ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 284 คิดถึงคุณ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 284 คิดถึงคุณ

เมื่อกลับมาถึงบ้านที่พักอาศัยอยู่ชั่วคราว หลิวซิงเอ๋อร์พูดคุยกับแม่เล็กน้อย ก่อนจะกลับไปยังห้องตนเอง นั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบๆ

อ้อมกอดลับๆ ระหว่างชายหญิง จนกระทั่งถึงตอนนี้เธอยังคงรู้สึกได้ว่าความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ความรู้สึกที่ได้ซบลงบนไหล่ของอีกฝ่ายมันช่างดีจริงๆ

ความคิดต่างๆ ยังคงวกวนอยู่ในใจเธอ ไม่จางหายไปไหน กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังยากจะสงบใจลงได้ เพิ่งจะแยกจากกันเอง เธออยากเจอหลัวคังอันอีกแล้ว

……

หลัวคังอันก็กลับมาถึงที่พักเช่นกัน

ทันทีที่เยี่ยนอิงเห็นเขาก็ได้กลิ่นเหล้าจากตัวเขา จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ว่า “กินปิ้งย่างมีความสุขดีสินะ?” จมูกของเธอดีมาก

หลัวคังอันเอ่ย “ก็แค่ผู้ชายจับกลุ่มคุยกันเรื่อยเปื่อยน่ะ”

หลินยวนเดินเข้ามาเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ไม่มีอะไร……” หลัวคังอันไม่ได้พูดอะไร แค่อธิบายสถานการณ์บางส่วนให้ฟัง ข้อมูลสำคัญที่พวกเหยาเซียนกงพูดถึง เขาปกปิดเอาไว้ ยังไม่ยอมบอกออกมา เพราะว่าเขามีความคิดอย่างอื่นอยู่

หลินยวนฟังแล้วก็เงียบ

หลัวคังอันรีบกล่าว “วางใจได้ ฉันได้เบาะแสบางอย่างแล้ว ในสองวันนี้จะต้องคิดวิธีหาข้อมูลที่มีประโยชน์ออกมาได้แน่”

หลินยวนพยักหน้าเงียบๆ ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้ เมื่ออยู่ที่นี่ เขากับเยี่ยนอิงไม่สะดวกที่จะลงมือทำอะไร คนอื่นไม่เพียงแต่จะไม่มาสนใจพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาสองคนไปเที่ยวถามอะไรส่งเดช นั่นอาจจะทำให้เกิดความสงสัยได้ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะให้พวกเขาอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นสายของหลัวคังอัน เกรงว่าพวกเขาคงจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วก็มีเพียงแค่หลัวคังอันเท่านั้นที่ทำอะไรได้สะดวกหน่อย

……

วันรุ่งขึ้น ที่จริงก็ไม่ใช่วันรุ่งขึ้นอะไรหรอก ที่ดินแดนแห่งความฝันไม่ได้มีการแบ่งแยกกลางวันกลางคืน แค่คำนวนเวลาตามนาฬิกาไปเท่านั้น

หลัวคังอันที่มองเวลาบนนาฬิกาข้อมืออยู่เป็นระยะเรียกได้ว่าจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร เอาแต่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องตลอด บางครั้งก็วิ่งไปที่ระเบียงแล้วมองซ้ายมองขวา เอาแต่กังวลเรื่องเรื่องนั้นของตนเอง

“มีธุระ?” หลินยวนที่สังเกตเห็นความผิดปกติเอ่ยถามขึ้นมาตอนที่เขาเดินผ่าน

ความผิดปกติของอีกฝ่าย จะรอดพ้นไปจากสายตาของคนที่มีความระมัดระวังตัวอย่างมากอย่างเขาไปได้อย่างไร

หลัวคังอันตะลึงไปครู่หนึ่ง ถูกทักตรงจุด รับรู้ได้ว่าถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว จึงไม่กล้าพูดว่าไม่มีอะไร ความโหดเหี้ยมของคนคนนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไม่เหมือนกับพวกเหยาเซียนกงที่แค่ข่มขู่เล่นๆ แบบนั้น นี่คือคนที่โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง คนที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา!

เขาหัวเราะเหอะๆ ทันทีพลางกล่าว “เมื่อวานคุยกับพวกเหยาเซียนกงเอาไว้ แล้วก็มีพวกคนที่คุ้นเคยกันที่ไม่ได้ไปเข้าเวรด้วย ว่าจะไปกินเลี้ยงด้วยกันสักหน่อย ฉันจะได้ถือโอกาสดูด้วยว่าจะสามารถสืบข้อมูลอะไรมาได้บ้างไหม ฉันรอพวกเขาติดต่อมาอยู่”

หลินยวนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตากลับกำลังเพ่งพิจารณา เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือไม่ ในสถานที่แบบนี้เขาไม่สะดวกจะตรวจสอบอะไรเลย ทำได้แค่เพียงว่าไปตามที่หลัวคังอันพูดมา

หลัวคังอันมองออกถึงความหมายบางอย่างที่อยู่ในสายตานั้น เขาเข้าใจ นั่นคือการเตือนว่าถ้ากล้าโกหกล่ะก็ ผลลัพธ์ที่จะตามมามันจะรุนแรงเป็นอย่างมาก เขายิ้มกลบเกลื่อน ภายในใจรู้สึกหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก รู้ว่าถ้าถูกจับได้จริงๆ จุดจบของตนเองจะต้องอนาถอย่างมากแน่นอน

เขาอยู่ภายใต้อำนาจของคนแซ่หลินนี้มานาน รู้สึกหวาดกลัวหลินยวนจริงๆ

แต่ก็พูดออกไปแล้ว จึงทำได้เพียงกัดฟันเดินหน้าต่อไป คิดไปก่อนว่าไม่น่าจะถูกอีกฝ่ายจับได้

เมื่อรับรู้ได้แล้วว่าท่าทีของตนเองคงดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เขาจึงไม่กล้าเดินไปเดินมาอีก หากแต่ไปรออยู่ที่ระเบียง

หลังรออยู่ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หลัวคังอันหยิบขึ้นมาดูทันที เห็นว่าเป็นเหยาเซียนกงโทรมาจึงรีบรับสาย เอ่ยว่า “ฉันเอง”

เหยาเซียนกงว่า “รีบออกมาเร็ว ติงหลานไปแล้ว”

หลัวคังอันยิ้มขึ้นมาทันที “อืม ฉันรู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขาวางสายไปแล้วหุบยิ้ม หันกลับไปรายงานหลินยวนในห้อง “ทางนั้นโทรมาแล้ว ฉันไปก่อนนะ”

หลินยวนพยักหน้าเล็กน้อย หลัวคังอันหันหลังออกไปเลย ไม่ได้เดินเท้าไปตามปกติ เขากำลังรีบ จึงบินออกไปทางระเบียง

เยี่ยนอิงเดินมาหาหลินยวนอย่างช้าๆ กระซิบเบาๆ “ท่าทางของหมอนั่นดูไม่ปกติเท่าไรนะคะ”

หลินยวนกล่าวเรียบๆ “สร้างปัญหาอะไรไม่ได้หรอก!”

…….

ในป่าเล็กๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับที่อยู่ของติงหลาน คนที่ดูลับๆ ล่อๆ หลายคนมาพบเจอกัน ย่อมเป็นพวกเหยาเซียนกง

“เป็นยังไงบ้าง?” หลัวคังอันมาถึงก็เอ่ยถามถึงสถานการณ์ทันที

เหยาเซียนกงกล่าว “ติงหลานไปแล้ว ซิงเอ๋อร์ยังอยู่ข้างใน นายเข้าไปตอนนี้กำลังเหมาะเลย”

หลัวคังอันกล่าวอย่างระแวดระวัง “พวกนายแน่ใจนะว่าติงหลานไปแล้ว?”

เกาผู่กล่าว “ก็ต้องไปแล้วสิ พวกฉันเห็นกับตา เรื่องแบบนี้พวกฉันจะเอามาล้อเล่นได้เหรอ?”

หลัวคังอันพยักหน้า ยื่นหัวออกจากหลังต้นไม้ มองสอดส่องไปทางที่อยู่ของหลิวซิงเอ๋อร์

อินเย่าหมิงดันเขาเล็กน้อย “อย่ามัวโอ้เอ้ เวลามีจำกัด รีบไปสิ”

หลัวคังอันไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ ยังคงสังเกตอยู่อีกครู่หนึ่ง ภายในใจลังเลเป็นอย่างมาก กังวลว่าจะสร้างเรื่องอะไร เพราะว่านั่นคือลูกสาวท่านเจ้าเมือง เมื่อก่อนเขาไม่เคยกล้ายุ่งกับคนประเภทนี้เลย

เหยาเซียนกงก็ดันเขาอีกแรง “นายจะมาทำลับๆ ล่อๆ ทำไมเนี่ย พวกฉันดูให้นายดีแล้วน่า”

เกาผู่ “นี่ หลัวซยง นายคงไม่ได้เปลี่ยนใจใช่ไหม?”

ภายใต้การเร่งเร้าของคนอื่นๆ หลัวคังอันก็เกิดความกล้ามากขึ้น เขาปลุกใจตนเอง ตอนนี้ฉันเป็นโจรกบฏ ทำแต่เรื่องชั่วๆ จะไปกลัวอะไร!

เขาหันไปกล่าว “อยากนั้นพวกนายเฝ้าเอาไว้ให้ดีนะ ถ้ามีคนมาหาหลิวซิงเอ๋อร์ จะต้องช่วยฉันขวางไว้ด้วยนะ”

“วางใจเถอะ พวกเรารู้น่า สบายใจได้เลย เราจะเฝ้าตรงนี้ ไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไรจะแจ้งนายทันที”

“ถ้ามีคนมาพวกฉันจะช่วยขวางไว้ให้แน่นอน รีบไป เวลามีไม่มาก”

ทั้งสามคนเรียกได้ว่ารับปากติดๆ กันเลย

หลัวคังอันหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกไป สาวเท้าก้าวเข้าออกไปจากป่าเล็กๆ อย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปยังที่อยู่อาศัยของสองแม่ลูก

พวกเหยาเซียนกงพยักหน้าให้กัน ต่างก็คอยสังเกตดูรอบด้าน ช่วยเป็นหูเป็นตาให้หลัวคังอัน

ส่วนภายในอาคาร หลัวคังอันที่เดินขึ้นไปชั้นบนเรียกได้ว่าเดินย่องไปตลอดทาง คอยสังเกตรอบด้านอย่างระมัดระวัง ท่าทางดูราวกับโจรเลยจริงๆ

เมื่อไปถึงหน้าประตูที่หมาย เขาก็มองซ้ายมองขวาอีกครั้ง ก่อนจะเคาะประตูด้วยความประหม่า

ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทันทีที่หลิวซิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังประตูเห็นว่าเป็นเขาก็ตะลึงไป “หลัวคังอัน?”

เธอกำลังแต่งตัวอยู่เลย กำลังคิดจะใช้โอกาสที่แม่ออกไปข้างนอกไปหาหลัวคังอัน ไม่คิดเลยว่าหลัวคังอันจะมาหาเธอ

แล้วก็ไม่รู้ว่าประหลาดใจหรือเปล่า แต่ท่าทางเธอดูประหลาดใจอย่างมากจริงๆ “คุณมาได้ยังไงคะเนี่ย?”

เดิมทีหลัวคังอันกลัวและกังวลมาก แต่สายตาก็กวาดมองใบหน้าของหลิวซิงเอ๋อร์ พอเห็นรูปร่างสะโอดสะองของอีกฝ่าย เขาก็ลืมทุกอย่างไปทันที แล้วก็เริ่มการแสดงในชั่วพริบตา เขายิ้มพลางกล่าว “ผมคิดถึงคุณ”

เลี่ยนมาก แต่สำหรับหลิวซิงเอ๋อร์ที่อยากจะไปหาเขาอยู่แล้ว นี่กลับเป็นคำพูดที่ตรงใจ ภายในใจรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง มีความสุขจนค่อนข้างเขินอาย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี กัดเม้มริมฝีปากเบาๆ

หลัวคังอัน “ทำไม ไม่ต้อนรับผมเหรอ?”

หลิวซิงเอ๋อร์เรียกสติกลับมา ถึงได้รู้สึกตัวว่าตรงหน้าประตูนี้ไม่ใช่ที่ที่เหมาะแก่การพูดคุย จึงรีบหลบทางให้ “เข้ามาสิคะ”

กระทั่งหลัวคังอันเข้าไปแล้ว เธอก็ยังยื่นศีรษะออกมาด้านนอกประตู มองซ้ายมองขวาเล็กน้อย เธอเองก็กลัวอยู่เช่นกัน หลักๆ คือกลัวว่าแม่จะมาพบเข้า แม้จะรู้ว่าแม่ไม่มีทางกลับมาในเวลานี้ แต่ก็ยังต้องดูสักหน่อยถึงจะวางใจ

หลัวคังอันที่เข้าไปข้างในมองสำรวจไปทั่ว เอ่ยถามสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจแล้ว “คุณนายหลิวล่ะครับ?”

หลิวซิงเอ๋อร์กล่าว “แม่ไปที่ค่ายใหญ่ค่ะ อีกพักใหญ่กว่าจะกลับมา คุณดื่มชาไหมคะ?” กล่าวจบก็จะไปรินน้ำชาให้

หลัวคังอันหันไปจ้องเธอ “ไม่ต้องครับ ผมแค่ทนไม่ไหว อยากมาเจอคุณ”

คำกล่าวนี้เรียกได้ว่าตรงกับความรู้สึกของหลิวซิงเอ๋อร์ เธอเองก็ทนไม่ไหวอยากจะไปเจอหลัวคังอันเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายก็คิดเหมือนกับเธอเช่นกัน ความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างโหยหาซึ่งกันและกันนี้มันช่างน่าอัศจรรย์นัก

หลัวคังอันมองไปรอบๆ อีกครั้ง พลางเอ่ยถาม “ห้องไหนคือห้องของคุณครับ? ขอผมไปชมสักหน่อยได้ไหม?”

ห้องนอนของผู้หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือนใช่ที่ที่ผู้ชายจะเข้าไปดูได้ที่ไหนกัน แต่หลิวซิงเอ๋อร์กลับยิ้มหวานขึ้นมา ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เดินไปเปิดประตูห้องนอนของตนเอง อีกทั้งยังยิ้มพลางกล่าว “ยังไม่ได้เก็บเลย รกหน่อยนะคะ”

ที่จริงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ถ้ารกจริงๆ ก็คงไม่ให้เขาดูหรอก

หลัวคังอันเข้าไปกวาดสายตามองสภาพแวดล้อมภายในห้อง ไม่พูดจาอะไร หันหลังไปปิดประตูห้องทันที

นี่จะทำอะไร? หลิวซิงเอ๋อร์ประหม่าขึ้นมาทันที “อย่าปิดประตูค่ะ มันไม่ดี…”

แต่หลัวคังอันกลับหันมาจ้องมองเธอ “นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้มาเจอคุณแล้ว ผมกำลังเตรียมจะไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีโอกาสได้เจอคุณอีกหรือเปล่า เดิมทีคิดว่าจะไปเลย แต่ทนไม่ไหวอยากมาหาคุณ”

หลิวซิงเอ๋อร์มองเขาอย่างตกตะลึง เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป แต่สุดท้ายแล้วก็ยังรู้สึกว่าผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องด้วยกันแบบนี้มันไม่ดี จึงตัดสินใจเดินจะไปเปิดประตู

แต่หลัวคังอันไม่ให้โอกาสเธอได้ทำอย่างนั้น เขาหันมาฉวยโอกาสกอดเธอจากด้านหลัง

หลิวซิงเอ๋อร์ตัวแข็งทื่อ ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ยื่นมือไปแกะแขนของเขา “หลัวคังอัน อย่าทำแบบนี้ค่ะ”

แต่หลัวคังอันกลับกล่าวที่ข้างหูเธอ “ถ้าผมตายไป คุณจะยังจำผมได้ไหม?”

หลิวซิงเอ๋อร์ตัวแข็งไปทันที ผ่านไปสักพักถึงได้กระซิบว่า “มันอันตรายจริงๆ นะคะ ไม่ไปได้ไหม?”

“ถ้าเพื่อคุณ ผมสามารถละทิ้งคำพูดของตนเองไม่ไปก็ได้ เพื่อคุณล้ว จะให้ทำอะไรผมก็ยอม แต่คุณช่วยบอกเหตุผลที่ผมควรจะอยู่ต่อหน่อยได้ไหม?” หลัวคังอันพึมพำที่ข้างหูเธอ

หลินซิงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก เอ่ยเสียงเบาจนไม่ได้ยิน “คุณอยากได้เหตุผลแบบไหนคะ?”

จู่ๆ หลัวคังอันก็จับเธอให้หันกลับมา กอดเธอไว้แล้วจูบที่ริมฝีปากของเธอ

ในป่าเล็กๆ นั้น สามคนนั้นยังคงกวาดมองไปทั่ว เหยาเซียนกงพึมพำ “ทำไมไปนานขนาดนี้ ยังไม่ได้คำตอบอีกเหรอไง?”

จู่ๆ อินเย่าหมิงก็ยกมือขึ้นแตะไหล่เขา กระซิบ “แย่แล้ว ติงหลานกลับมาแล้ว”

อีกสองคนมองไปทันที ผลก็คือเห็นเงาของติงหลานที่อยู่ไกลออกไปกำลังเดินกลับมาอย่างไม่เร่งรีบ เกาผู่ตกใจ “เหมือนว่าจะกลับมาเร็วกว่าปกตินะ”

“ไอ้หมอนั่นมัวแต่ชักช้ายืดยาด ถามอะไรนานขนาดนั้น ทำไมยังไม่ออกมาอีก” เหยาเซียนกงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก หยิบมือถือออกมาโทรหาหลัวคังอันอย่างรวดเร็ว

………………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท