ตอนที่ 405 แวะเยี่ยมเรือนจื่อหยางยามวิกาล
“นางเป็นว่าที่สนมเอกแห่งตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง ข้ากอดไม่ได้กระนั้นหรือ”
จวินมั่วหรันปลดเสื้อคลุมตัว ใหญ่ของเป่ยถางหลงถิงที่อยู่บนตัวเฟิงอู๋โยวออก และคว้าเฟิงอู๋โยวเข้ามากอดแน่น แล้วจูบนางเหมือนไม่มีใครอยู่รอบข้าง
ในหัวของเฟิงอู๋โยวว่างเปล่า รู้สึกเพียงเขินจนทำหน้าไม่ถูก
ต่อให้นางจะหน้าหนาแค่ไหนก็ยังรับมือกับการหยอกเย้าแบบนี้ของจวินมั่วหรันไม่ทัน
เป่ยถางหลงถิงคือผู้อาวุโสเฟิงอู๋โยวยังไม่คุ้นชินกับการทำตัวไม่สำรวมต่อหน้าผู้อาวุโสเช่นนี้
“จวินมั่วหรัน ปล่อย”
“ไม่ปล่อย ข้าเป็นผู้ชายคนสำคัญของเจ้า และจะเป็นตลอดไป”
“…”
เฟิงอู๋โยวหมดคำจะพูด นึกไม่ถึงว่าจวินมั่วหรันจะหึงหวงแม้กระทั่งกับเป่ยถางหลงถิง!
เป่ยถางหลงถิงหงุดหงิด พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห “จวินมั่วหรัน นิวนิวไม่พอใจ เจ้าจงอย่าบังคับนาง!”
“เจ้าไม่พอใจ?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแรงดึงดูดของจวินมั่วหรันสอดแทรกความปรารถนาและเจตจำนงดั่งเดิม ทำเอาเฟิงอู๋โยวขนลุกไปทั้งตัว
“ต้องให้ข้าตอบคำถามน่าไม่อายแบบนี้จริงๆ หรือ จะร้ายจะดี เจ้าก็ควรคำนึงถึงหน้าตาข้าบ้าง” เฟิงอู๋โยวบ่นพึมพำเสียงเล็ก
หากนางไม่พอใจ แล้วจะอยากปล่อยตัวเลยตามเลยกับเขาตลอดทั้งวันทั้งคืนได้เยี่ยงไร
“นิวนิว เชื่อพ่อ พ่อคือคนที่รักเจ้าที่สุดในใต้หล้านี้”
อาจเป็นเพราะความเชื่อใจทางสายเลือด ถึงแม้เป่ยถางหลงถิงจะรู้ความจริงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เฟิงอู๋โยวได้กลายเป็นความห่วงหาเพียงหนึ่งเดียวภายในใจเขาไปแล้ว
เฟิงอู๋โยวสัมผัสได้ว่าจวินมั่วหรันเริ่มหึงหวงขึ้นเรื่อยๆ จึงหยุดฝีเท้าลงและพูดกับเป่ยถางหลงถิงอย่างจริงจัง “ตาเฒ่า เจ้าไม่ต้องกังวลชื่อเสียงของข้า ของพรรค์นั้นข้าไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว ช่วงสองสามปีที่อยู่แคว้นเป่ยหลี บรรยากาศภายในค่ายศึกตึงเครียด ข้าร่วมเตียงนอนกับทหารสิบกว่าคนบ่อยครั้ง เจ้าคิดว่าข้าที่ผ่านเรื่องแบบนี้มามากมาย จะผุดผ่องไร้มลทินและสะอาดดุจหยกขาวเหมือนเป่ยถางหลีอินกระนั้นหรือ”
“นิวนิว เจ้าอย่าได้กล่าวโทษตัวเองแบบนี้เลย ทั้งหมดโทษพ่อเอง!”
เป่ยถางหลงถิงทนฟังความลำบากยากเข็ญของเฟิงอู๋โยวตลอดสองสามปีที่ผ่านมาไม่ได้
เขาในตอนนี้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
“ข้าไม่คิดจะโทษเจ้า ก็แค่เล่าความจริงก็เท่านั้น”
เห็นได้ชัดว่าเฟิงอู๋โยวดูนิ่งสงบเป็นที่สุด
แต่ว่ายิ่งนางเห็นเป่ยถางหลงถิงร้องไห้เสียงดังมากแค่ไหน ในใจก็ยิ่งทนไม่ได้ จึงหลุดปากพูดออกไป “ขอบใจสำหรับเรื่องในคืนนี้”
“นิวนิวไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ทั้งหมดควรเป็นหน้าที่พ่อ”
เป่ยถางหลงถิงนึกไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะยอมปลอบเขา ภายในใจก็ยิ่งรู้สึกทรมานใจ
ความรู้ประสา เข้าใจสถานการณ์ของเฟิงอู๋โยว ทำเขาปวดใจขึ้นมา
ในมุมมืด เป่ยถางหลีอินจ้องมองเป่ยถางหลงถิงที่น้ำตาไหลอย่างเงียบงัน หัวใจราวกับดับสลาย
สองสามวันนี้น้ำตาของเป่ยถางหลงถิงหลั่งออกมามากกว่าก่อนหน้านี้สิบเจ็ดปีรวมกันเสียอีก
บางทีนี่คงเป็นความรักอันลึกซึ้งระหว่างพ่อและลูกสาวสินะ
“ไม่! เฟิงอู๋โยว แกจงอย่าคิดแย่งทุกอย่างไปจากข้า!”
ดวงตาทั้งสองข้างของเป่ยถางหลีอินแดงก่ำ ฟันขบกันแน่น ก่อนหันกลับและมุ่งหน้าไปที่เรือนจื่อหยางอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ มีเพียงไป๋หลี่เหอเจ๋อเท่านั้นที่สามารถช่วยนางได้
เป่ยถางหลีอินคิดเช่นนี้พลางกำผ้าเช็ดหน้าที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อมอบให้แน่น เสี้ยวความหวังริบหรี่ผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง
…
ณ ศาลาตี๋ซิง เรือนจื่อหยาง
ไป๋หลี่เหอเจ๋อยืนพิงเสา แววเหินห่างสะท้อนขึ้นระหว่างคิ้วของเขา ประหนึ่งเซียนตกสวรรค์ผู้สันโดษที่ตัดขาดจากโลก เยือกเย็น เดียวดาย ไม่อาจสัมผัสได้
“นายท่านเจ้าคะ ฟ้ามืดแล้วเจ้าค่ะ”
ฉู่สือซื่อยืนอยู่ด้านหลังไป๋หลี่เหอเจ๋อ นางคลุมเสื้อคลุมกันลมจากขนจิ้งจอกให้เขาอย่างเบามือ
“หลังจากเรือนจื่อหยางถูกเผา ข้ามักจะรู้สึกหัวใจว่างเปล่าอยู่เรื่อยมา”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อกวาดมองเรือนจื่อหยางที่สร้างขึ้นใหม่ พลันรู้สึกไม่เหมือนตอนแรก
ฉู่สือซื่อเอ่ยขึ้นด้วยเคารพ “ผ่านไปอีกสักพัก เรือนจื่อหยางจะต้องกลับไปเป็นเหมือนวันวานแน่นอนเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อผุดรวยยิ้มขมขื่น ต่อให้เรือนจื่อหยางกลับไปเป็นแบบเดิม แต่หัวใจของเขาไม่มีทางกลับไปเหมือนตอนแรกได้อีกครั้ง
ไม่นานเมื่อเห็นฉู่จิ่วพาตัวเป่ยถางหลีอินที่ชุ่มเป็นด้วยเหงื่อมาถึงที่ศาลาตี๋ซิง ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ตั้งสติกลับมานิ่งขรึมเหมือนปกติอีกครั้ง
ดวงตาของเป่ยถางหลีอินเป็นประกาย ยังไม่ทันเอ่ยปากก็หน้าแดงเสียแล้ว
ไป๋หลี่เหอเจ๋อกวาดมองเรียบนิ่ง เอ่ยด้วยเสียงเยือกเย็นเข้ากระดูก “แวะมาเยี่ยมเรือนจื่อหยางยามวิกาล มีเรื่องอันใดมิทราบ”
เป่ยถางหลีอินชำเหลืองมองฉู่ชีที่อยู่ด้านหลังไป๋หลี่เหอเจ๋อ และเอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมพูดอยู่นาน
ฉู่ชีเห็นเช่นนั้นจึงโค้งคำนับถอยไปและยังไม่ลืมปิดประตูอย่างรอบคอบ
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
ถึงแม้ไป๋หลี่เหอเจ๋อจะคาดการณ์ได้ว่าเป่ยถางหลีอินจะต้องมาเยือน แต่เขาเป็นโรครักควาวมสะอาดขนาดหนัก จึงไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาในศาลาตี๋ซิงโดยพลการ
เมื่อได้กลิ่นเครื่องร่ำแป้งหอมตามตัวของเป่ยถางหลีอิน คิ้วงามได้รูปของเขาก็ขมวดเล็กน้อย
เป่ยถางหลีอินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก จากนั้นก็รวบรวมความกล้าปลดเสื้อผ้าบนร่างกายออก
แววตาของนางซุกซ่อนความหวั่นใจ แต่กระนั้นก็ยืนหยัดพูดออกไป “ท่านราชครูเจ้าคะ หลีอินชอบท่าน ตั้งแต่แรกพบกัน หลีอินก็หลงรักท่านอย่างไม่อาจถอนตัว”
“เจ้าต้องการอภิเษกสมรสกับข้าหรือ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อจ้องมองนางแน่นิ่ง ดวงตาไร้แววใคร่อยากแม้แต่น้อย
เป่ยถางหลีอินเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่แยแสก็พยายามยิ่งกว่าเดิม นางรุดเท้าก้าวไปด้านหน้าไป๋หลี่เหอเจ๋อและกอดร่างอันเยือกเย็นของเขาแน่น
นางหนาวสะท้านขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว พูดขึ้นเสียงสั่น “หลีอินปรารถนาอยากอภิเษกสมรสกับท่านราชครูจริงๆ เจ้าค่ะ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเหลือบตามองเป่ยถางหลีอินที่แนบชิดร่างกายตัวเอง ภายในใจเกิดความรังเกียจ
เขาผลักนางออกไปข้างๆ ทันที “สตรีแห่งแคว้นเป่ยหลีล้วนเปลืองตัวเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ”
เป่ยถางหลีอินตอบกลับ “กล้าหาญไล่ตามความรักย่อมไม่ผิด”