ตอนที่ 347 จูบลา
“ข้าเศร้าเล็กน้อย”
เฟิงอู๋โยวลดคิ้วหลุบตาต่ำพลางเอ่ยเสียงแผ่ว
ในชาติที่แล้ว พ่อแม่ของนางเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก
ในชาตินี้ ในความทรงจำสิบเจ็ดปีที่นางต้องแบกรับมา นางไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่เลย
ด้วยเหตุนี้เฟิงอู๋โยวจึงโหยหาความรักของพ่อที่นางควรจะได้
แม้นางจะปฏิเสธ แต่ลึกๆ แล้วก็ยังมีที่ว่างสำหรับ เป่ยถางหลงถิง ในใจอยู่
นางยังคิดว่าเหตุผลที่เป่ยถางหลงถิงยังโอ๋เอาใจเป่ยถางหลีอินอยู่ทุกวิถีทาง คงเป็นเพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นบุตรีของตัวเองอยู่
สมมุติว่าตัวตนของนางและเป่ยถางหลีอินไม่ถูกสลับกัน เป่ยถางหลงถิงจะไม่ทำให้นางเสียแบบนี้ใช่หรือไม่
น่าเสียดายที่ไม่มีคำว่า ‘สมมุติ’
“ให้ข้าแบกเจ้าหรือไม่”
จวินมั่วหรันรู้ว่านางเป็นคนเก็บอารมณ์ นางมักจะซ่อนความอ่อนโยนไว้ในใจให้ลึกที่สุด และไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่น
เพื่อปกป้องความภาคภูมิใจของนาง เขาจึงแบกนางไว้บนหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่นาง และนางสามารถระบายความทุกข์ของนางได้อย่างเต็มที่
“จวินมั่วหรัน ตอนที่เจ้าอุ้มข้า เจ้าสัมผัสได้ถึงส่วนเว้าส่วนโค้งอันสวยงามของข้าหรือไม่”
เฟิงอู๋โยวแนบใบหน้าลงบนหลังของเขา นางหาวมาเป็นระยะๆ
“อยากฟังความจริงหรือไม่”
“อืม”
“ข้ารู้สึกถึง…ความยิ่งใหญ่ของเจ้า”
จวินมั่วหรันไม่รู้จะทำเยี่ยงไร แม้ว่าเขาจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นของโกหก แต่เขาก็ยังรู้สึกแน่นในหัวใจ
เขามักจะรู้สึกว่าเขากำลังแบกชายคนหนึ่งไว้ข้างหลัง
มุมปากของเฟิงอู๋โยวเกร็งกระตุก รู้แบบนี้นางไม่ควรถามออกไปดีกว่า ตอนนี้กลับเป็นตัวนางเองที่ต้องรู้สึกอาย
เมื่อจวินมั่วหรันมาส่งเฟิงอู๋โยวในห้องขัง อยู่ๆ อู๋ฉิงที่หายไปนานก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“ท่านใต้เท้าเจ้าคะ มีรายงานด่วน!”
ใบหน้าของอู๋ฉิง เย็นชา สีหน้าหม่นหมอง แต่ท่าทางกล้าหาญในชุดสีดำ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็กระโดดลงจากหลังของจวินมั่วหรัน
นางโบกมือให้จวินมั่วหรันอย่างหน่ายอารมณ์ “ไปทำงาน! ข้าจะเข้าไปนอนสักพัก”
ด้านหลังพวกเขา ขุนนางแห่งศาลต้าหลี่และผู้คุมคุกสวรรค์ค่อยๆ เดินเข้ามาพูดพร้อมกัน “ยินดีต้อนรับแม่ทัพเฟิง!”
เฟิงอู๋โยวตกตะลึงกับกลุ่มผู้คุมที่เป็นมิตรขนาดนี้ จึงรีบพูดขึ้น “ไม่ต้องเกรงใจ!”
“เชิญ แม่ทัพเฟิงขอรับ!”
