เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 144 หมาน้ำลายยืด ตอนที่ 145 อาหวงคือใคร

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 144 หมาน้ำลายยืด / ตอนที่ 145 อาหวงคือใคร

ตอนที่ 144 หมาน้ำลายยืด

สายลมเย็นพัดแผ่วยามราตรี

แสงจันทร์สลัวส่องลอดเงาใบไม้ ราตรีหลับใหลเงียบสงัด

ภายในเรือนแพทย์ เฟิงอู๋โยวยังคงเหมือนคืนวาน นอนกอดร่างนุ่มนิ่มของชิงหลวนนอนหลับ

จวินมั่วหรันที่แลดูชั่วร้ายพราวเสน่ห์ ย่องเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง

ภายในแสงจันทร์สลัว เขาเดินเข้ามาด้านหน้าเตียงอย่างไร้สุ่มเสียงและมองดูเฟิงอู๋โยวที่นอนหลับอย่างไร้เค้ากุลสตรี แต่ดูช่างน่ารักในสายตาของเขา

“อาหวง…อาหวง ให้ข้าลูบพุงเจ้าหน่อย”

เฟิงอู๋โยวละเมอพูดงึมงำ จากนั้นก็เลิกเสื้อชิงหลวนขึ้นมาอย่างชินมือ

จวินมั่วหรันเห็นเช่นนั้นก็กระชากเฟิงอู๋โยวตกเตียงพลางเอ่ยเสียงเรียบ “อาหวงคือใคร”

เฟิงอู๋โยวส่งเสียงอู้อี้ในลำคอพลางพลิกตัว จากนั้นก็นอนหนุนรองเท้าของจวินมั่วหรันหลับต่อ

“…”

เหมือนหมูไม่มีผิด! นอนบนพื้นก็หลับได้

จวินมั่วหรันหน้าบึ้งตึง ในหัวคิดอยากเตะเฟิงอู๋โยวให้กระเด็น ทว่าสายตาของเขาดันเหลือบไปเห็นธูปนิทราที่ยังไม่มอดปักอยู่แถวหน้าต่าง

ที่แท้เจ้าหมอนี่ไม่ได้นอนหลับลึกด้วยตัวเอง แต่ถูกคนรมควันด้วยธูปนิทรานี่เอง

เมื่อตระหนักถึงอันตรายที่แฝงอยู่ใกล้ตัวเฟิงอู๋โยว คิ้วงามได้รูปของเขาก็ขมวดแน่น

นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง จวินมั่วหรันก็ก้มตัวเองและช้อนอุ้มเฟิงอู๋โยวมาไว้ในอ้อมกอด

เฟิงอู๋โยวรู้สึกถึงมือหนาใหญ่เย็นเยียบที่สัมผัสเข้าที่เอวก็ละเมอพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

ใบหน้าของจวินมั่วหรันยังคงเรียบนิ่งไร้แววสะทกสะท้าน ดวงตาจ้องมอง “เจ้าแมวป่าตัวน้อย” ในอ้อมกอด จากนั้นก็กระโดดออกนอกหน้าต่างจากไป

ภายในแสงจันทร์นวลผ่อง จวินมั่วหรันเร่งฝีเท้าพาดผ่านน่านฟ้าราตรี ไม่นานก็อุ้มเฟิงอู๋โยวมาถึงห้องสำราญบนชั้นสองของบ่อนพนัน

ลมราตรีเย็นแผ่ว มือสองข้างของเฟิงอู๋โยวกำสาบเสื้อด้านหน้าของจวินมั่วหรันแน่น ตอนกลางวัน เรียวปากเล็กๆ ของนางยังคงพูดเสียงแจ้วๆ ไม่หยุด ตกดึกมากลับสงบนิ่ง เผยให้เห็นปากกระจับอันคมชัดและน่าดึงดูดเป็นพิเศษ

จวินมั่วหรันค่อยๆ วางเฟิงอู๋โยวลงบนเตียง เดิมทีเขาอยากสั่งคนให้เอาน้ำเย็นมาสาดปลุกนางให้ตื่น

