หนวดของมันสำรวจเข้าไปในรอยแยกของผนังที่เป็นที่ซ่อนตัว ไม่นานก็พบความผิดปกติ พวกมดไฟตื่นตัวขึ้นมาทันที ทั้งพ่นไฟ ทั้งขบกัด โจมตีอย่างบ้าคลั่ง
คนที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของแมงมุมคุณยาย เยี่ยนอิงหันไปกล่าว “ดูท่าทางกลิ่นของพวกเราจะเปิดเผยตัวตนของพวกเราแล้ว ดูเหมือนเราจะหลบไม่พ้นเจ้าตัวน่ารำคาญพวกนี้แล้ว ได้แต่ต้องฝ่าออกไปแล้วล่ะ” เธอกำลังบอกให้อีกสองคนเตรียมใจไว้ดีๆ
หลินยวนกับหลัวคังอันพยักหน้า
ตูม! เยี่ยนอิงกระแทกฝ่ามือออกไป ผิวผนังพังทลาย พวกมดไฟที่เกาะอยู่ด้านนอกกระเด็นออกไป บาดเจ็บล้มตายไปจำนวนหนึ่งทันที
แมงมุมคุณยายที่อยู่บนเพดานถ้ำตกใจถอยกรูดไปอย่างรวดเร็ว เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในฝูงของมดไฟจนไม่เห็นตัวของมัน
มดไฟที่เกาะอยู่ตรงปากถ้ำพ่นน้ำลายที่เผาไหม้ได้ออกมาจากปากของมันทันที ราวกับน้ำมันก๊าดอย่างไรอย่างนั้น
น้ำลายที่ดูเหมือนฝนเพลิงถูกเยี่ยนอิงสะบัดแขนเสื้อปัดออกไป เยี่ยนอิงที่พุ่งตัวออกไปสะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้างซัดพลังออกไปทั้งสองด้าน
พลังที่แข็งแกร่งพุ่งออกไปคล้ายมังกรสองตัว หมุนควงจนอุโมงค์ทั้งสองด้านมีสะเก็ดไฟสาดกระเซ็นออกมา ประหนึ่งอยู่ภายใต้การโจมตีของเครื่องบดเนื้อ ฝูงมดไฟที่เข้ามาใกล้ล้วนไม่มีตัวไหนรอดชีวิตเลย
เมื่อของเหลวที่ระเบิดออกมาจากตัวมดไฟเจอเข้ากับไฟ ที่แห่งนี้พลันกลายเป็นทะเลเพลิงทันที มีควันดำลอยฟุ้งออกมาด้วย
“ควันมีพิษ ห้ามสูดเข้าไป” เยี่ยนอิงรีบเตือน มือกดลงไปบนกำแพงหินฝั่งตรงข้าม ตรวจสอบเส้นทางของหนอนแห่งความฝัน นำทางทั้งสองคนเดินหน้าออกจากทะเลเพลิงอย่างรวดเร็ว
ฝั่งตรงข้าม มีมดไฟฝูงหนึ่งพุ่งเข้ามา เยี่ยนอิงโบกแขนเสื้อกวาดออกไป ท่ามกลางเสียงปั่นป่วนวุ่นวาย มดไฟบาดเจ็บล้มตายราวกับเต้าหู้บด
เมื่อมดไฟเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเพียร พวกมันไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ไม่นานทั้งสามคนก็ฝ่าออกมาจากวงล้อมของพวกมดไฟ ด้านหลังยังคงมีมดไฟไล่ตามมา
“มดไฟเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในใต้ดิน นับตั้งแต่นี้ไป พวกมันจะระดมพวกของมันมาตามหาพวกเราทั่วทุกที่ ถ้าเกิดมันพบร่องรอยของพวกเรา มันก็จะเรียกพวกรวมตัวกันทันที มดไฟพวกนี้ไม่น่ากลัว แต่ที่น่ารำคาญก็คือการฆ่าพวกมันจะทำให้สัตว์ชนิดอื่นพลอยรู้ตัวไปด้วย ดังนั้นระหว่างทางถ้าเจอต้องฆ่าทิ้งเท่านั้น อย่าปล่อยให้พวกมันมีชีวิตไปเรียกพวกมา” เยี่ยนอิงที่เดินนำหน้าไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือน
มดไฟตามความเร็วของพวกเขาไม่ทัน หลังจากที่ทั้งสามคนสลัดพวกมันได้แล้ว เยี่ยนอิงก็เอ่ยเตือนอีกครั้ง “ใช้พลังปกปิดกลิ่นตัวเอาไว้ก่อน พวกมันจะได้ตามกลิ่นพวกเรามาไม่ได้”
หลินยวนกับหลัวคังอันย่อมต้องทำตาม ตลอดทางพวกเขาไม่สนใจทางแยกไหนๆ เลย จับจ้องอยู่แค่เส้นทางที่หนอนแห่งความฝันมุ่งหน้าไป
เมื่อเดินหน้าต่อไปได้ระยะหนึ่ง ทางข้างหน้ากลับกลายเป็นอุโมงค์ที่แทบจะทอดตัวดิ่งลงไปด้านล่างเป็นเส้นตรง ทั้งสามคนจึงหยุดฝีเท้าทันที
เพราะนอกจากทางที่ลาดลงไปแล้ว ข้างหน้าก็ไม่มีทางอื่นแล้ว แต่เส้นทางของหนอนแห่งความฝันที่อยู่ในส่วนลึกของผนังถ้ำกลับยังคงมุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ และผนังถ้ำที่อยู่ตรงด้านหน้าที่ขนานไปกับเส้นทางเดินของหนอนแห่งความฝันกลับไม่รู้ว่าเป็นชั้นหินที่หนาเท่าไหร่
ถ้าหากไม่เดินตามอุโมงค์ลงไปด้านล่าง อย่างนั้นก็ได้แต่ต้องสร้างอุโมงค์ทางเดินขึ้นมาใหม่ในชั้นดินหนาๆ ที่อยู่ตรงหน้านี้
หลังจากเยี่ยนอิงกดมือที่กำแพงหินเพื่อตรวจสอบสักพัก เธอก็บอก “ไป” ก่อนจะกระโดดลงไปในอุโมงค์ที่ทอดตัวยาวลงไปข้างล่างเส้นนั้นก่อนเป็นคนแรก
หลินยวนกับหลัวคังอันตามลงไป หลังจากไถลไปได้สามสิบกว่าจั้งก็มาถึงพื้นที่ราบเรียบอีกครั้ง
เมื่อเท้าแตะพื้น หลังคังอันก็กล่าวขึ้นมาอย่างลังเลว่า “เราแยกมาแบบนี้ มันจะไม่เบี่ยงออกจากเส้นทางของหนอนแห่งความฝันเหรอ?”
เยี่ยนอิงตอบ “ไม่หรอก ข้างหน้ามีโถงถ้ำที่ใหญ่กว่านี้อยู่ น่าจะยังตามหาต่อได้อยู่”
หลินยวนกับหลัวคังอันสบตากัน เห็นได้ชัดเจนว่าด้วยสภาวะของเยี่ยนอิงแล้ว พลังของเธอสามารถแทรกซึมเข้าไปตรวจสอบได้ไกลกว่าพวกเขาสองคน
หลังจากเดินไปอย่างรวดเร็วได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ อุโมงค์ทางเดินก็ดูแปลกประหลาดขึ้นมา บริเวณรอบๆ ล้วนขรุขระไม่สม่ำเสมอ แต่กลับเป็นความไม่สม่ำเสมอที่มีรูปแบบและกฎเกณฑ์
ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นก็คือรอบข้างมีเสียง “ตึกๆ ” ดังแว่วมา คล้ายเป็นเสียงหัวใจเต้น กลิ่นอายที่อยู่ในอากาศก็ยิ่งยากจะบรรยายได้ ทั้งสามคนไม่กล้าสูดดมเข้าไปเท่าไหร่ พากันกลั้นหายใจ เพื่อจะได้ไม่ถูกพิษอะไรเข้า
ทางเดินยิ่งกว้างขึ้น เสียง “ตึกๆ” ที่เหมือนหัวใจเต้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
ทั้งสามคนก็ทยอยหยุดฝีเท้าเช่นกัน เนื่องจากด้านหน้าไม่มีทางให้ไปต่อแล้ว ด้านหน้าคือทางตัน ลวดลายที่อยู่ผนังหินดูแปลกประหลาด
ฮูม! จู่ๆ ในถ้ำปรากฏกระแสลมรุนแรง พื้นดินสั่นสะเทือน ทั้งสามคนหันกลับไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว เห็นว่าจู่ๆ เส้นทางด้านหลังก็ปิดลงเช่นกัน
หลังจากนั้นก็เหมือนฟ้าถล่มดินสะเทือน พื้นดินกระเพื่อมขึ้นมาเหมือนเกลียวคลื่น ปลายทางที่ถูกปิดอยู่เหมือนเป็นกลไก จู่ๆ พลันเปิดออก กระแสลมอันรุนแรงพัดพาร่างของทั้งสามคนที่ยืนไม่มั่นคงไปข้างหน้า จากนั้นกระแสลมก็หยุดลง กลไกเหมือนจะปิดลงอีกครั้ง ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่โคลงเคลงอย่างรุนแรงแห่งหนึ่ง
ภายในพื้นที่ที่มีของเหลวเหนียวๆ ปั่นป่วน กลิ่นเหม็นรุนแรง ทั้งสามคนกลับไม่กล้าสูดดมเข้าไป ใช้พลังปกป้องร่างกายไม่ให้ของเหลวเหนียวๆ เข้าใกล้ตัวได้
รอบๆ เริ่มบีบอัดเข้ามา บีบเข้ามาเหมือนกับแท่นโม่หิน เยี่ยนอิงยันฝ่ามือขึ้นไปด้านบน ค้ำสิ่งที่กำลังบีบอัดจากด้านบนลงมาด้านล่างเอาไว้ ทันทีที่มือสัมผัส เธอก็กล่าวเสียงขรึมทันที “พวกเราเข้ามาอยู่ในท้องของตัวอะไรบางอย่าง น่าจะอยู่ในกระเพาะอาหารของมัน”
หลังคังอันตกใจ “ตัวอะไร?”
เยี่ยนอิง “ไม่รู้ โลกใต้ดินลี้ลับ ไม่มีใครรู้ได้ว่ามีสัตว์อะไรอยู่บ้าง ไอ้ตัวนี้เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ตามฉันมา!” เธอเอ่ยเรียก พร้อมพลิกฝ่ามือทั้งสองฟาดออกไปอย่างรวดเร็ว พลังฝ่ามืออันรุนแรงได้ระเบิดผนังกระเพาะอันแข็งแกร่งที่บีบตัวเข้ามา
ทั้งสามคนทะลุผ่านของเหลวเหนียวๆ ที่ปั่นป่วนไปมา เยี่ยนอิงที่เปิดทางอยู่ข้างหน้าบุกตะลุยจนเลือดเนื้อกระเด็นกระดอน หลินยวนกับหลัวคังอันก็พุ่งตามออกไป
“โฮกๆ …” เสียงครวญครางทุ้มต่ำดังมาจากโลกภายนอก ดูจากความเคลื่อนไหวรอบๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาตัวนี้กำลังดีดดิ้นอย่างรุนแรง
เยี่ยนอิงไม่สนใจ ยังคงปล่อยพลังอันรุนแรงที่ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งได้ออกไป คอยเปิดทางอย่างต่อเนื่อง เกิดเสียงตูมดังขึ้น ข้างหน้าระเบิดออก เกิดเป็นแสงสีแดงปรากฏขึ้นมา
ทั้งสามคนพุ่งตัวออกมาจากรอยแยกนั้น เข้าไปอยู่ในโถงขนาดใหญ่ที่มีไอร้อนคละคลุ้ง แสงไฟด้านล่างดูร้อนระอุ นั่นคือทะเลสาบลาวาขนาดใหญ่
ทั้งสามคนที่ลอยอยู่กลางอากาศก็มองเห็นชัดแล้วว่าพวกตนออกมาจากในร่างกายของตัวอะไรบางอย่าง สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่สีผิวเหมือนหิน รูปร่างเหมือนปลาวาฬถอยออกจากปากถ้ำแห่งหนึ่ง มีลาวาสาดกระเซ็นขึ้นมา รีบมุดลงไปในทะเลสาบลาวาอย่างรวดเร็ว
หลัวคังอันเอ่ยด้วยความตกใจ “นั่นมันตัวอะไรวะเนี่ย?”
