ตอนที่ 184 จับเป็นจวินฝู
เฟิงอู๋โยวห่อตัวอยู่ในอ้อมกอดของจวินมั่วหรันอย่างหวั่นใจ
ดวงตาใสวาวของนาง เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
จวินมั่วหรันแอบมองนางที่ดูเงียบผิดปกติ ความวิตกกังวลพลันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ทำไมนางถึงไม่หยุดร้องไห้
ขณะที่ไม่รู้ว่าจะทำเยี่ยงไร จวินมั่วหรันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลดน้ำเสียงลงและแบ่งปัน ‘เรื่องเลวร้าย’ ของเขาที่ประสบพบเจอ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของนาง
“เฟิงอู๋โยว ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า ครึ่งเดือนก่อน ข้าก็พบกับเรื่องเลวร้ายที่ไม่อาจพูดให้ใครฟังได้เช่นกัน”
“มันคืออะไร”
“จำได้หรือไม่ว่าข้าเคยออกคำสั่งให้จับหญิงสาวหัวขโมยที่บุกเข้าตำหนักข้า”
เฟิงอู๋โยวพยักหน้าและมองไปทางอื่นด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
จวินมั่วหรันกัดฟันพูดขึ้น “นางไม่เพียงแต่ขโมยข้าวของบางอย่าง แต่ยัง…ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของข้าไปด้วย”
“…”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าแก้มของนางร้อนผ่าวขึ้นมา นางอยากจะอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าต้องทำเยี่ยงไร
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “ท่านใต้เท้าเกลียดนางอย่างนั้นหรือ”
“แม้ว่านางจะถูกย่อยสลายไปแล้ว แต่ข้าก็ยังรู้สึกหดหู่ใจอยู่เรื่อยมา”
เดิมทีเฟิงอู๋โยวตั้งใจจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง แต่ตอนนี้นางควรถอยกลับไปตั้งหลักใหม่เสียก่อน
ขนาดคนตายไปแล้วเขายังโกรธอยู่อีก
ขืนเขารู้ว่าจับผิดคน และผู้กระทำความผิดคนนั้นยังอยู่ในอ้อมแขนของเขาอยู่ เขาจะทรมานถึงขั้นไหนกัน
จวินมั่วหรันสังเกตเห็นว่าเฟิงอู๋โยวกำลังสั่นสะท้านไปทั้งตัว ก็คิดว่านางกลัวไป๋หลี่เหอเจ๋อระคนกับความเจ็บใจ
“เฟิงอู๋โยว อย่าคิดมากเรื่องอดีตและอย่าพยายามาปฏิเสธตัวเองเลย”
“ท่านใต้เท้าไม่สามารถให้อภัยหญิงสาวหัวขโมยคนั้นได้เลยหรือ”
“ข้าไม่ได้เก็บนางมาใส่ใจตั้งนานแล้ว ไฉนข้าต้องมาคิดเรื่องให้อภัยนาง”
จวินมั่วหรันพูดจบแล้ว แต่คิ้วของนางยังไม่คลายออกจากกัน เขาก็เริ่มหงุดหงิดตัวเองขึ้นมา
เขาปลอบคนไม่เป็นจริงๆ อธิบายเสียมาตั้งยืดยาวแต่ก็ไม่ได้นำพา
หลังจากครุ่นคิดอีกรอบ เขาก็ลองวิธีใหม่ “ไหนเจ้าลองบอกข้ามาสิ หลังจากที่รู้ว่าหญิงสาวหัวขโมยกระทำแบบนั้นกับข้า เจ้าคิดว่าตัวข้า…สกปรกหรือไม่”
“แค่กๆ”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวก็แทบสำลักน้ำลายตัวเอง
นางส่ายหน้าระรัว “ไม่ ไม่ขอรับ”
จวินมั่วหรันได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ มุมปากรั้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูนาง “ต่อให้เจ้าจะเคยมีอดีตแบบใดมา ต่อให้ไป๋หลี่เหอเจ๋อทำอะไรกับเจ้าไปบ้าง ในสายตาของข้า เจ้าก็ยังเป็นแม้ทูนหัวที่ยังคงใสสะอาดบริสุทธิ์และน่าหลงใหลอยู่”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขามีเสน่ห์น่าดึงดูดเป็นที่สุด
แต่มันหวานเลี่ยนเกินไป ทำเอาเฟิงอู๋โยวขนลุกไปทั้งตัว
“ดังนั้น เจ้าจงทำใจให้สบาย ด้วยอำนาจของข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าเอง”
จากนั้นจวินมั่วหรันก็พูดขึ้นอย่างหนักแน่นเด็ดเดียวพร้อมกับตบไหล่เรียกขวัญเฟิงอู๋โยวอย่างเบามือ “คืนนี้ ไปเผาตำหนักของไอ้สารเลวไป๋หลี่เหอเจ๋อกับข้า”
“อืม”
เฟิงอู๋โยวพยักหน้าอย่างนักแน่น แต่ตัดสินใจจะทุบหม้อข้าวจมเรือ และจะเอาเรื่องกับไป๋หลี่เหอเจ๋อให้ถึงที่สุด
ต่อให้นางจะรู้ว่ามันเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์ก็ตาม
หากเขานำภาพวาดเปลือยกายของนางไไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ นางคงถูกผู้คนทั่วใต้หล้ารุมด่าไปตลอดชีวิตจนไม่อาจกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้เหมือนเดิม
แต่นางผ่านเรื่องเลวร้ายต่างๆ นานามามากพอแล้ว เท่านี้ก็แทบจะไม่มีอะไรให้เสียแล้ว
สำหรับนาง การเสี่ยงเป็นทางออกเดียวที่นางมีอยู่ในตอนนี้
…
ณ ห้องสำราญบนชั้นสองของหอนางโลม
โคมไฟสีแดงเรืองรองส่องสลัว กลิ่นสุราฉุนคลุ้ง
เดิมทีเขาควรกลับเรือนไปรักษาตัวพักผ่อน แต่ฟู่เย่เฉินที่ถูกเกือกม้ากระทืบโหนกแก้มจนผิดรูปกลับนั่งมองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่เมาจนตาปรือและนอนหมอบอยู่บนโต๊ะอย่างหมดสภาพ
“ฉู่ชีบอกว่าเจ้าอารมณ์ไม่ดี?”
ฟู่เย่เฉินดึงปีกหมวกงอบลงมาเพื่อปิดโหนกแก้มที่ผิดรูปบนใบหน้าตัวเอง
ไป๋หลี่เหอเจ๋อทำเป็นไม่ได้ยินและยังคงเอาแต่ยกสุราดื่มไม่หยุด
“หยุดดื่มได้แล้ว”
“ไม่ต้องสนใจข้า ปล่อยให้ข้าดื่มให้ตายไปเลย”
ได้ยินเช่นนั้น ฟู่เย่เฉินก็ลุกขึ้นพรวดและแย่งไหสุราในมือของไป๋หลี่เหอเจ๋อทุ่มลงไปบนพื้นแตกจนกระจาย
คิ้วโค้งมนของไป๋หลี่เหอเจ๋อขมวดแน่น ใบหน้าฉายแววหงุดหงิดอย่างชัดเจน “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องมาสนใจข้า!”
“เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไร”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อตอบกลับ แววตาเยือกเย็น มุมปากเผยแววเฉยเมย
ดวงตาปีศาจของฟู่เย่เฉินหรี่มองพลางถามเสียงขรึม “เกี่ยวกับเฟิงอู๋โยวใช่หรือไม่”
“อย่าเอ่ยชื่อนั้นให้ข้าได้ยิน”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อยกมือกุมหน้าอกตัวเองอย่างเจ็บปวด
เมื่อนึกถึงเฟิงอู๋โยว หัวใจเขาก็ปวดตุบๆ ขึ้นมาทันที
ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจไปทำร้ายตัวเองเป็นการชดใช้ขอโทษนางที่เรือนแพทย์พยากรณ์ขนาดนั้น แต่ทำไมถึงหน้ามืดหูดับ ด่าทอนางด้วยคำพูดร้ายแรงขนาดนั้นด้วย
ตอนนี้ เฟิงอู๋โยวคงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำแล้วเสียกระมัง
“อาเจ๋อ ใจดีกับตัวเองบ้าง วิธีแก้แค้นมีอีกมากมาย หากใช้เฟิงอู๋โยวไม่ได้ผลก็อย่าได้โทษตัวเองและล้มเลิกไปง่ายๆ แบบนี้”
ดวงตาฟู่เย่เฉินค่อยๆ ลุ่มลึกลงเรื่อยๆ เขามั่นใจว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อตกหลุมรักเฟิงอู๋โยวเข้าแล้ว
แต่ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋หลี่เหอเจ๋อถึงตกหลุมรักผู้ชาย
ก่อนหน้านี้เมื่อหกปีก่อน เปลวไฟนั้นได้คร่าชีวิตคนในตระกูลของไป๋หลี่เหอเจ๋อและพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา
แต่คนที่ทำลายความคิดที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อของเขาก็คือเหล่านักเลงเลวทรามที่จวินมั่วหรันหามา
พวกนักเลงเหล่านั้นสรรหาวิธีการมากมายมาทรมานไป๋หลี่เหอเจ๋อ ด่าเขา เฆี่ยนเขา บังคับขืนใจเขา…
เจ็ดวันเจ็ดคืนเต็ม ไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกนักเลงป่าเถื่อนหลายสิบคนทรมานจนสะบักสะบอมแทบไม่เหลือสภาพความเป็นคน
ตอนที่ฟู่เย่เฉินเจอไป๋หลี่เหอเจ๋อ เขามีสภาพนอนหมอบอยู่ในบ่อโคลน ดวงตาไร้แวว ไร้เครื่องนุ่งห่ม
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฟู่เย่เฉินก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไป๋หลี่เหอเจ๋อถึงตกหลุมรักผู้ชายได้
หรือว่าเฟิงอู๋โยวไม่ใช่ผู้ชาย
ฟู่เย่เฉินหรี่ตามองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่เหม็นหึ่งไปด้วยกลิ่นสุรา “เฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิง?”
“ใช่”
“แค่กๆ
ฟู่เย่เฉินสำลักอย่างหนัก แค่ถามลอยๆ แต่ไม่คิดว่าเขาจะตอบ
“แล้วเจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจจะลงมือกับนาง”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อตอบพลางชี้นิ้วไปที่หัวใจตัวเอง “อาเฉิน เฟิงอู๋โยวคงไม่มีวันยกโทษให้ข้าไปตลอดชีวิตแล้ว”
ฟู่เย่เฉินพยักหน้า “หากข้าเป็นนาง ข้าก็ไม่ยกโทษให้เจ้าเหมือนกัน”
ทั้งๆ ที่รู้ว่านางเป็นผู้หญิงแล้วแท้ๆ ยังจับนางไปโยนไว้หน้าถ้ำขอทานอีก แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ
แต่ว่าฟู่เย่เฉินก็รู้สึกสนใจในตัวเฟิงอู๋โยวขึ้นมารำไร
เขาสงสัยเหลือเกินว่านางสามารถขึ้นเป็นแม่ทัพระดับสูงแห่งแคว้นเป่ยหลีได้เยี่ยงไร
และเริ่มสงสัยว่านางเข้าใกล้จวินมั่วหรันด้วยเหตุผลอะไร
น้ำเสียงเยือกเย็นของไป๋หลี่เหอเจ๋อเจือความโศกเศร้าอาดูร “ทำร้ายนางก็เหมือนทำร้ายตัวเอง เห็นนางเจ็บปวด หัวใจข้าก็เจ็บปวดไปด้วย”
“เจ้าทำอะไรกับนางอีก”
เมื่อรู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิง ความคิดของฟู่เย่เฉินที่มีต่อนางก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ
ก่อนหน้านี้เขายังอาฆาตแค้นนางเรื่องที่ปล่อยสุนัขล่าเนื้อรุมกัดเขาอยู่เลย
พอมาตอนนี้ เขากลับเริ่มกังวลว่าเฟิงอู๋โยวจะทนรับมือกับไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ไหว
“นางเต็มใจรักษาให้จวินมั่วหรันแต่กลับไม่รักษาให้ข้า ในใจของนาง ข้าไม่สำคัญเท่าจวินมั่วหรันอย่างนั้นหรือ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อพูดขึ้นอย่างน้อยใจ มากกว่านั้นคือความเจ็บใจ เขาจินตนาการสีหน้าท่าทางที่ดีใจอย่างบ้าคลั่งของจวินมั่วหรันออกอย่างชัดเจนน หากรู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิง
“ดังนั้นเจ้าก็เลยโมโหและลงมือทำร้ายนางอย่างนั้นหรือ”
“ข้าบอกนางไปว่า ข้ากระทำมิดีมิชอบกับเรือนร่างนาง วาดภาพเสมือนตอนที่นางโป๊เปลือยและขู่บังคับให้นางรักษาบาดแผลให้”
“…”
ฟู่เย่เฉินถอนหายใจอย่างสลด แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อทำเกินไปแล้วจริงๆ
ถึงแม้ฟู่เย่เฉินจะไม่ใช่คนดีและเคยฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน
แต่เขาก็ไม่เคยลงมือทำร้ายคนที่เขาชอบ
ไป๋หลี่เหอเจ๋อกลับต่างออกไป ไม่ว่าใครหน้าไหน หากเข้ามาขวางทางเขา เขาสามารถลงมือได้อย่างไม่ลังเล
ดังนั้น ต่อให้ไป๋หลี่เหอเจ๋อจะตกหลุมรักเฟิงอู๋โยว แต่เพื่อการแก้แค้นแล้ว เขายังสามารถลงมือกับคนรักของตัวเองได้ทันที ขอแค่บรรลุเป้าหมาย
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฟู่เย่เฉินก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้กลยุทธ์ทุกข์กายใช้ไม่ได้ผลแล้ว สู้ให้ปล่อยเฟิงอู๋โยวไปไม่ดีกว่าหรือ ถือเป็นการปลดปล่อยตัวเจ้าเองด้วย”
“ไม่ทันแล้ว”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่ง
เขาลุกขึ้นพรวดและเดินมายืนพิงที่หน้าต่าง สายตาจ้องมองไปที่เรือนแพทย์พยากรณ์
“หมายความว่าเยี่ยงไร”
“แม้บางอย่างจะอยู่เหนือการคาดการณ์ของข้า แต่ทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปตามแผนการขอวข้าอยู่
ไป๋หลี่เหอเจ๋อสะกดความเจ็บปวดในดวงตาของตัวเองลง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเจ็บใจที่พ่ายแพ้จวินมั่วหรันในสภาพแบบนี้ แต่ข้าก็อยากเห็นเหลือเกินว่าความรู้สึกที่จวินมั่วหรันมีต่อเฟิงอู๋โยวจะจริงแท้แค่ไหน”
ฟู่เย่เฉินถึงกับนิ่งอึ้ง เขารู้สึกว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองอยู่
ก๊อกๆๆ
ด้านนอกห้องสำราญ ฉู่ชีเคาะประตูพลางเอ่ย “ท่านใต้เท้าเจ้าคะ ท่านหญิงจวินฝูถูกจับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“เตรียมราชรถพากลับเรือนจื่อหยาง”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อยืนเอามือไพล่หลัง กลิ่นสุราทั่วทั้งตัวจางหายไปราวกับเวทมนตร์
ฟู่เย่เฉินถามเขาอย่างไม่เข้าใจ “ไฉนถึงจับจวินฝูมา”
“นังผู้หญิงโง่นั่นทำตัวเลียนแบบเฟิงอู๋โยว พาพวกนักเลงกระจอกบุกเรือนจื่อหยางระบายความโกรธและลั่นวาจาว่าจะแก้แค้นให้จมดิน” ไป๋หลี่เหอเจ๋อเอ่ยเสียงเรียบ
“เห้อ…นังจวินฝูหน้าโง่ หาเรื่องให้พี่ชายตัวเองอีกแล้ว”