พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

บทที่1ตอนที่ 2

เมืองอาร์คาซัม

เป็นเมืองที่เป็นที่ก่อตั้งของสถาบันโซลมินาติ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่นการเรียนรู้

สถาบันนั้นตั้งอยู่กลางใจเมืองและมีการสร้างถนนคล้ายกับใยแมงมุมล้อมรอบตัว

ทางตอนเหนือของสถาบันมีพื้นที่ทางการเมืองของเมืองนี้ เป็นหน่วยงานที่คอยบริหารและควบคุมเมือง เป็นที่ๆแหล่งของขุนนางผู้ร่ำรวยจัดการทางการเมืองนี้

ฝั่งตะวันออกเป็นเขตอยู่อาศัยซึ่งมีหอพักของนักเรียนและประชาชนทั่วไปอยู่เป็นจำนวนมาก และทางตอนใต้เป็นพื้นที่การค้าซึ่งมีการรวบรวมสินค้าทุกประเทศมาไว้ที่นี่

นอกจากนี้ยังมีกิลด์นักผจญภัยและเหล่านักเรียนสามารถหางานทำโดยการเป็นนักผจญภัย

ทางทิศตะวันตกเป็นเขตของช่างฝีมือที่มีช่างจำนวนมากมารวมตัวกัน มีช่างมากมายจากหลายประเทศต่างมารังสรรค์ผลงานอยู่แถบทางตะวันตกกันเป็นประจำ

ถนนทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกนอกเมือง มีป่าทึบกระจายอยู่รอบๆคอยปิดกั้นการมองเห็นของผู้คน

สัตว์อสูรเองก็ต่างปรากฏตัวในป่าแห่งนี้ ตั้งแต่สัตว์อสูรระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง

อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรที่ทรงพลังโดยทั่วไปจะอาศัยอยู่ส่วนลึกของป่ามันจะไม่ปรากฏตัวแถวๆเมืองและถนนหลัก

มีกระท่อมที่ถูกสร้างในป่า แถวๆนั้นเองมีชายหนุ่มและหญิงชราที่ถือดาบอยู่ที่สวนหลังกระท่อม

คนหนึ่งคือโนโซมุ เบลาตี้ นักเรียนสุดห่วยแตกแห่งปี 2

แล้วหญิงชราอีกคนก็มีนามว่าชิโนะ

การเผชิญหน้ากันของทั้งสองคน หญิงชราปล่อยแรงกดดันมหาศาลซึ่งคนละชั้นกับมาร์เลย

ในการซ้อมประลองรายบุคคล เขายังตอบโต้มาร์ได้บ้าง แต่ว่าการเผชิญหน้ากับหญิงชราท่านนี้มันเป็นการโจมตีเพียงฝ่ายเดียว เปรียบเสมือนโนโซมุเป็นของเล่น

การปะทะกันของดาบและจากนั้นภายในสามดาบนั้นก็ทำให้เขาเสียหลัก หญิงชราคนนั้นไล่ตามโนโซมุที่กำลังกลิ้งไปและเหวี่ยงดาบลงโดยไม่ลังเล

โนโซมุพุ่งเน้นความสนใจไปยังส่วนขาของเขาจากนั้นเปิดใช้งาน คิ“ก้าวพริบตา”

เร่งความเร็วในทันใดและพุ่งออกไป แต่ในทันทีนั้นหญิงชราก็พุ่งตามมาและฟาดดาบตามมา ปลายดาบนั่นเกือบจะฟาดโดนโนโซมุแล้ว

ตอนนี้เองเขาหยุดตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจึงเอี้ยวตัวหลบโดยใช้ขาข้างหนึ่งเป็นตัวเบรคทำให้ตัวเขาสไลด์ไปกับพื้น

แต่ทันใดนั้นหญิงชราก็ตามท่าทางของเขาทันที

โนโซมุเหวี่ยงดาบในแนวทแยงเล็งไปทางไหล่ของหญิงชรา หญิงชราตอบโต้ด้วยการผ่อนแรงด้วยการกระโดดหลบจากนั้นเอาหญิงชราพลิกดาบที่วางไว้โดยไม่โดนตัวเขา

อย่างไรก็ตามหญิงชราคนนั้นก็เตะขาเขา

โนโซมุที่คิดว่าหลบไม่ได้นั้นจึงพยายามจะกระโดดถอยหลัง จากนั้นเขาเตะเข้าไปที่ด้ามดาบที่พาดไว้ระหว่างเอวของหญิงชรา และแทงดาบไปแต่พลาดเป้า