“คิดไม่ถึงว่าข้างล่างจะยังมีสัตว์แบบนี้อยู่อีก สามารถแหวกว่ายในลาวาได้ เรียกมันว่าวาฬไฟแล้วกัน” เยี่ยนอิงตั้งชื่อสัตว์ใหม่อีกแล้ว หลังจากที่ลาวาที่อยู่ข้างล่างสงบลง เธอก็เงยหน้ามองไปบนอากาศพลางกล่าว “ดูท่าทางเส้นทางของหนอนแห่งความฝันจะอยู่เหนือเพดานนี้ขึ้นไป…” จากนั้นเธอไม่ได้พูดอะไรอีก สายตาจ้องมองไปบนนั้น
หลินยวนกับหลัวคังอันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพดานถ้ำทรงโค้งที่อยู่ด้านบนมีสัตว์ที่ดูคล้ายค้างคาวห้อยหัวลงมาเป็นจำนวนมาก ค้างคาวสีแดงที่ศีรษะเป็นรูปทรงกรวย นัยย์ตาสาดประกายแสงสีแดง
หลัวคังอันกล่าว “นี่มันตัวอะไรอีกล่ะเนี่ย?”
เยี่ยนอิงกล่าว “ไม่เคยเห็น ตอนที่ฉันลงใต้ดินไปหานางพญาหนอน ฉันไม่ได้มาที่นี่ สถานที่ต่างกัน สัตว์ที่ต่างกันก็มีอยู่ไม่น้อย”
หลัวคังอันมองไปรอบๆ ดินแดนแห่งความฝัน รู้สึกสนุกขึ้นมา “อย่างนั้นนี่ก็น่าจะเรียกว่าค้างคาวไฟใช่ไหม?”
แต่ไม่นานก็ขำไม่ออก ค้างคาวไฟที่ห้อยหัวอยู่เริ่มกระพือปีกขึ้นมา ปากที่อ้าออกเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ ที่แหลมคม ริมฝีปากคล้ายกำลังสั่นไหวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในโถงใต้พื้นดินคล้ายมีเสียง “หวึ่งๆ ” ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ทั้งสามคนใช้พลังปิดกั้นการฟังของตนเองในทันที แต่ก็พบว่าไม่มีประโยชน์ มันไม่เหมือนกับเสียงที่มีรูปแบบ ปิดกั้นการฟังไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียงหวึ่งๆ แปลกประหลาดนี้เหมือนกำลังก้องไปมาอยู่ในหัว ทำลายการรับรู้ของคนไป
ไม่นานทั้งสามคนก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ทั้งยังมีความรู้สึกวิงเวียนอย่างรุนแรงร่วมด้วย
“ไป!” เยี่ยนอิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ หันไปมองตรงทางที่เข้ามา ซึ่งก็คือปากถ้ำตรงที่วาฬไฟถอยออกไป อีกสองคนไม่ได้ยินเสียงตะโกนของเธอ เธอจึงโบกมือเร็วๆ
แต่ก็สายไปแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของหลัวคังอันเหลือกขึ้น ร่วงตกลงไปในทะเลเพลิงลาวาอย่างไร้เรี่ยวแรง
เยี่ยนอิงยื่นมือออกไปคว้า ขณะที่เพิ่งจะหิ้วแขนหลัวคังอันขึ้นมาได้ ยังไม่ทันที่จะพาเขาบินออกไป ตาทั้งสองของเธอก็เหลือกขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่วงตกลงไปในทะเลเพลิงลาวาพร้อมกับหลัวคังอัน
ติ๊ง! ในอากาศมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ขณะที่เยี่ยนอิงกับหลัวคังอันกำลังหมุนคว้างไม่ได้สติอยู่ท่ามกลางคลื่นความร้อน
