เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 314 กำแพงสั่นคลอน ผู้คนช่วยกันผลัก[1] ตอน

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 314 กำแพงสั่นคลอน ผู้คนช่วยกันผลัก[1] / ตอนที่ 315 เจ็บปวดถึงตาย

ตอนที่ 314 กำแพงสั่นคลอน ผู้คนช่วยกันผลัก[1]

พระเนตรดั่งนกการเวกของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน หรี่มองพินิจเฟิงอู๋โยวที่รูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าหล่อเหลา

แม้ว่านางจะอาศัยอยู่ในวังหลวงชั้นในและเข้าฌานปฏิบัติธรรมเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นตงหลิน

ในความคิดขอนาง มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าเฟิงอู๋โยวจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นเป่ยหลีส่งมา

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง พระพันปีหลวงเห่อเหลียนก็ลดพระเนตรลงเล็กน้อย ใช้ปลอกนิ้วเขี่ยฟองในน้ำชาออก แล้วตรัสถามเฟิงอู๋โยวอย่างใจเย็น “อายุเท่าใด”

“สิบเจ็ดพะย่ะค่ะ”

“มีนางสนม นางบำเรอในเรือนหรือไม่”

เฟิงอู๋โยวคิ้วขมวด นางกลัวว่าพระพันปีหลวงเห่อเหลียนจะยัดเยียดคนเข้ามาในเรือนนางอีก จึงรีบพูดขึ้น “มีนายบำเรออยู่แล้วหกคนพะย่ะค่ะ”

“มนุษย์ย่อมเต็มไปด้วยวีรกรรมยามวัย”

พระพันปีหลวงเห่อเหลียนทรงตรัสขึ้นแบบกึ่งพอใจกึ่งไม่พอใจกับคำตอบของเฟิงอู๋โยว

นางรำพันในใจว่าจวินมั่วหรันคงไม่มีทางหลงรักบุรุษรูปงามที่เจ้าชู้หลายใจแบบนี้ได้

ดังนั้น จี้มั่วจื่อหยวนยังพอมีโอกาสอภิเษกสมรสกับเซ่อเจิ้งหวางอยู่

อย่างไรก็ตาม เดิมทีนางคิดจะส่งสตรีผู้เลอโฉมสักสองสามคนไปให้เฟิงอู๋โยวจริงๆ โดยหวังว่าจะใช้สายตาของพวกนางเฝ้าดูเฟิงอู๋โยว

แต่เฟิงอู๋โยว มีนายบำเรออยู่แล้วหกคน พระพันปีหลวงเห่อเหลียนจึงไม่อยากยัดเยียดคนไปให้เฟิงอู๋โยวอย่างโจ่งแจ้ง

ครั้นความปรารถนาภายในใจของพระพันปีหลวงไม่สมหวัง นางจึงตรัสอย่างหน่ายอารมณ์ “งานเลี้ยงบัณฑิตใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนจงกลับไปประจำที่โดยเร็ว”

“พะย่ะค่ะ”

เฟิงอู๋โยวตอบรับเสียงทุ้ม แต่สายตาของนางยังคงจ้องไปที่จวินมั่วหรัน

จวินมั่วหรันรู้สึกโกรธอยู่ในใจและยังคงดูเย่อหยิ่งไม่แยแส

ขนาดเรื่องแบบนั้นยังทำได้ลง แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก

แต่สิ่งที่เขาใส่ใจก็คือ ไม่นึกว่าเฟิงอู๋โยวจะกล้าพูดถึงนายบำเรอทั้งหกคนในเรือนต่อหน้าทุกคนอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้

เขาคิดว่าตัวเองไร้ตัวตนสำหรับนาง ทั้งที่อยากจะชิดใกล้ แต่กลับถูกนางตบอย่างไม่คาดคิด นอกจากนี้ยังมีพวกปีศาจจิ้งจอกจอมอวดดีทั้งหกคนที่ได้เหยียบเท้าเข้าห้องนอนก่อนเขาหนึ่งก้าว ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา

ในสถานการณ์แบบนี้ คงเป็นเรื่องแปลกหากเขาทำตัวสนใจเฟิงอู๋โยว

เมื่อเห็นว่าท่าทางของจวินมั่วหรันที่มีต่อเฟิงอู๋โยวเริ่มเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าขุนนางพลเรือนต่างก็คิดว่าเฟิงอู๋โยวไม่ได้เป็นคนโปรดของจวินมั่วหรันอีกต่อไป

ดังนั้น เหล่าขุนนางที่รับราชการมาหลายปีแต่ยศฐายังต่ำต้อยก็เริ่มกล้าวิจารณ์และพูดโจมตีเฟิงอู๋โยวอย่างไม่มีการยับยั้งชั่งใจ

“แม่ทัพรากหญ้าที่อาศัยความงามของตัวเองไต่เต้าเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้ไม่มีใครให้ท้ายแล้ว เกรงว่าก้าวต่อไปคงเดินลำบาก”

“ใช่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าใบหน้าทรงเสน่ห์ ในเรื่องของความสามารถ เด็กเหลือขออย่างเฟิงอู๋โยวหรือจะมาเทียบกับพวกเราได้”

“ข้าคิดว่า ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องเสียตำแหน่งแม่ทัพทหารม้าไปอย่างแน่นอน”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังระงม

ฮั่วฉี่ที่นั่งถัดจากเฟิงอู๋โยวเกิดโมโหขึ้นมา เขาถลึงตากว้างและพูดอย่างเดือดดาล “ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ย่อมมิอาจยกโทษให้ได้_”

เฟิงอู๋โยวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “นายพลฮั่วอย่าโกรธเลย ไฟโทสะอันตรายต่อตับ[2]“

นางสนใจแต่ท่าทีของจวินมั่วหรันเท่านั้น ตอนนี้ คำพูดของคนอื่นไม่สามารถทำร้ายนางได้

แม้ว่าจวินมั่วหรันจะไม่ได้คุยกับนาง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พูดให้ร้ายนาง

ด้วยเหตุนี้ เฟิงอู๋โยวจึงพอใจมาก

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงประกาศดังมาจากด้านนอกท้องพระโรงแห่งตำหนักพระที่นั่งสูงสุด “องค์ฮ่องเต้เสด็จ…”

ทุกคนทยอยลุกขึ้นและร้องตะโกนพร้อมกัน “ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

เฟิงอู๋โยวยืนขึ้นพรวด แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกปวดท้องแปลบๆ ขึ้นมาฉับพลัน นางเจ็บปวดมากจนไม่สามารถยืดตัวตรงได้ ดังนั้นนางจึงหลบอยู่ข้างหลังฮั่วฉี่ในสภาพกึ่งทรุดตัวลงและใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าท้องไว้แน่น

จวินมั่วหรันขมวดคิ้วมองเฟิงอู๋โยวอย่างสงสัย

หรือว่าอาการปวดท้องของนางกำเริบขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาสีดำประกายทองของเขามองเฟิงอู๋โยวในสภาพหน้าซีดและก้มหน้าหลุบตาต่ำท่ามกลางผู้คนอย่างไม่ละสายตา

“ซืด…”

ความเจ็บปวดรวดร้าวกำเริบขึ้นมาอีกระลอก ปวดจนเฟิงอู๋โยวซี้ดปาก เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

ตอนที่ 315 เจ็บปวดถึงตาย

ในเวลาเดียวกัน เย่เชี่ยวในสภาพเพิ่งตื่น ผมยุ่งเป็นรังนก รีบตะบึงมาให้ทันงานเลี้ยงและไม่ทันระวังชนเข้ากับเฟิงอู๋โยวอย่างจัง

เย่เชี่ยวกุมหน้าผากบ่นอุบอย่างไม่พอใจ “เจ้าชนข้า เจ็บชะมัด!”

หลังจากโดนเย่เชี่ยวกระแทก เฟิงอู๋โยวก็ทรุดลงกับพื้น

แววตาของนางหม่นลง และพยายามออกแรงลุกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เย่เชี่ยวรู้สึกผิดขึ้นมา จึงรีบพูดขึ้น “แม่ทัพเฟิง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

ขณะพูด เย่เชี่ยวก็ยื่นมือออกไปพยุงเฟิงอู๋โยว

แต่จี้มั่วจื่อเฉินเข้าใจผิดคิดว่าเย่เชี่ยวตั้งใจก่อปัญหา ดังนั้นเขาจึงกระชากสาบเสื้อด้านหน้าเย่เชี่ยวและเหวี่ยงนางลงไปบนพื้น “เย่เชี่ยว ข้าผู้นี้ไม่เคยทำร้ายสตรี แต่เจ้ากระทำเกินไป!”

“ไอ้คนลามกตัณหากลับ!”

เย่เชี่ยวกระโดดดีดตัวขึ้นมาจากพื้นพลางส่งเสียงโอดโอย

นางยกมือทั้งสองข้างบังหน้าอกอย่างมิดชิด และมองจี้มั่วจื่อเฉินอย่างขุ่นเคืองใจ “จี้มั่วจื่อเฉิน ไฉนต้องจู่โจมหน้าอกของข้า!”

จี้มั่วจื่อเฉินประคองเฟิงอู๋โยวอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ผลักเย่เชี่ยวอีกครั้ง “เป็นอะไร ถ้าเจ้ากล้า ลูบคลำของข้ากลับก็ได้”

“เจ้า!”

เย่เชี่ยวรู้สึกอับอายและโกรธจัด ทำเอานางแทบอยู่ไม่สุข

“ครั้งหน้า หากริอาจทำตัวอวดเบ่งรังแกผู้อื่นต่อหน้าข้าอีก ข้าจะหามเจ้ากลับตำหนักและทุบหน้าอกเจ้าเป็นพันๆ ครั้ง!”

“ข้าขอสู้เจ้าสุดตัวเลยแล้วกัน!”

เย่เชี่ยวโกรธจัด นางกัดฟันและพุ่งไปหาจี้มั่วจื่อเฉินทันที

ชั่วพริบตาต่อมา ทั้งสองคนก็ล้มลงไปบนพื้นเสียงดังโครมคราม ต่อสู้กันอุตลุด ท่าทาง…แลดูไม่สำรวมเอาเสียเลย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดึงดูดความสนใจของทุกคน

แม้แต่จี้มั่วอิ้นเหรินก็ยังมองดูจี้มั่วจื่อเฉินกับเย่เชี่ยวที่กำลังต่อสู่นัวเนียกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยอยู่บนพื้นกระเบื้องด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น พวกเขาทั้งสองดูเหมือนอสรพิษสองตัวกำลังเกี้ยวพาราสีกันก็มิปาน

“จี้มั่วจื่อเฉิน เจ้ากำลังกดท้องข้าอยู่!”

เย่เชี่ยวกรีดร้องด้วยความตกใจ นางตบหน้าจี้มั่วจื่อเฉินไปหลายครั้ง

“เย่เชี่ยว! หากเจ้ากล้าแตะต้องใบหน้าของข้า ข้าจะตีเจ้าให้ร้องไห้อย่างแน่นอน!”

จี้มั่วจื่อเฉินพูดขู่ เขาเพิ่งจะถกแขนเสื้อขึ้น แต่ขณะกำลังจะจับเย่เชี่ยวกดพื้นและตบนาง อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าการทุบตีสตรีเป็นการกระทำที่เสื่อมทรามเกินไป

ขณะที่เขากำลังสับสนอยู่นั้น เย่เชี่ยวก็ฉวยโอกาสกุมความได้เปรียบ

นางคร่อมคอของเขาอย่างประเจิดประเจ้อ รัดศีรษะของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกำหมัดแน่น แล้วชกเข้าใบที่ใบหน้าของจี้มั่วจื่อเฉินหลายครั้งติดกัน

เมื่อเห็นเช่นนี้ ความโกรธภายในใจของจวินมั่วหรันก็สลายไปอย่างอธิบายไม่ถูก

กลับกลายเป็นว่า เมื่อสตรีคนอื่นโกรธจัด พวกนางกลับแข็งแกร่งกว่าเฟิงอู๋โยวเสียอีก

ตอนนี้ เขารู้สึกยินดีขึ้นมาในใจเล็กน้อย

โชคดีที่เฟิงอู๋โยวตบเขาแค่หนึ่งครั้ง ไม่เหมือนเย่เชี่ยวที่ทำกับจี้มั่วจื่อเฉิน นางงัด “หมัดเท้าปักบุหงา[3]” ออกมาใช้ทุกกระบวนท่า

ตอนนี้ เฟิงอู๋โยวกำลังนั่งพิงโต๊ะสุราอยู่ เนื่องจากอาการปวดท้องที่ทวีความรุนแรงขึ้น นางจึงไม่มีแรง

นางยกมือข้างหนึ่งจับชีพจรของตัวเอง ทำให้รู้ว่าอาการปวดท้องไม่ได้เกิดจากโรคเก่า แต่เกิดจากฤทธิ์อันรุนแรงของโอสถคุมกำเนิดที่จวินมั่วหรันบังคับให้นางดื่ม เป็นเหตุให้เจ็บปวดจนถึงชีวิต

เจ้าจวินมั่วหรันสมควรตาย!

ทั้งที่นางไม่ได้ตั้งครรภ์แต่กลับจับนางกรอกโอสถ!