“เตรียมน้ำร้อนไว้ให้แล้ว อาบน้ำพักผ่อนให้สบายเถิดขอรับ”
“ในห้องขังถูกจัดขึ้นตามตามความต้องการของท่านขอรับ”
…
“ขอบใจพวกเจ้าทุกคน”
เฟิงอู๋โยวกำหมัดทั้งสองข้าง หันกลับมาและส่งจูบให้จวินมั่วหรัน ปากขยับพูดอยู่ไหวๆ “ข้าจูบลาเจ้า” จากนั้นก็เข้าไปในคุกสวรรค์อย่างมีความสุข
“จูบลากระนั้นหรือ”
ดวงตาสีดำประกายทองของจวินมั่วหรันเต็มไปความเอ็นดู เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นเลียนแบบ
“ท่านใต้เท้า แม่ทัพเฟิงไม่เห็นการตอบสนองของท่านเลยเจ้าค่ะ” อู๋ชิงหมดความอดทน นางเห็นจวินมั่วหรันเดินไปมาอืดอาดอยู่หน้าคุกสวรรค์ไม่ยอมออกไป จึงพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“ข้ามีความสุขของข้า”
จวินมั่วหรันเคยได้ยินว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่ตอนนี้เขาได้เรียนรู้การ ‘จูบลา’ แล้ว เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเขากับเฟิงอู๋โยวเริ่มแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ทำเขาอารมณ์ดีนัก
…
ณ คุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่
เฟิงอู๋โยวถูกกลุ่มผู้คุมพาไปยังห้องขังตรงข้าม ซึ่งเป็นห้องขังของเฟิงอี้
แม้ว่าห้องขังทั้งสองจะอยู่ห่างกันเพียงช่วงแขน แต่การตกแต่งภายในนั้นแตกต่างกันมาก
เฟิงอี้นั่งอยู่ในห้องขังที่มืดชื้นและอบอวนด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ข้างหน้าคือชามแตก และในชามแป้งทอดที่ถูกกัดไปหนึ่งคำ
เขาลืมตาขึ้นมาทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดระวัง
เมื่อคิดดูแล้ว ชีวิตของเฟิงอี้ในคุกนั้นไม่ง่ายเลย
ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับหลังยากระวัง
เขาประหลาดใจมากที่เห็นเฟิงอู๋โยวถูกรายล้อมด้วยกลุ่มผู้คุมที่ประตูห้องขัง
“ไฉนเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เฟิงอี้ลุกขึ้นพรวด พลันยื่นมือทั้งสองข้างจับลูกกรงที่ขึ้นสนิมด้วยสีหน้าวิตกกังวลอย่างเด่นชัด
“เรื่องมันยาว”
เฟิงอู๋โยวหาวอีกครั้งสั้นๆ “ถ้าจะเล่าสั้นๆ ข้าถูกคาดโทษสามกระทงพร้อมกัน และถูกส่งเข้าคุกอย่างไม่ยุติธรรม”
เฟิงอี้ขมวดคิ้วและถามนางเสียงเคร่งเครียด “เซ่อเจิ้งหวางไม่เป็นห่วงเจ้าหรือ”
“เขาเป็นห่วง ข้าแค่ไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อนไปมากกว่านี้ ชื่อเสียงของเขาในแคว้นตงหลินจะต้องไม่เสื่อมเสียเพียงเพราะข้า”
“เรื่องสกปรกอะไรก็เกิดขึ้นได้ในคุกแห่งนี้ ถ้าเจ้าเจอเซ่อเจิ้งหวางอีกครั้ง มิสู้ยอมออดอ้อนขอให้เขาทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าดีกว่าหรือ”
แม้ว่าเฟิงอี้จะไม่อยากให้คนในครอบครัวตกเป็นรองชายอื่น แต่เมื่อมองไปทั่วแคว้นเป่ยหลีและแคว้นตงลิน มีเพียงจวิน มั่วหรันเท่านั้นที่สามารถปกป้องเฟิงอู๋โยวได้
ก่อนที่เฟิงอู๋โยวจะตอบ ผู้คุมก็ชิงตอบด้วยรอยยิ้ม “แม้ทัพเฟิงเป็นแขกผู้มีเกียรติของคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่ เราจะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างรุนแรง”
ทันทีที่คำพูดจบลง เขาก็โค้งคำนับและต้อนรับเฟิงอู๋โยวเข้าสู่ห้องขังพิเศษที่เจิดจรัสไปด้วยแสงเหลือบวาวจากไข่มุกและแสงประกายจากทองคำ
ผู้คุมของศาลต้าหลี่เปิดม่านทึบแสง มีม่านลูกไม้ปักลูกปัดซ้อนอยู่ด้านหลังอีกชั้น
เขาผายมือ “เชิญ” เฟิงอู๋โยว พร้อมเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “องครักษ์เงาของเซ่อเจิ้งหวางได้แจ้งความต้องการของท่านให้เราทราบแล้ว โปรดตรวจสอบดูว่าห้องขังนี้ถูกใจท่านหรือไม่ขอรับ”
เฟิงอู๋โยวขยี้ตา นางไม่เคยคิดฝันว่าห้องขังจะมีสภาพเป็นแบบนี้
ภายในม่านมีกลีบดอกไม้หอมกรุ่นลอยอยู่ในอ่างอาบน้ำ เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนวางกองไว้อย่างเรียบร้อยบนชั้นวางข้างอ่าง
ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือที่มุมม่านมีโถกระโถนฝังทองและหยกอยู่ด้วย
ด้วยวิธีนี้นางไม่จำเป็นต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ชายคนอื่นในเรือนจำ
เฟิงอู๋โยวนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารด้วยความพึงพอใจ นางกินซาลาเปาไข่กุ้งและเกี๊ยวกุ้งใสจากร้านโรงเตี๊ยมหลิงเฟิง พร้อมกับอ่านบทละครบนโต๊ะอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเพลิดเพลิน
ผู้คุมแห่งศาลต้าหลี่คิดในใจ ถ้าเขาปฏิบัติกับนางดีๆ เส้นทางสู่การเป็นขุนนางในวังหลวงราบรื่นกว่านี้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็มอบกระดิ่งขนาดเท่ากำปั้นให้กับเฟิงอู๋โยวราวกับมอบสมบัติล้ำค่าให้ “แม่ทัพเฟิงขอรับ หากมีความต้องการอันใด โปรดสั่นกระดิ่งนี้ ข้าจะมาให้เร็วที่สุด”
“ได้ๆ”
เฟิงอู๋โยวตอบอย่างเต็มปาก
เมื่อเหล่าผู้คุมแห่งศาลต้าหลี่ออกจากห้องขั เฟิงอู๋โยวก็โยนบทละครในมือไปด้านข้างและล้มตัวลงนอนบนฟูกนุ่มบนเตียงไม้จันทน์ ก่อนหลับกรน