ตอนที่ 360 ผู้ประเสริฐที่สวรรค์ส่งมา / ตอนที่ 361 คิดบัญชีกับหยุนเฟยไป๋
ตอนที่ 360 ผู้ประเสริฐที่สวรรค์ส่งมา
จวินมั่วหรันยกแขนขึ้นกอดเอวนางแน่นแล้วพูดเสียงอบอุ่น “ข้าอยากให้เจ้าลืมสิ่งที่ไม่ดีในอดีต เพิ่งจะเลี่ยงหยุนเฟยไป๋มาได้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึง อันที่จริง ข้าควรปกป้องเจ้าให้ทันเวลา แต่กลับให้เจ้าต้องมาตามหาข้าด้วยตัวคนเดียวอย่างยากลำบาก”
จนกระทั่งตอนนี้ เขายังนึกหวาดกลัวภายหลัง
เขากังวลหยุนเฟยไป๋จะทำให้เฟิงอู๋โยวกลัวเหมือนเงาตามตัวนาง จึงไม่กล้าถามถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ตอนนั้น
เมื่อเห็นจวินมั่วหรันตำหนิตัวเอง เฟิงอู๋โยวก็หายโกรธทันที
นางเอามือคล้องคอของจวินมั่วหรัน เขย่งเท้าและกัดริมฝีปากของเขาเบาๆ “ข้าขอจูบให้หายอยากสักสองครั้งแล้วกัน”
จวินมั่วหรันตอบสนองนางอย่างเร้าร้อน “อู๋โยว เจ้าคือผู้ประเสริฐที่สวรรค์ส่งมา”
โคมไฟสองอันหน้าสุสานขยับไหวตามสายลม ดูน่าขนลุก
คนสองคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์อันลุ่มลึกกลับกำลังมีความสุขกันในบรรยากาศเช่นนี้
เฟิงอู๋โยวผลักจวินมั่วหรันลงกับพื้นอย่างป่าเถื่อน ลูบไล้แผ่นอกหนากว้างของเขาด้วยนิ้วมืออันเรียวยาวของนาง น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูเปล่งขึ้น “ในคืนอันงดงามเบื้องหน้าเช่นนี้ ยากเกินกว่าจะข่มความรู้สึก”
เดิมทีนางไม่อยากแสดงออกเช่นนี้ แต่ใบหน้าจวินมั่วหรันที่สวรรค์บรรจงสร้างขึ้นเหมือนโอสถปลุกอารมณ์ฤทธิ์รุนแรง ทำให้นาง ควบคุมตัวเองไม่ได้
“ช่วยด้วย”
“แม่ทัพเฟิง ช่วยด้วย ช่วยจ้าวจ้าวด้วย”
ไม่ไกลนัก มีเงาร่างคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนางอย่างรวดเร็ว และตามหลังมาติดๆ คือเถี่ยโส่วที่ถือดาบเล่มใหญ่ในมือไล่ตาม
เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นเช่นนั้น ก็รีบลุกขึ้นและขว้างเถี่ยโส่ว “หยุดเดี๋ยวนี้!”
เถี่ยโส่วรู้สึกสับสนเป็นยิ่งนัก แต่กระนั้นก็คุกเข่าลง ‘ผลุบ’
ทุกครั้งที่นึกถึงความผิดร้ายแรงที่เคยทำไว้ ใบหน้าของเขาก็จะเต็มไปด้วยแววอับอาย
ถึงแม้จวินมั่วหรันไม่เคยลงโทษ แต่เขารู้ดีว่าการกระทำของเขาเกือบทำร้ายเฟิงอู๋โยว เขารู้สึกผิดเป็นที่สุด
หลิ่วจ้าวร้องไห้ฟูมฟายพร้อมดึงแขนเสื้อของเฟิงอู๋โยวเบาๆ “แม่ทัพเฟิง จ้าวจ้าวไม่อยากตาย ช่วยชีวิตข้าด้วย”
ในที่สุดเถี่ยโส่วก็เข้ายอมรับว่าจวินมั่วหรันเป็นคนที่เหมาะสมกับเฟิงอู๋โยวที่สุด อยากไถ่โทษ ต้องยอมแบกรับความผิดไว้ทั้งหมด “แม่ทัพเฟิง ข้าขอโทษจริงๆ”
เฟิงอู๋โยวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม “ข้ารู้ว่าว่าที่เจ้าทำไปเพราะโดนไป๋หลี่เหอเจ๋อใช้วิชามายา อันที่จริงแล้วเจ้าก็ถือเป็นผู้เสียหายคนหนึ่ง ข้าไม่เคยถือโทษโกรธเจ้า แต่ตอนนี้หลิ่วจ้าวเป็นคนของข้า หากเขาไม่ได้ทำผิดร้ายแรง ก็ขอให้เจ้าละเว้นเขาด้วย”
เดิมทีเถี่ยโส่วอยากอธิบายรายละเอียดให้นางฟัง แต่เกรงว่าคำพูดของเขาจะทำให้เฟิงอู๋โยวเกิดความระแวงต่อจวินมั่วหรัน
หลังจากไตร่ตรองสามรอบ ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเงียบ
จวินมั่วหรันรู้สึกอึดอัดมาก แต่เมื่อเห็นว่าเฟิงอู๋โยวพยายามช่วยเหลือหลิ่วจ้าว เขาก็ไม่กล้ายอมรับกับปากตัวเองว่าเขาเป็นคนออกคำสั่งไล่ฆ่าหลิ่วจ้าว
หลิ่วจ้าวกลับไม่ยอมหยุดแค่นี้
เขาฝืนยิ้มและพูดอย่างเยือกเย็น “แม่ทัพเฟิง อย่าโทษพี่เถี่ยโส่วเลย เขาก็แค่ทำตามคำสั่งของเจ้านายด้วยความจงรักภักดีเท่านั้นเอง”
เฟิงอู๋โยวจ้องไปที่จวินมั่วหรันแน่นิ่ง “ไฉนต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์”
“หรือว่าหลิ่วจ้าวไม่สมควรตาย”
จวินมั่วหรันรู้สึกว่าถ้าเทียบกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ ฟู่เย่เฉินแล้ว หลิ่วจ้าวเป็นคนที่น่าโมโหที่สุด
เขาไม่เคยเจอบุรุษที่แสร้งอ่อนแอนุ่มนวลได้เหมือนสตรีแบบหลิ่วจ้าวมาก่อน
ปีศาจจิ้งจอกตัวเป็นๆ!
เฟิงอู๋โยวกลับพูดขึ้น “แค่เห็นแก่หน้าตาหลิ่วหยวนพี่ชายของเขา ท่านก็ไม่ควรฆ่าเขาแล้ว”
“หลิ่วจ้าวกำลังยั่วยวนเจ้า ไฉนเจ้าถึงดูไม่ออก”
“ชาติที่แล้วข้าเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยมและเย็นชา พอได้พบกับเจ้า ข้าแค่อยากเป็นคนดี” เฟิงอู๋โยวพูดอย่างมีนัย
นางไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของหลิ่วจ้าว แต่นางกังวลจวินมั่วหรันจะได้รับผลกรรมจากการฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ
หลิ่วจ้าวมองสีหน้าเคร่งเครียดของจวินมั่วหรัน หางตายกสูงขึ้น แววตาซุกซ่อนแววพอใจ
ตอนที่ 361 คิดบัญชีกับหยุนเฟยไป๋
จวินมั่วหรันเห็นเช่นนั้น ก็หดดหู่ใจยิ่งนัก
เขาง้างมือขึ้น อยากจะระเบิดหลิ่วจ้าวให้แหลกเป็นผุยผง
แต่ไม่คาดคิด หลิวจ้าวบิดเอวบางๆ ราวกับงู รีบเผ่นไปหลบอยู่ด้านหลังของเฟิงอู๋โยว “ท่านแม่ทัพช่วยข้าด้วย”
“จวินมั่วหรัน เจ้ากล้าลงมือก็ลองดู”
ตอนแรกเฟิงอู๋โยวไม่อยากทะเลาะกับจวินมั่วหรันเพื่อคนอื่น แต่การเห็นจวินมั่วหรันจับบุรุษมาด่าทอทุบตีตามอำเภอใจแบบนี้ ทำให้นางรู้สึกโมโหขึ้นมา
พอพูดจบ นางก็เดินผ่านเขาไป และมุ่งหน้าไปยังคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่
หลิ่วจ้าวเห็นดังนั้นก็แอบยิ้มมุมปาก แววได้ใจผุดขึ้นบนใบหน้า
จวินมั่วหรันเห็นใบหน้ากระหยิ่มยิ้มหย่องของหลิ่วเจ้า จะทุบจะตีจะฆ่าก็ไม่ได้ จึงได้แต่ข่มไฟโทสะลงเต็มท้อง
อารมณ์หึงหวงของเขาระเบิดออกมา รีบสาวเท้าก้าวตามเฟิงอู๋โยวไป พร้อมกับพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “ข้าเป็นคนจิตใจคับแคบ ทนไม่ได้ที่ต้องมาเห็นหลิ่วจ้าวที่วันวันไม่ทำการทำงาน เอาแต่แต่งหน้าทาปากมายั่วยวนเจ้า ข้าทนดูไม่ได้”
เฟิงอู๋โยวไม่ใช่คนไม่มีเหตุมีผล นางคิดทบทวนการกระทำของตัวเองอยู่ตลอดทาง
นางคิดในใจ การที่จวินมั่วหรันเกิดอารมณ์หึงหวงง่ายขนาดนี้ อาจเป็นเพราะนางให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเขาไม่มากพอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ก็หันกลับไปจับใบหน้าของเขาเบาๆ บอกความในใจกับเขาอย่างจริงใจ “จวินมั่วหรัน ข้าชอบท่านแต่เพียงผู้เดียว มากถึงมากที่สุด ที่ข้าเป็นของข้าแบบนี้ ไม่ใช่เพราะข้ามักมากในตัณหา ข้าเป็นเหมือนกับท่าน คือขาดความรู้สึกปลอดภัยเป็นที่สุดและคิดอยากจะครอบครองท่านในเร็ววัน”
ครั้นจวินมั่วหรันได้รับการเอาอกเอาใจเช่นนี้ก็แอบตกใจ และรีบพูดต่อ “ร่างกายและจิตใจของข้าเป็นของเจ้า เป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
“ส่วนเรื่องหลิ่วจ้าว ข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจขนาดนั้น เขาจะปะแป้งกี่ชั้น ใส่เสื้อผ้าสีอะไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”
“ข้ารับปากเจ้า ข้าจะไม่ฆ่าเขา”
อันที่จริง จวินมั่วหรันเอาใจง่ายเหมือนกัน
แค่เฟิงอู๋โยวพูดคำว่า ‘ชอบ’ แค่คำเดียว จวินมั่วหรันก็ยอมทำทุกอย่าง
เฟิงอู๋โยวยิ้มกว้าง เขย่งเท้ากระซิบข้างหูเขาพูดเบาๆ “ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ท่านคือคนคนเดียวของข้า ร่างกายของข้า หัวใจของข้า เป็นของท่าน”
จวินมั่วหรันได้ยินเช่นนั้นก็ประทับใจเป็นยิ่งนัก
น้อยครั้งที่เฟิงอู๋โยวจะบอกรักกับเขาจริงจังแบบนี้ เมื่อได้ยินนางบอกว่าเขาคือ “คนเดียว” ของนาง ก็แทบจะควักหัวใจตัวเองออกมาให้นาง
ตอนแรกเฟิงอู๋โยวอยากจะบอกว่าขาคือชายคนแรกของนาง แต่พอจะพูด ก็รู้สึกเคอะเขิน
อีกอย่าง จวันมั่วหรันเกลียดชังสตรีหัวขโมย เรื่องนี้ยังคงทำให้เฟิงอู๋โยวกังวลที่จะพูดความจริงออกมา
สุดท้าย เฟิงอู๋โยวอาศัยจังหวะที่เข้าไม่ทันได้ตั้งตัวรีบจูบริมฝีปากเรียวบางของเขา
จวินมั่วหรันกำลังจะดึงตัวนางไว้ แต่นางกลับรีบแจ้นไปยังคุกสวรรค์แห่งศาลต้าหลี่ไปแล้ว
นางวิ่งเหยาะๆ เข้ามาในคุกสวรรค์ ใช้มือสองข้างกุมหน้าอกตัวเองแน่น นางรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน แค่มองจวินมั่วหรันไม่ทันไรก็หน้าแดงและหัวใจเต้นแรงขนาดนี้แล้ว
จวินมั่วหรันยิ้มร่าประหนึ่งสายลมแห่งวสันต์ฤดู
“ข้าเป็นคนเดียวของเจ้า เจ้าคือทุกอย่างของข้า”
จวินมั่วหรันหันกลับ พยายามเก็บสีหน้าดีใจลง ปั้นสีหน้าเคร่งครึมและมุ่งตรงไปยังเรือนพำนัก
หยุนเฟยไป๋บังอาจจะดูถูกเหยียดหยามสตรีของเขา แค้นนี้ต้องชำระด้วยเลือด
ณ เรือนพำนักแห่งแคว้นตงหลิน แสงไฟสว่างไปทั่วบริเวณ
หยุนเฟยไป๋ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทำให้เหล่าคนรับใช้อยู่รอบกายเขาพากันกระวนกระวายใจ
จวินมั่วหรันสะบัดแขนเสื้อใส่ประตูเรือนพำนักจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ส่งเสียงดัง ฝุ่นควันคลุ้งกระจายขึ้นทันที
ด้านหน้าลานในเรือนพำนัก บรรดาคนรับใช้ข้างกายมองจวินมั่วหรันในชุดสีเข้มบึ่งเข้ามาเสมือนเป็นยมทูตที่ออกมาจากขุมนรก พวกเขาหวาดกลัวจนแข้งขาสั่น
ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกรังสีอำมหิตเยี่ยงราชันย์ที่แผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งตัวจวินมั่วหรันขู่ขวัญ เข่าทั้งสองข้างพลันย่อลงพื้นดัง ‘ผลุบ’
ดวงตาสีดำประกายทองของจวินมั่วหรันอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น ทั้งที่เขารู้ว่าหยุนเฟยไป๋ขยับไม่ได้ แต่ก็ยังตามมา
บังอาจทำร้ายสตรีของเขา เขาจะไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ เด็ดขาด
“หยุนเฟยไป๋ อยู่ไหน”
เสียงเยือกเย็นของจวินมั่วหรันทำเอาคนที่อยู่ระแวกนั้นกลัวจนตัวสั่นรีบก้มหน้าหนี
“ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย หยุนเฟยไป๋อยู่ไหน” จวินมั่วหรันขี้เกียจเปิดประตูค้นทีละห้อง ในมือเขาถือดาบสะบั้นมังกรวาววับ พร้อมกับใช้น้ำเสียงเย็นเยือกเค้นถามคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่หน้าลาน
“อยู่…ในห้องนี้เจ้าค่ะ”
เถาหงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของจวินมั่วหรันเป็นอย่างดี เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง ถึงชี้นิ้วสั่นระริกไปยังห้องที่มืดดำสนิท “องค์รัชทายาทได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังนอนรักษาตัวอยู่ด้านในห้องเจ้าค่ะ”
จวินมั่วหรันหรี่ตามองไปยังห้องที่มืดสนิท ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกกว่าการกระทำของหยุนเฟยไป๋ช่างน่าขำ
คิดว่าแค่ดับเทียนก็สามารถหนีพ้นได้หรือ
จวินมั่วหรันไม่พูดพร่ำทำเพลง ถีบประตูที่ปิดสนิทจนเปิดออก ยกดาบในมือชี้ไปยังหยุนเฟยไป๋ที่กำลังจะพยายามปีนหน้าต่างออกไป น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน “คิดจะหนี?”
“เซ่อเจิ้งหวาง เจ้าคิดจะทำอะไร”
ดวงตาสีม่วงของหยุนเฟยไป๋เป็นประกาย เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางหนีไปได้แล้ว ทางที่ดีคือไม่ขัดขืน
จวินมั่วหรันขี้เกียจเล่นลูกไม้กับเขา จึงพูดขึ้นตรงประเด็น “ชักดาบสะบั้นมังกรออกจากฝักแล้ว ก็ต้องฆ่าฟาดสิ่งชั่วร้ายให้สิ้นซาก”
หยุนเฟยไป๋ถอยหลังหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว แต่ปากก็ยังไม่ยอมร้องขอชีวิต “เซ่อเจิ้งหวาง เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าเพียงเพื่อเฟิงอู๋โยวจริงหรือ ถ้าเจ้ากล้าเอาชีวิตของข้า แคว้นหยุนฉินกับแคว้นตงหลินได้เกิดสงครามขึ้นอย่างแน่นอน เจ้ายอมที่จะให้ประชาชนตาดำๆ ตกอยู่ท่ามกลางสงครามจริงหรือ”
“ข้าเคยบอกว่าจะเอาชีวิตเจ้าหรือ ข้าแค่จะทำให้เจ้าไร้ลูกมีหลานสืบสกุลต่อไป”
“เซ่อเจิ้วหวาง จวินฝูเป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าทำร้ายนางได้ลงคอหรือ” หยุนเฟยไป๋เข้าใจผิดคิดว่าจวินมั่วหรันจะไม่กล้าทำอะไรเขา และคิดจะระบายอารมณ์ลงทารกที่อยู่ในท้องของจวินฝูแทน
จวินมั่วหรันไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟันดาบลงไปที่หว่างขาของหยุนเฟยไป๋หนึ่งดาบ
“อ้าก…”
หยุนเฟยไป๋หน้าซีดร้องเสียงแหลม เสื้อผ้าสีม่วงเข้มของเขาอาบไปด้วยเลือดแดงฉานทันที