บทที่ 705 มิใช่เข้าไม่ได้ แต่เกณฑ์สูงขึ้นแล้ว!
พยัคฆ์ดำตัวนี้ชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นอสูรจักรพรรดิอย่างแท้จริง พลังแกร่งกล้าจนจินตนาการไม่ออก สุดท้าย สตรีผู้นี้กลับกระเทือนพยัคฆ์ดำออกไปง่าย ๆ ด้วยการโบกมือเบา ๆ นางมีพลังระดับไหนกันแน่?!
สิ่งมีชีวิตในเขาเฟิ่งหวาตกตะลึงกันหมด สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!
“ข้า…ข้าดูแล้วนางหน้าคุ้นยิ่ง!”
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเอ่ยเสียงเบา ยามที่สตรีนางนั้นเพิ่งปรากฏตัวออกมา เขาก็เห็นว่านางนั้นหน้าคุ้น แต่แล้วต่อมา ยิ่งมองก็ยิ่งคุ้นหน้านางขึ้นเรื่อย ๆ
“ข้า…ก็ด้วย!”
“เหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน!”
ผู้ฝึกตนอีกจำนวนไม่น้อยพากันสำทับ รู้สึกเช่นกันว่าสตรีนางนี้หน้าคุ้นยิ่ง คล้ายว่าเคยพานพบกันมาก่อน
“ข้านึกออกแล้ว! นี่คือธิดาสวรรค์แห่งตระกูลอวิ๋น อวิ๋นเยียนมิใช่หรือ?!”
ผู้ฝึกตนคนแรกที่เอ่ยว่าหน้าคุ้นโพล่งออกมาฉับพลัน ในที่สุดก็นึกออกแล้วว่าสตรีนางนี้เป็นใคร!
“อวิ๋นเยียน!”
“ใช่แล้ว อวิ๋นเยียนนั่นแหละ!”
ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ แน่ใจแล้วเช่นกัน พลันสีหน้าของพวกเขาก็พิลึกกึกกือขึ้นมากันหมด
“เหตุใดจู่ ๆ นางถึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้ ครึ่งปีก่อนนางเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตราชันเท่านั้น!”
ผู้ฝึกตนที่รู้จักอวิ๋นเยียนต่างเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อ
อวิ๋นเยียนเป็นบุตรีแห่งสวรรค์ค่อนข้างเลื่องชื่อในแดนทักษิณทิศ พรสวรรค์สูงส่ง ทว่าต่อให้พรสวรรค์ของอวิ๋นเยียนมากปานใด ก็ไม่มีทางน่าประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นถึงเพียงนี้ในเวลาครึ่งปี แม้กระทั่งพยัคฆ์ดำขอบเขตจักรพรรดิยังมิใช่คู่มือ!
อะไรนะ!?
ครึ่งปีก่อนเพิ่งจะถึงขอบเขตราชันอย่างนั้นหรือ?
หลังพยัคฆ์ดำได้ยินเสียงเล่าอ้างในหมู่ผู้ฝึกตน ก็มีสีหน้าพิลึกขึ้นเช่นกัน
มันฝึกฝนมาเนิ่นนานกว่าจะมีกำลังรบในระดับอย่างตอนนี้ สตรีนางนี้กลับเหนือกว่ามันได้ในเวลาเพียงครึ่งปี ซ้ำยังอยู่ในขั้นเทียนตี้แล้วด้วย?!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
มันเชื่อไม่ลงเลย!
“ใช่แล้ว ข้าคืออวิ๋นเยียนจริง ๆ และครึ่งปีก่อน ข้าก็เป็นเพียงราชันตัวน้อย ๆ มิหนำซ้ำ เมื่อเดือนก่อนข้าก็ยังเป็นราชันตัวน้อย ๆ อยู่ดังเดิม…”
สตรีนางนั้นหัวเราะเบา ๆ ตอบกลับอย่างไม่ถือสา
“เพราะอย่างนั้น ข้าถึงเอ่ยว่าตัวเองในอดีตสายตาคับแคบนัก นางเซียนเก่งกาจปานใด เซียนมิอาจใช้นิยามนางเซียนได้ด้วยซ้ำ”
นางกล่าวต่อ “หนึ่งเดือนก่อน ข้าบังเอิญได้ฟังคำเทศนาเต๋าของนางเซียน และได้อยู่รับใช้ข้างกายนาง นับเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงสูงสุดของข้า ความสำเร็จของข้าในเวลานี้ ล้วนมาจากนางเซียน!”
อะไรกัน?!
หนึ่งเดือนก็น่ากลัวขึ้นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!
หลังสิ่งมีชีวิตในเขาเฟิ่งหวาได้ยินวาจาของอวิ๋นเยียน ความเหลือเชื่อในสายตายิ่งทวีคูณ นางเซียนงามพิลาสนางนั้นเก่งกาจปานนี้เลยหรือ?
“ใช่แล้ว นางเซียนเก่งกล้ามหัศจรรย์ปานนั้นแหละ!”
“พวกเราเองก็เพราะโชคดี มีโอกาสได้ฟังคำเทศนาเต๋าของนางเซียน ถึงได้มีความสำเร็จเฉกเช่นตอนนี้!”
ภายในเขาเฟิ่งหวา ร่างสยดสยองอีกจำนวนหนึ่งเหินออกมา มีทั้งบุรุษและสตรี แต่ละคนล้วนยังเยาว์วัย แสงวาววามประหลาดไหลเวียนไปทั่วตัว ดูน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขามีกันทั้งหมดแปดคน หลังมาอยู่ที่นี่ ต่างเปล่งพลังปราณในตัวออกมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงขอบเขตพลังของพวกเขา และเป็นหลักฐานว่าสิ่งที่อวิ๋นเยียนได้กล่าวไว้นั้นมิใช่คำโป้ปด!
เทียนตี้!
เทียนตี้ถึงแปดคนเชียวหรือ!
สีหน้าพยัคฆ์ดำเปลี่ยนไปอย่างมาก สัมผัสได้ถึงพลังปราณเทียนตี้จากตัวบุรุษสตรีวัยเยาว์ทั้งแปดได้อย่างชัดเจน นี่คือเทียนตี้ตัวจริงถึงแปดตน!
ตอนนี้ เขาไม่เหลือความเคลือบแคลงในใจอีก!
นางเซียนงามพิลาสในเขาเฟิ่งหวาต้องเป็นเซียนตัวจริงอย่างแน่นอน!
ไม่สิ!
อาจเป็นเฉกเช่นที่อวิ๋นเยียนว่า เซียนยังมิอาจใช้นิยามนางเซียนผู้นั้น นางเซียนผู้นั้นเหนือชั้นกว่าเซียนไปแล้ว!
สิ่งมีชีวิตในเขาเฟิ่งหวาก็หมดข้อกังขา
ที่แท้ข่าวลือก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความจริง นางเซียนเคยเทศนาหลักเต๋า และสิ่งมีชีวิตที่ได้ฟังคำเทศนาของนางเซียนต่างได้รับผลประโยชน์มหาศาลเกินจินตนาการ บรรลุขอบเขตพลังขึ้นไปได้หลายระดับ!
“นางเซียนเปี่ยมเมตตา เดิมไม่อยากเทศนาหลักเต๋าอีก ทว่าทุกท่านกระตือรือร้นเพียงนี้ พากันมารวมตัว ณ ที่แห่งนี้ นางเซียนไม่ต้องการให้ทุกท่านกลับไปด้วยความผิดหวัง จึงตัดสินใจเทศนาหลักเต๋าอีกครั้ง”
อวิ๋นเยียนเอ่ยยิ้ม ๆ “ทว่าสรรพสิ่งในปฐพีนี้ล้วนมีกฎระเบียบของมัน นางเซียนใช่ว่าจะเทศนาหลักเต๋าส่งเดชได้ และไม่สามารถเทศนาเป็นวงกว้าง เรื่องนี้ หวังว่าทุกท่านจะให้อภัย!”
“เช่นนั้นต้องทำอย่างไรถึงจะได้ฟังนางเซียนเทศนาหลักเต๋าเล่า”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งถาม
“ก้าวข้ามค่ายกลนี้มาได้ก็พอ!”
อวิ๋นเยียนเอ่ยยิ้ม ๆ โบกมือไปมา ทันใดนั้น คลื่นริ้วค่ายกลสูงส่งโลดแล่น ก่อตัวเป็นค่ายกลใหญ่แห่งหนึ่ง อันมีพลังมิติบางอย่างไหลเวียนอยู่
“ภายในค่ายกลมีมิติแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีสัตว์อสูรมากมายซึ่งเกิดจากพลังค่ายกลที่ประสานกัน ทุกคนแสดงฝีมือได้ตามที่ต้องการ ขอเพียงทะลุผ่านมิตินี้มาได้ ก็จะได้เข้าไปในเขาเฟิ่งหวา สดับฟังนางเซียนเทศนาหลักเต๋า” นางอธิบาย
“ได้เลย!”
“ไม่มีปัญหา!”
สิ่งมีชีวิตในเขาเฟิ่งหวาเดือดพล่าน กรูกันไปยังค่ายกลทั้งหมด
พยัคฆ์ดำก็เช่นกัน เหินเข้าไปทันที
ตัวตนเหนือเซียนเทศนาหลักเต๋า ผู้ใดไม่ต้องการฟังบ้าง พวกเขาอยากฟังกันทุกคน!
“พวกเราก็เข้าไปกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้าขี่บนหลังกิเลนไฟ มุ่งหน้าไปยังค่ายกลแห่งนั้นพร้อมกับพวกลั่วสุ่ย
อย่างไรก็ต้องเข้าไปในเขาเฟิ่งหวาให้ได้ เขาอยากรู้ให้แน่ชัดว่านางเซียนที่อยู่ในนั้นใช่ซีหรือไม่
โฮกกก!
ทันทีที่เข้ามาในมิติค่ายกล ก็มีเสียงคำรามของอสูรร้ายสยดสยองดังขึ้น ด้านในเป็นดั่งที่อวิ๋นเยียนว่า มีอสูรร้ายอยู่คณานับ
อสูรร้ายเหล่านี้ดุดันไม่แพ้กัน เพียงไม่นานก็มีสิ่งมีชีวิตถูกไล่ต้อนจนต้องออกจากมิติค่ายกล
“ยากเกินไป!”
“คิดจะฟังคำเทศนาของนางเซียนไม่ง่ายเลยจริง ๆ!”
สิ่งมีชีวิตที่ถูกไล่ต้อนออกจากมิติค่ายกลเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ
มิติค่ายกลนั้นโปร่งแสง พวกเขาอยู่ข้างนอกก็มองเห็นสถานการณ์ข้างในได้เช่นกัน พวกเขาอยากเห็นเหลือเกินว่าผู้ใดจะโชคดี เข้าไปถึงเขาเฟิ่งหวาได้
“บัดซบ!”
พยัคฆ์ดำคำรามเสียงต่ำ มันโชคร้ายมาก ทันทีที่เข้าไปก็โดนอสูรแกร่งกล้าหมายหัว และถูกไล่ต้อนออกจากมิติ
สิ่งมีชีวิตข้างนอกเห็นว่าพยัคฆ์ดำยังโดนไล่ต้อนออกมา ยิ่งสะท้อนใจเข้าไปใหญ่
แข็งแกร่งดั่งพยัคฆ์ดำยังไม่ไหว ผู้ใดจะผ่านด่านมิติค่ายกลนี้ไปได้บ้าง!
“น่ากลัวว่านางเซียนมิได้คิดเทศนาหลักเต๋าจริง ๆ แต่ไม่อาจปฏิเสธเราตรง ๆ ได้ ถึงได้ตั้งกฎเกณฑ์นี้ขึ้น…”
“ใช่แล้ว!”
พวกเขาพากันวิจารณ์ มิติค่ายกลนี้ไม่เห็นความหวังที่จะผ่านได้เลยสักนิด อสูรร้ายในนั้นน่ากลัวเกินไป
แต่เพียงไม่นาน พวกเขาก็ถูก ‘หักหน้า’
สิ่งมีชีวิตน่าพรั่นพรึงปรากฏ พลังเกินจินตนาการ เอาชนะอสูรร้ายได้หลายตัวติด ผ่านด่านมิติค่ายกลได้อย่างแข็งกร้าว มีสิทธิ์เข้าไปในเขาเฟิ่งหวา!
“ไม่ใช่แค่คนเดียว!”
“รวมกับคนก่อน นี่เข้าไปถึงหกคนแล้ว!”
ด้านนอกฮือฮากันหมด พวกเขาคิดผิดไปจริง ๆ มีสิ่งมีชีวิตที่ผ่านด่านมิติค่ายกลได้จริง จนเข้าไปถึงเขาเฟิ่งหวาได้!
ดูท่านางเซียนตั้งใจเทศนาหลักเต๋าอีกครั้งจริง ๆ ทว่าน่าเสียดาย พวกเขายังไม่ครบเงื่อนไขและไม่ได้รับสิทธิ์
การเทศนาหลักเต๋าของนางเซียนในคราวนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพิ่มเงื่อนไขให้ยากขึ้น…
ซ้ำยังมิใช่การยากขึ้นธรรมดา!
“พวกเขาเป็นใคร พวกเจ้ารู้จักหรือไม่”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งถาม อยากทราบภูมิหลังของสิ่งมีชีวิตทั้งหกนี้
“ไม่รู้จัก!”
“นึกไม่ออกเลย!”
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายพากันส่ายหัว บอกว่าไม่รู้จักทั้งหกคนนี้
หกคนนี้ราวกับปรากฏตัวออกมากลางอากาศเสียอย่างนั้น!
“สวรรค์! คนกลุ่มนี้เป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดแต่ละคนถึงดุดันน่ากลัวกันทั้งสิ้น?!”
“เด็ก ๆ ก็มีพลังกล้าแกร่งเช่นนี้ได้หรือ”
สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนอุทานกันเสียงหลง สายตาเพ่งมองไปที่ตัวพวกหลี่จิ่วเต้ากันหมด
เวลานี้ พวกหลี่จิ่วเต้าเตรียมสำแดงฤทธิ์เดช!