ตอนที่ 84 ไป๋หลีลงมืออย่างเหี้ยมโหด
หลังจากออกจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง ซือมิ่งพยายามเดินตามหลังเฟิงอู๋โยวอย่างไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ที่เลวร้ายก็คือ เพียงเสี้ยวพริบตาเฟิงอู๋โยวกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับระเหยกลายเป็นไอ
เฟิงอู๋โยวหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางถนนแคบๆ แห่งหนึ่ง ดวงตาทรงกลีบดอกท้อเบิกขึ้นเล็กน้อย นางจ้องมองซือมิ่งที่กำลังลนลานเหงื่อตกอย่างไม่ละสายตา
หากสถานการณ์ไม่บีบบังคับ นางก็ไม่อยากจะกลั่นแกล้งซือมิ่งแบบนี้ แต่นางจำเป็นต้องอาศัยจังหวะตอนที่จวินมั่วหรันไปว่าราชกิจเพื่อไปขุดหาศพที่เพิ่งตายหมาดๆ
ทว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาศพสักหนึ่งร่างในเมืองหลวงแห่งแคว้นตงหลินที่กว้างใหญ่แบบนี้
ประการแรก ที่ดินในเมืองหลวงแห่งแคว้นตงหลินราคาสูงลิบลิ่ว คนธรรมดาไม่มีทางหาซื้อได้ ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะมีที่ดินเพื่อเป็นสุสานในเมืองหลวงแบบนี้
ถ้าไม่มีสุสานให้ขุด ก็เท่ากับไม่มีศพสตรี
อีกประการหนึ่งก็คือ ถึงแม้ในเมืองหลวงจะมีสุสานขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง แต่ก็มีทหารคอยเฝ้าอยู่และศพที่ฝังอยู่ในสุสานเหล่านี้ก็ล้วนเคยผ่านการชันสูตรมาหมดแล้ว ยากต่อการนำกลับมาใช้
“เฮ้อ แล้วแบบนี้จะทำเยี่ยง!”
เฟิงอู๋โยวปวดขมับขึ้นมา มันยากลำบายิ่งนัก
แม้ว่าในชาติที่แล้วนางเป็นทหารรับจ้าง แต่ก็ไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นต่อให้สถานการณ์ของนางจะตกที่นั่งลำบากแค่ไหนก็ไม่มีทางทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมแบบนั้น
“พลทหารเฟิงกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่” เสียงผู้ชายดังอึมครึมมาจากด้านหลัง
ฟังจากเสียง เฟิงอู๋โยวก็สัมผัสได้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร เพราะน้ำเสียงเจือจิตสังหารอยู่เบาบาง!
นางรับหันกลับมาหรี่ตามองพินิจผู้ชายแปลกหน้าตรงด้านหน้า
เขาสูงแปดฟุต สวมชุดธรรมดาสีดำ รูปร่างแข็งแรงกำยำคล้ายเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อน และเป็นพวกถนัดซ้าย
หน่วยก้านไม่เลว แต่เสียดายเป็นผู้ชาย
ถ้าเป็นสตรี เฟิงอู๋โยวก็อยากจะทุบให้สลบและนำตัวส่งไปที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางแทน
เมื่อคิดแบบนี้นางก็ยิ่งกลุ้มใจเข้าไปใหญ่ ครั้นจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “มีธุระอะไรกับข้า”
“ขอเรียนเชิญทางนี้ด้วยขอรับ”
“มีจดหมายเชิญหรือไม่”
“เอ่อ…”
ชายในชุดดำคลี่ยิ้มเย็นเฉียบ ก่อนยกมือซ้ายขึ้นพร้อมกับโบกเชือกป่านไปมาต่อหน้าเฟิงอู๋โยว “อยู่นี่”
เฟิงอู๋โยวแค่นเสียงเอ่ย “นี่เป็นวิธีเรียนเชิญอย่างนั้นหรือ”
ดวงตาของนางเรืองวาว เข็มเงินใต้แขนเสื้อเตรียมพร้อมจู่โจม หากชายคนนี้เข้าใกล้อีกเพียงก้าว นางก็พร้อมจะจบชีวิตเขาทันที
“พลทหารเฟิงอย่าได้ตื่นตระหนกไปเลย ข้าไม่มีเจตนาร้าย ก็แค่อยากเชิญเจ้าไปดื่มที่เรือนสักสองสามจอกเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแคว้นเป่ยหลีเท่านั้น”
“การดื่มเป็นเรื่องบังหน้า การจับมัดเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่”
พอเฟิงอู๋โยวคิดไปคิดมาก็คิดได้ว่าผู้ที่มานั้นไม่ได้มาหานาง เพราะนางไม่ได้สำคัญมากพอที่จะทำให้คนในแคว้นตงหลินมาเสียเวลาด้วย”
แต่การกระทำแบบนี้ของชายคนนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากจวินมั่วหรัน
ชายชุดดำคลี่ยิ้มเอ่ยเสียงต่ำ “บางครั้งคนเราก็ไม่ควรทำตัวฉลาดเกินไป”
“แต่บางครั้งคนเราก็ไม่ควรทำตัวโง่เขลาเกินไป ข้าได้รับการเลี้ยงดูจากเซ่อเจิ้งหวาง พวกเจ้าคิดจะจับข้าไปแบบนี้ คิดว่าเซ่อเจิ้งหวางจะปล่อยพวกเจ้าไปอย่างนั้นหรือ”
“เหอะ! เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งหวางจะมีโอกาสรู้ความจริงอย่างนั้นหรือ”
เมื่อเสียงของชายชุดดำสิ้นสุดลง เชือกป่านในมือของเขาก็ผูกเป็นบ่วงเสร็จ จากนั้นก็ควงและเหวี่ยงมาที่คอของเฟิงอู๋โยว
ในเวลาเดียวกัน เฟิงอู๋โยวก็ยิงเข็มเงินใต้แขนเสื้อออกไปจนทะลุลำคอของชายชุดดำ
“เอือก…”
ชายชุดดำกุมคอตัวเองที่มีเลือดพุ่งออกอย่างตกใจ ดวงตาเหลือกเกร็งก่อนลมหายใจสิ้นสุดลง
“ไม่เจียมตัว”
เฟิงอู๋โยวมองศพชายที่นอนตายอยู่กลางถนนด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เตะเข้าไปสองที “ไฉนถึงไม่เป็นสตรี”
“ต้องการซื้อดอกไม้หรือไม่เจ้าคะ”
บนถนนเล็กแคบ อยู่ๆ ก็มีเด็กสาวผอมแห้งคนหนึ่งถือตะกร้าดอกไม้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เฟิงอู๋โยวหยุดชะงัก ขยับตัวยืนบังศพที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็หันกลับไป
นางไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย
เมื่อเด็กสาวเห็นนางไม่ตอบ จึงก้าวเข้าไปอีกสองสามก้าวและยิ้มยิงฟันให้เฟิงอู๋โยว “แม่หญิงต้องการซื้อดอกไม้หรือไม่เจ้าคะ”
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวหดเกร็งฉับพลัน นางมองเด็กสาวผอมแห้งด้านหน้าอย่างตกใจ “เดี๋ยวนะ เจ้าเรียกข้าว่าอะไร”
“ก็แม่หญิงไงเจ้าคะ มีอะไรหรือ”
เมื่อเด็กหญิงพูดจบ นอกจากเสียงหัวเราะเล็กๆ ของเด็กหญิงแล้ว ก็มีเสียงเฟิงอู๋โยวล้มฟุบลงบนพื้น
เมื่อเฟิงอู๋โยวล้มลงบนพื้น ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ปรากฏตัวขึ้นมา
เขาลูบหัวของเด็กหญิงเบาๆ พลางพูดขึ้นเสียงเย็น “ทำได้ไม่เลวเลย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านชาย”
“กลับไปกันเกิด”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเอ่ยพูดพลางอุ้มเฟิงอู๋โยวที่หมดสติพาดบ่า
เขารู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษก็ตั้งแต่ตอนที่แอบเห็นนางซื้อผ้าขี่ม้าที่ร้านค้า
หลายปีมานี้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อพยายามเสาะหาโอกาสกำราบจวินมั่วหรันให้อยู่หมัด
เขาใช้เวลาถึงหกปีเต็ม แต่ก็หาจุดอ่อนของจวินมั่วหรันไม่เจอ
บัดนี้ เขาเห็นอำนาจของจวินมั่วหรันที่นับวันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เขายิ่งนั่งนิ่งดูดายต่อไปไม่ไหว
ต่อให้เฟิงอู๋โยวยังไม่มีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจของจวินมั่วหรันเท่าไรนัก แต่ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็จำเป็นต้องลงมือ
เขาคิดอยู่ในใจ หากเขาเปิดเผยความจริงต่อหน้าจวินมั่วหรัน จวินมั่วหรันจะโมโหเดือดดาลหรือไม่
หรือว่าจะปวดใจราวกับถูกมีดกรีด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อก็เป็นประกายขึ้นมา
ครั้งนี้เขาไม่เพียงแค่แย่งสตรีของจวินมั่วหรันไป แต่เขาจะปล่อยให้นางถูกชายมากมายย่ำยี และทำให้นางกลายเป็นสุดยอดโสเภณีข้างทางแห่งแคว้นตงหลินให้จงได้!