ตอนที่ 231 รสนิยมย่ำแย่
เมื่อจวินมั่วหรันกลับมาที่เรือนแพทย์พยากรณ์ เฟิงอู๋โยวก็ยังคงตกอยู่ในอาการไม่สู้ดีนัก
เขาห่มผ้าห่มอีกชั้นและกอดเฟิงอู๋โยวที่กำลังหนาวสั่น วางฝ่ามือหนาใหญ่ทาบลงบนท้องส่วนล่างเบาๆ
เฟิงอู๋โยวแตะแขนของเขาพลางกระซิบ “อาหวง อย่าสร้างปัญหา”
“…”
จวินมั่วหรันแอบละเหี่ยใจขึ้นมา นี่นางมองว่าเขาเป็นสุนัขจริงๆ หรือ
แต่ชายร่างใหญ่คนนี้ไม่ถือสาเรื่องพวกนี้กับผู้หญิงที่เขารักอีกต่อไปแล้ว
เขาหลุบตาลง ดวงตาพลันร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะพิษในร่างกายของนาง เขาอยากเป็นเจ้าของนางเต็มทน
“เจ้าดีขึ้นหรือยัง”
จวินมั่วหรันพยายามระงับไฟแห่งความปรารถนาในเรือนร่างของนาง ทำให้น้ำเสียงแหบแห้งลงไปมาก
แผงขนตาของนางไหวกระเพื่อมเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เมื่อเห็นว่าจวินมั่วหรันห่มผ้านวมอีกชั้น เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกอาย แล้วกระชับผ้านวมให้แน่นหนาขึ้น “จวินหรันหลาน หยุดมองได้แล้ว”
จวินมั่วหรันนิ่งเฉย เขาชี้ไปที่ผ้าขี่ม้าที่วางอยู่ขอบเตียง “เจ้าต้องการให้ข้าเปลี่ยนให้หรือไม่”
“ไม่ ไม่จำเป็น!”
เฟิงอู๋โยวหน้าแดงเรื่อขึ้นมา ก่อนเบนสายตาไปมองที่ผ้าขี่ม้าบนเตียง “จวินหรันหลาน เจ้าไปเอามาจากไหน”
จวินมั่วหรันรู้สึกอับอายอย่างมาก เขาไม่อยากให้เฟิงอู๋โยวรู้ว่าเขาได้ทำเรื่องน่าละอายแบบนี้
“หรือว่าเจ้าไปซื้อมาด้วยตัวเอง”
เฟิงอู๋โยวตกใจมาก เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงเพื่อทำเรื่องหน้าอายแบบนี้เพื่อนาง ภายในใจก็พลันรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขปะปนกัน
แต่ความประหลาดใจมีมากกว่าความสุข
“ยังไม่รีบเปลี่ยนอีก หรือจะให้ข้าเปลี่ยนให้”
จวินมั่วหรันเปลี่ยนเรื่องทันที ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเฟิงอู๋โยว ทำเอานางกลัวจนไม่กล้าถามคำถามอีก
“จวินหรันหลาน เจ้าออกไปก่อน”
“ทำไม” จวินมั่วหรันถามเสียงทุ้ม เขาคิดว่าเขาไม่ได้ละเมิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับนาง
เฟิงอู๋โยวปฏิเสธ เพราะนางอายที่จะต้องเปลี่ยนผ้าขี่ม้าต่อหน้าเขา
และแน่นอนว่านางไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองเขินเขา
ทว่าแก้มแดงๆ ของนางได้แสดงให้เห็นความรู้สึกจริงๆ ของนางแล้ว
จวินมั่วหรันจ้องเฟิงอู๋โยวในสภาพดูขี้อายเล็กน้อย จากนั้นก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นและก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
เฟิงอู๋โยวแตะแก้มที่ร้อนผ่าวของตัวเอง หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ โดยปกติแล้ว นางจะมีอาการแบบนี้ก็ต่อเมื่อตอนอยู่กับจวินมั่วหรันเท่านั้น
แต่ทำไมวันนี้ นางกับร้อนผ่าวและรู้สึกเหมือนหยุดเต้นตอนอยู่กับจวินหรันหลาน
“นี่แหละนะ มนตร์เสน่ห์ของผู้ชาย!”
เฟิงอู๋โยวถอนหายใจลากยาว จากนั้นก็หยิบผ้าขี่ม้าสีชมพูและสีเขียวขึ้นมาดู ภายในใจบ่นอุบว่า… จวินมั่วหรันมีรสนิยมย่ำแย่
เป็นไปได้ไหมว่า ภายใต้เสื้อคลุมสีเข้มของเขาจะสวมใส่กางเกงชั้นในสีชมพูอ่อนอยู่
แค่คิดก็ทำให้เฟิงอู๋โยวขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัวแล้ว
จวินมั่วหรันยืนมองความเคลื่อนไหวด้านในอยู่นอกประตู
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่อยากเชื่อได้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิงจริงๆ
หรือว่าตัวเองกำลังฝันไป…แต่ถ้าตัวเองกำลังฝันอยู่จริงๆ เขาก็อยากจะหลับฝันอยู่เช่นนี้ไปตลอด
เฟิงอี้กับหลิงเทียนฉีรออยู่ที่ลานด้านหน้าเรือนแพทย์พยากรณ์เป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่เห็นเฟิงอู๋โยวตื่นขึ้นเสียที ครั้นแล้วในใจก็เริ่มกังวลขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเฟิงอี้ก็เดินไปที่ประตูห้องด้านในและถามจวินมั่วหรันอย่างถ่อมตัวและสุภาพ “ไม่ทราบว่าอู๋โยวดีขึ้นแล้วหรือยับขอรับ”
“อืม”
เมื่อเห็นว่าเฟิงอี้เป็นห่วงเฟิงอู๋โยวมากขนาดนี้ จวินมั่วหรันก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย
เฟิงอี้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเฟิงอู๋โยว แต่ทำไมเฟิงอู๋โยวดูไม่เหมือนลูกสาวแท้ๆ ของเฟิงจือหลิน
หากเฟิงอู๋โยวกับเฟิงอี้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เฟิงอี้ก็มีแนวโน้มสูงที่จะพัฒนาเป็นคู่แข่งในสงครามความรักของเขา
โดยปกติแล้ว จวินมั่วหรันไม่มีทางปฏิสัมพันธ์กับคนที่มีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นศัตรูหัวใจอย่างเป็นมิตรแน่นอน
เมื่อเห็นว่าท่าทางเมินเฉยของจวินมั่วหรันก็ทำให้เขาไม่อยากเซ้าซี้เท่าไร แต่เนื่องจากเขาเป็นห่วงเฟิงอู๋โยวจริงๆ ดังนั้นจึงถือวิสาสะเดินผ่านจวินมั่วหรันไป และหมายจะผลักประตูเข้าไป
แต่ขณะที่มือของเฟิงอี้ยกขึ้นแตะบานประตู จวินมั่วหรันก็ถลกแขนเสื้อขึ้น ก่อนปัดมือของเฟิงอี้ออกไป “ห้ามเข้าไป”
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงเทียนฉีจึงรีบเข้ามาช่วยเฟิงอี้ผู้เปราะบาง “พี่เฟิง เจ็บหรือไม่”
“ไม่เป็นไร”
ใบหน้าของเฟิงอี้เจือรอยยิ้มอันอบอุ่นอยู่สมอ หลิงเทียนฉีพยุงเขาขึ้นมา จากนั้นก็ยืดหลังตรงและพูดอย่างชอบธรรม “อู๋โยวคือสายเลือดของตระกูลเฟิงของกระหม่อม ไม่ทราบว่ากลายเป็นคนของท่านใต้เท้าตั้งแต่เมื่อใดขอรับ”
“ข้าจะแต่งงานกับเขา”
“ข้าจะไม่แต่งงานกับท่าน” เฟิงอู๋โยวอยู่สึกสั่นสะท้านขึ้นมาเมื่อนึกถึง ‘ขนาด’ อันใหญ่โตโอฬารของจวินมั่วหรัน
นางไม่อยากตายคาเตียงกับชายหนุ่มรูปงามตั้งแต่อายุยังน้อย
แม้ความหล่อจะทำให้ผู้คนเป็นสุขได้ แต่ก็ไม่สำคัญเท่าชีวิต
สีหน้าของจวินมั่วหรันมืดมน เขาคว้ากอดเฟิงอู๋โยวเจ้ามากอดโดยไม่พูดอะไรสักคำ “เจ้าพูดว่าอะไร ไหนพูดอีกครั้งซิ”
เฟิงอู๋โยวจับน้ำเสียงหงุดหงิดของเขาได้ นางจึงได้แต่พึมพำเสียงแผ่ว “ข้าไม่ชอบผู้ชาย”
จวินมั่วหรันพูดเสียงแข็ง “แต่ข้าชอบเจ้า”
“…”
เมื่อเห็นจวินมั่วหรันอย่างพูดตรงไปตรงมา เฟิงอู๋โยวก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ทันใดนั้นนางก็ตระหนักขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
สรุปว่าคนที่กำลังอยู่ต่อหน้านางตอนนี้เป็นจวินมั่วหรันหรือจวินหรันหลานกันแน่
ตามหลักแล้ว จวินหรันหลานเพิ่งซื้อผ้าขี่ม้าให้นางเสร็จ ดังนั้นบุคลิกหลักอย่างจวินมั่วหรันไม่มีทางกลับมาได้รวดเร็วขนาดนี้
แต่เมื่อดูจากท่าทางหยิ่งยโสของอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นจวินมั่วหรันมากกว่า
อยู่ๆ ความคิดนับพันก็ผุดขึ้นในใจของเฟิงอู๋โยว
ให้ตายอย่างไร นางก็คิดไม่ออกมาว่าคนที่ซื้อผ้าขี่ม้าให้นางจะเป็นจวินมั่วหรัน
“พี่อู๋โยว อาการบาดเจ็บของพี่เป็นเยี่ยงไรบ้าง”
หลิงเทียนฉี รุดหน้าเข้าไปถามเฟิงอู๋โยวที่อยู่ในอ้อมแขนของจวินมั่วหรัน
แม้ว่าเขาจะรู้สึกตงิดๆ กับความสัมพันธ์กับพวกเขาทั้งสองคน แต่เขาคิดว่าตัวเองรู้จักเฟิงอู๋โยวเป็นอย่างดี ทำให้เขามั่นใจว่าเฟิงอู๋โยวไม่มีทางตกหลุมรักผู้ชาย
ในความคิดของเขา ผู้ชายอย่างเฟิงอู๋โยวไม่มีทางขาดแคลนคู่ครองจนถึงขั้นหันมาสนใจผู้ชายด้วยกัน
“ไม่เป็นไรแล้ว”
ขณะที่เฟิงอู๋โยวตอบก็พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของจวินมั่วหรันไปพลาง
จวินมั่วหรันลดสายตาลงมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังดิ้นรน ริมฝีปากบางๆ พลันเปล่งเสียงออกมาเบาๆ “ขืนยังกล้าขยับอีกครั้ง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”