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะร่วงตกลงไปในทะเลเพลิงลาวา
จู่ๆ ร่างของทั้งสองคนพลันหยุดนิ่ง ก่อนจะลอยขึ้นไปข้างบนอย่างช้าๆ อีกครั้ง
ด้านบน แขนข้างหนึ่งของหลินยวนชูขึ้นไปด้านบน ถูกกำไลโบราณที่ดูเทอะทะบนข้อมือรั้งเอาไว้ หัวลูกศรที่อยู่บนกำไลข้อมือดีดตัวออกไป ปักเข้าในเพดานถ้ำที่โค้งมน เชือกที่มองไม่เห็นรั้งตัวเขาเอาไว้ ทำให้เขาลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนรอบตัวเขาก็มีเปลวเพลิงสีดำทองลอยอยู่ กำลังใช้พลังคุ้มครองตัวเอง
เขายื่นมือข้างหนึ่งลงไปด้านล่าง นิ้วทั้งห้ากางออก ใช้พลังดึงร่างทั้งสองคนที่ตกลงไปให้กลับขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวเขาเองก็ออกแรงสะบัดศีรษะที่ยังคงรู้สึกปวดอย่างรุนแรง เรียกได้ว่ากำลังช่วยชีวิตคนทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ค่อยจะมีสติสักเท่าไร
ค้างคาวไฟที่อยู่บนเพดานถ้ำเห็นว่าเหยื่อยังไม่ได้ตกลงไปในทะเลเพลิงลาวา จึงพากันพุ่งลงมา กระพือปีกโบยบิน ล้อมเหยื่อเอาไว้อย่างรวดเร็ว
หลินยวนเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าค้างคาวพวกนี้สามารถหลบเชือกที่มองไม่เห็นที่แขวนอยู่ด้านบนได้
เมื่อเห็นว่าค้างคาวไฟกำลังจะเปิดฉากโจมตี หลินยวนที่ได้สติขึ้นมาเล็กน้อยพลันโคจรพลัง เพียงพริบตาก็ดึงคนทั้งสองที่อยู่ด้านล่างขึ้นมา มือแต่ละข้างของเขาโอบเอวแต่ละคนลอยอยู่ในอากาศ
กำไลที่อยู่บนข้อมือกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว เชือกที่มองไม่เห็นถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว ถักทอจนดูคล้ายโครงของโคมไฟอันหนึ่ง ปกป้องทั้งสามคนเอาไว้ตรงกลาง
ในขณะเดียวกับที่เขาบังคับให้ ‘โครงโคมไฟ’ หมุนอยู่รอบตัว ฝูงค้างคาวไฟที่บินวนเวียนอยู่รอบๆ ก็เข้ามาโจมตีอย่างที่คิดเอาไว้ พุ่งเข้าใส่เป้าหมายราวกับลูกธนูจำนวนมาก
เสียงหวีดร้องเล็กแหลมดังขึ้น ค้างคาวไฟที่พุ่งเข้าหาเป้าหมายชนเข้ากับเชือกที่มองไม่เห็นอย่างต่อเนื่อง ร่างของพวกมันแยกออกเป็นชิ้นๆ ร่วงตกลงไปในทะเลเพลิง
ค้าวคาวไฟตัวหนึ่งหลุดรอดเข้ามา พุ่งเข้าไปหาเยี่ยนอิงที่ไม่ได้สติ หลินยวนกำลังแบ่งสมาธิไปทำอย่างอื่น ในขณะที่มือไม้ปั่นป่วนตั้งตัวไม่ทัน เขาก็รีบปรับทิศทางทันที เหวี่ยงหลัวคังอันไปทางนั้น
เกิดเสียงดังสวบ ศีรษะของค้างคาวไฟตัวนั้นทะลุเข้าไปในต้นขาของหลัวคังอัน หลังจากนั้นมันก็ใช้กรงเล็บและฟันกัดแทะ คล้ายพยายามจะมุดเข้าไปในร่างกายของหลัวคังอัน
ส่วนหลัวคังอันก็ไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย
…………………………………………………………………………….