ตอนที่ 304 หยุนเฟยไป๋มาที่เรือนฟางฮว๋าอีกครั้ง
ณ เรือนฟางฮว๋า ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง
จวินฝูรับโอสถสงบครรภ์มาจากแม่นมหวางอย่างไม่เต็มใจ นางย่นจมูกและพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ดื่มเจ้าสิ่งนี้จะมีประโยชน์อะไร ข้าไม่กิน!”
แม่นมหวางพยายามเกลี้ยกล่อมนาง “ท่านหญิงเจ้าคะ ท่านต้องใส่ใจกับสุขภาพร่างกาย หากสามารถมีทายาทตัวน้อยแห่งราชวงศ์ให้แคว้นหยุนฉินได้ ท่านหญิงจะมั่นคั่งไปตลอดชีวิต”
“อย่าพูดถึงเขาต่อหน้าข้า!”
จวินฝูคว่ำปากอย่างหงุดหงิดแต่ก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง นางดื่มโอสถสงบครรภ์ในถ้วยจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือสักหยด
เมื่อเห็นเช่นนี้แม่นมหวางก็โล่งใจ จากนั้นก็ส่งชาร้อนหนึ่งแก้วให้จวินฝูอีก “บ้วนปากเพื่อกำจัดรสขมในปากเจ้าค่ะ”
จวินฝูบ้วนปากอย่างเอื่อยเฉื่อย จากนั้นก็พูดอย่างหดหู่ “มันดึกแล้ว แม่นมไปพักผ่อนได้แล้ว”
แม่นมหวางตอบรับ นางเป่าตะเกียงน้ำมันดับและเพิ่งออกจากห้องนอนของจวินฝู หยุนเฟยไป๋ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในห้องของจวินฝูอีกครั้งราวกับผี
หลังจากสูญเสียตราพยัคฆ์แห่งแคว้นหยุนฉิน ในอกเขาก็ร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟสุม
นอกจากนี้ ตอนที่จับเฟิงอี้ได้ จวินมั่วหรันก็เข้ามาขวางมือขวางเท้า ยิ่งทำให้เขาไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้นเขาจึงมาระบายไฟโทสะที่อัดแน่นอยู่เต็มอกใส่จวินฝู
หยุนเฟยไป๋ฉีกผ้าม่านด้านหน้าเตียง โน้มตัวไปข้างหน้าและดึงตัวจวินฝูเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“อ๊าย! หยุนเฟยไป๋ ไอ้สารเลว!”
จวินฝูกรีดร้องเสียงหลง การกระทำอย่างฉับพลันของหยุนเฟยไป๋ทำนางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
เพี้ยะ!
หยุนเฟยไป๋ตบจวินฝูด้วยหลังมือก่อนพูดอย่างเยือกเย็น “หน้าที่ของเจ้าคือหลับนอนร่วมเตียง ไฉนต้องขัดขืน หรือว่าในใจของเจ้ายังคิดถึงพี่ชายของตัวเองอยู่!”
น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของจวินฝู ริมฝีปากสั่นสะท้านเล็กน้อย เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าตีข้าอีกแล้ว!”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระและนอนอยู่เฉยๆ!”
“…”
จวินฝูสัมผัสถึงความรักของหยุนเฟยไป๋ไม่ได้แม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าหยุนเฟยไป๋ใช้นางเป็นเครื่องมือในการระบายความโกรธ
ในกรณีคนทั่วไป หากรู้ว่าสตรีของตนกำลังตั้งครรภ์ พวกเขาจะทะนุถนอมไว้ในอุ้งมือ
แต่สำหรับชีวิตอันทุกข์เข็ญของนาง ทั้งที่ตั้งครรภ์แต่กลับต้องทนทุกข์กับการทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม
หลังจากความโกรธของหยุนเฟยไป๋หายไป เมื่อเห็นว่าจวินฝูยังคงร้องไห้อยู่ เขาก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา จึงเอื้อมมือข้างหนึ่งไปกระชากผมสีดำของนาง “รู้สึกว่าถูกรังแกมาก?”
“หยุนเฟยไป๋ ขืนเจ้าทรมานข้าแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ข้าต้องตายแน่นอน
“เจ้าต้องรับความรักที่ข้ามอบให้ไปตลอดชีวิต” หยุนเฟยไป๋เน้นย้ำทีละคำ สีหน้าเยือกเย็นไร้แววสงสาร
ความหวั่นกลัวสะท้อนออกมาจากดวงตาของจวินฝู นางกลัวจนตัวสั่น
ตอนนี้ อยู่ๆ นางก็ไม่ต้องการอำนาจและความมั่งคั่งแห่งราชวงศ์แล้ว นางแค่ต้องการอาศัยอยู่ที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางและเป็นท่านหญิงเอ้อละเหยตลอดไป
น่าเสียดาย ก้าวผิดหนึ่งก้าว ก้าวต่อไปย่อมผิด!
ตอนนี้เกรงว่านางคงไม่อาจหลุดพ้นจากหยุนเฟยไป๋ได้แล้ว
หยุนเฟยไป๋จ้องมองจวินฝูในสภาพตื่นกลัวอย่างเย็นชา แต่แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกขยะแขยง
จริงๆ แล้ว ใบหน้าของจวินฝูถือว่าสวยงามมีเสน่ห์ทีเดียว
แต่ทันทีที่หยุนเฟยไป๋นึกถึงใบหน้าเจือความทะเล้นเจ้าเล่ห์ของเฟิงอู๋โยว อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าอันสะสวยของจวินฝูดูธรรมดาไปถนัดตา
เขาลุกจากเตียงอย่างไม่สนใจ ค่อยๆ จัดระเบียบเสื้อผ้า “เจ้าคิดว่าเฟิงอู๋โยวเหมือนสตรีหรือไม่”
“จะเป็นไปได้เยี่ยงไร!”
จวินฝูส่ายหน้าและพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “หากเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีจริงๆ ใครจะกล้าอภิเษกสมรสกับนาง”
“นางหน้าโง่”
หยุนเฟยไป๋มองจวินฝูอย่างเย็นชา แล้วถามนางกลับ “เจ้าไม่เคยฉุกคิดมาก่อนหรือว่าเหตุใดพี่ชายของเจ้าถึงชอบเฟิงอู๋โยวขนาดนั้น ในใต้หล้านี้ บุรุษที่ชอบบุรุษด้วยกันมีไม่มากนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จวินฝูก็ตกตะลึงเล็กน้อย
พูดตามตรง ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเฟิงอู๋โยวสวยงามมาก หากนางประพฤติตัวสำรวมกว่านี้ นางก็จะดูเหมือนสตรีจริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้นจวินฝูก็ยังไม่เชื่อว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีอยู่ดี
เพราะเวลาเฟิงอู๋โยวทำตัวอันธพาลขึ้นมา ทั่วใต้หล้านี้ก็ไม่มีใครเทียบได้
จวินฝูจำได้ลางๆ ว่า เฟิงอู๋โยวเคยถอดเสื้อของนางออกและทำตัวอาธพาลขึ้นมา
“ถ้าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรี นางจะดำรงตำแหน่งแม่ทัพแห่งแคว้นเป่ยลี่ได้เยี่ยงไร” จวินฝูนึกไม่ออกว่าสตรีหนึ่งคนจะประสบความสำเร็จในค่ายทหารได้
หรือนางไม่มีประจำเดือน
หรือนางไม่เคยอาบน้ำในค่ายทหาร
หยุนเฟยไป๋ส่ายหน้า แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าจวินฝูโง่เหมือนหมูจริงๆ
มองไม่เห็นความคล้ายคลึงของจวินมั่วหรันบนตัวของนางเลยแม้แต่น้อย
เขาสงสัยยิ่งนักว่าจวินฝูเป็นน้องสาวของจวินมั่วหรันจริงๆ ใช่หรือไม่
หลังจากสงบสติอารมณ์ลง หยุนเฟยไป๋ก็กดเสียงต่ำพูด “ตอนงานแสดงของสภาบุหงา เจ้าไม่คิดว่าสตรีผ้าปิดหน้าที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนพี่ชายของเจ้าดูคุ้นๆ หรอกหรือ”
จวินฝูพยายามนึกโครงร่างของสตรีผ้าปิดหน้าอย่างละเอียด ทันใดนั้นรูม่านตาก็หดลงฉับพลันและอุทานขึ้นอย่างตกใจ “โครงร่างของสตรีผ้าปิดหน้าคนนั้นค่อนข้างคล้ายกับเฟิงอู๋โยว หรือว่าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีจริงๆ”
“ใช่หรือไม่ ต้องลองถึงจะรู้”
“จะลองเยี่ยงไร ท่านพี่ปกป้องเฟิงอู๋โยวเป็นอย่างดี ซ้ำยังส่งทหารองครักษ์เงาไปที่เรือนแพทย์พยากรณ์เพื่อปกป้องนาง” จวินฝูขมวดคิ้วและถอนหายใจอย่างใจหาย จากนั้นจึงพูดขึ้นต่อ “นอกจากนี้ เฟิงอู๋โยวยังคล่องแคล่วว่องไวเป็นพิเศษ ต่อให้ต่อสู้ระยะประชิดกับท่านพี่ ก็ใช่ว่าเขาจะแพ้”
ทหารองครักษ์เงาไม่ได้อยู่ในสายตาของหยุนเฟยไป๋แม้แต่น้อย
เท่าที่เขารู้ คืนนี้ ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่เพียงแต่รมควันสลบเหล่าคนใช้ในเรือนแพทย์พยากรณ์ แต่ยังทำให้ทหารองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ สลบอีกด้วย
มองจากมุมนี้ ทำให้รู้ว่าทหารองครักษ์เงาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด
แต่หารู้ไม่ ใช่ว่าทหารองครักษ์เงาไม่แข็งแกร่ง เพียงแต่ไป๋หลี่เหอเจ๋อนั้นแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก
ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ไป๋หลี่เหอเจ๋อสามารถดำรงตำแหน่งราชครูแห่งแคว้นตงหลินได้อย่างมีเสถียรภาพ ดังนั้นจึงไม่ควรประเมินความสามารถพิเศษของเขาต่ำเกินไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเฟยไป๋ก็พูดขึ้นเสียงเย็น “งานเลี้ยงบัณฑิตในวันพรุ่งนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการทดสอบเฟิงอู๋โยว”
“จะทดสอบเยี่ยงไร”
จวินฝูว้าวุ่นใจมาก ถ้าเฟิงอู๋โยวเป็นสตรีขึ้นมาจริงๆ นางจะทำให้เฟิงอู๋โยวต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน จะต้องหาทางทำให้เฟิงอู๋โยวถูกชายอัปลักษณ์น่าขยะแขยงทั่วใต้หล้าผลัดกันเล่นสนุก
หยุนเฟยไป๋กวักนิ้วเรียกจวินฝู จากนั้นก็กระซิบข้างหูของนาง “ไม่ยอมเสียลูกก็ไม่ได้หมาป่า[1] ต้องเสียสละสตรีข้างกายสักหนึ่งถึงสองคนเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ จำเป็นต้องโยนความผิดให้เฟิงอู๋โยวต่อหน้าผู้คนในงานเลี้ยงบัณฑิต ทำให้นางหมดหนทางโต้แย้ง แล้วค่อยล่ามโซ่ส่งนางลงนรก”
หยุนเฟยไป๋คิดว่าขอแค่เฟิงอู๋โยวถูกส่งไปที่ศาลต้าหลี่ เขาก็จะมีโอกาสลงมือกับนาง
เขาจะทำให้นางเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีขโมยตราพยัคฆ์แห่งแคว้นหยุนฉิน
จวินฝูพยายามทำความเข้าใจใจความที่หยุนเฟยไป๋ต้องการจะสื่อ นางรู้ดีว่ากำลังถูกหยุนเฟยไป๋หลอกใช้อยู่
แต่ว่าสุดท้ายแล้วนางกับหยุนเฟยไป๋จะได้สิ่งที่ต้องการเหมือนกัน
และไม่มีใครเสียเปรียบไปมากกว่ากัน
[1]ไม่ยอมเสียลูกก็ไม่ได้หมาป่า หมายถึงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนในราคาที่เท่ากันกัน