ตอนที่ 8 ขอให้ข้าได้รักษาแผลใจให้นางเอง
ท่ามกลางเรือนมั่วหรัน เฟิงอู๋โยวหน้าซีดเซียว ผ้านวมขาดหวิ่นห่อพันทั่วร่างกาย นางนั่งงอตัวแถวๆ เตียงที่พังไปแล้วอย่างทรมาน เนื่องจากอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เริ่มมีเลือดซึมเป็นดวงตามผ้าห่ม นางจึงตระหนักได้ว่าไม่ได้ติดโรคดอกหลิว
อาการปวดท้องบิดแบบนี้น่าจะเป็นอาการปวดประจำเดือน
แต่การที่มันปวดทรมานแบบนี้ เฟิงอู๋โยวคิดว่าจะต้องเป็นเพราะสุขภาพร่างกายของเจ้าของร่างเดิมแน่นอน
นางเป็นสตรี แต่กลับถูกเลี้ยงมาเยี่ยงบุรุษ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผลกระทบที่ต้องใช้ผ้าพันรัดหน้าอกเป็นเวลานาน ลำพังแค่ยาที่สามารถทำให้นางมีลูกกระเดือกและคงสภาพมันไว้ได้ ก็สร้างผลกระทบต่อร่างกายนางเกินกว่าจะแบกรับไหวแล้ว บางทีอาจไม่สามารถทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก
เมื่อคิดแบบนี้ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
นางรู้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะต้องถูกองค์หญิงไม่ได้เรื่องคนนั้นทำร้ายแน่นอน เป็นเหตุให้ความเคียดแค้นไม่หายไปสักที
“วางใจเถิด เรื่องที่นางถูกกลั่นแกล้งมาทั้งหมด ข้าคนนี้ก็เอาคืนเป็นร้อยเท่า”
เฟิงอู๋โยวพูดปลอบใจดวงวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมอย่างแผ่วเบา และเป็นฝ่ายยอมรับอดีตที่ผ่านมาของเจ้าของร่างเดิม
ที่แท้ก็เป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เป็นคนนำเหล่าทหารเข้าล้อมนาง หาใช่ใครที่ไหนไม่
ก่อนหน้านี้ครึ่งวัน ณ กระโจมศึกของแม่ทัพเป่ยหลี
ภายในกระโจมศึก แสงไฟส่องสว่าง หลังจากเฟิงอู๋โยวปลดชุดทหารออกก็นั่งวิเคราะห์สถานการณ์ศึกอยู่ที่โต๊ะชาด้วยสีหน้านิ่งขรึม
“แม่ทัพเฟิง เชิญดื่มชา”
“ออกไปได้” เฟิงอู๋โยวรับถ้วยชาร้อนจากคนใช้
แต่เมื่อเฟิงอู๋โยววางแก้วชาลง คนใช้ที่ยืนอยู่ด้านหน้านางก็แน่นิ่งไป ก่อนปล่อยผมยาวสยายลง
เฟิงอู๋โยวมองมองสตรีหน้าตาดีด้านหน้าอย่างประหลาดใจ ภายในดวงตาเล็กเรียวเจือแววหงุดหงิด “องค์หญิงหลีอินขอรับ กระหม่อมได้สั่งทหารให้พาองค์หญิงกลับวังแล้วนี่ขอรับ”
“ข้าไม่กลับ! เฟิงอู๋โยว ข้าชอบเจ้า วันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะตอบรับหรือไม่ ข้าคนนี้ได้เลือกเจ้าแล้ว!” องค์หญิงหลีอินขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด มือสองข้างเท้าสะเอวพร้อมพูดขึ้นอย่างวางมาด
“องค์หญิงใส่ยาลงไปในชาหรือขอรับ” เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าภายในร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมา อารมณ์โมโหปะทุขึ้นกลางใจ จึงลุกขึ้นพรวดและพุ่งเข้าไปบีบคอเป่ยถางหลีอินทันที
“แม่ทัพอู๋โยว เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมชายตามองข้า หรือว่าในใจเจ้ามีใครเป็นเจ้าของ” เป่ยถางหลีอินไม่มีท่าทางหวาดกลัวความโกรธของเฟิงอู๋โยวเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังแนบหน้าลงบนหน้าอกของนางอีก
ปึ่ง
“เฟิงอู๋โยว เจ้าบังอาจยิ่งนัก! ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าแตะต้ององค์หญิง!”
ในเวลาเดียวกัน เป่ยถางหลงถิงพุ่งเข้ามาพร้อมชี้ดาบนภาไปที่หัวใจของเฟิงอู๋โยว พูดขึ้นด้วยท่าทางดุดัน
จากนั้นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเป่ยหลี่กับเฟิ่งจือหลินก็เดินตามหลังเป่ยถางหลงถิงเข้ามาในประโจมศึก
เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นเป่ยถางหลงถิงที่กำลังโมโหอยู่ ก็รีบพูดอธิบายขึ้น “ขอฝ่าบาทโปรดรับฟัง กระหม่อมไม่คิดอะไรกับองค์หญิงทั้งนั้นขอรับ เนื่องจากองค์หญิงปลอมตัวเป็นคนใช้เข้ามาในกระโจมของกระหม่อมเพื่อส่งชา ซ้ำยังใส่ยาปลุกกำหนัดลงไปในชา ทำให้อารมณ์กระหม่อมพลุ่งพล่าน เป็นเหตุให้…”
เพี้ยะ
“หุบปาก เจ้าคนชั้นต่ำ!” เฟิ่งจือหลินไม่รอให้เฟิงอู๋โยวพูดจบ ก็สะบัดแขนขึ้นตบเฟิงอู๋โยวอย่างไม่ปราณี “ทหาร! เข้ามานำตัวเฟิงอู๋โยวออกไปเซี่ยนสามร้อยหวาย”
เฟิงอู๋โยวเช็ดเลือดที่มุมปากเบาๆ ก่อนพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง[1] เฟิ่งจือหลิน แกมันเหี้ยมโหดเสียจริง”
“เสด็จพ่อเพคะ เขาใส่ร้ายหม่อนฉัน! เขาลวงหลอกหม่อมฉันเข้ามาในกระโจมนี้เองเพคะ” เนื่องจากกลัวชื่อเสียงตัวเองเสื่อมเสีย เป่ยถางหลีอินจึงรีบปฏิเสธและไม่ยอมรับการกระทำของตัวเองก่อนหน้านี้
เป่ยถางหลงถิงแค่นเสียงหึในลำคอ จากนั้นก็คว้าเป่ยถางหลีอินเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก “อินเอ๋อร์ จงอย่าได้กลัว ต่อให้ฟ้าถล่ม พ่ออย่างข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
เฟิงอู๋โยวมองเป่ยถางหลีอินที่พูดจาหลอกลวงได้เต็มปากอย่างเย็นชา ก่อนกวาดสายตาไปมองเฟิ่งจือหลินในสีหน้าเคร่งขรึมอย่างเลือดเย็น
นางรังเกียจเป่ยถางหลีอินที่กลับถูกเป็นผิด แต่นางเกลียดพวกที่เออออตามพวกพ้องของตัวเองอย่างเฟิ่งจือหลินยิ่งกว่า
เคี่ยนสามร้อยหวาย ต่อให้ไม่ตายแต่ก็ทำให้กลายเป็นพวกไร้ประโยชน์ได้
เฟิงอู๋โยวเดินออกไปด้านนอกกระโจมศึกอย่างองอาจ และไม่ยอมน้อมรับคำสั่งลงโทษขอเฟิ่งจือหลิน แต่ในช่วงที่มืดแปดด้านไร้ทางเลือกเช่นนี้ นางตั้งใจจะจบชีวิตตัวเองโดยการกระโดดลงคลองคูเมือง
หากต้องตาย นางขอตายอย่างสมประกอบดีกว่า
ภายในเรือมั่วหรัน จิตใต้สำนึกของเฟิงอู๋โยวหลอมรวมเป็นหนึ่งกับจิตใต้สำนึกของเจ้าของร่างเดิมอย่างสมบูรณ์
นางระลึกถึงความคับแค้นใจที่เจ้าของร่างประสบพบเจอ พร้อมกับให้สัญญากับร่างที่นางสิงสถิตอยู่อย่างหนักแน่น “ภายในสามปี ข้าจะกำจัดนางหลีอินเพื่อล้างแค้นให้กับนางเอง”
อาจเป็นเพราะเร้าอารมณ์เกินไป จู่ๆ ภายในร่างกายนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
“อย่ากังวลไปเลย ขอให้ข้าได้รักษาแผลใจให้นางเอง”
เฟิงอู๋โยวหลุบมองร่างกายท่อนล่างที่มีเลือดไหลออกเป็นทางยาว มันช่างปวดระบมสิ้นดี
นางเอามือกุมท้องพลางเดินหาของบางอย่างทั่วเรือนมั่วหรันหลังใหญ่เรือนนี้
แต่ว่าภายในเรือนมั่วหรันจะมีผ้าอนามัยสำหรับสตรีได้เยี่ยงไร
นางหาอยู่นาน แต่ก็ไม่พบเศษผ้าที่เอามาใช้ทดแทนได้
ขณะที่ร้อนรนใจอยู่นั้น ก็เจอเสื้อซับในสีขาวของจวินมั่วหรันมันพอจะใช้ทดแทนผ้าอนามัย
ตึก ตึก ตึก
ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้ารีบเร่งดังมาจากด้านนอกเรือนมั่วหรัน
เมื่อเฟิงอู๋โยวได้ยินเสียงนั้นก็รีบเก็บผ้าตามพื้นอย่างลนลาน รีบเข้าไปหลบด้านหลังผนังไม้กั้นและพยายามกลบร่องรอยของตัวเอง
[1] เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง หมายถึงคนเราไม่ว่าเหี้ยมโหดแค่ไหนก็ไม่ทำร้ายลูกของตนเอง