ตอนที่ 233 หาเงินเลี้ยงดูเจ้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จวินมั่วหรันก็ระงับไฟตัณหาอันร้อนรุ่มภายในร่างกายลงได้ เขาปรับท่านั่งให้มั่นคง และปล่อยให้นางเอนพิงในท่าที่สบาย ฝ่ามือทาบลงบนหน้าท้องส่วนล่างของนางอย่างเบามือ ก่อนค่อยๆ โคจรกำลังภายในควบคุมพลังปราณเพื่อถ่ายโอนให้นางอย่างต่อเนื่อง
เฟิงอู๋โยวหรี่ตาลงอย่างสบายตัว นางขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเขาเหมือนลูกแมว พลางพึมพำเสียงแผ่ว “คงจะดีมากถ้าท่านอ่อนโยนแบบนี้ตลอดเวลา”
“ถ้าข้าคนนี้ไม่แข็งกร้าว เจ้าก็ยิ่งปีนเกลียวไปกันใหญ่”
“ท่านพูดอะไรก็ถูกหมด” ตอนนี้เฟิงอู๋โยวเป็นฝ่ายต้องการความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าโต้เถียงกับเขามาก
เมื่อสักครู่ นางเพิ่งจะรอดพ้นอาการปวดประจำเดือนที่เหมือนตายทั้งเป็นมาได้
โชคดีที่มืออันอบอุ่นของจวินมั่วหรันช่วยขจัดความหนาวเย็นในร่างกายของนางได้ทันท่วงที จนสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของนางลงได้อย่างมาก
“เฟิงอู๋โยว จากนี้ไป ห้ามนอนในอ้อมแขนชายอื่นเด็ดขาด”
“เข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน” เฟิงอู๋โยวตอบอย่างนุ่มนวล
เมื่อจวินมั่วหรันได้ยินคำพูดนั้น เขาก็รู้สึกสบายใจใจทันที
มุมปากของเขารั้งขึ้นเล็กน้อย มืออีกข้างพลันยกขึ้นลูบผมของนางเบาๆ “ดีแล้ว”
เฟิงอู๋โยวตระหนักว่าการกระทำของพวกเขาทั้งสองคนทำให้นางดูไม่เหมือนผู้ชาย ครั้นแล้วจึงดึงแขนของจวินมั่วหรันออกอย่างกะทันหัน “ท่านใต้เท้า เราไม่เหมาะสมกัน! ข้าเป็นผู้ชายแข็งแกร่ง และชอบนอนกอดผู้หญิงนุ่มๆ ในอ้อมแขน หาใช่ร่างผู้ชายแข็งทื่อเป็นเหล็กกล้าไม่”
จวินมั่วหรันพูดเอออออย่างส่งๆ ขึ้นเช่นกัน “ข้าคนนี้ก็ชอบเช่นกัน”
“ในเมื่อท่านก็ชอบผู้หญิงเหมือนกัน ไฉนท่านไม่ไปที่หอนางโลมฝั่งตรงข้ามล่ะ”
จวินมั่วหรันหุบยิ้ม อยู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าแม้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นพวกต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ลูบมากก็ได้ใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหลงใหลในท่าทางกึ่งประชดของนางอยู่ดี
ไหนจะท่าทางโมโหง่าย เพียงแค่ไม่กี่คำ
ทำมันให้นางดูน่ารักแปลกๆ ในสายตาเขายิ่งนัก
“ไม่ ข้าตั้งใจจะค้างคืนบนเตียงของเจ้า”
เฟิงอู๋โยวสะบัดหน้าใส่อย่างไม่พอใจ “แต่กระหม่อมไม่อนุญาต”
“ขอข้าไปนอนค้างคืนที่นี่สักคืนไม่ได้หรือ ถือว่าเป็นอันหักล้างจากที่เจ้าใช้พลังปราณฝ่ามือของข้าแล้วกัน” จวินมั่วหรันกังวลเรื่องสุขภาพของนาง ครั้นแล้วจึงทาบฝ่ามือหนาใหญ่อีกข้างของเขาลงบนหน้าท้องแบนราบของนางอีกครั้ง
ณ ด้านนอก หลิงเทียนฉีและเฟิงอี้เคาะประตูขึ้นพร้อมกัน
เฟิงอี้พูดขึ้นอย่างจริงจัง “เซ่อเจิ้งหวาง อู๋โยวยังเด็ก โปรดปล่อยเขาไปเถิด!”
หลิงเทียนฉีพลันพูดเสริมขึ้นในทำนองเดียวกัน “ฟ้ายังไม่มืด! ไฉนเซ่อเจิ้งหวางถึงลากสหายอู๋โยวของข้าเข้าไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ ในเวลากลางวันแบบนี้ด้วย”
ทันใดนั้น แววโกรธเคืองก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของจวินมั่วหรันอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังจะออกกระบวนท่าฝ่ามือผ่าวายุ เฟิงอู๋โยวก็รีบคว้ามือของเขาไว้ “ท่านใต้เท้า สหายของข้าไม่เก่งศิลปะการต่อสู้ เขาไม่มีทางทนการโจมตีของท่านได้แน่นอน”
“เจ้าชอบเฟิงอี้มากหรือไม่”
“พี่ชายปฏิบัติดูแลข้าดีกว่าพ่อแท้ๆ ของข้าเสียอีก”
“แล้วหลิงเทียนฉีล่ะ เขาเป็นสหายแบบไหน”
ดวงตาของจวินมั่วหรันมืดมนลง เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ควรจำกัดอิสระของนางในเรื่องนี้ แต่เขาแค่ไม่อยากให้เฟิงอู๋โยวให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเขา
เมื่อพูดถึงหลิงเทียนฉีแล้ว เฟิงอู๋โยวก็นึกอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ขึ้นมาได้
นางมองไปที่จวินมั่วหรันและถามอย่างเคร่งขรึม “ท่านใต้เท้าซ่อนเงินกระดาษที่สหายเทียนฉีส่งมาให้กระหม่อมไว้ที่ไหน”
“ข้าคนนี้ไม่สนใจเงินกระดาษของคนอย่างเขาหรอก”
เฟิงอู๋โยวไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด นางลุกขึ้นพรวด ก่อนใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มอันหล่อเหลาของจวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้ากำลังโกหกอยู่ใช่หรือไม่”
จวินมั่วหรันอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อนางเห็นนางนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ อย่างเย้ายวนใจ สายตาก็พลันเคลิบเคลิ้มหลงใหลในความงามของนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสารภาพออกไป “ข้าเผาทิ้งแล้ว”
“อะไรนะ?!”
หางเสียงของเฟิงอู๋โยวยกขึ้นสูง ก่อนกระโจนเข้าใส่จวินมั่วหรันทันที
เมื่อรู้ว่าจวินมั่วหรันเผาเงินกระดาษทั้งไป นางจึงโกรธจัดจนกระโดดขึ้นคร่อมและหยิกแก้มของเขา “จวินมั่วหรัน เอาเงินของข้าคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”
จวินมั่วหรันเกิดอารมณ์ร่วมกับการกระทำแบบนี้ของนางยิ่งนัก จึงปล่อยให้มือเล็กๆ นุ่มๆ ของนางให้บีบหยิกแก้มของเขา แต่ก็พูดด้วยท่าทีเมินเฉย “เฟิงอู๋โยว แตะเนื้อต้องตัวข้าแบบนี้ เจ้าคิดจะใช้เรือนร่างทำสัญญากันกระนั้นหรือ”
ตอนนั้นเอง เฟิงอู๋โยวเพิ่งตระหนักว่าท่าทางของนางกับจวินมั่วหรันนั้นดูเร่าร้อนเกินไป ขณะกำลังจะถอย จวินมั่วหรันก็จับข้อเท้าของนางไว้และดึงกลับเข้าไปในอ้อมแขน
เขายัดจี้แหวนหยกใส่มือนางอีกครั้ง พร้อมกับพูดอย่างจริงจัง “การมีจี้แหวนหยกอยู่ในมือ หมายความว่าเจ้ามีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สมบัติของข้า เข้าใจหรือไม่”
“จี้แหวนหยกวงนี้ล้ำค่าเกินไป ข้าไม่ต้องการมัน”
“ให้เจ้า ก็จงรับไป ต่อจากนี้ไป เจ้าต้องใช้เงินของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“ถ้าข้าใช้เงินเหมือนน้ำจนเจ้าหมดตัวล่ะ”
“เช่นนั้นข้าจะถามเจ้าเรื่องหนึ่ง ถ้าข้าคนนี้สูญเสียทุกสิ่งไป เจ้าจะทำเยี่ยงไร”
“ข้าจะทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินดูแลเจ้า”
เฟิงอู๋โยวตอบอย่างมั่นใจ แต่ในใจนางไม่ได้คิดเช่นนั้น
นางคิดว่าหากวันนั้นมาถึง นางยังสามารถขายจวินมั่วหรันให้กับซ่องโสเภณีได้
ด้วยผิวพรรณและรูปร่างอันยอดเยี่ยม ไหนจะขนาดอันใหญ่โตที่หาได้เพียงหนึ่งในล้านของเขาอีก แบบนี้คงหาเงินได้ทุกวันแน่นอน
แต่จวินมั่วหรันกลับเชื่อในสิ่งที่เฟิงอู๋โยวพูดจริงๆ ว่านางจะเลี้ยงดูเขา!
นี่หมายความว่าเฟิงอู๋โยวก็มีเขาอยู่ในใจเช่นกันสินะ
เขาอารมณ์พุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ มือคว้าจับไหล่ ก่อนพลิกตัวจับนางกดลงบนเตียงและโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ท่านใต้เท้าคิดจะทำอะไร”
เฟิงอู๋โยวเงยหน้าขึ้นมอง เสียงของนางสั่นเล็กน้อย
“เจ้าตัวเล็ก เจ้าต้องการจะบีบแก้มข้าจนตายเลยหรือ” จวินมั่วหรันกอดนางไว้แน่นในอ้อมแขน พยายามควบคุมกำลังแขนของตัวเองอย่างระมัดระวัง
นอกห้อง สีหน้าของหลิงเทียนฉีดูสับสนขึ้นมา เขาใช้เวลาสักครู่ก่อนสงบสติอารมณ์ลงได้อีกครั้ง “พี่เฟิง ไฉนข้ารู้สึกว่าเซ่อเจิ้งหวางปฏิบัติต่อสหายอู๋โยวไม่เลวเลย”
“ไม่เลวอะไร พวกเขาทั้งสองคนเป็นผู้ชาย จะทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้ได้เยี่ยงไรกัน” ใบหน้าของเฟิงอี้เจือมีเลือดฝาดเพราะความโกรธ ตัวเขากลับรู้สึกสงสารเฟิงอู๋โยวเป็นพิเศษ
เขารู้สึกว่าน้องชายของตัวเองกำลังถูกขืนใจ และเขาก็รับไม่ได้กับเรื่องนี้เอามากๆ
แต่หลิงเทียนฉีกลับพูดขึ้นอีกครั้ง “ตอนที่สหายอู๋โยวจะตกที่นั่งลำบาก หากปราศจากการคุ้มครองของเซ่อเจิ้งหวาง ลำพังแค่พวกเราสองคนทั้งไม่สามารถปกป้องคุ้มครองนางได้ตลอดรอดฝั่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงอี้ก็รู้สึกละเหี่ยใจขึ้นมา
เพราะสิ่งที่หลิงเทียนฉีพูดนั้นค่อนข้างถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งมั่นคงอยู่ในท้องพระโรงวังหลวงแห่งแคว้นเป่ยหลี แต่เขาก็ยังไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมให้น้องชายของตัวเองได้เลย
มีเพียงจวินมั่วหรันเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่ง ความสามารถและอำนาจอย่างแท้จริง และสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเป่ยถางหลงถิงได้อย่างสูสี
“ไปกันเถิด”
แม้ว่าเฟิงอี้จะรู้สึกไม่ยอม แต่เขาก็รู้ว่า มีแต่ต้องอยู่เคียงข้างจวินมั่วหรันเท่านั้น เฟิงอู๋โยวถึงจะปลอดภัย