พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

บทที่1ตอนจบ・พาร์ทแรก

ไม่กี่วันก็ได้มาเผชิญหน้ากับการต่อสู้จำลองกับมาร์อีกครั้ง

วันนี้อาจารย์ก็เรียกข้าให้ไปหาที่กระท่อมด้วยเมื่อเลิกเรียน ดังนั้นข้าเลยรีบกลับหอพักหลังเลิกเรียน จากนั้นก็รีบไปหาอาจารย์

แล้วก็การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว เหลือเวลาอีกแค่สองวันก่อนวันสอบ

การสอบของสถาบันโซลมินาตินั้นยากมาก ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องทำการสอบปลายภาคมันยากเสียยากยิ่งกว่ายาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวข้าที่ต้องพึ่งข้อสอบข้อเขียนอย่างมาก พูดตามตรงต้องตั้งใจเป็นอย่างมาก

โดยปกติพอใกล้ช่วงสอบจะงดการฝึกทันทีและตั้งสมาธิไปกับการสอบ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจารย์กลับเรียกตัวข้าไปพบ

「เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ปกติอาจารย์ไม่เคยทำแบบนี้เลยนี่」

เธอพูดด้วยท่าทีจริงจังต่างจากปกติ「ไม่เป็นไรใช่ไหม เจ้ามาได้สินะ!」ข้ากังวลเล็กน้อยกับอาจารย์ในตอนนี้

เมื่อมาถึงกระท่อมข้าก็พบกับอาจารย์ที่นั่งดื่มชาตามปกติ

「โฮะ โฮะ เจ้ามาถึงแล้วงั้นเหรอโนโซมุ」

เธอทำท่าทางผ่อนคลายราวกับเป็นเรื่องปกติ

「อาจารย์ครับวันนี้มีอะไรงั้นเหรอครับ? ข้าเองการสอบก็จะใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ ข้าต้องขอตัวนะครับ」

ถ้ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงข้าก็ยินดีจะรับฟัง เธอเองก็ฝึกข้ามาหลายอย่างและตอนนี้ข้าก็ใช้เทคนิคต่างๆได้บ้างแล้วจากแต่ก่อนที่ใช้ไม่ค่อยได้ แต่ว่าการต่อสู้ก็ยังยากลำบากอยู่ดี

「น่าาาาาา วันนี้เจ้าต้องไปกับข้า หากเจ้าไม่ตอบรับคำเชิญของสาวสวยอย่างข้า เจ้าก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะ~。」

…………นี่ยายบ้านี่กำลังพูดอะไรเนี่ย…………

「…………อาจารย์ นี่เมาตั้งแต่หัววันเลยเหรอครับ?」

「ใช่ที่ไหนกันละเจ้าศิษย์โง่!นี่แกหัดเคารพข้าบ้างสิ」

「ข้าก็เคารพท่านอาจารย์อยู่แล้ว เว้นแต่อาจารย์จะพูดอะไรที่มันแปลกๆนั่นแหละครับเหมือนพวกลวงโลก」

「ว่าใครลวงโลกกัน!ข้าเคยพูดแบบนั้นตอนไหนหะ!!!」

อาจารย์กำลังพูดด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว

「ถ้าข้าพูดว่าสาวสวยในตอนนี้ก็คงโกหกจริงๆ!ข้าน่ะ อดีต สาวสวย!!」

「…………กำลังพูดบ้าอะไรกันเนี่ย」

อาจารย์หยิบดาบด้วยแววตาอาฆาต นกป่าที่อยู่รอบๆกระท่อมต่างโผบินออกไปด้วยสัญชาติญาณ

……น่ากลัววุ้ย…………ผมของอาจารย์ตั้งขึ้น และความโกรธนั่น…หากมองจากมุมมองทางบ้านเกิดของเธอแล้วคงถูกเรียกว่ายักษ์มาร

แต่ว่าข้าจะมาแพ้ตรงนี้ไม่ได้ แม้จะสับสนนิดหน่อยก็เหอะแต่ตัวข้าที่เป็นนักตบมุกก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน

เธอสามารถที่จะฆ่าหรือไม่ฆ่าก็ได้สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้(ข้าคิดแบบนั้น)

ข้าจะต้องสอนคนๆนี้ให้รู้กับการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมซะบ้าง ใช่ว่าจะใช้อารมณ์

…………มิฉะนั้นสภาพตรงหน้าข้าไม่สามารถรอดไปได้แน่!!!

