ตอนที่ 232 ลูกสมุนตัวน้อยของเซ่อเจิ้งหวาง
ทันทีที่จวินมั่วหรันพูดเช่นนี้ออกไป เฟิงอี้และหลิงเทียนฉีก็มองหน้ากันอย่างตกใจ
หลิงเทียนฉีดึงแขนเสื้อของเฟิงอี้เบาๆ พลางซุบซิบเสียงแผ่ว “พี่เฟิง ดูเหมือนเซ่อเจิ้งหวางคนนี้ต้องการจะทำมิดีมิร้ายกับสหายอู๋โยวเลยนะขอรับ”
“วันนี้ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิต ข้าก็ไม่ยอมให้เขาทำได้ดั่งใจแน่นอน”
เฟิงอี้พูดอย่างมั่นใจ จากนั้นก็หันไปมองจวินมั่วหรันด้วยสายตาดุดัน “อู๋โยวยังเด็ก หากเขาทำอะไรให้ขุ่นเคืองใจ ขอท่านใต้เท้าได้โปรดอย่าถือสาเขาเลย”
จวินมั่วหรันแค่นเสียงหึในลำคอ “พวกเจ้าควรจำใส่สมองเอาไว้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นคนของข้า”
หลิงเทียนฉีรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ครั้นแล้วจึงพูดอย่างฉะฉาน “ขอเซ่อเจิ้งหวางโปรดระวังคำพูดและการกระทำของตัวเองด้วย อู๋โยวยังไม่ได้แต่งงานมีภรรยา ขืนคำพูดเช่นนี้แพร่งพรายออกไป จะถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของเขายิ่งนัก แบบนี้จะมีหญิงสาวที่ไหนกล้าแต่งงานกับเขา”
จวินมั่วหรันขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขา ครั้นแล้วจึงลดสายตาลงและถามเฟิงอู๋โยวที่นิ่งเงียบในอ้อมแขน “พูดสิ เจ้าเป็นคนของใคร”
เฟิงอู๋โยวจนปัญญา นางจะตอบคำถามแบบนี้อย่างไรดี
“ยากมากนักหรือ”
จวินมั่วหรันจ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของเฟิงอู๋โยว ขณะเดียวกัน มือที่อยู่ตรงเอวของนางก็เลื่อนขึ้นมา
เฟิงอู๋โยวตัวเกร็งขึ้นมาทันที นางจำใจต้องตอบออกไป “แน่นอน กระหม่อมคือลูกสมุนตัวน้อยของเซ่อเจิ้งหวาง”
“ลูกสมุนตัวน้อย?”
จวินมั่วหรันไม่พอใจกับคำตอบของเฟิงอู๋โยวอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเขาก็ลากนางเข้าไปในห้องด้านในอีกครั้ง “หรือต้องให้ข้าในร่างกายของตัวเอง ทำให้เจ้ายอมเอ่ยปากบอกว่าตัวเจ้าเป็นอะไรกับข้าคนนี้”
เมื่อเห็นจวินมั่วหรันใส่กลอนประตู นางก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “อย่านะ”
“จงบอกมาว่าข้าคนนี้เป็นอะไรกับเจ้ากันแน่”
“ท่านใต้เท้าเป็นคนของกระหม่อมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เฟิงอู๋โยวกอดอกและถามเขาด้วยความงุนงง
“เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่คิดจะมอบสถานะให้กับข้าเลยหรือ”
จวินมั่วหรันแค่อยากได้ยินเฟิงอู๋โยวยืนยันว่าเขาเป็นผู้ชายของนาง แต่นางก็เอาแต่เฉไฉและพูดพล่ามไปเรื่อย
“ยืนยันสถานะอะไร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จวินมั่วหรันก็จับนางกดลงบนเตียง แต่ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่านางเป็นผู้หญิงบอบบาง ซ้ำยังบาดเจ็บอยู่
หลังจากคิดได้เช่นนี้ เขาก็สงบสติลง ก่อนประคองเฟิงอู๋โยวลงบนเตียงเบาๆ แล้ววางมือหนาใหญ่ทาบลงบนท้องพร้อมกับถามช้าๆ อย่างเป็นห่วง “ยังเจ็บอยู่หรือไม่”
เฟิงอู๋โยวจ้องมองเขาอย่างสงสัย “เจ้าคือจวินมั่วหรันหรือจวินหลานหรัน”
“มันสำคัญมากนักหรือ”
จวินมั่วหรันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเฟิงอู๋โยวจะชอบจวินหลานหรันมากกว่า
เฟิงอู๋โยวพยักหน้าอย่างระมัดระวัง ก่อนพูดต่อภายในใจ…ก็แหงล่ะสิ! จวินหลานหรันรู้ว่านางเป็นผู้หญิง แต่จวินมั่วหรันไม่รู้
ดังนั้น ถ้าคนตรงหน้านางคือจวินมั่วหรันขึ้นมา นางควรระมัดระวังให้มากกว่าเดิม
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ริมฝีปากบางของจวินมั่วหรันก็ปริเอ่ย “หลานหรันบอกข้าว่าเจ้าไม่สบาย และเขาขอให้ข้าดูแลเจ้าให้ดีที่สุด”
เฟิงอู๋โยวกลัวว่าจวินหลานหรันจะบอกความจริงกับจวินมั่วหรัน ดังนั้นนางจึงถามหยั่งเชิงออกไปอีก “เขาพูดอะไรกับท่านอีก”
“สำคัญมากนักหรือ”
จวินมั่วหรันไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขาคว้าเฟิงอู๋โยวขยับเข้ามาใกล้ๆ เขา
เฟิงอู๋โยวมองจวินมั่วหรันที่อยู่ใกล้เพียงไม่ถึงคืบ หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นโดยไม่มีเหตุผล “ท่านใต้เท้า เกิดอะไรขึ้นกับท่านกันแน่”
ดวงตาของจวินมั่วหรันหม่นลงเล็กน้อย จากนั้นฝ่ามือหนาใหญ่ของเขาก็ทาบลงไปที่หน้าอกของเฟิงอู๋โยวทันที “ทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วขนาดนี้”
“…”
เฟิงอู๋โยวตกใจจนหลับตาแน่น นางไม่กล้าจะปัดมือของเขาออก และได้แต่อธิบายอย่างส่งๆ “ท่านใต้เท้าโปรดอย่าเข้าใจผิด กระหม่อมเพิ่งกินมากเกินไปช่วงนี้ หลังจากนี้ กระหม่อมสัญญาว่าจะกินให้น้อยลง”
“ไม่จำเป็น”
จวินมั่วหรันคิดจะปล่อยมือออก มุมปากของเขารั้งขึ้นเป็นมุมโค้งที่ดูมีความสุขเป็นพิเศษ “เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ หรือ”
ใบหน้าของเฟิงอู๋โยวแข็งทื่อทันที นางไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
จวินมั่วหรันไม่มีเจตนาทำให้นางอับอาย แม้ว่าเขาจะไม่ปล่อยมือ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้
ในใจลึกๆ เฟิงอู๋โยวรู้สึกขอบคุณการกระทำอันเชื่องช้าของจวินมั่วหรันแบบนี้ แต่ก็ไม่ค่อยเต็มใจนัก เป็นไปได้ไหมว่ารูปร่างของนางแย่มากจนผู้คนไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างชายและหญิงได้?
เขาเห็นว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ทันใดนั้นก็โน้มเข้ามาใกล้หูของนางพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ “ไม่ว่าเพศไหน ราชาองค์นี้ก็ชอบคุณเท่านั้น”
“รบกวนท่านใต้เท้าปล่อยมือออกไปได้หรือไม่”
“อึดอัดกระนั้นหรือ”
“…” มุมปากเฟิงอู๋โยวเกร็งกระตุก นางไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร
แต่กระนั้น จวินมั่วหรันก็ปล่อยมือออกอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นโอบเอวนางอีกครั้ง ก่อนเอ่ยเสียงทุ้ม “เฟิงอู๋โยว หากเจ้าต้องการจะสยบใต้หล้า ข้าผู้นี้ก็จะเป็นที่พึ่งเคียงข้างเจ้า แต่ข้าขออย่างเดียว จงอย่าใกล้ชิดสนิทสนมกับคนอื่นลับหลังข้าเป็นการส่วนตัว เข้าใจหรือไม่”
“ท่านใต้เท้า ทะ…ท่านรู้หรือไม่ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อเคยบังคับกระหม่อม”
แม้ว่าเฟิงอู๋โยวลำบากใจที่จะพูดถึงไป่หลี่เหอเจ๋อ แต่นั่นก็เป็นความจริง
แม้ว่านางจะพยายามลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่นางก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ดวงตาของจวินมั่วหรันหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมันมากนัก
ตอนนี้ ยิ่งเขาเห็นท่าทางระมัดระวังของเฟิงอู๋โยว หัวใจของเขาก็ยิ่งปวดร้าวเกินกว่าจะวัดได้
“เฟิงอู๋โยว เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่คิดจะบังคับเจ้าในเรื่องแบบนั้น”
จวินมั่วหรันโน้มตัวลง ก่อนประกบริมฝีปากลงอย่างอ่อนโยน
หัวใจของเฟิงอู๋โยวเต้นเร็วขึ้น นางกำลังจะผลักเขาออกไป แต่เขากลับเป็นฝ่ายผละออกไปก่อน
แววทะนุถนอมเอ็นดูสะท้อนออกมาจากดวงตาสีดำของเขา เสียงที่แผ่วเบาของเขาแฝงความรู้สึกอดกลั้นบางอย่าง “อย่ากลัวเลย ก่อนที่เจ้าจะตกหลุมรักข้าคนนี้ ข้าจะไม่บังคับเจ้าให้ทำเรื่องแบบนั้น”
“จริงหรือ”
เฟิงอู๋โยวมองเขาอย่างสงสัย ไม่รู้ทำไมนางถึงรู้สึกว่าจวินมั่วหรันกำลังหลอกนางอยู่ตลอด
“เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน”
จวินมั่วหรันมองแก้มของเฟิงอู๋โยวที่ค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นมา ดวงตาของนางคล้ายพรั่งพราวไปด้วยดวงดาวสุกสว่าง ความใคร่อยากพลันอัดแน่นอยู่เต็มอกเขาเกินทน
แต่ก่อนที่นางจะตกลงปลงใจกับเขา เขาจะไม่มีทางล้ำเส้นนางในเรื่องอย่างว่าแม้แต่น้อย
เขาไม่อยากทำให้นางรู้สึกหมดคุณค่าในตัวเอง
นอกจากนี้ กู่หนานเฟิงได้บอกเขาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ก่อนที่พิษที่ตกค้างในร่างกายของนางจะถูกขับออกจนหมด ห้ามพวกเขามีเพศสัมพันธ์กันเด็ดขาด
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ จวินมั่วหรันก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เชื่อข้าเถิด ข้าจะไม่ล้ำเส้นเจ้าในเรื่องอย่างว่าแน่นอน”
ด้วยการรับประกันอันหนักแน่นของจวินมั่วหรัน เฟิงอู๋โยวจึงกล้าจับมือหนาใหญ่ของเขามาวางให้ความอุ่นบริเวณหน้าท้องส่วนล่างอีกครั้ง
นางยิ้มเขินๆ “ขอยืมมือหน่อย”
“ยังเจ็บอยู่หรือไม่”
เฟิงอู๋โยวพยักหน้า “นิดหน่อย”