ตอนที่ 277 ยินดีเป็นสายลับให้ท่านเทพ
สีหน้าของหลัวคังอันพลันเคร่งขรึม เขาประสานมือพลางกล่าว “ท่านเทพครับ ผู้น้อยไม่ได้แอบอ้างชื่อของอาจารย์หลงเพื่อหลอกลวง อาจารย์หลงเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณที่ถ่ายทอดวิชาให้ผู้น้อยจริงๆ ครับ”
จี้เผิงเลี่ยอยากจะกลอกตาใส่เขา เขาไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่รู้ว่าในหัวของเจ้านี่มันคิดอะไรอยู่
เขาไม่มีทางคุยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งกับหลัวคังอัน จึงเอ่ยถามอีกครั้งว่า “มาหาฉันมีเรื่องอะไร?”
หลัวคังอันกล่าวด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ท่านเทพครับ ผู้น้อยทราบว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้น้อยควรมา แล้วก็ไม่ได้อยากใช้ชื่อของอาจารย์ด้วยครับ แต่ผู้น้อยไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ เรื่องมันเกี่ยวพันถึงชีวิตผู้คนนับหมื่น หากอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ อาจารย์ก็คงไม่มีทางนั่งมองอยู่เฉยๆ เช่นกัน…”
จี้เผิงเลี่ยกล่าวตัดบทเขา “อาจารย์หลงดูแลหลิงซาน เขาไม่มีทางเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่งหรอก นายมีเรื่องอะไรก็พูดมา ไม่ต้องอ้างอาจารย์หลง นายยังไม่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนของอาจารย์หลงหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อก่อนอาจารย์หลงทำคุณงามความดีให้แก่สภาเซียน นายจะได้มาพูดคุยต่อหน้าฉันที่นี่เหรอ?”
หลัวคังอันถูกตอกกลับมาจนกระอักกระอ่วนไปเล็กน้อย แต่แน่นอนว่าเป็นเพียงความกระอักกระอ่วนภายในใจเท่านั้น หนังหน้าของเขายังหนามากพอ เขากล่าวไปอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ครับ ที่ท่านเทพกล่าวมามีเหตุผล เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเทพ ผู้น้อยก็ไม่กล้าอ้อมค้อมอีก ผู้น้อยเองก็เป็นตรงๆ พูดอ้อมค้อมไม่เป็น หากมีตรงไหนที่กล่าวไม่ถูกต้อง ผู้น้อยต้องขออภัยด้วยครับ”
จี้เผิงเลี่ยกล่าวอย่างมีนัย “ในเมื่อรู้ว่าพูดออกมาแล้วมันไม่ถูกต้อง อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว เห็นแก่หน้าอาจารย์ของนายบ้าง”
เขาพอจะเดาออกแล้วว่าอีกฝ่ายมาทำไม เขาเอ่ยคำพูดนี้ไปก็เพราะหวังว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเอง
หลัวคังอันเข้าใจ เขาเองก็ไม่อยากมา แต่ไม่มาก็ไม่ได้ จึงได้แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ พลางกล่าวต่อว่า “เรื่องเงินรางวัลของหอการค้าตระกูลฉิน ทุกคนล้วนทราบกัน สภาเซียนเห็นใจ จึงเปิดทางเข้าดินแดนแห่งความฝันให้ ผู้น้อยในฐานะรองประธานหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้ทำเพื่อเงินรางวัล แต่ทำเพื่อชีวิตคนนับหมื่น และเป็นสิ่งที่ควรทำโดยไม่อาจเลี่ยงได้ หลายวันมานี้ ผู้น้อยวนไปวนมาอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน หาที่อยู่อาศัยของหนอนแห่งความฝันเจอหลายที่ จึงได้ข้อสรุปออกมาอย่างหนึ่งว่า ขอเพียงมีหนอนแห่งความฝันอยู่ เช่นนั้นก็ต้องมีนางพญาหนอนแห่งความฝัน!”
กล่าวจบก็มองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ผลคือพวกจี้เผิงเลี่ยแต่ละคนไม่มีการแสดงออกทางสีหน้า ไม่รับคำกล่าวนี้เลย
หลัวคังอันกระแอมเล็กน้อย ทำได้เพียงกล่าวต่อไป “ที่หลัวคังอันต้องเสียมารยาทมาที่นี่ในครั้งนี้ ก็ด้วยหวังว่าท่านเทพจะเห็นใจชีวิตคนนับหมื่นเหล่านั้น คนเหล่านั้นล้วนเป็นประชากรของดินแดนเซียน จึงหวังว่า…”
ยังไม่ทันที่คำว่า ‘จึงหวังว่าทางนี้จะจัดทหารไปช่วยตามหานางพญาหนอนแห่งความฝัน’ จะได้เอ่ยออกมา จี้เผิงเลี่ยก็ชิงตัดบทขึ้นมาทันที “ชีวิตคนนับหมื่นไม่ใช่เรื่องเล็ก สภาเซียนไม่มีทางนั่งมองดูเฉยๆ คิดว่าหอการค้าตระกูลฉินเองก็ไม่มีทางนั่งมองดูเฉยๆ เช่นกัน”
หลัวคังอันกล่าว “ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วครับ ดังนั้นหอการค้าตระกูลฉินจึงได้ตั้งเงินราง…”
จี้เผิงเลี่ยกล่าวตัดบทอีกครั้ง “เงินรางวัลสามพันล้านมุกมันน้อยเกินไป แก้ไขปัญหาไม่ได้หรอก เรื่องการตามหาดวงตาแห่งความฝัน สภาเซียนเคยมีประสบการณ์มาแล้ว ต้องเสียค่าตอบแทนไปเป็นจำนวนมาก ทหารบาดเจ็บล้มตายกันไปมากกว่าหมื่นชีวิต! นายต้องเข้าใจนะ พนักงานหอการค้าตระกูลฉินนับหมื่นชีวิตนั้นเป็นประชากรของดินแดนเซียน กองทัพห้าแสนชีวิตที่ประจำการอยู่ที่นี่ก็เป็นประชากรของดินแดนเซียนเช่นกัน หอการค้าตระกูลฉินสามารถสนใจแต่พนักงานของตนเองโดยที่ไม่สนใจความเป็นความตายของคนอื่นๆ ได้ แต่สภาเซียนต้องปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียนกัน!”
หากต้องการแก้พิษให้คนนับหมื่นเหล่านั้น นอกจากการตามหาดวงตาแห่งความฝันแล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีอื่น หอการค้าตระกูลฉินไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถที่จะช่วยเหลือคนเหล่านั้น เรื่องราวมันเกิดขึ้นจากหอการค้าตระกูลฉิน ในเมื่อหอการค้าตระกูลฉินมีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ เช่นนั้นก็ควรจะแก้ไขทันที ไม่ใช่คิดคำนวณผลประโยชน์ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงโยนเงินรางวัลสามพันล้านออกมา โดยหวังจะให้คนอื่นเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของหอการค้าตระกูลฉิน! เรื่องนี้ใครถูกใครผิด นายเองก็ไม่ใช่เด็กสามขวบ จะแยกแยะไม่ได้เชียวเหรอ?”
สมกับที่เป็นเทพแห่งเพลิงที่ยืนอยู่เหนือผู้คนมาเป็นเวลานาน คำพูดที่เอ่ยออกไปล้วนเต็มไปด้วยเหตุผลจนไม่อาจโต้แย้งได้ ทำเอาหลัวคังอันถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว
แล้วก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าถ้ายืนอยู่ในมุมอื่น อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดผิดเลย หอการค้าตระกูลฉินเห็นแก่ตัวจริงๆ ขอเพียงหอการค้าตระกูลฉินยอมปล่อยผลประโยชน์ในมือ หอการค้าตระกูลฉินก็จะสามารถรวบรวมเงินมาซื้อยาแก้พิษได้
แต่ถ้ายืนอยู่ในมุมของหอการค้าตระกูลฉิน เมื่ออยู่ในสนามการค้า หอการค้าตระกูลฉินไม่สามารถก้มหน้ายอมแพ้เพียงเพราะโดนแผนชั่วร้ายของคนอื่นเล่นงานได้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นหอการค้าไหนก็ไม่มีทางทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหอการค้าไหนที่จะอยู่รอดต่อไปได้หรอก
แต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่สภาเซียนเรียกว่าความชอบธรรม พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใดๆ ได้
เมื่อเห็นว่าเขาพูดอะไรไม่ออก จี้เผิงเลี่ยจึงกล่าวต่อ “เรื่องนี้สภาเซียนย่อมไม่มีทางนิ่งเฉย เพราะว่ามันคือชีวิตของคนนับหมื่น ทางสภาเซียนจะต้องมีการปรึกษาหารือกับหอการค้าตระกูลฉินเพื่อแก้ไขเรื่องนี้แน่นอน นายในฐานะรองประธานหอการค้า ควรไปแนะนำหอการค้าตระกูลฉินว่าให้รีบละทิ้งความเห็นแก่ตัวซะ เพื่อที่ได้บรรเทาความทรมานจากโรคระบาดให้แก่คนนับหมื่น ไม่ใช่ว่ามาที่นี่เพื่อพูดจาหว่านล้อม หวังให้คนอื่นไปตายเพื่อช่วยหอการค้าตระกูลฉิน!”
คำกล่าวนี้แทบจะไม่มีการอ้อมค้อมใดๆ เลย เท่ากับเป็นการบอกหลัวคังอันอย่างตรงไปตรงมาว่าสภาเซียนคิดจะบีบให้หอการค้าตระกูลฉินเอาเคล็ดลับการสร้างข่ายพลังมาขายเพื่อรวบรวมเงิน
เพียงแต่ความตรงไปตรงมานี้กลับพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวและองอาจ สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก
ที่จริงแล้วหลัวคังอันก็ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง แล้วก็ไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายตอบตกลงด้วย ทางนี้หาดวงตาแห่งความฝันเจอแล้ว คำกล่าวของจี้เผิงเลี่ยมันผิดจุด
หลัวคังอันเปลี่ยนประเด็นทันที “หากผู้น้อยหาดวงตาแห่งความฝันเจอ แบบนั้นจะไม่เท่ากับว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายเหรอครับ?”
จี้เผิงเลี่ยส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “ถ้านายสามารถหาเจอได้ อย่างนั้นก็เท่ากับเป็นความสามารถของนาย แล้วทำไมยังต้องมาที่นี่ให้เปลืองน้ำลายล่ะ?”
หลัวคังอันกล่าว “ปัญหาก็คือต่อให้ผู้น้อยหาเจอแล้ว แต่โลกภายนอกนั่นก็มีแต่คนที่จ้องจะแย่งชิงดวงตาแห่งความฝัน เกรงว่าคงจะเอากลับไปไม่ได้ ผู้น้อยถือดีมาขอพบท่านเทพก็เพื่อจะมาขอความกรุณา หากผู้น้อยสามารถหาดวงตาแห่งความฝันเจอ ผู้น้อยก็หวังว่าสภาเซียนจะนึกถึงชีวิตของคนนับหมื่น ส่งทหารมาคุ้มกันพวกเรากลับไปที่หอการค้าตระกูลฉินครับ”
บรรดาแม่ทัพมองหน้ากันไปมา ทำไมรู้สึกว่าคำพูดของเจ้านี่ดูมีความมั่นใจอยู่ ทุกคนล้วนหันไปมองจี้เผิงเลี่ย ดูว่าเขาจะตอบอย่างไร
จี้เผิงเลี่ยหรี่ตาเล็กน้อยจ้องหลัวคังอัน ก่อนจะกล่าวเนิบๆ ว่า “อย่างนั้นก็รอให้นายหาเจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หลัวคังอันคุยโวโอ้อวดออกมา “ผู้น้อยไม่ขอปิดบังท่านเทพ ผู้น้อยเคยได้ฟังอาจารย์สอนอะไรบางอย่าง ที่มาคราวนี้ก็เพราะจดจำในสิ่งที่อาจารย์เคยสอนได้ หลังเดินทางอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน ผู้น้อยก็ได้เจอร่องรอยของนางพญาหนอนแห่งความฝันจำนวนหนึ่งจริงๆ คิดว่าน่าจะหาเจอได้ไม่ยากเย็นอะไร แต่ปัญหาในตอนนี้คือจะเอาสิ่งนั้นกลับออกไปได้ยังไง ไม่อย่างนั้นผู้น้อยก็ไม่กล้ามารบกวนท่านเทพหรอกครับ”
จี้เผิงเลี่ยลังเลพลางกล่าว “อาจารย์หลงเคยสอนนายด้วยเหรอว่าจะหานางพญาหนอนแห่งความฝันได้ยังไง?”
หลัวคังอันส่ายหน้า “เปล่าครับ แต่ตอนที่อาจารย์สั่งสอนผู้น้อย อาจารย์เคยกล่าวถึงเรื่องบางอย่างในดินแดนแห่งความฝัน อาจารย์เคยเล่าถึงสหายเก่าคนหนึ่งที่ไปอยู่ในดินแดนมาร บอกว่าในยุคสมัยราชวงศ์ก่อน ผู้ที่คุมดินแดนแห่งความฝันคือคนที่เรียกขานกันว่าเทพแห่งความฝัน อาจารย์บอกว่าสนิทกับเธอมากครับ จึงได้รู้เรื่องเกี่ยวกับดินแดนแห่งความฝันมาจากเธอไม่น้อย ผู้น้อยเองก็นับว่าได้ฟังมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน คิดไม่ถึงว่าจะได้เอาสิ่งเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์”
“เทพแห่งความฝัน?” จี้เผิงเลี่ยเผยสีหน้าครุ่นคิด หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย “คล้ายจะจำได้ลางๆ ว่ามีข่าวลืออยู่ เหมือนเทพแห่งความฝันจะ…ใช่แล้ว เทพแห่งความฝันกับอาจารย์หลงน่าจะสนิทกันมาก ถ้าพูดถึงความเข้าใจที่มีต่อดินแดนแห่งความฝันแล้วล่ะก็ น่าจะไม่มีใครที่รู้ดีไปกว่าเทพแห่งความฝันผู้นั้นแล้วล่ะ”
พอได้ฟังคำกล่าวนี้ ทุกคนต่างมองหน้ากันอีกครั้ง สีหน้าท่าทางคล้ายกระจ่างขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ยังนึกแปลกใจอยู่ว่าทำไมเจ้านี่ถึงมาตามหานางพญาหนอนที่ดินแดนแห่งความฝันด้วยตัวเองได้ มิน่าล่ะ ที่แท้ก็เคยเรียนรู้จากอาจารย์หลงมาก่อนนี่เอง จึงมีความมั่นใจมาที่นี่
หวนเจ้ากล่าวเนิบๆ “หลัวคังอัน การได้อาจารย์หลงเป็นอาจารย์ นั่นนับเป็นความโชคดีของนายแล้ว”
หลัวคังอันยิ้มขมขื่น น่าเสียดายที่อาจารย์ตายเร็วไปหน่อย พออาจารย์จากไป อำนาจอิทธิพลต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลง!
ถังซู่กล่าวอย่างแปลกใจ “ตอนนั้นสภาเซียนทุ่มกำลังเต็มที่เพื่อตามหานางพญาหนอน เรียกได้ว่าต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก ในเมื่ออาจารย์หลงรู้เรื่องเหล่านี้ ทำไมเขาถึงไม่แนะนำสภาเซียนล่ะ?”
หลัวคังอันยังไม่ทันได้เอ่ยปากอธิบาย จี้เผิงเลี่ยก็ส่ายหน้าพลางกล่าว “ในศึกระหว่างราชวงศ์ก่อนกับราชวงศ์ใหม่ อาจารย์หลงรักษาความเป็นกลางมาโดยตลอด จนกระทั่งมาถึงยุคสมัยของราชวงศ์ปัจจุบันในช่วงเวลาพันปีต่อมา เป็นเพราะความต้องการของสภาเซียน อาจารย์หลงถึงได้ตอบตกลงก่อตั้งหลิงซานกับทุกคน ก่อนที่จะหานางพญาหนอนเจอ อาจารย์หลงไม่เคยรับการปูนบำเหน็จแต่งตั้งใดๆ ทั้งสองฝ่ายไม่เคยช่วยเหลืออะไรกัน”
ทุกคนเข้าใจในทันที อย่างนี้นี่เอง สิ่งที่หลัวคังอันกำลังจะอธิบายได้ถูกจี้เผิงเลี่ยพูดออกมาแล้ว นี่กลับช่วยให้เรื่องมันง่ายขึ้น
เห็นได้ชัดว่าคนแก่บางคนพอจะรู้เรื่องในอดีตบางเรื่องอยู่
จี้เผิงเลี่ยที่ได้สติกลับมาจ้องมองไปที่หลัวคังอันอีกครั้งพลางกล่าว “ได้ยินว่าข้างนอกนั่นมีคนเสนอเงินรางวัลพันล้านมุกเพื่อเอาชีวิตนายเหรอ?”
หลัวคังอันยิ้มขมขื่น “หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ หากไม่ใช่เพื่อจะรักษาชีวิต ผู้น้อยจะกล้ามารบกวนท่านเทพได้ยังไงครับ”
จี้เผิงเลี่ยกล่าว “ท้องฟ้ามีเมฆฝนที่คาดเดาไม่ได้ คนเราก็มีทุกข์สุขปะปนกันไปเช่นกัน นายจะหาดวงตาแห่งความฝันเจอหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึง แม้ว่าอาจารย์หลงจะถูกประหารชีวิตไปแล้ว แต่ก็เพราะว่ามีคุณงามความดีที่บ่มเพาะคนมีความสามารถให้สภาเซียนเป็นจำนวนมาก จะถูกหรือผิดก็ว่ากันไปเป็นเรื่องๆ เห็นแก่ที่อาจารย์หลงมีคุณงามความดีต่อสภาเซียน ฉันจะอนุโลมให้นายได้อยู่ที่ฐานที่มั่นกองทัพนี้ชั่วคราว รอให้ทางหอการค้าตระกูลฉินมีทางหนีทีไล่ ค่อยๆ จัดการกับปัญหาไป รอให้เรื่องเงินรางวัลเงียบไป พอไม่มีอันตรายแล้ว นายค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย”
ที่เรียกบรรดาแม่ทัพมา ก็เพราะอยากจะให้ทุกคนได้ฟังคำพูดนี้
เขาอยากให้ทุกคนรู้ว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ให้เกียรติอาจารย์หลง นี่เป็นเพราะเห็นแก่อาจารย์หลง เขาถึงได้เปิดทางรอดให้หลัวคังอัน เพราะด้วยต้องการจะรักษาชีวิตของหลัวคังอันเอาไว้ แบบนี้ก็นับว่ามีคำอธิบายให้คนอื่นด้วยเช่นกัน หากหลัวคังอันไม่รู้จักเอาตัวรอด อย่างนั้นก็จะมาโทษเขาไม่ได้
แต่หลัวคังอันกลับกล่าวว่า “ผู้น้อยได้ยินข่าวบางอย่างมา ได้ยินว่าคนที่เข้ามาในดินแดนแห่งความฝันเพื่อเงินรางวัล ส่วนใหญ่จะมุ่งหน้ามาที่ทะเลหนาม ว่ากันว่าที่นี่มีความลับของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดอยู่ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ครับ?”
จี้เผิงเลี่ยพลันกล่าวด้วยท่าทีน่าหวาดกลัวขึ้นมาทันที “หลัวคังอัน เรื่องที่นายไม่ควรถามก็อย่าได้ถามมาก”
หลัวคังอันกลับประสานมืออย่างเด็ดเดี่ยวพลางกล่าว “แม้ว่าผู้น้อยจะออกจากผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงแล้ว แต่ใจยังคงอยู่กับสภาเซียน ผู้น้อยยินดีทำงานเพื่อสภาเซียนครับ!”
ทุกคนเงียบทันที จ้องมองเขาอย่างหมดคำพูด ไม่รู้ว่าหมอนี่กำลังพูดเบี่ยงไปทางนั้นทีทางนี้ทีเพื่ออะไร
จี้เผิงเลี่ยกล่าว “ปากก็บอกว่าไม่อ้อมค้อม แต่ฉันว่านายอ้อมค้อมมากเลยนะ นายอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
หลัวคังอัน “ผู้น้อยยินดีแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์ดีเหล่านั้น ยินดีเป็นสายลับให้ท่านเทพครับ หากพบว่ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ผู้น้อยจะรายงานให้ท่านเทพทราบทันที จะหาหลักฐานมัดตัวให้แน่น ช่วยกองทัพขจัดคนที่ไม่ประสงค์ดีเหล่านั้น แต่แน่นนอน ผู้น้อยหวังว่าท่านเทพจะเห็นแก่ความดีความชอบของผู้น้อย จัดหาทหารคุ้มกันผู้น้อยกลับเมืองปู๋เชวี่ยครับ”
ทุกคนที่ตรงนั้นไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พวกเขาพบว่าเจ้านี่ปักใจอยู่กับหอการค้าตระกูลฉินจริงๆ พูดวนไปวนมา สุดท้ายก็ยังไม่ลืมที่จะคิดหาวิธีเอาดวงตาแห่งความฝันกลับไปให้หอการค้าตระกูลฉินอยู่ดี
“ไม่จำเป็น!” จี้เผิงเลี่ยปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ฉันพูดสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว ให้ความเมตตาอย่างถึงที่สุดแล้ว นายจะอยู่หรือจะไปก็คิดเอาเอง ฉันยังมีงานต้องทำอีก นายกลับไปเถอะ!” เขาโบกมือส่งแขก
……
ณ สถานที่รับรองแขกที่อยู่ด้านนอกฐานที่มั่น พอหลัวคังอันกลับมา พวกเหยาเซียนกงที่เดินวนไปวนมาก็เข้ามาล้อมเขาไว้ทันที
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เหยาเซียนกงถาม
“ไปพบท่านเทพคุยเรื่องอะไร?” เกาผู่ถาม
หลัวคังอันหัวเราะเหอะๆ พลางกล่าว “ไม่มีอะไร แค่คุยกันเรื่องเก่าๆ น่ะ”
ปากเขาไม่ได้พูดความจริงไป คำพูดขอไปทีนี้ทำให้คนเหล่านี้สลายตัวไป จากนั้นก็ส่งสายตาให้หลินยวนกับเยี่ยนอิงที่อยู่ข้างๆ ทั้งสามคนเข้าไปในห้องพักชั่วคราวสำหรับแขกภายนอกด้วยกัน
…………………………………………………………….