「ช่าย สำหรับเจ้าข้าคงดูเหมือนคนไม่มีเหตุผลละซิ「(หึ!)ทำบ้าอะไรของยัยแก่ฟะ」สำหรับเจ้าๆคงมองข้าเป็นแบบนั้นตลอดเลยสินะー」

……ข้าหยุดไม่อยู่แล้ว

……อาจารย์อย่าฆ่าข้าเคยอย่างน้อยทำให้ข้าสลบก็พอเถอะ กราบละ……。

◇◆◇

จากนั้นเองอาจารย์ก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องราวของตัวเองว่าทำไมถึงจากบ้านเกิดมาและมาอยู่ที่นี่

เธอเองก็อยากฟังเรื่องราวของข้าก็เลยเรียกข้ามาเพื่อให้เล่าให้ฟัง ข้าก็เล่าทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งหมด

แม้ว่าเธอจะรู้ทั้งหมดแล้วแต่เธอก็ยังอยากฟังเรื่องราวมากกว่านี้

เธอพยักหน้าหลายครั้งพร้อมกับสีหน้าที่มีความสุข

…………ราวกับว่าเธอกำลังพยายามสลักเรื่องราวเหล่านี้ลงในจิตใจไม่ให้ลืมเลือน

ขณะที่ข้ากำลังพูดอยู่นั้นเองสภาพรอบๆก็เริ่มกลายเป็นสีแดง ดูเหมือนตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว

อาจารย์มองท้องฟ้าก่อนจะบ่นออกมา

「ถ้างั้น มาเริ่มการฝึกครั้งสุดท้ายกันเถอะ」

◇◆◇

หลังจากได้พูดคุยกับโนโซมุแล้ว ก็เป็นเรื่องราวทั่วไป เกิดที่ไหน ครอบครัวเป็นยังไงบ้าง เจ้านั่นชอบอะไร

เป็นการพูดคุยกันตามปกติ จนถึงตอนนี้ข้าไม่เคยคุยกับเขามากขนาดนี้มาก่อน ตลอดมานั้นข้าใช้ดาบเป็นตัวแทนเสมอ

ดาบ ดาบ และก็ดาบ

ข้าพยายามสอนทุกสิ่งทุกอย่างถ่ายทอดทุกอย่างจนถึงท้ายที่สุดเท่าที่ทำได้

ตอนนี้เขาเองก็กลับมาพูดคุยได้ตามปกติแล้วและดูสดใสขึ้นเยอะ ทำให้ข้าดีใจที่เขาค้นพบตัวเอง

ไม่คิดเลยว่าจะต้องมานั่งคุยกับเจ้าศิษย์ตัวน้อยคนนี้

…………ไม่หรอก ตามจริงข้าก็แค่อยากจะหลีกหนีความจริงเหมือนกับโนโซมุที่ “ลังเลใจเพราะคนรัก” ข้าเองก็หนีความจริงที่ว่าข้า “ถูกคนในครอบครัวทรยศ”ก็เลยเลี่ยงผู้คนมาตลอด

…………ข้านะเป็นแค่คนเขลา

ด้วยเหตุนี้เองข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดศิษย์คนนี้เช่นกัน……。

ชายผู้นี้ที่โหยหาอาจารย์ที่ตกต่ำเช่นข้า อย่างน้อยข้าก็รู้สึกที่เขาไว้ใจข้าถึงขนาดนี้

ถ้าข้าเกิดมาในช่วงเดียวกันกับเขาคนนี้………….ข้าเองก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าหนุ่มนี่

ยังไงก็ตามสายสัมพันธ์ของพวกเราไม่ใช่คนรักแต่ผูกมัดกันด้วยอาจารย์และลูกศิษย์ ถึงแม้จะแอบเสียใจเล็กน้อย แต่นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ข้าจำได้ในช่วงสุดท้ายนี้

สำหรับข้าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ต่อไปก็เป็นตาของเจ้า………………ข้าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เจ้าก้าวเดินต่อไปได้

「เอาล่ะ มาเริ่มการฝึกครั้งสุดท้ายกันเถอะ」

◇◆◇

อาจารย์พูดเหมือนว่าเธอจะจากไปที่ยังไกลแสนไกล

「อาจารย์ ครั้งสุดท้ายงั้นเหรอ…………」

「ใช่นี่เป็นครั้งสุดท้าย ที่ข้าจะสอนเจ้า ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามี」

ท่าทางของอาจารย์ยังไม่เปลี่ยนไป แม้คำพูดของเธอจะดูเรียบๆ แต่คำพูดต่อไปของอาจารย์ก็พูดด้วยบรรยากาศ…………

「ถ้างั้นละก็! สิ่งสุดท้ายที่ข้าจะสอน「กฏข้อสุดท้าย………….ระหว่างแกกับข้าจะต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง」

「……………………เอะ」

ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูด

ฆ่ากัน?ข้า?กับอาจารย์?

「พูดอะไรกันครับ ! หมายความว่ายังไงกันแน่!!」

อาจารย์ไม่พูดอะไร พร้อมกับอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้เต็มที่

「อาจารย์ครับ!! ตอบผมด้วยครับ「ข้าไม่มีอะไรจะต้องพูดกับเจ้า เจ้าต้องไม่ถามข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงพวกเราก็ต้องฆ่ากันอยู่แล้ว?」อาจารย์!!!!」

แววตาของอาจารย์เปลี่ยนไปแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความกดดันอันหนักหน่วย เห็นได้ชัดว่าเธอเอาจริงเป็นอย่างมาก

ข้ายังคงถามคำถามต่อไป

「ทำไมกันละครับ! แล้วไอ้ที่ว่าครั้งสุดท้ายนี่หมายความว่ายังไง!! ต้องมาฆ่ากันเองแบบนี้………….ท่านคิดอะไรอยู่กันแน่!!!」

「………………………………」

เธอไม่พูดอะไร เธอแสดงออกด้วยการกระทำแทน

ตอนที่ร่างของอาจารย์สั่นไปชั่วครู่ จิตสังหารอันแรงกล้าก็ถูกปลดปล่อยออกมา

วินาทีต่อมาเธอก้าวมาอยู่ตรงหน้าข้า ดาบที่ใส่ไว้ในฝักนั่นถูกดึงออกมาจ่อที่คอข้า

ข้ารีบกลิ้งไปบนพื้นทันที ดาบนั่นลอยอยู่เหนือตัวข้า อาจารย์เตะข้าที่กำลังกลิ้งอยู่

ข้ารับการเตะด้วยแขนขวา แต่ว่าแรงเตะนั้นแรงกว่าที่ข้าคิดมันส่งข้ากระเด็นจนชนกับต้นไม้

「อรั่กกกกกกก……」

แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่ข้าก็ต้องลุกขึ้น ข้าต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างนี่และกลับมาตั้งท่าอีกครั้ง ตอนนั้นเองข้าก็ดึงดาบคาตานะออกมาเพื่อรับการโจมตีครั้งถัดไป

「อาจารย์! เกิดอะไรขึ้นกับท่านกันแน่เนี่ย!」

อาจารย์ไม่พูดแต่ยังคงฟันดาบมาที่ข้า

ดวงตานั่นบ่งบอกชัดเจน “ข้าไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องบอกเจ้า”

…………อาจารย์ก็เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ยอมให้มีคำถามระหว่างการฝึกและมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรในการฝึก หากยังพูดมากจะได้รับบทเรียนเป็นสองเท่า

เห็นได้ชัดว่าเธอจะไม่ยอมพูดอะไรหากข้าไม่สู้กลับ

แต่คราวนี้อาจารย์ทำตัวแปลกอย่างเห็นได้ชัด

ตลอดมาเธอไม่เคยพูดคำว่า “ฆ่า” เลยแม้แต่น้อยส่วนมากก็จะพูดแค่ว่า “อาจถึงตาย” ในการฝึกซ้อมเท่านั้นเอง

แต่ตอนนี้แววตาของเธอเต็มไปด้วยจิตสังหารและเป้าหมายหวังที่จะเด็ดหัวข้าจริงๆ

อาจารย์ที่ทำตัวแปลกไป โผล่มาทางด้านข้างและฟันออกมาอย่างรวดเร็ว

ข้าใช้จิตวิญญาณเพื่อเสริมเข้าไปในดาบและร่างกาย ดาบของอาจารย์ยกขึ้นจนเหนือความคาดหมายข้าป้องกันการโจมตีนั่น แต่เธอก็โจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ซ้ายมือ ขวาบน ซ้ายบน การโจมตีอันต่อเนื่องและลื่นไหลเป็นดั่งวายุที่โหมกระหน่ำคู่ต่อสู้

ถ้าพยายามเบี่ยงวิถีดาบและขยับตัวเล็กน้อย

ถึงอย่างงั้นพลังในการฟันก็ยังคงท่วมท้น ถึงแม้จะใช้ดาบสไตล์เดียวกันแต่ว่า ทักษะ ความแข็งแกร่งทางกายและประสบการณ์มันเทียบกันไม่ติด!

ข้าจำเป็นต้องถอยเพราะทนรับการโจมตีไม่ไหว แต่ว่าอาจารย์ก็ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ดาบของพวกเราปะทะกันด้วยความเร็วสูง

ตอนนี้เป็นช่วงพลบค่ำแล้วความมืดล้อมรอบไปทั่วบริเวณมีเพียงวิถีของดาบที่ส่องสว่างท่ามกลางแสงจันทร์ที่สะท้อนการคงอยู่ของสองเรา

การเคลื่อนไหวของทั้งสองแตกต่างกันไปแต่ขาของทั้งสองยังคงตั้งมั่นวาดวิถีดาบแลกซึ่งกันและกัน

คิ “ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ-”

เป็นการผสมผสานระหว่างการใช้คิ “ก้าวพริบตา”ที่จะเสริมการเคลื่อนไหวชั่วขณะเพื่อสร้างแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลในจุดศูนย์กลาง และทำให้สามารถใช้การเคลื่อนไหวซับซ้อนในการใช้ดาบได้

พูดง่ายๆในความเป็นจริงการจะใช้จะต้องมีขาและสะโพกที่แข็งแรงเป็นอย่างมากที่จะสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงระหว่างขาได้อย่างละเอียดอ่อน โดยเคลื่อนไหวให้ขยับตัวได้น้อยที่สุเ

หากไม่มีขาที่แข็งแรงก็จะสูญเสียท่าทางและหากรับแรงกระแทกไม่ได้ด้วยสะโพกก็จะเสียการทรงตัว

เป็นเทคนิคชั้นสูงที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายและความละเอียดอ่อน

ท้ายที่สุดแล้วเพลงดาบของอาจารย์ก็เหนือกว่าข้าอยู่ดี เพราะ”ก้าวพริบตา”นั่นอาศัยความสามารถของผู้ใช้งาน

อาจารย์ที่ฝีมือดาบดีกว่าข้าทำให้ข้าต้องถอยหลังและสุดท้ายอาจารย์ก็หยุดโจมตี

「หนอยยยย!!」

ข้าหยุดการโจมตีของอาจารย์ไปได้อีกครั้งแต่สถานการณ์ตอนนี้วัดกันด้วยพลัง

ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ไม่ได้ใช้แค่ “ดาบ”ในการโจมตี

「อ่อก!!」

หลังจากการฟันนั่นอาจารย์ก็เหวี่ยงฝักดาบเข้ามาด้วยมืออีกข้าง ฝักที่เสริมพลังด้วยคินั้นสามารถบดขยี้กระดูกของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย

การโจมตีของอาจารย์ผสานเป็นดาบคู่ซึ่งใช้ดาบและฝักดาบในการโจมตีเธอโจมตีรวดเร็วกว่าเดิม แต่พลังการโจมตีก็ลดลง ถึงกระนั้นข้าก็ยังต้องทนรับการโจมตีอันแสนดุเดือด

วิธีการต่อสู้ของเธอครอบคลุมไปทุกส่วนของร่างกาย ไม่เพียงแต่ผสมผสานวิชาดาบเข้าด้วยกันแต่ยังใช้ประโยชน์ของร่างกายจนถึงขีดสุดนี่แหละคือวิธีการต่อสู้ดั้งเดิมของพวกเรา

ข้าเองก็ตัดสินใจใช้การโจมตีแบบดาบคู่ด้วยเช่นกันแต่การโจมตีของอาจารย์ก็ยังรุนแรงขึ้นไปอีก

ด้วยความแตกต่างของพลังและความสามารถดั้งเดิมของแต่ละฝ่ายมันส่งผลอย่างชัดเจน ข้ากันการโจมตีไม่ทันจนกระเด็นออกไป

「อึกอ๊ากกก!!」

ฝักดาบของอาจารย์กระทบกับต้นแขนของข้า โชคดีที่กระดูกยังไม่หัก

อาจารย์ไม่สนใจข้าที่กำลังเจ็บปวด ฟันดาบชั่วพริบตามาโดยที่ข้ายังเคลื่อนไหวช้าลงอยู่

ข้าไม่สามารถเอาดาบมากันได้ทันเวลา ดังนั้นจึงเบนร่างกายเพื่อหลบ แต่ก็โดนเตะซ้ำอีกครั้ง

เมื่อตัดสินใจว่าไม่สามารถหลบได้จึงกระโดดถอยหลังเพื่อลบแรงกระแทก

การกระโดดนั่นทำให้ข้าเผยช่องว่างอยากมาก

มันเหมือนกับการโจมตีครั้งก่อน แต่ไม่ใช่เช่นนั้นอีกต่อไปข้าเอาดาบใส่กลับเข้าฝัก

ในขณะที่ถูกกระแทกลงบนพื้น ข้าพยายามกดพลังลงไปที่ใบดาบให้มากที่สุด

เทคนิคที่ข้าทำได้แค่ครึ่งๆกลางๆก่อนหน้านี้ ทำให้ข้าใช้มันได้ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจหยิบไพ่ตายสุดท้ายนี่ออกมา!

คิ“คมดาบลวงตา”

ใบมีดที่ถูกบีบอัดคิจะบินออกไปด้วยความเร็วสูง ไม่นานหลังจากชั่วพริบตา เขาพุ่งเข้าหาอาจารย์ มันควรจะเป็นเช่นนั้นแต่มันยิ่งกว่านั้น

「ย๊ากกกกก!!」

ตอนนั้นเองเหมือนว่าเราทั้งคู่จะตัดสินการต่อสู้เสียงระเบิดดังลั่นโดยรอบรอยขีดข่วนมากมายเต็มไปทั่วร่าง

ตอนที่ข้าเห็นอาจารย์ ข้าก็ฟันดาบออกไปในวิถีเดียวกับที่เห็น ข้าที่ฟันไปเช่นนั้นอาจารย์ก็ไม่พลาดช่องโหว่นั่นแน่ๆ

อาจารย์ตะโกนก้อนพร้อมกับพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ข้าพยายามรับการโจมตีนั่นอย่างเร่งรีบ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเวลา เธอเอาฝักดาบขวางทางดาบของข้า จากนั้นก็เหวี่ยงดาบลงมา

คิ“คมดาบลวงตา―หวนคืน―”

ข้าวาดวิถีดาบตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้และดาบนั่นก็ฉีกร่างของข้า

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท