ตอนที่ 322 ชูชู
จวินมั่วหรันขมวดคิ้วเอ่ยเสียงขรึม “ร่างกายของเจ้ายังไม่ดีขึ้น ห้ามยุ่งเรื่องของคนอื่น”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกไม่สบายใจ “บางทีหรงชุ่ยอาจมีเรื่องสำคัญจะบอกข้า?”
“วางใจ้เถิด หรงชุ่ยจะไม่เป็นไร” จวินมั่วหรันตอบอย่างมั่นใจเป็นพิเศษ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หยุนเฟยไป๋เข้าและออกจากเรือนฟางฮว๋าบ่อยครั้ง ใช่ว่าจวินมั่วหรันไม่รู้
เขาแค่ขี้เกียจยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ถึงกระนั้น การที่เขาขี้เกียจเข้าไปยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีวิธีป้องกัน
“ท่านใต้เท้าเจ้าคะ หม่อมฉันมาเพื่อขอเรียนเชิญท่านกลับสู่ที่นั่งตามคำสั่งของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนเจ้าค่ะ”
เสียงหวานใสแจ๋วดังมาจากด้านนอกห้องโถง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเป็นนางกำนัลข้างกายของจี้มั่วอิ้นเหริน นามว่าชูชู
เฟิงอู๋โยวมองดูนางกำนัลคนนี้ที่ดูเหมือนอายุมากกว่าจี้มั่วอิ้นเหรินสองสามปี หน้าตาสวยงาม เรือนร่างสง่างาม
ไม่รู้เพราะเหตุใด เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าเหมือนเคยรู้จักชูชูมาก่อน
ในขณะที่เฟิงอู๋โยวกำลังมองพินิจชูชู ชูชูก็เหลือบมองเฟิงอู๋โยวเช่นกัน
นางโค้งตัวให้เฟิงอู๋โยวเล็กน้อย “สีหน้าของแม่ทัพเฟิงดูไม่ค่อยสบาย ไฉนไม่ไปพักผ่อนที่ห้องชั้นในสักพักล่ะเจ้าคะ”
“ไม่จำเป็น”
เฟิงอู๋โยวมองความคิดของชูชูออกอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงปฏิเสธข้อเสนอของนางอย่างเย็นชา
เห็นได้ชัดว่าชูชูชื่นชอบจวินมั่วหรัน ดังนั้นจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกีดกันเฟิงอู๋โยวออกไป
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็ถลึงตาใส่จวินมั่วหรันพร้อมกับบ่นพึมพำ “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าที่เอาแต่ยั่วยวนพวกดอกท้อเน่ามาตลอด!”
“ข้าเคยยั่วยวนพวกนางตั้งแต่เมื่อใด”
จวินมั่วหรันถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขามองชูชูที่ก้มหน้าตาดูคล้ายจะว่านอนสอนง่ายด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนพูดเสียงเย็น “เจ้ากลับไปรายงานก่อน แล้วข้าจะตามไปในภายหลัง”
“เจ้าค่ะ”
ชูชูขานรับและออกจากตำหนักด้านข้างไปอย่างไม่เต็มใจ
ดวงตาทั้งสองข้างที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาของนางจ้องมอง จวินมั่วหรันอย่างแน่นิ่ง สะท้อนแววหลงใหลที่เจือด้วยแววเคียดแค้น
เฟิงอู๋โยวคิดว่าตัวเองตาฝาดไปจึงไม่ได้ใส่ใจ
ในทางกลับกัน ดวงตาอันเฉียบคมดั่งนกอินทรีของจวินมั่วหรันก็จ้องมอแผ่นหลังของชูชูอย่างไม่ละสายตาแม้แต่นิดเดียว
เฟิงอู๋โยวยื่นมือออกไปหยิกต้นขาของเขาอย่างแรง “แผ่นหลังของนางดูดีนักหรือ”
“หะ?”
จวินมั่วหรัน ตั้งสติกลับมาอีกครั้ง ผ่านไปสักพักถึงตระหนักได้ว่าเฟิงอู๋โยวกำลังหึงอยู่
เขาเปิดริมฝีปากเรียวบางเอ่ยขึ้นช้าๆ “เจ้ารู้ดีว่าข้าไม่สนใจคนอื่น”
“เห็นๆ อยู่ว่าเจ้ากำลังจ้องแผ่นหลังของนาง จ้องจนลืมทุกอย่างไปเลย”
“นางจงใจปกปิดร่างเดิมของตัวเอง ข้าจ้องมาตั้งนานแต่ก็ยังจำไม่ได้ว่าเคยเห็นนางที่ไหน” จวินมั่วหรันพูดขึ้น
น้อยครั้งที่จวินมั่วหรันจะสนใจสตรีอื่น แต่ถึงเขาจะคิดว่าคุ้นหน้าค่าตาชูชู ก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าเคยเจอนางที่ไหน
ในหัวของเขามีแต่เสียงและรอยยิ้มของเฟิงอู๋โยวแล้วเขาจะจำสตรีอื่นได้เยี่ยงไร
“แน่ใจ?” เฟิงอู๋โยวเค้นถามเขาแกมสงสัย
“เจ้าตัวน้อย เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าข้าปรารถนาสิ่งใด” จวินมั่วหรัน เขี่ยจมูกของเฟิงอู๋โยวเบาๆ ดวงตาเต็มไปความเอ็นดู
“เจ้าไม่คิดจะแตะต้องข้าแม้แต่น้อย! แล้วข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าเจ้ากำลังปรารถนาสิ่งใดอยู่” เฟิงอู๋โยวพูดอย่างเจ็บใจ นางยังคงรู้สึกโมโหอยู่เล็กน้อย
จวินมั่วหรันหุบยิ้ม “ตอนอยู่บนราชรถ ใครกันที่ลงมือกับข้า”
“ข้าบอกเจ้าไปหมดแล้วว่าอยู่ๆ ข้าก็หน้ามืดตามัวคิดว่าเจ้าคือไป๋หลี่เหอเจ๋อ นอกจากนี้ ตอนนั้นในใจเจ้ามีแต่ความโกรธและต้องการจะลงโทษข้า มันไม่ได้ออกมาจากความชอบ” เฟิงอู๋โยว พูดอย่างมั่นใจ
“เป็นข้าเองที่ไม่ไตร่ตรองอย่างรอบครอบ เอาไว้สุขภาพเจ้าดีขึ้น ข้าจะตอบสนองความต้องการของเจ้าและจะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกค้างคา”
เมื่อเฟิงอู๋โยวได้ยินคำว่า ‘ค้างคา’ ใบหน้าก็ร้อนฉ่าและแดงก่ำขึ้นมาทันที
แต่พอลองนึกดู เป็นเพราะนางชื่นชอบจวินมั่วหรัน จึงทำให้มีความคิดที่ไม่อาจอธิบายได้ต่อร่างกายของเขา นี่เป็นอารมณ์ทั่วไปของมนุษย์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกระมิดกระเมี้ยนเก็บซ่อนความรู้สึก
หลังจากทำความเข้าใจเสร็จ เฟิงอู๋โยวก็ขยับเข้ามาด้านหน้าจวินมั่วหรันและกอดคอเขาไว้แน่น “กอดข้า”
จวินมั่วหรันอุ้มนางขึ้นมาทันที เขาเข้าใจผิดว่าเฟิงอู๋โยวไม่ต้องการเขาจนทนรอไม่ไหว ดังนั้นจึงได้แต่เกลี้ยกล่อมนางด้วยน้ำเสียงไพเราะ “ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี อย่าขยับเคลื่อนไหวร่างกายให้มาก หลังจากเจ้าหายดีแล้ว ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้ากินรวดเดียวให้หนำใจ”
“…”
เฟิงอู๋โยวไร้คำใดจะโต้กลับ
แม้นางจะกระหายในตัวเขา แต่แค่อยากจะชิมนิดๆ หน่อยๆ และปล่อยให้เรื่องมันเลยตามเลยไปเอง
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะ ‘สู้รบตลอดทั้งคืน’ กับเขา แค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
จวินมั่วหรันหลุบตามองเฟิงอู๋โยวที่ก้มมองต่ำ รอยยิ้มที่มุมปากพลันลุ่มลึกขึ้น
เขายกมือขึ้นปาดน้ำลายที่ไหลวาววับจากมุมปากให้นาง แล้วถามเบาๆ “เจ้าตัวเล็กจอมทรมานคน ข้าผู้นี้ก็เป็นเหมือนกับเจ้า ข้ากระหายในตัวเจ้ามานานแล้ว”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกอายมาก นางไม่คาดคิดว่าน้ำลายของตัวเองจะสะท้อนความคิดภายในใจออกมาอย่างชัดเจนขนาดนี้
นางพยายามพูดเสียงขรึมเปลี่ยนเรื่องทันที “พาข้ากลับไปที่ที่นั่งเร็วๆ ขืนออกจากที่นั่งนานไป คนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเรากำลังทำสิ่งที่อธิบายไม่ได้”
“เจ้าแน่ใจว่าจะให้ข้าอุ้มเจ้ากลับไปประจำที่นั่ง”
จวินมั่วหรันเต็มใจอยากจะอุ้มนาง
แต่เฟิงอู๋โยวเป็นพวกรักษาหน้า
โดยปกติแล้ว นางไม่อยากถูกเขากอดต่อหน้าสายตาผู้คนมากมาย ไฉนครั้งนี้ถึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวยิ้มหยี นางยิ้มร่าก่อนพูดขึ้น “เจ้าอุ้มข้าสักพัก เมื่อถึงตำหนักพระที่นั่งสูงสุดก็เปลี่ยนเป็นข้าอุ้มเจ้า แบบนี้ถึงจะยุติธรรม”
การกระทำเช่นนี้ของเฟิงอู๋โยว ทั้งหมดก็เพื่อกู้สีหน้าของตัวเองกลับคืนมา
ก่อนหน้านี้ จวินมั่วหรันโกหกเพื่อนาง เขาบอกต่อหน้าทุกคนว่านางเสียเลือดมากเพราะเมื่อคืนเขาออกแรงหนักเกินไป
เรื่องนี้ทำให้ภาพลักษณ์อันน่าเกรงขามของนางได้รับผลกระทบอย่างมาก
อาจเป็นเพราะเวลาคนเราขาดอะไรบางอย่างก็มักจะชอบพูดคุยโอ้อวดเกี่ยวกับสิ่งนี้
สิ่งที่บุรุษจอมปลอมอย่างเฟิงอู๋โยวรับไม่ได้ที่สุดก็คือ “ความรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น”
“ไม่มีทาง” จวินมั่วหรันมองความคิดของเฟิงอู๋โยวออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ครั้นจึงพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด
“มั่วหรัน เจ้ายอมให้ข้าหน่อยไม่ได้หรือ”
“ลูกอ้อนใช้ไม่ได้ผลหรอก”
“มั่วหรัน ข้าเป็นคนเจ้าเจ้าแค้นมาก! ถ้าเจ้าไม่ยอมข้า ข้าจะบันทึกเรื่องที่เจ้าจับโอสถกรอกข้าลงในสมุดเล่มเล็กและจะอ่านมันทุกวัน!”
“…”
เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของ จวินมั่วหรัน สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือสมุดบันทึกเล่มเล็กของเฟิงอู๋โยว
ในสมุดบันทึกเล่มเล็กของนาง บันทึกความโหดร้ายเกือบทั้งหมดของเขาเอาไว้
ถ้าเรื่องดำเนินต่อไปแบบนี้ นางต้องรังเกียจเขาแน่ๆ
“ตอนอยู่บนราชรถ เจ้าขู่ข้าอย่างโหดเหี้ยม ตอนนั้นข้ากลัวมาก ร้องตะโกนเกินสิบรอบ แต่เจ้ากลับทำเป็นหูหนวก ข้าจำทุกอย่างได้ดี!”
“…”
บนอยูบนราชรถ จวินมั่วหรันเพียงแค่สารกำหนัดขึ้นสมอง เข้าใจผิดคิดว่าเฟิงอู๋โยวกำลังอ่อย
เดินทีเขาไม่เก่งเรื่องคาดเดาความคิดของสตรี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะคำว่า ‘ไม่อยาก’ จากปากของสตรีว่าแท้จริงแล้วคือไม่อยากจริงๆ หรือไม่
เมื่อเห็นว่าให้ตายจวินมั่วหรันก็ไม่ยอมสนใจนาง ดังนั้นมีแต่ต้องงัดไพ่ตายออกมา แสร้งทำเป็นเจ็บเพื่อทำให้เขาสงสาร
“โอ้ย! เจ็บท้องเหลือเกิน”
“…”
จวินมั่วหรัน ตกตะลึงและรีบยกมือขึ้นปิดปากของเฟิงอู๋โยวทันที
เพราะเสียงร้องนี้ชวนให้จิตนาการไปไกลเกินไป