พอคิดไปคิดมาก็ลงมือทำเช่นนั้นกับนางไม่ได้

พอเปลี่ยนเตียง เฟิงอู๋โยวก็เริ่มรู้สึกไม่ชิน จึงละเมอพูดขึ้นอีกครั้ง “อาหวง…แกมันไม่เอาไหน! แค่หมาตัวเมียสีขาวตัวเดียว เจ้าถึงกับไม่แยแสข้า”

“อาหวงเป็นใคร”

คิ้วทรงกระบี่ของจวินมั่วหรันขมวดแน่น ในข้อมูลที่ซือมิ่งรวบรวมมาไม่เห็นมีบุคคลที่ชื่ออาหวงอยู่เลย หรือว่าเขาจำผิด

หรือว่า หลิงเทียนฉี บุตรชายอัครเสนาบดีฝ่ายขวาแห่งแคว้นเป่ยหลีที่สนิทสนมกับเฟิงอู๋โยวคนนั้นจะมีชื่อเล่นว่าอาหวง

“อาจเป็นแบบนี้ก็ได้! บังอาจนึกถึงคนอื่นลับหลังข้า” ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จวินมั่วหรันเอื้อมมือข้างหนึ่งไปบีบแก้มเฟิงอู๋โยว จากนั้นก็กัดริมฝีปากนาง

“โอ้ย! เจ็บจัง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จวินมั่วหรันจึงปล่อยออก แต่มือของเขายังคงบีบอยู่ที่แก้มของนาง “บอกว่า อาหวงคือใคร”

“อาหวงเป็นตัวผู้”

เฟิงอู๋โยวยังคงละเมองึมงำ “พระแม่กวนอิมช่วยลูกด้วย หมาตัวใหญ่กัดปากลูก”

“…”

จวินมั่วหรันหมดคำจะพูด เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเฟิงอู๋โยวที่ถูกรมควันจนหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ยังคงยั่วโมโหเขาได้อยู่อีก

ขณะที่เขากำลังคิดจะโยนนางออกนอกหน้าต่าง เฟิงอู๋โยวก็ลุกขึ้นพรวด จากนั้นก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า

เสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้ จวินมั่วหรันสามารถปัดนางออกไปได้และสามารถชกนางให้กระเด็นออกนอกหน้าต่างได้

แต่ว่าเรือนร่างอันนุ่มนวลอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ ใครจะผลักออกได้ลงคอ

ครั้นสัมผัสโดนเรือนร่างอันนุ่มนิ่มของเฟิงอู๋โยว จวินมั่วหรันก็ตัวแข็งทื่อทันควันและปล่อยให้มือเล็กๆ ของนางลูบคลำตามใบหน้าของตัวเองตามอำเภอใจ

“พระแม่กวนอิมอนุญาตให้ข้ากัดโต้ตอบ!”

ทันทีที่สิ้นสุดเสียงก็อ้าปากกว้างเข้ากัดสันจมูกอันสูงโด่งของจวินมั่วหรันเต็มปาก

“เฟิง อู๋ โยว!”

จวินมั่วหรันโมโหจนเลือดขึ้นหน้า น้ำเสียงทรงเสน่ห์ของเขาอุดอู้ขึ้นจมูก

มือข้างหนึ่งง้างขึ้น เขาโมโหจนสามารถทุบกะโหลกน้อยๆ ของนางให้เละได้เลย

“เจ้าหมาหอมจัง ผิวก็ลื่น!”

เฟิงอู๋โยวปล่อยปากออก จากนั้นก็ถูแก้มอุ่นๆ กับจมูกของจวินมั่วหรัน “แปลกจัง! ทำไมกลิ่นของเจ้าหมาเหมือนกับเจ้าขี้โรคเลย”

พูดจบ นางก็ยื่นจมูกมาที่แก้มจวินมั่วหรันแล้วสูดดม

จากนั้นนางก็สะบัดหน้าออกอย่างรังเกียจก่อนบ่นพึมพำ “มีแต่กลิ่นน้ำลาย จากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าหมาน้ำลายยืด”

จวินมั่วหรันถูกนางยั่วโมโหจนตัวสั่นเทิ้ม ทั้งๆ ที่นางเป็นคนงับหน้าเขาเอง แต่นางกลับรังเกียจใบหน้าเขาที่เปื้อนน้ำลายของนางเอง!

แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าสิ่งใดก็คือ…ไม่ว่านางจะยั่วโมโหเขามากแค่ไหน เขาก็ตัดใจลงมือกับนางไม่ลง

ตอนที่ 145 อาหวงคือใคร

จวินมั่วหรันพยายามสะกดไฟโทสะในใจลงและผลักเฟิงอู๋โยวออก “หลับแต่เหมือนไม่หลับ!”

“หนาว…”

มือสอข้างของเฟิงอู๋โยวยกขึ้นกอดอก ตัวสั่นเล็กน้อย

จวินมั่วหรันเหลือบตามองเฟิงอู๋โยวที่เริ่มหดตัวเป็นกุ้งอยู่มุมเตียง ภายในใจเกิดหงุดหงิดขึ้นมา

มีผู้ชายที่ไหนกลัวหนาวขนาดนี้

เอาแต่ใจ!

อ่อนแอ!

“ไร้ประโยชน์”

จวินมั่วหรันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ดวงตาเจือแววดูถูกเล็กน้อย

แต่หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา เขาก็ห่มผ้าให้เฟิงอู๋โยวด้วยมือของเขาเอง…มิหนำซ้ำยังจัดระเบียบผ้าห่มให้นางอย่างเป็นห่วงเป็นใย

เขานอนลงข้างๆ นางและมองสภาพนางนอนหลับ แววตาพลันฉายแววลุ่มลึกลงเรื่อยๆ

ถ้าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิงก็คงจะดีไม่น้อย

หากเป็นแบบนั้น เขาก็สามารถกอดนางได้อย่างไม่ประดักประเดิดและยังสามารถมีลูกกับนางได้อีก

เมื่อคิดแบบนี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น

เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับหน้าอก ความรู้สึกว้าวุ่นใจก็เข้ามาเกาะกุมอย่างไร้ที่มา

เพี้ยะ!

เฟิงอู๋โยวในสภาพหลับลึก พลิกตัวกลับมาพร้อมกับฝ่ามือที่สะบัดเข้ามาฟาดใบหน้าจวินมั่วหรันอย่างจัง

“เฟิงอู๋โยว อยากตายนักหรือ”

จวินมั่วหรันลุกขึ้นพรวด มือข้างหนึ่งจับข้อมือของนางไว้แน่น

เฟิงอู๋โยวยังคงจมอยู่ในห้วงนิทรา แต่กระนั้นก็ยังพูดโต้ตอบคำถามง่ายๆ ได้อยู่

แต่คำถามอย่างเช่นเรื่องความเป็นความตายหรือความรู้สึก ตอนนี้มันซับซ้อนเกินไปสำหรับนาง

“ดุจัง อ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือ”

นางบุ้ยปากเพราะรู้สึกถึงความปวดตึงๆ ที่แผ่ซ่านมาจากข้อมือ เหมือนนางพยายามจะลืมตาขึ้นมาแต่ก็ทำไม่ได้

ถ้าอยู่ในสภาพปกติ แค่มีคนเข้าใกล้เตียง นางก็รู้ตัวแล้ว

ทั้งนี้ก็เป็นเพราะธูปนิทราครึ่งก้านที่อยู่ในเรือนแพทย์เล่มนั้นมีฤทธิ์หลอนประสาทและทำลายประสาทสัมผัสของนาง

คิ้วของจวินมั่วหรันย่นเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองใช้แรงมากไปจนทำให้ข้อมือนางเป็นรอย ครั้นจึงปล่อยมือออกก่อนพูดเสียงเรียบ “หากลงมืออีกครั้ง ข้าจะสำเร็จโทษเจ้าตรงนี้”

เมื่อคำพูดเช่นนี้ถูกเปล่งออกมา ทั่วทั้งร่างของเขาก็ขนลุกซู่

แม้แต่ตัวเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา

“สำ สำเร็จโทษตรงนี้ หมายความว่าอะไร”

เฟิงอู๋โยวส่งเสียงงึมงำ แต่ไม่รอเขาตอบ นางก็มุดหัวเข้ามาในอ้อมกอดเขาก่อนหลับปุ๋ย

กอกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังแผ่วมาจากด้านนอก

จวินมั่วหรันกลัวว่าเสียงนั่นก็ปลุกเฟิงอู๋โยวตื่น จึงใช้มือทั้งสองข้างปิดหูนาง จากนั้นก็มองไปที่ประตู

“มีเรื่องอะไร”

เสียงจุยเฟิงตอบกลับร้อนใจ “จากรายงานของทหารเงาที่เฝ้าคุ้มกันอยู่ด้านนอกเรือนแพทย์พยากรณ์ ฟู่เย่เฉินเข้าเรือนแพทย์ไปตั้งแต่หนึ่งชั่วยามก่อน บัดนี้ก็ยังไม่ออกมาขอรับ”

จวินมั่วหรันตอบรับเสียงเรียบ “อืม”

เมื่อจุยเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ประหลาดใจเป็นที่สุด

เขาคิดว่าจวินมั่วหรันได้ยินสิ่งที่เขาพูดไม่ชัด ไม่เช่นนั้นคงไม่นิ่งเฉยขนาดนี้

“ท่านใต้เท้าขอรับ แม่ทัพเฟิงถูกฟู่เย่เฉินรมควันสลบและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กระหม่อมได้สั่งคนค้นหาทั้งด้านในและด้านนอกเรือนจนทั่วแล้ว แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของแม่ทัพเฟิง”

จวินมั่วหรันมองเฟิงอู๋โยวที่นอนกอดแขนเขา ดวงตาเจือแววอ่อนโยนขึ้นรำไร แต่กลับตอบกลับจุยเฟิงด้วยเสียงเยือกเย็น “เขาจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”

จุยเฟิงมองบานประตูอย่างงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของจวินมั่วหรันถึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแบบนี้!

“ไม่ต้องการตามหาแม่ทัพเฟิงจริงๆ หรือขอรับ” จุยเฟิงเค้นถามอย่างไม่ยอม

“ไม่จำเป็น”

จวินมั่วหรันตอบกลับอย่างหนักแน่น

แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็ขึ้น เฟิงอู๋โยวที่ดูเหมือนจะหลับสนิทไปก่อนนี้ละเมอพูดขึ้นอีกรอบ “ชิงหลวน ข้าขอลูบพุงเจ้าหน่อย”

ทันทีที่เสียงของนางสิ้นสุดลง มือเรียวยาวของนางก็เลื้อยลวนลามราวกับงู ไปตามหน้าท้องกำยำของจวินมั่วหรัน

จวินมั่วหรันเขินอายหน้าแดงก่ำ

เขาปัดมือของเฟิงอู๋โยวออกพลางกระแอมกลบความเคอะเขินในใจตัวเอง

จุยเฟิงได้ยินเสียงเล็กๆ ของเฟิงอู๋โยวดังขึ้นด้านใจห้องก็เข้าใจขึ้นมาทันที

ถึงว่า…คนอย่างจวินมั่วหรันก็ไม่สนใจความเป็นความตายของเฟิงอู๋โยวได้เยี่ยงไร

ที่แท้ จวินมั่วหรันพาตัวเฟิงอู๋โยวมากกไว้ที่ห้องนี่เอง!

เมื่อจุยเฟิงเห็นเช่นนี้ ก็ยิ่งตอกย้ำความคิดของเขาที่ว่า…จวินมั่วหรันได้ลิ้มลองรสชาติอันโอชะยากจะลืม อารมณ์กำหนัดเริ่มถูกกระตุ้นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เพิ่งครึ่งค่อนคืน ดังนั้นไม่ควรปล่อยเฟิงอู๋โยวให้หลุดไปจากที่นี่เด็ดขาด

เขายิ้มร่าอย่างดีใจก่อนกล่าวลา “ท่านใต้เท้าสู้ๆ นะขอรับ กระหม่อมขอตัวก่อน”

สู้ๆ?

สีหน้าของจวินมั่วหรันเหยเกยิ่งกว่าเดิม เอื้อมมือไปบีบแก้มของเฟิงอู๋โยว “บังอาจทำให้ข้าขายหน้า!”

“เจ็บ!”

และแล้วเฟิงอู๋โยวก็ตื่นขึ้นมา

นางค่อยๆ ลืมตามองดวงตาใสวาวของจวินมั่วหรันที่อยู่ข้างๆ

“อ้าก! ผีหลอก ผีหลอก!”

เฟิงอู๋โยวสะดุ้งตกใจลุกขึ้นพรวดพราด มือพลันทุบเข้าไปที่หน้าอกจวินมั่วหรัน “ใครใช้ให้เจ้ามาเข้าฝันข้า ช่างเป็นเหมือนวิญญาณตามหลอกหลอนเสียจริง!”

“ไหนลองพูดอีกครั้งสิ” จวินมั่วหรันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเซาะกระดูก

“นี่ นี่ไม่ใช่ความฝันหรอกหรือ”

เฟิงอู๋โยวถูกจวินมั่วหรันถลึงตาใส่จนตกใจ ก่อนร่นถอยหลังกลับไปทันที

นางกอดเข่าพลางหันมองสำรวจรอบๆ

“ที่นี่ที่ไหน”

“บ่อนพนัน”

“ท่านใต้เท้าคงไม่ได้เล่นพนันแพ้จนหมดตัวแล้วเอากระหม่อมมาขายใช่หรือไม่” เฟิงอู๋โยวมองจวินมั่วหรันอย่างไม่เข้าใจ

มุมปากจวินมั่วหรันรั้งขึ้นทำมุม เขารู้สึกว่าท่าทางแตกตื่นของเฟิงอู๋โยวช่างน่ารักน่าหลงใหล

เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นเขาไม่พูดอะไร ก็เค้นถามขึ้นอีก “ท่านไม่ได้เอากระหม่อมมาขายให้บ่อนพนันใช่หรือไม่”

“หากใช่ แล้วจะทำไม”

จวินมั่วหรันนึกสนุกขึ้นมา ดวงตาดำสนิทของเขาเปล่งประกาย

“ท่านโง่จริงๆ แค่พนันก็เล่นไม่เป็น!”

เฟิงอู๋โยวมองจวินมั่วหรันด้วยสายตาดูถูก จากนั้นก็ลุกขึ้นลงจากเตียงและวิ่งไปด้านหน้าหน้าต่าง ก่อนมองสำรวจบรรยากาศอันเงียบเชียบของนอก

นางหันตัวกลับมาเล็กน้อย จากนั้นก็กวักมือให้จวินมั่วหรัน “ยังไม่รีบหนีอีก”

“หนีอะไร”

“ท่านใต้เท้าไม่รู้หรอกหรือ บ่อนพนันเป็นกิจการสีดำที่มีแต่พวกโหดร้าย ชอบทารุณเยี่ยงอมนุษย์ แม้ท่านใต้เท้าของเป็นเซ่อเจิ้งหวางผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าคืนเงินพวกนั้นไม่ได้ จุดจบไม่สวยแน่นอน ดังนั้น พวกเรา…” เฟิงอู๋โยวพูดได้ครึ่งหนึ่ง อยู่ๆ ก็สังเกตเห็นสีหน้าของจวินมั่วหรันที่ยังแน่นิ่งไม่สะทกสะท้าน แล้วทันใดนั้นนางก็ตระหนักขึ้นได้ทันทีว่าตัวเองถูกเขาแกล้งอีกแล้ว

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือกก่อนพุ่งตรงไปด้านหน้าเตียง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงดุดัน “ทำไมต้องหลอกข้าด้วย”

“ข้าหลอกเจ้าตอนไหน”

“ท่านร่ำรวยขนาดนั้นจะแพ้พนันจนหมดตัวได้เยี่ยงไร!”

จวินมั่วหรันค่อยๆ เอ่ยปากพูด “เฟิงอู๋โยว เจ้าได้ยินข้าพูดว่าข้าแพ้พนันจนหมดตัวตอนไหน”

“แล้วทำไมท่านถึงเอาข้ามาขายที่บ่อนพนันด้วย”

“บ่อนพนันแห่งนี้เป็นของข้า หากเจ้ายอมขายตัวเองให้กับบ่อนพนันแห่งนี้ก็หมายความว่าเจ้ากำลังขายตัวเองให้ข้าผู้นี้อยู่”

เฟิงอู๋โยวกะพริบตาปริบๆ นางไม่คิดไม่ในว่าจวินมั่วหรันจะเปิดบ่อนพนันได้ลงคอ

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ นางถูกพวกยามที่บ่อนพนันวิ่งไล่ทั่วท้องถนน หรือว่าเป็นคำสั่งของเขา

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที

“ท่านใต้เท้าคืนเงินกระดาษมาให้กระหม่อมเดี๋ยวนี้!”

“ข้าไปติดหนี้เจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่”

“กระหม่อมชนะพนันที่นี่เป็นเงินหนึ่งล้านตำลึงเงิน ท่านเป็นคนสั่งให้ยามที่นี่ไล่จับกระหม่อมไม่ใช่หรือ กระหม่อมทำร่วงจำนวนหนึ่ง คนของท่านจะต้องเก็บไปแน่อน”

จวินมั่วหรันเพิ่งนึกขึ้นได้ “เรื่องนี้นี่เอง”

“ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับ”

น้ำเสียงของเฟิงอู๋โยวเริ่มอ่อนลง จากนั้นก็แบมือยื่นออกมาข้างหน้า “เอาเงินมา”

มือเรียวยาวได้รูปของจวินมั่วหรันล้วงเข้าไปในสาบเสื้อตรงหน้าอกด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น

แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็ลุกพรวดและเดินเข้ามาหาเฟิงอู๋โยว “เฟิงอู๋โยว เจ้าแอบขึ้นเตียงตอนข้าหลับ หนี้ก้อนนี้เจ้าจะคิดเยี่ยงไร”

“พูดจาเหลวไหล! เห็นๆ อยู่ว่าท่านเป็นคนลักพาตัวข้ามา”

“อะไรกัน หลับนอนกับข้าแล้วไม่คิดจะรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ” มุมปากจวินมั่วหรันแฝงเล่ห์นัย มวลความกดดันโถมทับจนเฟิงอู๋โยวอึดอัดจนแทบหายใจใม่ออก

เฟิงอู๋โยวร่นถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว “ไม่ ไม่ใช่! ข้าชื่นชอบสาวสวยและหลงใหลในรูปร่างโค้งเว้าเย้ายวน”

“อาหวงคือใคร ตอนที่เจ้าลวนลามข้า ปากของเจ้าเอาแต่พร่ำเรียกชื่อนี้” ในที่สุดจวินมั่วหรันก็โยนคำถามคาใจออกไป

“อยากรู้นักหรือ”

“พูดมา!”

เมื่อเฟิงอู๋โยวนึกถึงเรื่องที่นางเสี่ยงตายชนะพนันมาได้ แต่กลับถูกคนของจวินมั่วหรันเก็บไปบ้างส่วน ทำให้นางโมโหขึ้นมา

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ลืมตาขึ้น และพูดปดออกไป “เขาเป็นผู้ชายคนแรกของข้า”

“!!!”

ไฟโทสะดั่งเพลิงผลาญปะทุลุกโชนขึ้นในหัวใจของจวินมั่วหรันในบัดดล ความรู้สึกมากมายเอ่อล้นพลุ่งพล่าน

เขาผลักเฟิงอู๋โยวไปติดกำแพง จากนั้นก็ใช้กำลังปลดเข็มขัดของเฟิงอู๋โยวออก

เฟิงอู๋โยวแค่อยากยั่วโมโหเขา แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะโกรธจัดขนาดนี้ ทำเอานางตกใจกลัวจนขาอ่อน “ท่านใต้เท้า โปรดฟังกระหม่อมอธิบายก่อน”

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท