ตอนที่ 356 พี่ยิ้มดูดีจริงๆ
จวินไป๋หรันมองเฟิงอู๋โยวอย่างซื่อๆ ริมฝีปากเรียวบางขมุบขมิบ “พี่ชาย พี่ยิ้มขึ้นมาดูดีจริงๆ”
“แววตาไม่เลว”
ริมฝีปากของเฟิงอู๋โยวยกขึ้นผุดยิ้มจางๆ นิ้วข้างหนึ่งเชิดคางเขาเบาๆ พร้อมพูดหยอกเย้า “ชอบพี่ชายหรือไม่”
จวินไป๋หรันพยักหน้ารัว ริมฝีปากเรียวบางประทับลงไปบนริมฝีปากของเฟิงอู๋โยวราวกับแมลงปอเกาะบนผิวน้ำ“อยากจะนำตัวพี่ชายมาตรึงไว้ใต้ร่างกายจริงๆ”
เฟิงอู๋โยวนิ่งเงียบไป “…” นี่มันคำพูดโสมมอะไรกัน?!
นางถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อหลบเลี่ยงสายตากระหายที่จ้องมาของจวินไป๋หรัน คิดไม่ถึงว่า เขาจะออกแรงดึงตัวนางเข้าไปไว้ในอ้อมกอด
เขาพยายามบังคับให้เฟิงอู๋โยวนั่งบนตักของเขา ดวงตาฉายแววหมาป่า น้ำลายไหลยืด “พี่ชาย ดูไปดูมา พี่น่ากินมาก”
“พี่ไม่ได้มีไว้เพื่อกิน!”
“ไม่ได้มีไว้กิน หรือว่ามีไว้เล่น” จวินไป๋หรันมองสำรวจเฟิงอู๋โยวอย่างสงสัย
เฟิงอู๋โยวจ้องมองมือเรียวยาวเห็นกระดูกชัดของเขาเคลื่อนไปมาบนตัวของนางอย่างคุ้นเคย ก่อนพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “จวินไป๋หรัน พี่ไม่ได้มีไว้เล่น!”
“ข้าชอบพี่ชายที่สุด”
จวินไป๋หรันซบศีรษะเข้าไปในอ้อมอกของเฟิงอู๋โยวอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนพูดเสียงออดอ้อน “พี่ชาย ข้าขอกินเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น!”
“ไม่ได้”
ขนบนตัวของเฟิงอู๋โยวลุกซู่ นางขัดขืนโดยการผลักเขาไปด้านข้าง
ถึงแม้สติปัญญาของจวินไป๋หรันจะประมาณสามขวบ แต่รูปร่างของเขาใหญ่โต
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ปฏิบัติตัวกับเขาราวกับเด็กน้อยไม่รู้ประสาได้
“พี่ชาย ข้าหิว”
จวินไป๋หรันสูดปากอย่างน่าสงสาร มือทั้งสองข้างกอดเข่าเหมือนกับลูกกวางน้อยที่ตกใจ ชวนให้น่าสงสารน่าเอ็นดู
“นั่งรออยู่บนเนินหลุมศพอยู่เฉยๆ พี่จะไปเด็ดผลไม้ป่ามาให้เจ้า”
“ข้าไม่เอา แม้จะสามขวบก็ชอบให้พี่กอด” จวินไป๋หรันโยกตัวเล็กน้อย เขาออดอ้อนอย่างเต็มที่
เฟิงอู๋โยวกึ่งยิ้มกึ่งร้องไห้และรีบพูดขึ้น “จวินสามขวบ มือของพี่ใกล้จะข้อต่อหลุดแล้ว ให้พี่ชายพักผ่อนสักประเดี๋ยว ได้หรือไม่”
“พี่ชาย ข้าผิดไปแล้ว”
จวินไป๋หรันเหลือบมองแขนขาเรียวบางของเฟิงอู๋โยว ก่อนนั่งลงบนเนินหลุมศพอย่างว่าง่าย
เฟิงอู๋โยวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางคิดในใจ หากจวินมั่วหรันทำตัวแบบนี้ นางจะเตะเขาให้กระเด็นไปอีกข้างอย่างไร้ความเมตตา
แต่จวินไป๋หรันไม่เหมือนกัน เขาอ่อนแอน่าเอ็นดู กระตุ้นความปรารถนาอยากจะปกป้องของนาง
แต่เมื่อเห็นดวงตาทั้งสองข้างที่เจือแววหวาดกลัวเล็กน้อยทั้งของจวินไป๋หรัน เฟิงอู๋โยวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มเขาขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
“พี่ชาย พี่ดีกับข้าจริงๆ!”
จวินไป๋หรันชื่นชอบเป็นอย่างมาก ดีใจจนลืมทุกอย่างไป
แต่แล้วมือขนาดใหญ่ได้รูปของเขาก็เลื่อนมาที่หน้าอกของนางอีกครั้ง
เฟิงอู๋โยว “…”
“พี่ชาย สบายจัง!”
เฟิงอู๋โยวหัวตื้อไปแล้ว หน้าแดงก่ำ กัดฟันพูด “จวินไป๋หรัน ปล่อยมือ!”
โดยปกติ ถูกจวินมั่วหรันผู้หน้าไม่อายลวนลามอยู่เป็นประจำก็มากพอแล้ว
แต่สติปัญญาของจวินไป๋หรันเพิ่งจะสามขวบ!
สามขวบก็หน้าหม้อขนาดนี้ แบบนี้มันเกินไปแล้ว!
จวินไป๋หรันคลายมือออกอย่างไม่เต็มใจ “พี่ชาย พี่โมโหแล้วใช่หรือไม่”
“อย่าขยับไปเรื่อย”
เห็นได้ชัดว่าเฟิงอู๋โยวอุ้มเขาแบบใช้แรงไปไม่น้อย ทันทีที่เดินอ้อมมาถึงด้านหน้าหลุมศพรกร้างจำนวนมากมายก็เห็นศพชายชุดดำจำนวนสิบศพอยู่ใต้ฝ่าเท้า
นางขมวดคิ้วแน่น กวาดตามองคราบเลือดที่ยังไม่แข็งตัวบนร่างและบนใบหน้าของพวกชายชุดดำแวบหนึ่ง เบื้องต้นคาดการณ์ว่าพวกเขาจะต้องถูกซุ่มโจมตีไม่เกินครึ่งชั่วยามแน่นอน
“ดูเหมือนว่าหยุนเฟยไป๋ตั้งใจจะจัดการเจ้าให้สิ้นซาก” สีหน้าของเฟิงอู๋โยวเคร่งขรึม กระชับร่างหนักของจวินมั่วหรัน จากนั้นก็เดินลงจากภูเขาไปตามทางเดินเล็กๆ อย่างรวดเร็ว
“พี่ชาย พี่ไม่ต้องกลัว คนชุดดำพวกนั้น เสี่ยวไป๋เป็นคนฆ่าเอง” ครั้นจวินไป๋หรันเห็นเฟิงอู๋โยวตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบอธิบายขึ้น
“เจ้าเป็นคนฆ่าอย่างนั้นหรือ”
เดิมทีเฟิงอู๋โยวกังวลว่าถ้าหากถูกซุ่มโจมตี นางจะพาจวินไป๋หรันฝ่าวงล้อมออกไปเยี่ยงไร คิดไม่ถึงว่าจวินไป๋หรันไม่ได้อ่อนแออย่างที่นางจินตนาการเช่นนั้นเอาไว้
เมื่อรู้ว่าจวินไป๋หรันกำลังหลอกตนเอง ภายในใจของนางก็โมโหขึ้นมาเล็กน้อย ครั้นแล้วจึงซักถามเขาเสียงขรึม “ไฉนต้องหลอกพี่ ในเมื่อฆ่าคนได้ ไฉนถึงเดินเองไม่เป็น”
จวินไป๋หรันกลัวเฟิงอู๋โยวจะโกรธจนทิ้งเขาไว้ในสุสานรกร้างแห่งนี้ จึงรีบอธิบายขึ้นทันที “เดินเองเป็น แต่เสี่ยวไป๋แค่ชอบให้พี่ชายอุ้ม”
“ลมปาก”
“สามขวบมีขา เดินเองได้ ยังต้องให้พี่ที่ขาสั้นๆ อุ้ม แบบนี้ไม่สมควร”
จวินไป๋หรันกังวลว่าเฟิงอู๋โยวจะทิ้งเขาไว้กลางภูเขรกร้างแห่งนี้ ดวงตาพลันฉายแววหวาดกลัวขึ้นมา มือทั้งสองที่ชุ่มเหงื่อจับสาบเสื้อด้านหน้าของนางเอาไว้แน่น
เดิมทีเฟิงอู๋โยวอยากจะวางเขาลง แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเขา ก็ตัดใจวางไม่ลง
“พี่ไม่มีเจตนาจะตำหนิเจ้า”
เฟิงอู๋โยวปรับน้ำเสียงให้ผ่อนคลายลง ไฟโทสะที่ก่อตัวขึ้นภายในใจสลายหายไปทันทีที่เห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเขา
เห็นได้ชัดว่าจวินไป๋หรันรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เขาหลุบตาต่ำ ขนตาเรียวยาวขยับไหว น้ำตาใสวาวหยดหนึ่งร่วงลงมา
เฟิงอู๋โยวยืนอึ้งอยู่กับที่ อยู่ๆ ก็ไม่รู้จะปลอบโยนเขาเยี่ยงไร
เมื่อนางได้สติกลับมาได้จึงรีบเช็ดน้ำตาใสวาวที่หางตาเขาออก “ไฉนยังร้องไห้อยู่อีก พี่ไม่ได้ตำหนิเจ้า”
เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาใสวาวราวกับน้ำ นัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์ผสานเข้ากับดวงตาเรียวยาวที่แสนยั่วยวน ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
“พี่ชายดีต่อข้าจริงๆ”
จวินไป๋หรันกังวลว่าเฟิงอู๋โยวจะไม่ชอบสภาพร้องไห้งอแงของเขา ทันใดนั้นก็เงยใบหน้าหล่อเหลาขึ้นมา เม้มริมฝีปากยิ้มบางๆ อย่างซื่อๆ
เฟิงอู๋โยวลูบเส้นผมสีดำขลับของเขาอย่างอ่อนโยน ยิ่งรู้สึกเอ็นดูจวินไป๋หรันผู้ว่านอนสอนง่ายขึ้นเรื่อยๆ
นางเคยได้ยินจุยเฟิงพูดไว้ ‘โรคทางจิตใจ’ ของจวินมั่วหรันกำเริบขึ้นหลังจากการสังหารหมู่ตระกูลจวินเมื่อเก้าปีก่อน
ด้วยเหตุนี้ สาเหตุของบุคลิกย่อยอีกสองบุคลิกของจวินมั่วหรันจึงมาจากภาวะหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ
จวินหลานหรันผู้อ่อนโยนราวกับน้ำ เกิดจากภายในใจลึกๆ ของจวินมั่วหรันที่ตัดใจจากคนที่รักและคนที่เขาไว้ใจไม่ลง
จวินหงหรันผู้โหดเหี้ยมและกระหายเลือด เป็นบุคลิกที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมที่จวินมั่วหรันแยกออกมาไว้เพื่อปกป้องคนที่รักและคนที่เขาไว้ใจ
แต่จวินไป๋หรันที่อยู่เบื้องหน้า เฟิงอู๋โยวกลับไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด