ตอนที่ 262 เป่ยถางหลีอินคือผู้ชนะ
เมื่อเป่ยถางหลงถิงสัมผัสได้ถึงสายตาของเฟิงอู๋โยวก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมาเล็กน้อย
ไฉนเขารู้สึกว่ามีประกายแห่งความเคียดแค้นเกลียดชังสะท้อนออกมาจากดวงตาของสตรีผ้าปิดหน้าที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของจวินมั่วหรัน ให้ความรู้สึกเหมือนความเคียดแค้นฝังหุ่นที่ไม่มีวันสลัดหลุด
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากถาม เสียงดนตรีในท่วงทำนองอันไพเราะนุ่มนวลก็ดังขึ้นมาแทรกในห้วงหลากอารมณ์ของเขา
ครั้นแล้วเป่ยถางหลงถิงจึงหยุดความคิดทุกอย่างลงและค่อยๆ นั่งลงตรงที่นั่งข้างๆ จี้มั่วจื่อเฉิน
ดวงตาอันใสแวววาวของเขาจ้องมองไปยังเป่ยถางหลีอินที่กำลังโบกสะบัดชายแขนเสื้อร่ายรำอยู่กลางเวที “บุตรตรีของข้าเข้าสู่วัยผลิบาน เรือนร่างสวยงามหาที่เปรียบมิได้”
บนเวที กลีบบุหงาโปรยปรายปลิวว่อน
กลิ่นบุหงาหอมจรุง การแสดงชวนตราตรึง
ท่ามกลางกลีบบุหงาโปรบปรายดั่งสายฝน เป่ยถางหลีอินร่ายรำอย่างสวยงามพลิ้วไหวดั่งเซียนที่ปรากฏตัวขึ้นกลางหุบเขา ชายแขนเสื้อยาวๆ ยกขึ้นปิดใบหน้าอันสะสวยครึ่งหนึ่งของนาง ขับเสน่ห์ให้นางดูหลงใหลน่าค้นหา
เหล่าคนดูด้านล่างเวทีต่างพากันเคลิบเคลิ้มไปกับท่วงท่าร่ายรำของเป่ยถางหลีอินจนเกือบลืมหายใจ
ทันใดนั้น เสียงดนตรีเปลี่ยนทำนองเร่งเร้าขึ้น การร่ายรำของเป่ยถางหลีอินประหนึ่งล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
มือถือกระบี่ตวัดตวาดผ่อนหนักผ่อนเบา ท่วงท่าอ่อนช้อยสลับกับดุดัน เงาแวววาวจากใบดาบประกายวิบวับไปกับแสงสะท้อนของคลื่นน้ำกระเพื่อมในแม่น้ำคูเมือง
ครั้นดนตรีสิ้นสุดลง ท่วงท่าร่ายรำก็สิ้นสุดตาม จากนั้นก็โค้งตัวทำความเคารพจวินมั่วหรันที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีในสีหน้าเฉยเมย
“ยอดเยี่ยม!”
“สมแล้วที่เป็นถึงสุดยอดสาวงามแห่งแคว้นเป่ยหลี!”
“ข้าบอกแล้วว่าการแสดงที่ดีที่สุดจะต้องอยู่ท้ายที่สุด! วันนี้เห็นท่วงท่าร่ายรำอันสวยงามขององค์หญิงหลีอิน ทำเอาข้าอิ่มหนำสำราญไปสามเดือน”
ด้านล่างเวที เสียงปรบมือและเสียงชื่นชมดังขึ้นอย่างไม่ขาดหู
เป่ยถางหลงถิงตบโต๊ะลุกพรวดพร้อมกับพาเหล่าทหารองค์รักษ์ปรบมือชื่นชมให้กับการแสดงระบำกระบี่อันตราตรึงใจของเป่ยถางหลีอิน
เขาประทับใจเป็นที่สุด แต่แล้วอยู่ๆ ก็หันขวับไปหาจวินมั่วหรันพร้อมกับแค่นเสียงหึในลำคอ “เซ่อเจิ้งหวาง จงเบิกตาดูให้ดี! ลูกสาวของข้าสวยงามยิ่งกว่าซีซือ[1] และไม่มีทางเป็นตงซือ[2]อย่างที่ปากพล่อยๆ ของเจ้าพูด”
เป่ยถางหลีอินยังคงจำเรื่องที่จวินมั่วหรันลงมือทำร้ายเป่ยถางหลีอินได้ขึ้นใจ แต่เมื่อวานนี้เป่ยถางหลีอินได้บอกเขาอย่างจริงๆ ว่าตัวนางรู้สึกว่าจวินมั่วหรันเป็นรักแรกพบของนาง
ดังนั้นเขาจึงต้อจำใจละทิ้งความเคียดแค้นที่มีต่อจวินมั่วหรันลงเพื่อชายคนที่ลูกสาวตัวเองชอบ
เฟิงอู๋โยวจ้องเป่ยถางหลีอินในสภาพหน้าแดงก่ำอยู่กลางเวทีอย่างแปลกใจ
เป่ยถางหลีอินดื่มยากำหนัดเข้าไปแล้วแท้ๆ แต่ยังร่ายรำระบำกระบี่ได้อย่างพลิ้วไหวตั้งแต่ต้นจนจบ ดูเหมือนนางจะมีดีอยู่ไม่น้อย
แต่ดูจากสีหน้าแดงก่ำของนางแล้วก็พอจะดูออกว่านางคงทนได้อีกไม่นาน
มากสุดก็ประมาณหนึ่งเค่อ[3] หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงขาดสติ
ในเวลาเดียวกัน จี้มั่วจื่อเฉินกำลังรวมคะแนนการแสดงของเป่ยถางหลีอินอย่างขะมักเขม้น
และก็เป็นไปตามคาด บรรดาผู้ชมผู้ทรงเกียรติต่างเทคะแนนให้นาง นอกจากจวินมั่วหรันที่ให้คะแนนนางต่ำที่สุด
เมื่อรู้ผล จี้มั่วจื่อเฉินก็ลั่นฆ้องป่าวประกาศขึ้น “หลังจากการแข่งขันอันดุเดือดตลอดทั้งคืน องค์หญิงเป่ยถางหลีอินแห่งแคว้นเป่ยหลีได้รับคะแนนสูงสุดจากผู้ชมผู้ทรงเกียรติและกลายเป็นผู้ชนะแห่งสภาบุหงาได้อย่างสมศักดิ์ศรี”
ทันใดนั้นมีเสียงโห่ร้องปรบมืออย่างชื่นชมดังกระหึ่ม
เป่ยถางหลีอินพยายามฝืนยิ้มจางๆ นางแอบจิกเล็บลงที่ต้นขาเพื่อทำให้ตัวเองได้สติอยู่ตลอดเวลา
นางไม่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสภาบุหงาแม้แต่น้อย
แต่นางสนใจสิทธิและอำนาจในการเลือกว่าที่คู่ครองของผู้ชนะ
ก่อนที่เป่ยถางหลงถิงจะรู้ว่านางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเขา เป่ยถางหลีอินจำเป็นต้องหาว่าที่คู่ครองที่มีอำนาจล้นฟ้ามากพอที่จะทำให้นางเสวยสุขและใช้ชีวิตหรูหราไปได้ตลอดชีวิต
ไม่เช่นนั้น หากเป่ยถางหลงถิงรู้ความจริงเข้า มีโอกาสอย่างสูงที่นางจะกลายเป็นหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครต้องการ
จี้มั่วจื่อเฉินเคยได้ยินเรื่องความบาดหมางระหว่างเป่ยถางหลีอินกับเฟิงอู๋โยวมาบ้าง ดังนั้นเขาจึงพลอยไม่ชอบเป่ยถางหลีอินไปด้วย
เพียงแต่เขาไม่สามารถพลิกผลการตัดสินภายใต้สายตาของเหล่าคนดูได้ ดังนั้นจึงทำได้แต่เอ่ยถามเป่ยถางหลีอินตามธรรมเนียม “ในฐานะที่องค์หญิงหลีอินเป็นผู้ชนะ ทำให้มีอำนาจในการเลือกว่าที่คู่ครอง ดังนั้นองค์หญิงสามารถเลือกเหล่าชายโสดในแคว้นตงหลินได้ตามอำเภอใจเลยขอรับ”
ความเร้าร้อนเริ่มทวีคูณขึ้นในร่างกายของเป่ยถางหลีอิน นางรีบตอบอย่างร้อนใจ “ว่าที่คู่ครองที่ข้าจะเลือกก็คือ…”
“ช้าก่อน!”
เมื่อเฟิงอู๋โยวสังเกตเห็นดวงตาของเป่ยถางหลีอินที่เอาแต่จ้องมองมายังจวินมั่วหรันก็หึงขึ้นมาทันที
ดูเหมือนว่าเป่ยถางหลีอินจะเป็นพวกสันดานหมาชอบกลับไปกินขี้[4]
ขนาดถูกนางขู่ไปแล้วก่อนหน้านี้ยังไม่รู้จักจำ แล้วยังริอ่านมาแย่งผู้ชายของนางไปต่อหน้าต่อหน้าแบบนี้อีก
จี้มั่วจื่อเฉินเห้นเช่นนั้นจึงรีบถามเฟิงอู๋โยว “ไม่ทราบว่าแม่หญิงมีเรื่องอันใด”
เฟิงอู๋โยวลุกขึ้นพรวด จากนั้นก็ปลดผ้าคลุมสีเข้มบนร่างตัวเองออกก่อนเดินเยื้องย่างขึ้นไปบนเวที
สีหน้าของจวินมั่วหรันมืดมนลงทันที เขาจ้องมองคอเสื้อแหวกลึกของนางอย่างไม่สบอารมณ์
แม้ว่าจะชอบนางในชุดสตรีแบบนี้ก็ตาม
แต่เขาก็ไม่ชินกับปล่อยให้เฟิงอู๋โยวเดินไปมาในชุดสตรีต่อหน้าผู้คนแบบนี้!
นางไม่รู้หรือไร ต่อให้ตัวนางจะใช้ผ้าบางๆ ปิดหน้าเอาไว้ ความสวยงามที่แผ่พุ่งออกมาก็มีพลังมากพอที่จะสยบบรรดาชายหนุ่มที่พบเห็นได้อย่างอยู่หมัด
ซึ่งเป็นเรื่องจริง ดูเหมือนเฟิงอู๋โยวจะไม่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้เลยแม้แต่น้อย
แม้เฟิงอู๋โยวจะรับรู้ได้ถึงสายตาของจวินมั่วหรัน แต่นางกลับต่อต้านและไม่ยอมหยิบผ้าคลุมสีเข้มขึ้นมาคลุมร่างกาย
แต่กระนั้นก็วิ่งกลับมาหาจวินมั่วหรันและพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะแต่งตัวแบบไหนมันก็เรื่องของข้า และข้าก็ไม่ต้องขออนุญาตเจ้าเพื่อใส่ชุดกระโปรงรัดรูปแบบนี้”
“อยากลองดีขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ข้าใช้ผ้าคลุมปิดหน้าอยู่! คนอื่นดูไม่ออกว่าข้าเป็นใคร” เฟิงอู๋โยวตอบกลับอย่างไม่ยอม
แม้จะไม่ชอบใจ แต่ในหัวของจวินมั่วหรันกลับจินตนาการถึงเรือนร่างภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์ของนาง
แม้จะหงุดหงิด แต่เขาก็ไม่อยากบังคับนาง
พอคิดไปคิดมาแล้ว เขาจึงต้องตามใจนาง “แค่ครั้งเดียวเท่านั้น! ถ้าหากเผลอเปิดในส่วนที่ไม่ควรเปิด เจ้าเจอดีแน่”
[1]ซีซือ คือ 1 ใน 4 สุดยอดสาวงามของจีน
[2]ตงซือ คือสาวอัปลักษณ์ที่พยายามเลียนแบบคนอื่นเพื่อให้ตัวดูดี โดยไม่สนใจว่าท่าทางที่ตัวเองเลียนแบบกลับทำให้ตัวเองดูอัปลักษณ์กว่าเดิม
[3]1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที
[4]สันดานหมาชอบกลับไปกินขี้ หมายถึงสิ่งที่คนเราประพฤติปฏิบัติจนเคยชินติดเป็นนิสัยนั้นยากเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้