เขาไม่กลัวนางตายหรือกระไร

เฟิงอู๋โยวขบริมฝีปากล่างและหันขวับกลับไปถลึงตาใส่จวินมั่วหรัน

เมื่อถูกเฟิงอู๋โยวถลึงตาใส่ จวินมั่วหรันก็รู้สึกไม่เข้าใจ

แต่เมื่อเขาเห็นขอบตาที่แดงเรื่อกับใบหน้าซีดเซียวของนาง อยู่ๆ ก็รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของนางขึ้นมา

“รีบไปตามกู่หนานเฟิงให้เข้ามาที่วังหลวงโดยเร็ว”

จวินมั่วหรันกำชับจุยเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ขอรับ”

จุยเฟิงตอบรับด้วยความเคารพ ขณะกำลังจะจากไป ก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ครั้นจึงถามจวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้าขอรับ ควรจัดการกับเถี่ยโส่วเยี่ยงไรขอรับ”

“ดื่มปัสสาวะสิบจินก็พอ”

จวินมั่วหรันตอบกลับอย่างเหม่อลอย เพราะสมาธิทั้งหมดของเขากำลังจดจ่ออยู่กับเฟิงอู๋โยว

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พบว่าท่าทางของนางผิดปกติ

ทันใดนั้น เขาก็ลนลาน จิตใจว้าวุ่นดั่งไฟสุม

เขาลุกขึ้นและกำลังจะเดินเข้าไปหาเฟิงอู๋โยว แต่ไป๋หลี่เหอเจ๋อกลับเข้าไปหานางเร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว

“อู๋โยว ไม่สบายหรือ”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อโอบเอวเล็กคอดของเฟิงอู๋โยว เขาเหลือบมองนางในสภาพไม่มีแรงขัดขืนอยู่ในอ้อมแขน

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

เฟิงอู๋โยวตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์

นางอยากจะผลักเขาออก แต่ทันทีที่บิดตัวเพียงเล็กน้อย ของเหลวอุ่นผ่าวก็ทะลักออกมาจากภายในร่างกายทันที นางจึงไม่กล้าขยับตัวอีก

ไป๋หลี่เหอเจ๋อประสาทสัมผัสเฉียบคม เขาได้กลิ่นคาวเลือดจากนาง คิ้วงามพลันขมวดทันที “เกิดอะไรขึ้น”

เขาเคยคำนวณรอบเดือนของนาง ตามหลักแล้ว มันน่าจะผ่านมาแล้วถึงจะถูก

แล้วเลือดที่ทะลักออกมาตอนนี้เกิดจากสาเหตุอะไรกัน

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ไป๋หลี่เหอเจ๋อนึกถึงท่านป้าที่ล้มตายในสภาพอาบเลือดไปทั้งตัวต่อหน้าเขา

ทันใดนั้น รูม่านตาของเขาเกิดหดเกร็งฉับพลัน มือที่อยู่ที่เอวกระชับแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“เฟิงอู๋โยว หากเจ้ารู้สึกขยะแขยงตัวเองเพียงเพราะนายบำเรอทั้งหกคนนั้น ข้าจะบอกเจ้าอย่างชัดเจนไว้เลยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับพวกเขาทั้งนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าเป็นสตรี ดังนั้นเจ้าห้ามฆ่าตัวตายแบบนี้”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อคิดว่าเฟิงอู๋โยวรังเกียจร่างกายตัวเองจนคิดสั้นฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงต้องยอมถอยหลังให้หนึ่งก้าว

แววตาของเฟิงอู๋โยวเยือกเย็นลงฉับพลัน นางพูดอย่างเน้นย้ำ “ไป๋หลี่เหอเจ๋อ คนที่ข้าขยะแขยงมากที่สุดก็คือเจ้า”

“ข้ามอบความรักทั้งหมดให้เจ้าไปแล้ว แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าน่าขยะแขยงกระนั้นหรือ เฟิงอู๋โยว ขืนเจ้ากล้ายั่วโมโหข้าอีกครั้ง ข้ามีวิธีจัดการกับเจ้าเป็นพันๆ วิธี ถ้าเจ้ารนหากที่ตายนัก ข้าก็พร้อมจะติดตามไปจนสุดทาง พวกเราทั้งสองจะร่วมเป็นร่วมตายกันไปตลอดชีวิตนี้และชาตินี้”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อมองเฟิงอู๋โยวเป็นแสงสุดท้ายในชีวิตของเขา

ในความคิดของเขา เขาไม่มีอะไรเลย

สำหรับเขาแล้ว การสูญเสียเฟิงอู๋โยวไปคือการสูญเสียความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

[1]กำแพงสั่นคลอน ผู้คนช่วยกันผลัก หมายถึงทุกคนรุมกันซ้ำเติมคนที่กำลังทุกข์ยาก

[2]ไฟโทสะอันตรายต่อตับ หรืออารมณ์โมโหมีผลเสียต่อตับ ในทางแพทย์แผนจีนระบุว่าอารมณ์โกรธทำให้ชี่จากตับพุ่งขึ้นข้างบนไปตามเส้นเลือด ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ยิ่งกว่านั้นอาจอาเจียนเป็นเลือดและเป็นลมหมดสติได้

[3]หมัดเท้าปักบุหงา หมายถึงเพลงมวยที่สวยแต่กระบวนท่าแต่ใช้การจริงไม่ได้

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท