ตอนที่ 275 ขอพบท่านเทพจี้
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะแห้งๆ เห็นได้ชัดว่าถูกคำพูดของเขาพูดแทงใจไม่มากก็น้อย
ในเมื่อเปิดประเด็นมาแล้ว ในตอนที่บรรยากาศบนโต๊ะเหล้ากำลังไปได้ด้วยดี ทุกคนจึงวนกลับมาคุยเรื่องหลิวซิงเอ๋อร์อีก เพียงแต่พูดด้วยเสียงที่เบาลงกว่าเดิมไม่น้อย
ในการสนทนาก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ด้วยคุณสมบัติของคนเหล่านี้แล้ว อันที่จริงพวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยไม่ได้เลย ในสายตาของคนทั่วไป คุณสมบัติของพวกเขาถือว่าดีมากๆ มีผู้หญิงสวยๆ ที่ยินดีจะแต่งงานกับพวกเขาเยอะแยะมากมาย
แต่เมื่อได้มายืนอยู่ในจุดของพวกเขา สูงเกินไปก็ปีนไม่ถึง ต่ำเกินไปก็มองไม่ขึ้น เหตุผลแรกเลยคือพวกเขาไม่มองพวกคนธรรมดาอยู่ในสายตา ต่อให้สวยแค่ไหน ถ้ามาเป็นแฟนน่ะได้ แต่ถ้าจะให้แต่งงานเป็นภรรยานั้นเป็นไปไม่ได้ อายุขัยของคนธรรมดาเหล่านั้นอย่างมากสุดก็แค่หนึ่งพันปี ตนเองยังมีชีวิตแข็งแรงดีอยู่เลย แต่คู่ชีวิตกลับกลายเป็นหญิงชราไปแล้ว แบบนั้นมันยากเกินจะรับได้!
อีกทั้งกฎของสภาเซียนก็ไม่อนุญาตให้แต่งงานใหม่ด้วย
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น คำพูดประโยคนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล อีกทั้งยังเป็นจริงมากๆ ด้วย ความเป็นได้ไปที่ลูกหลานที่เกิดจากผู้บำเพ็ญเพียรกับผู้บำเพ็ญเพียรด้วยกันจะสามารถบำเพ็ญเพียรได้นั้นมีสูง แต่อัตราความเป็นไปได้ที่ลูกหลานที่เกิดจากผู้บำเพ็ญเพียรกับคนธรรมดา หรือคนธรรมดากับคนธรรมดาจะสามารถบำเพ็ญเพียรได้นั้นนับวันจะยิ่งต่ำลงทุกวัน บางสิ่งบางอย่างนั้นไม่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
จะให้แต่งงานกับคนทั่วไปน่ะได้ แต่อย่างน้อยคุณสมบัติของคนเหล่านั้นก็ต้องเหมาะสมกับพวกเขาหรือเปล่า?
ยามที่พวกเขาอยู่เมืองหลวง ที่เมืองหลวงมีคนใหญ่คนโตผู้มีอำนาจอยู่มากมาย ลูกสาวตระกูลใหญ่ๆ ก็มีอยู่มาก แต่ก็เป็นเพราะมีคู่แข่งอยู่มาก ของดีๆ จึงยากจะตกมาถึงคนส่วนใหญ่ได้ อีกทั้งครอบครัวผู้มีอำนาจก็จะเลือกคู่ครองเอาไว้ให้ลูกสาวของตนเองแล้วเช่นกัน มีหรือที่พวกเขาเหล่านั้นจะเหลือบแลทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่ง?
แต่จู่ๆ ที่นี่ก็มีผู้หญิงอย่างหลิวซิงเอ๋อร์ปรากฏตัวขึ้นมา หน้าตาสะสวย ภูมิหลังครอบครัวดี ซ้ำยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอีกด้วย
ประเด็นสำคัญคือติงหลานแม่ของเธออยู่ใกล้ชิดกับพวกเขามานาน มีโอกาสที่พวกเขาจะได้เอาอกเอาใจเธอ ตัวหลิวซิงเอ๋อร์เองก็มาที่นี่เพื่อเยี่ยมมารดาของตนอยู่บ่อยๆ เวลามาที่นี่ก็ไม่ได้เที่ยวไปเล่นกับคนอื่นๆ อีกทั้งไม่สะดวกที่จะออกไปเดินเพ่นพ่าน จึงทำได้เพียงพูดคุยกับพวกเขาอยู่ที่นี่ นี่จึงยิ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเขา
ประเด็นสำคัญคือหลิวซิงเอ๋อร์เพิ่งจะถึงอายุที่สามารถแต่งงานได้พอดี ถ้าใครจีบเธอติดในเวลานี้ อย่างนั้นเรื่องแต่งงานก็นับว่าไม่เป็นปัญหา
จู่ๆ ก็มีผู้หญิงที่เพียบพร้อมเช่นนี้มาปรากฎตัวที่นี่ ทำให้หัวใจของคนจำนวนไม่น้อยกระชุ่มกระชวยขึ้นมา หลิวซิงเอ๋อร์ยิ้มให้ใคร คนนั้นก็จะรู้สึกว่าตนเองมีโอกาส
“เหอะๆ ” หลัวคังอันฟังคนเหล่านี้พูดจาฟังดูมีเหตุผล เรียกได้ว่าฟังจนรู้สึกขบขัน เขาไม่มีความกังวลใจในด้านนี้เลย
ตอนที่ยังอยู่ในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง เขาก็ไม่ได้หวังเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่หลงซืออวี่มีปัญหากับจักรพรรดิเทียนอู่แล้วถูกฆ่า เขาก็ล้มเลิกความคิดในด้านนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ไปยุ่งกับลูกสาวของตระกูลผู้มีอำนาจเลย
ไปคบหากับลูกสาวของตระกูลผู้มีอำนาจ ถ้าพวกผู้มีอำนาจเหล่านั้นไม่สืบประวัติของเขาก็แปลกแล้ว ถ้าเกิดสืบเจอว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ ตระกูลไหนจะกล้าให้ลูกสาวแต่งงานกับเขาล่ะ? เขาเองก็ไม่อยากถูกค้นประวัติออกมาเช่นกัน ผู้หญิงมีตั้งมากมาย ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว
เขาเองก็เคยลอบทอดถอนใจ ถ้าไม่เกิดเรื่องกับอาจารย์ อาศัยภูมิหลังอาจารย์ของเขาที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหลิงซาน ซ้ำยังเป็นหนึ่งในสามของอธิการบดีหลิงซาน ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวของตระกูลไหนในดินแดนเซียนเขาก็ล้วนแต่คู่ควรทั้งสิ้น ต่อให้เป็นลูกสาวของจักรพรรดิเขาก็มีคุณสมบัติพอที่จะเอื้อมขึ้นไป จนปัญญาที่ในตอนนั้นอาจารย์ให้เขาอยู่เงียบๆ ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ไม่อย่างนั้นผู้มีอำนาจที่อยากจะให้เขาไปเป็นลูกเขยเกรงว่าคงจะมีไม่รู้ตั้งเท่าไร
สุราอาหารเลิศรส ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งสองแม่ลูกติงหลานกับหลิวซิงเอ๋อร์ออกไปแล้ว พวกเขาจึงลุกขึ้นไปส่งอีกครั้ง
หลังจากส่งสองแม่ลูกไปแล้วก็กลับมานั่งที่โต๊ะ เมื่อเห็นว่าพูดคุยค่อนข้างสนิทสนมกันแล้ว หลัวคังอันจึงดึงการสนทนาเข้าสู่ประเด็นที่ตนเองต้องการ “ทุกคน มื้อนี้ไม่ได้ให้ทุกคนกินฟรีๆ นะ ฉันมีเรื่องอยากให้ทุกคนช่วยหน่อย”
ทันทีที่เอ่ยคำนี้ออกไป ฤทธิ์สุราของทุกคนก็สร่างไปไม่น้อยทันที แต่ละคนพากันนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
หลัวคังอันไม่สนใจ เขากล่าวต่อว่า “เป้าหมายที่ฉันมาดินแดนแห่งความฝันในครั้งนี้ คิดว่าทุกคนคงรู้กันหมดแล้ว ถูกต้อง ฉันมาตามหานางพญาหนอนแห่งความฝัน ขอบอกทุกคนตามตรง หลายวันมานี้ฉันไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ทุกคนช่วยฉันคิดวิธีหาหน่อยได้ไหม?”
กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆ เกาผู่ยิ้มเจื่อนพลางกล่าว “หลัวซยง นายทำแบบนี้ไม่เท่ากับทำให้พวกเราลำบากใจเหรอ พวกเราจะไปมีวิธีอะไรได้ยังไง หรือต่อให้มี ด้วยข้อจำกัดเรื่องสถานะของพวกเรา พวกเราก็ไปช่วยนายตามหาไม่ได้อยู่ดี เรื่องกฎนายก็รู้อยู่แล้วนี่ เรารับผลที่ตามมาไม่ไหวหรอก”
หลัวคังอันกล่าว “ฉันรู้ว่าพวกนายไปช่วยฉันหาไม่ได้ ฉันก็เลยให้พวกนายช่วยคิดหาวิธีไง”
เหยาเซียนกงถอนใจพลางกล่าว “นอกจากฝืนตามหาแล้วยังจะมีวิธีอะไรได้อีก?”
อินเย่าหมิงกล่าวเรียบๆ “ทำเป็นเล่นไป มันก็มีอยู่วิธีหนึ่งนะ”
สายตาของทุกคนมองไปทางเขาทันที
หลัวคังอันพึมพำในใจ ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเอง นายคงไม่ได้มีจริงๆ หรอกนะ? แต่ปากยังคงเอ่ยไปว่า “ลองว่ามาหน่อย”
อินเย่าหมิงกล่าว “ก็คุณนายหลิวเมื่อครู่นี้ไง เธอเชี่ยวชาญวิชาภาพลวงตา ช่วยแก้ไขความยุ่งยากให้กองทัพในดินแดนแห่งความฝันได้ไม่น้อย ถ้าเกลี้ยกล่อมให้เธอช่วยตามหาได้ล่ะก็ บางทีอาจจะหาเจอจริงๆ ก็ได้นะ”
เกาผู่จ้องมองพลางกล่าว “พูดเหลวไหลอะไรของนาย? คุณนายหลิวจะมาช่วยหอการค้าตระกูลฉินทำงานนี้ได้ยังไง อย่าว่าแต่เบื้องบนจะไม่เห็นด้วยเลย ทางท่านเจ้าเมืองหลิวก็ไม่มีทางตอบตกลงแน่”
คนจำนวนไม่น้อยพากันส่ายหน้า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้จริงๆ เรื่องบางเรื่องทุกคนรู้อยู่แก่ใจกันดี เพียงแต่ไม่มีใครพูดมันออกมาเท่านั้น สภาเซียนจงใจขัดขาหอการค้าตระกูลฉิน หลิวอวี้เซินที่เป็นเจ้าเมืองก็ไม่มีทางที่จะขัดใจเบื้องบนได้ คุณนายหลิวไม่มีทางตอบตกลง เบื้องบนเองก็ไม่มีทางตกลงเช่นกัน
เหยาเซียนกงแนะนำ “หลัวซยง ฟังฉันนะ ไม่ต้องตามหาแล้ว สิ่งที่พวกเราช่วยนายได้ก็คือช่วยนายพูด ให้นายได้อยู่ที่นี่จนกว่าจะทางหอการค้าตระกูลฉินจะเห็นผลลัพธ์ในท้ายที่สุด เอาไว้เรื่องดวงตาแห่งความฝันกับเรื่องเงินรางวัลผ่านไปแล้วนายค่อยออกไป ถึงเวลานั้นก็คงปลอดภัยแล้ว แบบนี้ไม่ดีเหรอ?”
“ใช่ๆ ” ทุกคนต่างห้าม มีคนหนึ่งเรียกได้ว่าบอกใบ้อย่างชัดเจน “ต่อให้นายได้ดวงตาแห่งความฝันมาก็เอาออกไปไม่ได้หรอก รู้อยู่ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังจะทำ หาเรื่องกลุ้มใจไปทำไม?”
หลัวคังอันกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หอการค้าตระกูลฉินดูแลฉันเป็นอย่างดี มีบุญคุณกับฉัน ตอนนี้หอการค้ากำลังลำบาก จะให้ฉันนั่งมองเฉยๆ ไม่สนใจได้ยังไง? ”
“นายก็ไม่ได้เอาของของพวกเขามาเปล่าๆ นี่ ตอนงานประมูลนายก็ตอบแทนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ นายไม่ได้ติดหนี้หอการค้าตระกูลฉินเสียหน่อย ที่บอกเงินเดือนต่อปีสิบล้าน นายเพิ่งจะรับมาเท่าไรเอง? ไม่คุ้มที่นายจะเอาชีวิตไปทิ้งหรอก”
“หลัวซยง คำพูดมันอาจจะไม่น่าฟังนะ แต่อาศัยชื่อเสียงของนายตอนนี้ ถึงหอการค้าตระกูลฉินจะล้มละลายไป นายก็ยังหาที่ไปได้ บางทีเงินอาจจะไม่ได้มากเท่าหอการค้าตระกูลฉิน แต่อย่างน้อยชีวิตก็ปลอดภัย”
ทุกคนต่างแย่งกันพูดเตือนอีกครั้ง
หลังจากหลัวคังอันฟังไปสักพักก็ยกมือบอกให้พวกเขาหยุดพูด “ฉันตัดสินใจแล้ว ทุกคนไม่ต้องกล่อมฉันหรอก เรื่องมันมาถึงตอนนี้แล้ว ฉันก็จะไม่ปิดบังทุกคนอีกต่อไป ยังมีอีกเรื่องที่หวังว่าทุกคนจะช่วยพูดให้ฉันหน่อย”
ทุกคนพูดไม่ออก มองหน้ากันไปมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคนคนนี้จะขอร้องอะไรอีก
เหยาเซียนกงชิงเอ่ยปากดักเอาไว้ก่อน “หลัวซยง ถ้าเป็นเรื่องที่พวกเราทำได้ พวกเราก็จะทำให้ แต่เรื่องที่ไม่สามารถทำได้ นายก็อย่าบังคับพวกเราเลย ก็อย่างที่บอกไป นายเองก็รู้กฎดี!”
หลัวคังอันกล่าว “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แค่จะขอให้ทุกคนช่วยรายงานขึ้นไปหน่อย จะสำเร็จหรือไม่ ฉันก็จะไม่โทษทุกคน”
อินเย่าหมิงลังเลพลางกล่าว “อย่างนั้นนายลองว่ามาก่อน”
หลัวคังอันกล่าว “ฉันรู้ว่าในบางเรื่องพี่น้องทุกคนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ ฉันจึงอยากจะพบกับคนที่สามารถตัดสินใจได้ ฉันได้ยินว่าท่านเทพแห่งเพลิงมาบัญชาการที่ดินแดนแห่งความฝันด้วยตนเอง ทุกคนพอจะช่วยรายงานขึ้นไปให้ฉันได้ไหม ว่าฉันอยากขอพบท่านเทพจี้!”
ทุกคนเงียบไปทันที เหยาเซียนกงลังเลก่อนจะพูดเสียงขรึมว่า “หลัวซยง นายก็น่าจะรู้ ที่นี่ไม่ใช่ว่าใครนึกจะเข้ามาก็เข้ามาได้ อันที่จริงตอนนี้นายไม่ใช่คนของหน่วยผู้พิทักษ์เทพ หากไม่ใช่เพราะพวกฉันรับรองให้ นายก็ไม่มีทางเข้ามาที่นี่ได้ แล้วนี่ท่านเทพเป็นใคร อย่าว่าแต่นายเลย กระทั่งพวกฉันก็ไม่ใช่ว่านึกอยากพบก็จะเข้าพบได้เหมือนกัน พวกฉันจะมีสิทธิ์อะไรไปรายงานให้นายได้?”
“เฮ้อ!” เกาผู่เองก็ถอนใจพลางกล่าว “หลัวซยง บนโลกนี้มีคนที่อยากจะพบท่านเทพตั้งไม่รู้เท่าไร ถ้าใครๆ ก็เข้าพบท่านเทพได้ อย่างนั้นท่านเทพไม่ยุ่งตายเหรอ? หากพวกฉันรายงานขึ้นไป จะต้องถูกเบื้องบนตำหนิแน่ๆ นายอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะ”
เมื่อเห็นว่าการกินดื่มและคุยเรื่องเก่าๆ ก็ไม่มีประโยชน์ หลัวคังอันจึงลุกขึ้น ประสานมือให้ทุกคนพลางกล่าว “รบกวนช่วยรายงานไปว่าหลัวคังอันลูกศิษย์ของอาจารย์หลงแห่งหลิงซานขอเข้าพบท่านเทพจี้!”
ทันทีที่เอ่ยคำนี้ออกไป ทุกคนต่างเรียกได้ว่าตกใจ
สำหรับเรื่องที่หลัวคังอันเป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ ตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้ แต่เนื่องจากเรื่องนี้มันพัวพันไปถึงจักรพรรดิเทียนอู่ คนที่รู้ต่างก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่มีทางเที่ยวเอาไปพูดส่งเดชได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเรื่องนี้ยังไม่ได้แพร่กระจายออกไป ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ในที่นี้ล้วนยังไม่รู้เรื่องนี้
“อาจารย์หลง? นายเป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่เหรอ?” มีคนเอ่ยถามขึ้นมา
หลัวคังอันพยักหน้า แล้วกล่าวต่อ “รบกวนช่วยรายงานขึ้นไปด้วย”
หารู้ไม่ เขาเองก็ไม่อยากจะอ้างชื่อของหลงซืออวี่เช่นกัน แต่มันช่วยไม่ได้ หลินยวนมอบหมายให้เขาจัดการเรื่องนี้ โดยมีคำขอเดียว นั่นคือต้องทำให้สำเร็จ ส่วนจะทำให้สำเร็จยังไงนั้นหลินยวนไม่สนใจ เขาเองก็สิ้นหวังเช่นกัน ถูกบีบเสียจนหมดหนทางแล้ว!
คนทั้งกลุ่มค่อยๆ ลุกขึ้น เหยาเซียนกงกล่าวเสียงขรึม “หลัวซยง เรื่องนี้เอามาล้อเล่นไม่ได้นะ ถ้ารายงานเท็จล่ะก็ เกรงว่ากระทั่งชีวิตนายก็คงจะรักษาเอาไว้ไม่ได้นะ และพวกฉันเองก็จะถูกลงโทษไปด้วย”
หลัวคังอันกล่าว “เหยาซยง นายคิดว่าฉันจงใจมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่นเหรอ?”
ทุกคนมองหน้ากัน อินเย่าหมิงยิ้มเจื่อนพลางกล่าวทันที “หลัวซยง คิดไม่ถึงว่านายจะมีภูมิหลังแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี แต่นายปิดบังไว้เสียมิด ทำเอาพวกฉันดูโง่ไปเลย!”
หลัวคังอันทำท่าทางจนปัญญา “มันจำเป็นน่ะ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ทุกคนต่างครุ่นคิด คิดถึงเรื่องของหลงซืออวี่ ก็จริง เกรงว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้ เจ้านี่ถึงได้แสร้งทำเป็นขี้ขลาดมาหลายปี มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้ดูการประมูลก็รู้สึกแปลกๆ อยู่แล้วเชียว ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่นี่เอง มิน่าถึงได้มีความสามารถขนาดนั้น
ตอนนี้ ความสงสัยทุกอย่างดูเหมือนจะได้รับการคลี่คลายแล้ว
……
“อ้างสถานะลูกศิษย์ของอาจารย์หลงมาขอเข้าพบ…”
จี้เผิงเลี่ยผู้เป็นเทพแห่งเพลิงที่กลับจากทางออกของดินแดนแห่งความฝันมาถึงฐานที่ตั้งกองทัพ กำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ในโถงหินบนหน้าผา มือลูบเคราบ่นพึมพำ ท่าทางค่อนข้างปวดหัว
ชื่อของหลงซืออวี่เรียกได้ว่าทรงพลังเป็นอย่างมาก หลังจากเหยาเซียนกงรายงานขึ้นไปก็ไม่มีใครกล้าขัดขวาง ถูกรายงานขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่มีสะดุด
จี้เผิงเลี่ยรู้เรื่องที่หลัวคังอันเป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ และก็เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซืออวี่ เขาจึงเมินเฉยเรื่องที่ก่อนหน้านี้หลัวคังอันมีพฤติกรรมติดสินบนด้วยการยัดยันต์สื่อสารให้เหยาเซียนกงไป ไม่คิดเอาความเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้ เพราะถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปมันจะไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่
ใช้เรื่องเล็กๆ แค่นี้มารังแกลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ เห็นว่าหลงซืออวี่ไม่อยู่แล้วใช่ไหม? จะให้คนอื่นมองเขายังไง?
หนึ่งในผู้ก่อตั้งหลิงซาน หนึ่งในสามอธิการบดี ทั้งดินแดนเซียนมีคนมากมายที่จบออกมาจากหลิงซาน แม้จะไม่ใช่ลูกศิษย์ของอาจารย์หลง แต่ก็มีคนจำนวนมากที่เคยได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์หลง เหล่าเจ้าหน้าที่เซียนทั้งน้อยใหญ่ เวลาที่เจอหลงซืออวี่ต่างก็เรียกอาจารย์หลงอย่างเคารพนอบน้อมกันทั้งสิ้น เรียกได้ว่ามีอิทธิพลอย่างมาก
แต่หลงซืออวี่ถูกประหารชีวิตเพราะเรื่องอะไร? ก็เพราะไปล่วงเกินจักรพรรดิเทียนอู่เข้า
ตอนนี้หมอนี่อ้างชื่อของหลงซืออวี่มาขอเข้าพบ เขาจะให้พบหรือไม่ให้พบดี?
ถ้าให้พบก็กังวลว่าจักรพรรดิเทียนอู่จะไม่พอใจ ถ้าไม่ให้พบก็กังวลว่าอาจจะทำให้หลายๆ คน ‘เกิดความเข้าใจผิด’ ได้
“ท่านเทพครับ ลองดูก่อนก็ได้นะครับว่าเขามาขอพบด้วยเรื่องอะไร หากไม่เหมาะสมก็ปฏิเสธไปก็ได้ ทางจักรพรรดิเทียนอู่คงจะไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกครับ” อวี๋เซียนจ้งลูกน้องคนสนิทให้ความเห็น
“เฮ้อ! เขามาขอเข้าพบในเวลานี้ยังจะเป็นเรื่องอะไรไปได้ล่ะ?” จี้เผิงเลี่ยส่ายหน้าลูบเคราแล้วหันหลัง “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้หน้าอาจารย์หลงนะ ฉันกับอาจารย์หลงก็ถือว่าสนิทกัน ฉันก็เคารพเขามาโดยตลอด ที่ไม่อยากพบหลัวคังอันคนนี้ก็เพื่อตัวเขาเอง ถ้าหากมาเจอกันจริงๆ เรื่องที่เขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลงก็จะต้องแพร่กระจายออกไป เจ้านี่มันประสาทหรือเปล่า ทำตัวเด่นแบบนี้ไม่กลัวจะสร้างปัญหาให้ตัวเองหรือไง แค่เรื่องที่เขาเข้ามาในดินแดนแห่งความฝันนี่ก็ทำให้ฉันปวดหัวมากพออยู่แล้ว แล้วตอนนี้ยังจะมาขอพบฉันแบบเอิกเกริกอีก…เฮ้อ ช่างเถอะๆ ให้เขาเข้ามาแล้วกัน!” เขาโบกมือ
…………………………………………………………