โนโซมุล้มลงไปกับพื้นไม่มีเวลาให้ลุกขึ้น จากนั้นหญิงชราก็เอาดาบจ่อคอ

「……ข้าขอยอมแพ้」

「อืม ยังอีกยาวไกลนะพ่อหนุ่ม การฝึกเองก็เป็นก้าวสำคัญ」

หญิงชราพูดเช่นนั้นพร้อมกับเก็บดาบ หญิงชราคนนี้ชื่อชิโนะเป็นอาจารย์ของโนโซมุ

ข้าพบเธอเข้าตอนที่ฝึกอยู่ในป่า

ในตอนนั้นที่ข้ารู้สึกหมดหวังเพราะโดนลิซ่าหักอกและไม่สามารถทำตามคำมั่นสัญญาได้ ข้าก็มาฝึกฝนอย่างหนัก

ราวกับจะหนีความเป็นจริง ฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับหมดอาลัยตายอยาก

ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อหญิงชราคนนั้นส่งเสียงเรียกข้า เพราะเธอทนไม่ได้กับการฝึกอันไร้ความหมายของข้า

「ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว โนโซมุเอ๋ย เตรียมตัวให้พร้อม」

「ครับ อาจารย์」

โนโซมุตอบรับเสียงเรียกของหญิงชรา

แม้ว่าเสียงจะดูเหนื่อยๆ แต่เขาก็เตรียมตัวสำหรับมื้อเย็นด้วยน้ำเสียงชัดเจน

(แม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนกับพืชล้มลุก แต่ก็ยังคงเติบโตได้อีก)

ข้าจ้องมองไปที่เขาพร้อมกับพึมพำเช่นนั้น

ตอนที่ข้าพบกับเขา เขาฝึกอยู่ในป่าด้วยสภาพที่ฝืนตัวเอง

ทำการฝึกซ้ำไปซ้ำมาโดยไร้ซึ่งการพักพ่อน ความเหนื่อยล้าที่สะสมทำให้กล้ามเนื้อของเขาผอมบาง สภาพเหมือนคนกำลังลาโลก ผิวหนังที่มือถูกลอกออกจนหมด ข้อต่อเป็นแผลอักเสบอย่างหนักและร่างกายที่ดูโสมม

ถึงแม้ข้าจะพูดเช่นไร แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะหยุดลง

ใบหน้าที่เห็นในตอนนั้นดูเหมือนคนที่ฝืนตัวเองและฝึกต่อไปเพื่อคว้าอะไรบางสิ่ง

เมื่อข้าเห็นเขาในสภาพเช่นนั้น ด้วยอายุเพียงแค่นั้นมันทำให้ข้าอยากจะตายเสียกระไร

一ข้าพยายามจะเมินไปสักพักหนึ่งแต่เมื่อเวลาผ่านไปดวงตาของยิ่งดำดิ่งลงสู่เหวมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดอะไรเลย แต่เขาก็ก้มลงพร้อมกับเหวี่ยงดาบออกไปอย่างไร้ความหมายราวกับยอมรับชะตากรรม เป็นตอนนั้นเองที่เขาถูกสัตว์อสูรโจมตี

มันเป็นหมาป่าตัวใหญ่ อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้มักจะอยู่กันเป็นกลุ่ม

เป็นสัตว์อสูรระดับต่ำที่ถูกจัดการได้โดยนักผจญภัยทั่วไป แต่ว่าสภาพของมันตอนนี้สำหรับคนที่หมดแรงแล้วมันก็เปรียบเสมือนมังกร

สติของโนโซมุที่เลือนลางและบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย เลือดที่ไหลอยู่เต็มตัวไม่มีใครที่จะช่วยเขาได้

เขาไม่ยอมแพ้กับสถานการณ์เช่นนั้นพยายามดิ้นรนสู้ต่อไปท่ามกลางความสิ้นหวัง

เขาสู้กับหมาป่าแม้ว่าจะเสียเลือดจนเกือบจะตายแล้วก็ตาม

“ข้ายังไม่อยากตาย”“ข้าจะไม่ยอมแพ้”

ฝีมือดาบและเทคนิคนั้นเรียกได้ว่าอ่อนหัด อย่างไรก็ตามดวงตาที่มืดมิดนั่นกลับส่องแสงสว่างราวกับจะบอกว่า “จะต้องมีชีวิต”ต่อไป

ก่อนที่ข้าจะรู้ตัวข้าก็ไปฆ่าพวกหมาป่าเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้แล้ว

หนึ่งสัปดาห์ต่อมามีเด็กหนุ่มที่ฝึกใช้คาตานะแทนที่จะใช้ดาบธรรมดาอยู่หน้ากระท่อมข้า

———————————————————–

หลังอาหารมื้อเย็นทำความสะอาดแล้วเขาก็นั่งตรงข้ามกับอาจารย์และดื่มชาด้วยกัน

ผมที่พบกับอาจารย์ เรียนวิชาดาบกับเธอและเรียนรู้หลายๆสิ่งหลายอย่างจนถึงทุกวันนี้

ข้ารู้สึกเหมือนเห็นแสงแห่งความหวังที่ส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

หลังจากถูกลิซ่าทิ้ง รอบตัวข้าก็ไม่มีใครมายืนเคียงข้างอีกต่อไป ตัวข้าที่เริ่มฝึกกับพวกหมาป่าเหล่านั้นราวกับหลีกหนีชีวิตประจำวันและทำร้ายตัวเองเรื่อยมา

ในพรมแดนแห่งความเป็นและความตายข้า “ยังไม่อยากตาย”มากกว่าที่”ตายๆไปซะก็ดี”

“ไม่อยากตาย” คือความรู้สึก “ที่ต้องการมีชีวิต” มันกลายเป็นอารมณ์ “ที่ว่าอย่ายอมแพ้” ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่

ข้าที่ได้รับการช่วยเหลือจากอาจารย์ก็กลายมาเป็นศิษย์และฝึกฝนต่อไป

ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นดั่งความเจ็บปวดเหนือคณานักเมื่อนึกถึงลิซ่า แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว

นั่นคงเป็นเพราะมีอาจารย์อยู่เคียงข้าง

เมื่อนึกได้เช่นนั้นข้าก็จ้องมองอาจารย์ผู้ซึ่งกำลังเคี้ยวขนมพร้อมกับดื่มชาด้วยรอยยิ้มสดใส ข้าเองก็ยิ้มเล็กน้อยหลังจากเห็นภาพตรงหน้า อาจารย์ที่แกร่งเปรียบเสมือนปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา ภาพลักษณ์นั่นไม่เข้ากับอายุเลยจริงๆ

「อะไรของเจ้ากันน่ะ นี่จ้องข้าตาเขม็งหลงรักข้าแล้วรึไงกัน?」

จากนั้นเองอาจารย์ก็ยิงมุกออกมาอย่างแรง

「เอ่อก่อนพูดก็ช่วยดูอายุของท่านด้วยนะครับ ไม่ว่าผมจะเป็นยังไงก็เถอะผมก็มีกำแพงที่กั้นระหว่างความต่างของอายุอยู่นะครับ!!」

สภาพนั่นทำให้ข้าช็อคไปทันทีเลย เผลอเล่นใหญ่ไปซะแล้ว อาจารย์เองก็ชกมาที่หน้าของข้าราวกับปาเป้า

ยิ่งกว่านั่นนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ขนมกับชาไม่ปลิวไปตามสายลม

「โนโซมุ นี่แกว่ายังไงนะ?」

อาจารย์จ้องข้าตาเขม็งพร้อมกับแสดงท่าทีราวกับมังกรขย่มขวัญศัตรู ถัดมานั้นเองกำแพงป้องกันอันตรายก็ทำงานตัวข้าก้มลงกับพื้นพร้อบกับขอโทษอย่างจริงจัง

「อะเอ่อ ยะยังไงก็ตาม ขออภัยด้วยที่ล่วงเกิน ทะ-ท่าน อ-าจารย์ด้วยนะครับ」

อาจารย์แสดงเทคนิคชั้นสูงให้ข้าเห็นโดยไม่จำเป็น แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงคนตบมุก

อาจารย์ที่เกษียณตัวเองแล้วนั่นเป็นคนที่แกร่งอย่างมากในทวีปแห่งนี้แน่ ถ้าจะให้พูดก็คือ “อาจารย์น่ะเก่งจนเป็นแนวหน้าของสถาบันฝึกดาบเลย”

ยังไงก็ตามนักดาบที่เก่งที่สุดในเมืองนี้ก็คือ จิฮัด รัลเดล เขาเป็นอัศวินแรงค์ S และเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงมากในทวีปนี้

อาจารย์ที่มีพลังเทียบเท่ากับคนๆนั้นเป็นใครกันแน่

หลังจากดื่มชาในขณะที่จมปลักอยู่กับความคิดก็ได้เวลากลับหอพักแล้ว

「ถ้างั้นละก็อาจารย์ ข้าขอตัวกลับก่อนนะ」

「อุมุ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ละเจ้าศิษย์ไม่ได้ความ」

「ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับอาจารย์」

————————————

ข้าที่เห็นโนโซมุกลับไปก็กลับเข้ากระท่อม

เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขาไม่รู้ตัวเลยว่าความสามารถทางกายภาพของเขาสูงขึ้นไปเพราะความสามารถในการพันธนาการของเขา และแม้ว่าทักษะดาบจะไม่ถึงขั้นเทียบข้าได้ แต่เขาเองก็เขยิบเข้าใกล้ข้ามาอีกก้าวแล้ว

มันเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากหากพิจารณาจากการเติบโตที่ผ่านมาในหนึ่งปี

แต่เดิมแล้วเขามีนิสัยใช้ดาบโค้งมากกว่าจะเป็นดาบตรง

แทนที่จะใช้พลังของแขนในการออกแรงเขาใช้แรงทั้งตัวในการเหวี่ยงมัน

มันเป็นความพยายามของเขาที่พยายามจะแข็งแกร่งขึ้นเหนือสิ่งอื่นใด แม้ว่าจะพยายามหลีกหนีความเป็นจริงอยู่ก็ตาม

ตอนแรกก็ยังคงให้ฝึกด้วยการเหวี่ยงดาบธรรมดาและวิ่งรอบๆป่า

แน่นอนก็มีถูกพวกสัตว์อสูรโจมตีเข้ามาบ้าง แต่ก็ป้องกันตัวเองได้ ตามที่คาดไว้ข้าพยายามจัดการสัตว์อสูรส่วนเกินที่จะควบคุมได้

ต่อไปก็เป็นการต่อสู้จำลอง

โดยธรรมชาติแล้วข้าทุ่มเทหมดหน้าตักแต่ไม่เอาให้เขาถึงตาย

ข้าล้มเขาลงโดยไม่ให้คำแนะนำอะไรเลยสักนิดและการที่เขาได้แผลมันก็เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ตอนนี้ข้าเองก็ยังรับมือกับเขาได้อยู่แต่ก็เริ่มมีบางครั้งที่ข้าพลาดจนกระดูกหักเช่นกัน

เขาได้อดทนต่อการฝึกหนักที่ถูกกำหนดไว้ โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะลาออกในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ

ด้วยทักษะปัจจุบันของเขาไม่ต้องสงสัยเลยอีกไม่นานเขาก็จะยืนเผชิญหน้ากับข้าได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่โดนพันธนาการนั่นผูกมัดเอาไว้

เหตุผลส่วนใหญ่เขาไม่สามารถเอาชนะในการต่อสู้จำลองในโรงเรียนได้เนื่องจากพันธนาการนั่น

การที่ถูกจำกัดพละกำลังนั่น แถมยังไม่มีพลังเวทย์ แม้แต่เวทย์ฝึกหัดยังใช้ไม่ได้

การเสริมพลังด้วยคิเองและอุปกรณ์ที่เสริมพลังเวทย์ก็ใช้งานไม่ได้อีก

อีกอย่างหนึ่งที่จะคอยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายก็คือการฝึกเขาให้ใช้คิได้อย่างถูกต้อง แต่ทักษะนั่นก็เป็นอะไรที่ต้องใช้พลังสูงมากและโอกาสพลาดจนผลย้อนเข้าตัวก็สูง ดังนั้นจึงให้ใช้ในการต่อสู้จำลองไม่ได้

โชคดีที่ความสามารถทางกายภาพนั่นต้องใช้พลังและกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกพันธนาการเอาไว้ แต่ว่าโดยส่วนบุคคลแล้วความสามารถตามปกติมันก็เหมือนเครื่องจักรทื่อๆอันหนึ่งเลย เลยต้องหมั่นฝึกเข้าไว้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากผลของการเสริมความแข็งแกร่งเช่น คิ อยู่ในระดับต่ำจึงไม่สามารถมองการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามออก หากฝ่ายตรงข้ามยิ่งเก่งก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก

ทำยังไงก็ออกมาแย่ไปซะหมดเลย

ความกังวลอีกประการก็คือเขายังไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่แน่ชัดเลย

มันอาจจะดีสำหรับการต่อสู้เพราะว่า “อยากจะมีชีวิต” แต่ว่าในอนาคตมันค่อนข้างน่าเป็นห่วง

ถ้าหากถามหาว่า “เพราะอะไรเจ้าถึงต้องแสวงหาความแข็งแกร่ง”

หากเจ้าขับเคลื่อนความแข็งแกร่งโดยไม่มี“หัวใจ” ผลมันก็จะไม่เป็นไปตามที่เจ้าหวัง

และหัวใจเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็พังทลายไปแล้ว

ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำยังไงต่อไปในอนาคต แต่ว่าข้าจะพยายามบอกเขาทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้มานึกเสียใจเช่นข้า

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท