ตอนที่ 238 จวินมั่วหรันจอมรังควาน
เซ่อเยว่ไม่เข้าใจเจตนาของเป่ยถางหลีอิน นางเข้าผิดคิดว่าเป่ยถางหลีอินอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้ชายและแอบออกจากที่พำนักไป ครั้นแล้วจึงเกลี้ยกล่อม “องค์หญิงเจ้าคะ ดึกขนาดนี้แล้วจะออกไปไหนอีกหรือเจ้าคะ”
“ข้าสั่งให้เจ้าทำก็ไปทำ จะพูดมากให้ได้อะไร”
เป่ยถางหลีอินเหลือบมองอย่างเย็นชาพร้อมกับตบโต๊ะดังสนั่น
“นางคิดจะเลียนแบบเจ้าหรือ อย่างนางเนี่ยนะ”
ฟู่เย่เฉินหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็ควบแน่นกำลังภายในและอัดเข้าไปตบหน้าเป่ยถางหลีอินด้วยฝ่ามือที่มองไม่เห็น
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
แก้มของเป่ยถางหลีอินแดงและบวมทันที
จากนั้นก็รีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังชุนเสี่ย มือทั้งสองข้างยกขึ้นปิดแก้มที่ร้อนผ่าว ก่อนร้องไห้อย่างขมขื่น “เสด็จพ่อ เสด็จพ่ออยู่ไหน ฮือๆ มีคนทำร้ายข้าอีกแล้ว!”
ครู่ต่อมา เป่ยถางหลงถิงที่กำลังนอนหลับอยู่ก็ตกใจกับเสียงร้องโหยหวนของเป่ยถางหลีอิน
เขาสวมเสื้อคลุมบางๆ ผมสีดำของเขาถูกมัดหลวมๆ ไว้ด้านหลัง ท่าทางดูลนลานเป็นพิเศษ
“อินเอ๋อร์ มีอะไรหรือเปล่า”
“เสด็จพ่อ มีคนตบข้าอีกแล้ว!” เป่ยถางหลีอินเม้มริมฝีปากก่อนกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเป่ยถางหลงถิง
เป่ยถางหลงถิงลดตาลงมองรอยแดงบนแก้มของเป่ยถางหลีอิน ความโกรธพลันจู่จับในบัดดล “บังอาจ! บอกข้ามาว่าใครเป็นทำ”
เป่ยถางหลีอินโดยแทบไม่ต้องคิด “ใครอีกล่ะ ต้องเป็นเฟิงอู๋โยวแน่ๆ !”
“เฟิงอู๋โยว?”
แววสงสัยแวบเข้ามาในดวงตาของเป่ยถางหลงถิง เขาถามกลับด้วยเสียงทุ้ม “คืนเงียบสงบและไม่มีใครอยู่รอบๆ แบบนี้ เงาร่างของเฟิงอู๋โยวอยู่ที่ไหน นอกจากนี้ ตามที่ข้ารู้มา เฟิงอู๋โยวดูเหมือนจะไม่เคยชอบเจ้าเท่าไร ในเมื่อเขาไม่ชอบเจ้า แล้วเขาจะเจ้ามัดไปที่ค่ายทหารตามที่เจ้าบอกได้เยี่ยงไร”
เป่ยถางหลงถิงอยากถามคำถามพวกนี้กับเป่ยถางหลีอินมาตั้งนานแล้ว
เพียงเป่ยถางหลีอินเอาแต่ร้องไห้กลบเกลื่อน ส่วนตัวเขาก็ไม่อยากทำนางลำบากใจ จึงเก็บคำถามนี้ไว้ในใจมาตลอด แต่พอนานวันบ่อยครั้งเข้า ตราบจนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ถามออกไป
เป่ยถางหลีอินไม่ตอบ นางหลุบตาลงเล็กน้อย น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาไปเป็นทาง
เมื่อเห็นแบบนี้ เป่ยถางหลงถิงก็รีบเช็ดน้ำตาที่แก้มของเจ้าและเกลี้ยกล่อม “อินเอ๋อร์ อย่าร้องไห้ พ่อแค่ไม่ถามเท่านั้น”
“เสด็จพ่อ อินเอ๋อร์คิดถึงท่านแม่”
“เป็นพ่อเองที่ไร้ความสามารถและล้มเหลวในการปกป้องท่านแม่ของเจ้า” เมื่อเป่ยถางหลงถิงนึกถึงหลิงซู่ซู่ที่ล่วงลับจากไปแล้วหลายปี อยู่ๆ น้ำตาก็คลอเบ้าขึ้นมา
ที่มุมชายคา ฟู่เย่เฉินส่ายหัวและพูดอย่างหน่ายอารมณ์ “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีโอ๋ลูกสาวมากเกินไป เขาไม่กลัวว่าการกระทำแบบนี้ของเขาจะนำมาซึ่งชื่อเสียงที่เสื่อมเสียแม้แต่น้อย”
เฟิงอู๋โยวไม่สนใจกับเรื่องนี้เท่าไร “เพราะเมื่อเทียบกับเฟิงจือหลินแล้ว อย่างน้อยเป่ยถางหลงถิงยังรู้วิธีปรนเปรอลูกสาวของเขา”
“กระแอม…”
ทันทีที่เจ้าพูดจบ เฟิ่งจื่อหลินก็ไอกระแอมขึ้นจากด้านหลัง
เมื่อเห็นแบบนี้ ฟู่เย่เฉินก็เข้ามายืนขวางข้างหน้าเฟิงอู๋โยวทันที ก่อนเผชิญหน้ากับเฟิงจือหลิน “แม่ทัพเฟิง ข้าชื่นชมท่านมานานแล้ว”
ใบหน้าของเฟิงจือหลินมืดมนลง เขาตอบอย่างเฉยเมย “อู๋โยว ในฐานะพ่อ ข้ามีคำสองสามคำที่ข้าต้องบอกเจ้า”
“แม่ทัพเฟิงตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับท่านมานานแล้วไม่ใช่หรือ” ฟู่เย่เฉินโต้กลับ
“นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลของข้า ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะยื่นมือเข้ามาสอด” เฟิงจือหลินมองค้อนใส่ฟู่เย่เฉิน
“ฟู่เย่เฉิน ข้าบังเอิญมีเรื่องจะพูดกับท่านแม่ทัพเฟิงสองสามคำเช่นกัน” เฟิงอู๋โยวพูดพลางก้าวไปข้างหน้า ดวงตาทรงดอกท้อของนางสบเข้ากับดวงตาเฉียบคมราวกับนกอินทรีของเฟิงจือหลินอย่างไม่เกรงกลัว
เฟิงจือหลินไม่คาดคิดว่าเฟิงอู๋โยวจะยอมเชื่อฟังแบบนี้ จึงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ในพริบตาต่อมา เขาก็ตั้งสติกลับคืนมา
“อู๋โยว อย่าโทษพ่อเลย พ่อก็ไม่อยากตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเจ้า แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้ พ่อก็ไม่รู้จะอธิบายให้ฮ่องเต้ฟังอย่างไร”
“พ่อ?”
นี่เขาเรียกแทนตัวเองว่าพ่ออย่างนั้นหรือ
เฟิงอู๋โยวแค่นเสียงในลำคอ “เฟิงจือหลิน เจ้าจะได้ประโยชน์มากแค่ไหนจากการเสียสละของข้า เจ้าลองดูพ่อของเป่ยถางหลีอินแล้วหันกลับมาดูตัวเอง เฟิงจือหลิน เจ้าช่างเป็นพ่อที่ไร้ประโยชน์จริงๆ!”
เฟิงจือหลินโกรธกับคำพูดของเฟิงอู๋โยวเป็นยิ่งนัก ครั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด “หากเจ้ายืนกรานที่จะไปตามทางของตัวเอง ยืนกรานที่จะต่อต้านฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีและองค์หญิงหลีอิน ก็อย่ามาโทษว่าข้าเหี้ยมโหดกับตระกูลชิว”
“ตระกูลชิวจะเป็นหรือตายมันเกี่ยวอะไรกับข้า”
ในมุมมองของเฟิงอู๋โยว ชิวหรูสุ่ยกับเฟิงจือหลินล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน
คนหนึ่งเป็นพ่อที่ไร้ประโยชน์ อีกคนเป็นแม่ที่ไร้ความเป็นแม่
หากชิวหรูสุ่ยนึกถึงนางสักหน่อย หากนางมีความเป็นแม่หลงเหลืออยู่บ้าง นางคงไม่บังคับให้นางให้ปลอมตัวเป็นผู้ชายและใช้นางเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองหรอก
เฟิงจือหลินไม่คิดว่าทัศนคติของเฟิงอู๋โยวที่มีต่อชิวหรูสุ่ยจะเฉยชาเช่นนี้ เขาคิดว่าไม่เมื่อไม่สามารถใช้ไม้แข็งได้ เขาจึงต้องใช้อารมณ์และเหตุผลเข้าเกลี้ยกล่อม
เมื่อสบจังหวะ ค่อยหาทางส่งนางไปที่ชอบที่ชอบ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฟิงจือหลินก็หยิบขวดแก้วสีน้ำเงินแกมขาวออกมาจากใต้แขนเสื้ออย่างไม่เร่งรีบ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตระกูลชิวเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเจ้ามาก พวกเขาจึงฝากมอบยาอายุวัฒนะให้กับเจ้า อู๋โยว ขืนเจ้าไม่เชื่อฟังและไม่ยอมกลับไปรับโทษแบบนี้ เจ้าทนเห็นแม่ของเจ้าทุกข์ทรมานได้หรือ”
“มีอะไรต้องทน”
เฟิงอู๋โยวหยิบขวดแก้วลายครามพลางมองเฟิงจือหลินอย่างขบขัน
เขาคิดว่านางมองคนไม่เป็นหรือกระไร ทั่วทั้งค่ายทหารมีเพียงเฟิงอี้เท่าที่ปฏิบัติกับนางอย่างจริงใจ
“เจ้า…!”
เฟิงจือหลินโกรธจนหายใจไม่ออก เขายกแขนขึ้นหมายง้างมือตบ แต่ถูกฟู่เย่เฉินหยุดเอาไว้ก่อน
เสื้อผ้าสีแดงฉานของฟู่เย่เฉินโบกกระพือ กระบวนท่าโจมตีพุ่งอัดเข้าที่หน้าอกของเฟิงจือหลิน “ขืนเจ้ากล้าแตะต้องเฟิงอู๋โยว อีกครั้ง ข้าจะจับเจ้าผ่าเป็นสองท่อนแล้วแขวนไว้ที่ประตูของตากแห้งเป็นปลาเค็ม”
“ไอ้เวร”
เฟิงจือหลินตะคอกก่อนกระโดดหลบไปซ่อนตัวในคืนที่มืดมิด
ทันใดนั้น มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังฟู่เย่เฉิน “นายท่าน แย่แล้ว! เซ่อเจิ้งหวางได้สั่งให้คนออกค้นหาเฟิงอู๋โยวทั่วทั้งเมืองหากพบว่าเฟิงอู๋โยวอยู่กับนายท่านล่ะก็…”
ฟู่เย่เฉินปวดขมับขึ้มาทันที “จวินมั่วหรันเป็นบ้าไปแล้วหรือไร ไฉนถึงรังควานเจ้าไม่เลิก!”
เมื่อเฟิงอู๋โยวได้ยินว่าจวินมั่วหรันตามหานางทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง หัวใจก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ถ้าเขารู้ว่านางอยู่กับฟู่เย่เฉินทั้งคืน เขาจะโกรธถึงขั้นไหน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฟิงอู๋โยวก็พูดอย่างกังวล “ฟู่เย่เฉิน พาข้ากลับไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้ากลัวเขาขนาดนั้นเลยหรือ”
“หรือว่าเจ้าไม่กลัวเขาจุดไฟเผาเรือนฟู่” เฟิงอู๋โยวถามกลับ
ฟู่เย่เฉินพูดไม่ออก เขาเกือบลืมไปได้อย่างไรว่าจวินมั่วหรันเป็นพวกวิกลจริต!
ตอนนี้ ฟู่เย่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งเฟิงอู๋โยวกลับไปที่เรือนแพทย์พยากรณ์อย่างไม่เต็มใจ