ตอนที่ 281 ชิวหรูสุ่ยเป็นพยาน / ตอนที่ 282 เอาคืน
ตอนที่ 281 ชิวหรูสุ่ยเป็นพยาน
เพื่อต้องการได้รับความสนใจจากเฟิงอู๋โยว ไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงพูดขึ้นโต้ตอบจวินมั่วหรันระรัว “ท่านใต้เท้าจำผิดหรือไม่ คืนเมื่อวาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีนำคนชุดดำหลายสิบคนบุกรุกเรือนพำนักของแม่ทัพเฟิง เดิมทีข้าต้องการยื่นมือเข้าไปช่วย ทว่าแม่ทัพเฟิงพลังไร้เทียมทาน เพียงพริบตาก็กำราบคนของฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีได้ทันที เนื่องจากกลัวมาเสียเที่ยว ข้าจึงนั่งลงด้านหน้าโต๊ะอาหารเพื่อตะโกนให้กำลังใจ”
“ตะโกนให้กำลังใจ?”
จี้มั่วจื่อเฉินตาเบิกกว้างมองไปที่ไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างไม่อยากเชื่อ
หลายปีมานี้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อดูไร้ความปรานีและไม่แยแสผู้ใดมาโดยตลอด เขาแทบจะไม่เคยเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อยิ้ม เป็นไปไม่ได้เลยที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อจะตะโกนให้กำลังใจผู้อื่น
เฟิงอู๋โยวพอใจกับคำพูดของไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นอย่างมาก
แต่หูของจี้มั่วอิ้นเหรินกลับได้ยินเป็นความหมายอื่น
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาพูดขึ้นเสียงทุ้ม “ไม่นึกว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีจะบุกเรือนพำนักของแม่ทัพทหารม้าแห่งแคว้นตงหลินยามวิกาล ทหาร! ไปนำตัวฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีมา”
หลังจากนั้นไม่นาน เป่ยถางหลงถิงในสภาพใบหน้าซีดเซียวพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตาก็ถูกพาตัวเข้ามาที่ท้องพระโถง
เขานั่งบนที่นั่งด้านขวามือของจี้มั่วอิ้นเหริน เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวยืนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยท่าทางหยิ่งทระนง ใบหน้าก็ฉายแววสังหารขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจมาก
จี้มั่วอิ้นเหรินเหลือบมองไปด้านข้างเล็กน้อย เพื่อไม่ให้รังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากทั้งตัวเป่ยถางหลงถิงกดดัน เขาจึงยืดตัวตรงและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี ได้ยินมาว่าท่านมีความแค้นส่วนตัวกับแม่ทัพเฟิง เป็นเหตุให้เมื่อคืนท่านได้นำกำลังพลบุกรุกเรือนพำนักของแม่ทัพเฟิงเป็นการส่วนตัวกระนั้นหรือ”
เป่ยถางหลงถิงแค่นเสียงในลำคอ มือหนึ่งข้างตบโต๊ะก่อนแย้งกลับด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน “เฟิงอู๋โยวบังอาจทำร้ายบุตรีของข้า ยกโทษให้ไม่ได้”
เฟิงอู๋โยวเลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากผุดยิ้ม “เช่นนั้นกระหม่อมขอถือวิสาสะทูลถามฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีได้หรือไม่ว่าองค์หญิง หลีอินได้รับบาดเจ็บตรงไหน แล้วได้รับบาดเจ็บเมื่อใด”
เป่ยถางหลงถิงไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องที่เป่ยถางหลีอินถูกวางยาปลุกกำหนัดต่อหน้าเหล่าขุนนางพลเรือนแห่งแคว้นตงหลิน มิฉะนั้นชื่อเสียงของนางจะเสื่อมเสีย
หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน เขาก็พูดขึ้นอย่างคลุมเครือ “ได้รับบาดเจ็บจากสภาบุหงาเมื่อคืน”
“จากสภาบุหงากระนั้นหรือ เมื่อคืน กระหม่อมอยู่ที่เรือนแพทย์ตลอด ไม่ได้ย่างเท้าออกจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้นขอฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีจงหยุดการกระทำปั้นน้ำเป็นตัวและใส่ร้ายป้ายสีด้วยขอรับ”
เมื่อเป่ยถางหลงถิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกจุกขึ้นมาในลำคอ เขาโกรธจัดจนเกือบกลอกตาทั้งสองข้าง
เมื่อคืนเฟิงอู๋โยวเป็นคนบอกเขากับปากว่านางเป็นคนวางยาปลุกกำหนัด แต่ตอนนี้กลับกล้าปฏิเสธ
และในตอนนี้เอง เฟิ่งจือหลินก็พาสตรีตัวเล็กนางหนึ่งเข้ามาในท้องพระโรง
เขาพูดขึ้นเสียงดัง “เฟิงอู๋โยว ทั้งที่กระทำผิด ไฉนถึงไม่ยอมสารภาพตามตรง เมื่อคืนแม่นางชิวไปหาเจ้าที่เรือนแพทย์ นางรอเจ้าประมาณหนึ่งชั่วยามแต่กลับไม่เห็นเจ้า เจ้ายังกล้าบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้ออกจากเรือนแพทย์อีกหรือ”
เมื่อเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ จวินมั่วหรันจึงกระซิบข้างหูของเฟิงอู๋โยว “เมื่อคืนนี้แม่นางชิวแอบเข้าไปในเรือนแพทย์พยากรณ์และโรยผงโอสถลงบนผ้าห่มและเครื่องนอนในปริมาณมาก ข้ากลัวว่าเจ้าจะเสียใจ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้า”
เฟิงอู๋โยวเข้าใจ ดวงตาเยือกเย็นลงฉับพลัน นางจ้องไปที่ชิวหรูสุ่ยในวัยกลางคนที่ยังคงมีเสน่ห์ ความรังเกียจผุดขึ้นทันที
ชิวหรูสุ่ยสัมผัสได้ถึงสายของเฟิงอู๋โยว น้ำตาเกิดคลอเบ้าและแสร้งบีบน้ำตาออกมา “อู๋โยว ลูกสบายดีใช่หรือไม่”
เฟิงอู๋โยวก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นก็กอดชิวหรูสุ่ยแน่น อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันป้องกันตัว ยัดจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ลงในกระเป๋าเสื้อของชิวหรูสุ่ย
เฟิ่งจือหยินเกลียดชิวหรูสุ่ยในสภาพร้องไห้แบบนี้ที่สุด เขาเข้าใจความรักของนางที่มีต่อลูกๆ
เขากำชับชิวหรูสุ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ในท้องพระโถงว่าราชกิจยังกล้าโหวกเหวกแบบนี้อยู่อีก ยังไม่รีบพูดออกไปอีกว่าเมื่อวานเฟิงอู๋โยวอยู่ที่เรือนแพทย์หรือไม่”
เมื่อชิวหรูสุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็ปาดน้ำตาบนใบหน้า แม้เสียงพูดของนางจะไม่ดังแต่ก็เพียงพอที่เหล่าขุนนางพลเรือนจะได้ยินอย่างชัดเจน “เมื่อคืนนี้อู๋โยวไม่ได้อยู่ที่เรือนแพทย์เจ้าค่ะ”
ตอนที่ 282 เอาคืน
เฟิงอู๋โยวปล่อยชิวหรูสุ่ย พลันถอยหลังหนึ่งก้าว มุมปากรั้งขึ้นผุดแววเหยียดหยาม “ป้าชิวแน่ใจหรือ”
“แน่นอน”
ชิวหรูสุ่ยพยักหน้าและพูดอย่างระมัดระวัง
เฟิงอู๋โยวหัวเราะเบาๆ “จงอย่าพูดจามั่นใจเกินไปหากเจ้าไม่ได้ไปค้นหาตัวข้าที่ห้องน้ำ ข้าแนะนำให้เจ้าถอนคำพูดประโยคสุดท้าย เพื่อเลี่ยงความผิดโทษฐานหลอกหลวงขุนนาง”
ใบหน้าของชิวหรูสุ่ยซีดลง ขณะที่ตกตะลึงอยู่ นางรู้สึกได้ว่าเฟิงอู๋โยวไม่เหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้ ต่อให้เฟิงอู๋โยวจะนึกสงสัยแต่นางก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
ตอนนี้นางเหมือนม้าป่าที่หลุดจากบังเหียน ไร้การควบคุมมากขึ้นเรื่อยๆ
เฟิงอู๋โยวชำเลืองมองชิวหรูสุ่ยในสภาพตื่นตระหนกและพูดอย่างมั่นใจ “หากป้าชิวไปที่ห้องน้ำ จะพบกับศีรษะกลมๆ เล็กๆ สั่นงึกอยู่ตรงขอบหน้าต่างบานเล็กที่ห้องน้ำอย่างแน่นอน ข้าจะบอกเจ้าให้ นั่นแหละคือข้า”
ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงหัวเราะก็ระเบิดขึ้นทั่วท้องพระโรงทันที
ในหัวของขุนนางพลเรือนส่วนใหญ่ในท้องพระโรงปรากฏภาพท่าทางตลกๆ ของเฟิงอู๋โยวที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่
คำอธิบายของเฟิงอู๋โยวชัดเจนเป็นที่สุด
ใบหน้าของเฟิ่งจือหลินเคร่งขรึมลง เขากัดฟันพูด “คนธรรมดาใช้เวลาเข้าห้องน้ำหนึ่งชั่วยามเลยกระนั้นหรือ”
“ช่วงนี้ธาตุไฟแตกซ่าน เวลาเข้าห้องน้ำก็ย่อมนานขึ้น”
เฟิงอู๋โยวแสร้งยิ้มอย่างเคอะเขิน
จี้มั่วจื่อเฉินเชื่อสนิท เขาเดินมาด้านหน้าเฟิงอู๋โยว “มิน่าเจ้าถึงโกรธบ่อย ที่แท้ธาตุไฟแตกนี่เอง ไม่ต้องกังวล วันหลังข้าจะนำชาเก๊กฮวยชั้นเลิศไปส่งให้เจ้าที่เรือน”
เฟิงอู๋โยวพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขณะหันกลับมา ดวงตาทรงกลีบดอกท้อของนางฉายแววเฉียบคมทันที
นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อคืนนี้ ข้าไม่ทันระวังทำจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ของเซ่อเจิ้งหวางหาย เดิมทีคิดว่าถูกคนรับใช้ที่เรือนเอาไป แต่หลังจากเค้นถามกลับไม่มีพิรุธ ขอถือวิสาสะถามป้าชิวเลยแล้วกัน ไม่ทราบว่าเคยเห็นจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์หรือไม่”
“อู๋โยว เจ้าเป็นอะไรไป ไฉนถึงใส่ร้ายแม่”
แววประหลาดใจสะท้อนออกมาตากดวงตาของชิวหรูสุ่ย แต่เสียงของนางยังคงนุ่มนวลดุจน้ำ
เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นอย่างชอบธรรม “ป้าชิวอาจไม่รู้ การซ่อนทรัพย์สินส่วนตัวของเซ่อเจิ้งหวางถือเป็นความผิดร้ายแรง แม้ว่าท่านจะมาจากแคว้นเป่ยหลี แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากโทษประหารนี้ได้ นอกจากนี้ เฟิ่งจือหลินได้ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับข้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงไม่ใช่คนจากตระกูลเฟิงอีกต่อไป หวังว่าป้าชิวจะระวังคำพูด”
ชิวหรูสุ่ยพูดไม่ออก
เวลานี้เปลือกตาของนางกระตุกอย่างรุนแรง
แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์มากก่อน แต่เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวซักถามต่อหน้าขุนนางพลเรือนแบบนี้ ภายในใจย่อมรู้สึกไม่สบายใจกลัวว่าเฟิงอู๋โยววางแผนทำอะไรลับๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงอู๋โยวก็พูดขึ้นตรงๆ “เมื่อคืนนี้ มีใครเห็นข้าปรากฏตัวที่การแสดงของสภาบุหงาหรือไม่ ถ้าไม่ ข้าขอให้ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีคืนความยุติธรรมแก่ข้าด้วย แต่ก่อนหน้านั้น ขอฝ่าบาททรงออกคำสั่งให้ค้นหาจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ที่หายไปอย่างละเอียดด้วยขอรับ”
จี้มั่วอิ้นเหรินที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างเบื่อหน่าย ขณะกำลังจะหยิบขนมอบที่หัวหน้าขันทีส่งมาให้ อยู่ๆ ก็ได้ยินเฟิงอู๋โยวเรียกชื่อเขาขึ้นมา จึงตกใจจนชักมือกลับ
เขากระแอมไอ ปั้นสีหน้าจริงจังและมองไปที่ชิวหรูสุ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เจ้าได้เอาจี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ของเซ่อเจิ้งหวางไปหรือไม่”
“ข้าถูกใส่ร้าย” ชิวหรูสุ่ยส่ายหน้า น้ำตาไหลรินก่อนเอ่ยขึ้น
“จี้แหวนหยกเก้าสวรรค์ล้ำค่ามาก หากถูกเอาไปจริงๆ คงต้องพกติดตัว ฝ่าบาทขอรับ ขอกราบทูลให้สาวใช้ในวังหลวงค้นหาด้วยขอรับ” เฟิงอู๋โยวแสยะยิ้ม ในเมื่อชิวหรูสุ่ยกับเฟิ่งจือหลินรวมหัวกันทำร้ายนาง นางจะไม่มีทางปล่อยไปโดยง่าย
เป่ยถางหลงถิงตบโต๊ะลั่น ไฟโทสะโหมกระพือ “บังอาจ! ตระกูลชิวเป็นตระกูลสำคัญที่อยู่มาตั้งแต่สถาปนาแคว้นเป่ยหลี จะให้ถูกค้นตัวตามอำเภอใจได้เยี่ยงไร”
เฟิงอู๋โยวไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย นางโต้กลับไป “เท่าที่ข้ารู้ ตระกูลชิวเป็นเพียงนางบำเรอแห่งกรมทหาร ต่อมาเนื่องจากวีรกรรมอันกล้าหาญที่โดดเด่นของบุตรชายทำให้นางถูกเลื่อนขั้นเป็นนางสนมขั้นที่สองจนมีศักดิ์เทียบเท่าภรรยาเอกของเจ้ากรมทหาร บัดนี้ บุตรชายของผู้อ่อนโยนของนางอย่างข้าถูกเนรเทศแล้ว ชื่อเสียงของนางในตอนนี้คงใช้ไม่ได้ผลแล้วกระมัง”
เฟิ่งจือหลินโกรธจัด เขาถลึงตาด่าทอเฟิงอู๋โยว “ไอ้ลูกทรพี!”
ใบหน้าของชิวหรูสุ่ยกึ่งเขียวกึ่งแดง นางเกลียดที่คนอื่นพูดถึงสถานะของตัวเอง นึกไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะตั้งใจพูดถึงนางในฐานะนางบำเรอต่อที่สาธารณะอย่างดูถูกดูแคลนเช่นนี้
ขณะตกตะลึง น้ำตาของชิวหรูสุ่ยก็ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้นางถูกเฟิงอู๋โยวทำให้ขายหน้า จึงร้องไห้อย่างหนัก
เฟิงอู๋โยวยิ้มยิงฟันและเดินมากระซิบข้างหูนาง “ก็แค่ความจริงไม่กี่คำ แต่เจ้ารับไม่ได้แล้วหรือ ชิวหรูสุ่ย จงฟังให้ดี นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”