ตอนที่ 305 เฟิงอู๋โยวทำตัวเป็นดอกซิ่งแดงออกกำแพง
วันต่อมา ณ เรือนแพทย์พยากรณ์
แสงแดดรุ่งอรุณส่องผ่านหน้าต่างไม้แกะสลัก ครั้นตกกระทบร่างของเฟิงอู๋โยวก็กลายเป็นแสงเรืองรอง
ด้านนอกห้อง จวินมั่วหรันยืนตัวตรงอยู่ที่ประตู สวมขุนนางทรงสูงเรียบร้อย โครงหน้าคมคายเด่นชัด ท่าทางงามสง่า
ก๊อกๆๆ
เขาเคาะประตูเบาๆ น้ำเสียงเจือความเกียจคร้านตามเป็นธรรมชาติ “อู๋โยว ตื่นหรือยัง”
ด้านในห้อง ไป๋หลี่เหอเจ๋อลืมตาทั้งสองข้างมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังนอนหลับน้ำลายไหลอยู่
ในพริบตา แววความเหินห่างจางๆ บนใบหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความเอ็นดูอย่างอย่างไม่รู้จบ
เขาพลิกตัวเฟิงอู๋โยวที่กำลังนอนกอดอกและชันขาไขว่ห้างอย่างเบามือ จากนั้นก็ขยับนางขึ้นมานอนบนตัวเขาต่อ
เนื่องจากเฟิงอู๋โยวเป็นทหารรับจ้าง การระมัดระวังตัวของนางจึงสูงกว่าคนทั่วไปมาก
แต่อย่างไรก็ตาม พิษที่ตกค้างในร่างกายของนางยังไม่สลายไป พิษที่สะสมมาหลายปีส่งผลกระทบต่อร่างกายของนางอย่างมาก
ไม่กี่วันมานี้ นางได้หยุดใช้โอสถสำหรับคงสภาพลูกกระเดือกที่ชิวหรูสุ่ยส่งมาให้ เดิมทีคิดว่าพิษในร่างกายคงถูกกำจัดออกอย่างช้าๆ ไปตามเวลา
แต่ไม่คิดว่าหลังจากหยุดกินโอสถ นางก็เอาแต่นอน อีกทั้งการระวังตัวก็ลดลงอย่างมาก
เฟิงอู๋โยวหลับตาสนิท ยื่นมือออกไปอย่างเอื่อยเฉื่อย เปิดคอเสื้อของไป๋หลี่เหอเจ๋อออกอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็แกะแผลที่ตกสะเก็ดบนร่างกายของเขาอย่างไม่รู้ตัว
คิ้วเรียวสวยของไป๋หลี่เหอเจ๋อขมวดเล็กน้อย ความเจ็บปวดบนร่างกายทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เดิมทีเขาต้องการปัดมือที่อยู่ไม่สุขของเฟิงอู๋โยวออกไป แต่เมื่อหลุบตามองรอยเลือดบนเสื้อผ้าของเขา อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจ
เลือดทุกหยดจะต้องไม่เสียเปล่า
จวินมั่วหรันรออยู่ด้านนอกประตูมาสักพักแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบจากด้านในห้อง ในใจก็คิดว่าเฟิงอู๋โยวคงยังไม่ตื่น
“ต้องการให้ข้าช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไม่”
มุมปากของจวินมั่วหรันรั้งขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสุข
ไม่ทันรอเฟิงอู๋โยวตอบกลับ จวินมั่วหรันสลัดชายแขนเสื้อสีหมึก ยื่นมือเรียวยาวดุจหยกไปเปิดประตูห้อง
แสงสีทองอันอบอุ่นด้านนอก ส่องนำหน้าจวินมั่วหรันเข้าไปปกคลุมภายในห้องอันเงียบสงบและมืดสลัว
ทันทีที่จวินมั่วหรันเพิ่งจะก้าวเข้าไปในห้อง เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ภายในห้อง บรรยากาศอลหม่านคล้ายมีอยู่หลายคน…
หนึ่ง สอง สาม…แปด!
จวินมั่วหรันตกใจ ไฉนถึงมีคนเจ็ดคนอยู่ในห้องของเฟิงอู๋โยว
หรือว่าเป่ยถางหลงถิงได้อาศัยจังหวะตอนที่เขาไม่อยู่มาหาเรื่องเฟิงอู๋โยวอีก
แต่เขาได้ส่งทหารองครักษ์เงาหลายคนมาเฝ้าระวังแล้ว หากเฟิงอู๋โยวตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะมารายงานทันที
สีหน้าของจวินมั่วหรันแน่นิ่ง เขาคิดในใจว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ในห้อง ครั้นแล้วสัญญาณเตือนภัยในตัวเขาก็ดังขึ้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็เอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปเปิดม่าน ส่วนอีกข้างก็จับด้ามกระบี่สะบั้นมังกรที่เหน็บอยู่ที่เอวและรีบวิ่งไปในห้องทันที
ทว่าเขากลับไม่คิดไม่ฝันว่าภาพฉากภายในห้องจะกลายเป็นอีกอย่าง
ด้านหน้าเตียงมีบุรุษรูปงามนอนเกลื่อนพื้น
เสื้อผ้าของพวกเขาใส่ไม่ครบชิ้น เสื้อคลุมสีแดงคลุมร่างกายอย่างหลวมๆ คอเสื้อเปิดกว้างเผยให้เห็นกล้ามหน้าอกอันกำยำ
ภาพอันเย้ายวนตกกระทบลงบนม่านตา
ท่อนขาเรียวงามดั่งหยกพาดทับกันไปมา
เหล่าบุรุษใต้เตียงละเมอพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์เป็นระยะ น้ำเสียงยั่วสยิวเข้ากระดูก
รูม่านตาสีดำประกายทองของจวินมั่วหรันพลันหดลง ทันใดนั้น ขาของเขาก็ยืนไม่มั่นคงจนเกือบจะล้มลง
สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ยิ่งกว่านั้นก็คือมือขนาดใหญ่ที่เห็นเลือดเนื้อและกระดูกอย่างชัดเจนค่อยๆ ยื่นออกมาจากผ้าม่านคลุมเตียง
จวินมั่วหรันมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่มือของเฟิงอู๋โยวอย่างแน่นอน
เสี้ยวพริบตาต่อมา ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็โผล่ศีรษะครึ่งหนึ่งออกจากผ้าม่าน ดวงตาเจือแววสะลึมสะลือ “ลดเสียงลงหน่อย เมื่อคืนอู๋โยวเหนื่อยมาก ปล่อยให้นางได้นอนต่อสักพัก”
“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ!”
สีหน้าของจวินมั่วหรันมืดมิดราวกับก้นหม้อ รังสีอำมหิตรอบทั่วโหมกระพือ ทันใดนั้น เขาก็ฟาดฝ่ามือไปที่จุดตายบนหน้าอกของไป๋หลี่เหอเจ๋อทันที
ฉึบ!
ผ้าม่านด้านหน้าเตียงถูกฝ่ามือวายุอันรุนแรงเฉียบคมของจวินมั่วหรันฟันขาด ผมดำสนิทยาวประบ่าของไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกตัดไปหนึ่งปอยเล็กๆ
ในชั่วพริบตา ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ดึงผ้าห่มที่คลุมอยู่บนร่างของเฟิงอู๋โยวขึ้นมาป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหันของจวินมั่วหรัน
ในพริบตาเดียว ผ้าห่มผืนบางลายดอกบัวสีเขียวปักดิ้นไหมสีเงินก็ถูกฝ่ามือวายุของจวินมั่วหรันทำลายจนเป็นรูพรุน
นุ่นในผ้าห่มแตกกระจายไปทุกทิศทุกทาง
เฟิงอู๋โยวยื่นมือออกมาลูบคลำไปร่างกายของไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างไม่ถูกเวลา “มั่วหรัน ข้าหนาว”
น่าเสียดายที่จวินมั่วหรันกำลังโกรธจัดจนไม่ได้ยินเสียงพูดอู้อี้ของเฟิงอู๋โยว
สายตาของเขามองไปที่มือเล็กเรียวของเฟิงอู๋โยวที่วางอยู่บนตักของไป๋หลี่เหอเจ๋ออยู่นานอย่างไม่อาจตั้งสติกลับคืนมาได้
ขณะที่เฟิงอู๋โยวกำลังจะเลื่อนมือขึ้นไปตามร่างกายของไป๋หลี่เหอเจ๋อ ในที่สุดจวินมั่วหรัน ก็ทนไม่ไหว
เขาก้าวไปข้างหน้าและออกฝ่ามือใส่ไป๋หลี่เหอเจ๋อจนตกจากเตียง
ในเวลาเดียวกัน เฟิงอู๋โยวก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
ทันทีที่นางลืมตาขึ้น ก็พบว่าจวินมั่วหรันกำลังจ้องมองนางด้วยความโกรธ
“ใครยั่วโมโหเจ้าอีก ดูท่าทางดุๆ ของเจ้าสิ น่ากลัวชะมัด”
นางโน้มตัวไปหาเขาโดยไม่รู้ตัว มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็เผยอปากออกมาและมอบจูบอรุณสวัสดิ์อันแสนหวานให้เขา
ภายในใจของจวินมั่วหรันเต็มไปด้วยความโกรธ เขาปัดมือทั้งสองข้างของนางออกอย่างหยาบคาย ในดวงตาอันแน่นด้วยไฟโทสะ
“ริมฝีปากนี้ได้จูบกับชายอื่นหรือไม่”
จวินมั่วหรันจับคางของนางและใช้ปลายนิ้วหยาบกระด้างถูริมฝีปากของนางอย่างไร้แววทะนุถนอม
“เจ้าพูดจาซี้ซั้วอะไรเนี่ย”
เฟิงอู๋โยวสับสนกับคำถามอันรุนแรงของเขา นางลุกขึ้นนั่ง และพบว่าชุดของนางเปื้อนเลือด
นางแปลกใจว่าเมื่อคืนนี้ยุงดูดเลือดนางไปมากขนาดนั้นเชียวหรือ แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นเหล่าบุรุษในชุดยับเยินใต้เตียง นางก็ถึงกับกรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของจวินมั่วหรันก็ฉายแววสงสัย เขาพยายามระงับความโกรธในใจลงและถามขึ้นเสียงขรึม “เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อค่อยๆ ลุกขึ้น และจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างช้าๆ ต่อหน้าเฟิงอู๋โยว “อู๋โยว ข้าผู้นี้กลายเป็นของเจ้าแล้ว อย่าได้หลงลืม”
ขณะที่เฟิงอู๋โยวกำลังจะเถียงกลับไป ทันใดนั้นภาพที่ไม่คุ้นเคยก็แวบเข้ามาในหัวของนาง
เชี่ย!
เมื่อคืนนางทำอะไรกับไป๋หลี่เหอเจ๋อลงไป
มือทั้งสองข้างยกขึ้นกุมขมับ ในหัวของเฟิงอู๋โยวมีแต่ภาพของตัวเองกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ!
อยู่ๆ ก็ปวดหัวขึ้นมาตุบๆ
สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเหมือนก้างติดคอ นางเองไม่รู้เช่นกันว่าตัวเองถึงมาอยู่ตรงนี้อย่างไม่รู้ตัวได้เยี่ยงไร