ตอนที่ 414 พระพันปีตั้งครรภ์ / ตอนที่ 415 ศึกษาพิจารณาบทละคร
ตอนที่ 414 พระพันปีตั้งครรภ์
ณ ตำหนักคุนหนิง
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนนั่งยองๆ ด้านหน้ากระโถน อาเจียนไม่หยุด
พระพักตร์ซีดเซียว อารมณ์แปรปรวน
ท้าวนางกุ้ยเห็นเช่นนั้น จึงปลอบประโลมอารมณ์ของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน “พระชนนีเจ้าคะ โปรดทำใจให้สบายเจ้าค่ะ ไม่ว่าลมคลื่นจะพัดเซให้เอียงเพียงใด เมื่อถึงเวลาจอดเทียบท่า เรือก็จะจอดได้ตรงเอง[1] และพวกเราจะเป็นเหมือนทุกครั้ง เรื่องร้ายย่อมกลายเป็นดีเจ้าค่ะ”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนรับผ้าเช็ดหน้าที่ท้าวนางกุ้ยยื่นมาให้เช็ดพระโอษฐ์อันสวยงามเบาๆ “ฮ่องเต้ยังไม่ยอมเข้าใกล้นางกำนัลกระนั้นหรือ”
“องค์ฮ่องเต้ทรงดื้อรั้นยิ่งนัก วันนี้ทรงลาป่วย ไม่ยอมว่าราชกิจช่วงเช้า ประทับอยู่ในห้องสมุดตลอดทั้งวันพะย่ะค่ะ”
“ก็แค่ร่วมหลับนอนกับนางกำนัลเองไม่ใช่หรือ เอาแต่กระมิดกระเมี้ยนไม่เข้าท่า!”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนแค่นเสียงหึในลำคอ ก่อนบ่นพึมพำกับตัวเอง “เกรงว่าร่างกายของข้าคงรอได้อีกไม่นาน มิสู้ดำเนินตามแผนให้สุดตัว”
“เกรงว่าคงไม่เหมาะสม แม้ว่าฮ่องเต้ยังเด็ก แต่ความแข็งแกร่งของเซ่อเจิ้งหวางก็ไม่ควรถูกประเมินต่ำเกินไป หากคิดกระทำการบุ่มบ่ามในตอนนี้ เกรงว่าคงเป็นการตีหญ้าให้งูตื่นและก่อให้เกิดหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ขอรับ” สีหน้าของจงเซิ้งก็ดูไม่ได้เช่นกัน
สายตามองท้องของพระพันปีหลวงที่นูนขึ้นเรื่อยๆ หากยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวอีก ถึงตอนนั้นคงแก้ไขได้ยาก
“แบบนี้ก็ไม่ใช่ แบบนั้นก็ไม่ใช่! หรือว่าข้าทำได้แค่นั่งรอความตายอยู่ในตำหนักคุนหนิง”
“ขอพระพันปีหลวงโปรดอย่ากังวล กระหม่อมได้ยินมาว่า ขณะที่กำลังเตรียมพิธีอภิเษกสมรส เซ่อเจิ้งหวางวางแผนจะออกจากเมืองเป็นในช่วงเวลาสั้นๆ เราอาจจะรอจนกว่าเซ่อเจิ้งหวางออกไปนอกเมืองก่อน แล้วค่อยลงมือ หากเป็นเช่นนี้ ลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าขอรับ”
พระเนตรนกการเวกของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนหรี่ลง ตรัสขึ้นเสียงขรึม “จงทำตามที่เจ้าบอก ส่วนเรื่องของเฟิงอู๋โยว ข้าไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน”
ตั้งแต่พระพันปีหลวงเห่อเหลียนรู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นบุตรีของหลิงซู่ซู่ ภายในใจก็เคียดแค้นเป็นที่สุด
เมื่อสิบแปดปีก่อนหน้านี้ อดีตฮ่องเต้แห่งแคว้นตงหลินลุ่มหลงหลิงซู่ซู่จนหน้ามืดตามัว ถึงขั้นวางแผนจะถอดถอนพระฐานะอัครมเหสีของนางและแต่งตั้งหลิงซู่ซู่ขึ้นมาแทน
โชคดีที่สายตาของหลิงซู่ซู่ทระนงตนเกินไป ไม่สนใจอดีตฮ่องเต้แห่งแคว้นตงหลิน และหันไปอยู่ในอ้อมกอดของเป่ยถางหลงถิง
ทว่า อดีตฮ่องเต้แห่งแคว้นตงหลินกลับไม่ยอมจำนน
เพื่อต้องการอยู่ใกล้หลิงซู่ซู่ อดีตฮ่องเต้แห่งแคว้นตงหลินตัดสินใจย้ายเมืองหลวงของแคว้นตงหลินมาตั้งอยู่ระหว่างเขตชายแดนติดกับแคว้นเป่ยหลี โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของเหล่าทหารขุนนางในราชสำนัก
เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต พระพันปีหลวงก็โกรธจนตัวสั่น
“พระมารดาเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ”
จี้มั่วจื่อหยวนเดินเข้ามาในตำหนักคุนหนิง เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนก็เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“ข้าจะทำอะไรได้อีก ร่างกายของข้าแย่ลงทุกวันแต่เจ้ากลับยังไม่สำเหนียก อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังไม่คิดจะออกเรือนอีก!”
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนมองจี้มั่วจื่อหยวนผู้สง่างาม ไฟโทสะปะก็ทุขึ้นปุดๆ
นางชี้นิ้วด่าทอจี้มั่วจื่อหยวนยกใหญ่
“ไร้ประโยชน์ เจ้าดูอย่างเฟิงอู๋โยวเข้าสิว่าฉลาดแค่ไหน! วันๆ เจ้ามัวแต่ปรนนิบัติสตรีแก่อยู่ตลอดทั้งวัน บุรุษหน้าไหนจะชอบเจ้า มิสู้เรียนรู้จากคนอื่น เป็นฝ่ายเริ่มก่อน รวบหัวรวบหางให้สิ้นเรื่องเร็วๆ”
“พระมารดาเจ้าคะ เรื่องของความรู้สึกย่อมไม่อาจบังคับฝืนใจ ระหว่างลูกกับเซ่อเจิ้งหวางไร้ซึ่งวาสนาต่อกันเจ้าค่ะ”
“ทุกเรื่องขึ้นอยู่กับการกระทำ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเซ่อเจิ้งหวางมั่งคั่งมากแค่ไหน ตอนนี้ ที่เรือนแพทย์พยากรณ์เต็มไปด้วยของกำนัล! ในมือของเฟิงอู๋โยวยังคงถือครองทรัพย์สินทั้งหมดของเซ่อเจิ้งหวางอีก! ทั้งที่เจ้าทำความดีให้กับผู้คนมากมาย แต่สถานะของเจ้าในใจของประชาชนในแคว้นตงหลินกลับเทียบกับเฟิงอู๋โยวที่เพิ่งมาใหม่ไม่ได้ เจ้าเคยคิดเรื่องนี้หรือไม่”
เมื่อเร็วๆ นี้ พระพันปีหลวงเห่อเหลียนอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อยๆ และนางก็ไม่อ่านพระไตรปิฎกแล้ว เห็นหน้าใครก็ด่ากราดไปหมด
จี้มั่วจื่อหยวนไม่ต้องการทำให้พระพันปีหลวงเห่อเหลียนฉุนเฉียวไปมากกว่านี้ ดังนั้นจึงยืนก้มหน้าหลบตา ไม่พูดอะไรสักคำ
ตอนที่ 415 ศึกษาพิจารณาบทละคร
จงเซิ้งเห็นอารมณ์ของจี้มั่วจื่อหยวนไม่ค่อยดีนักก็รีบเข้าไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “ยศฐาขององค์หญิงคนโตสูงส่ง เหตุใดต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ว่าเฟิงอู๋โยวช่างหลักแหลม นำผ้าไหมผ้าแพรส่วนใหญ่ที่เซ่อเจิ้งหวางมอบให้ไปประมูลในราคาสูงและนำเงินที่ได้มาไปช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยาก ไม่ว่าจะพูดเยี่ยงไร สถานะของนางในใจของประชาชนแคว้นตงหลินล้วนมีได้เพราะเงินทอง ไม่คุ้มค่าที่จะชื่นชมยกย่อง”
อารมณ์ของจี้มั่วจื่อหยวนหม่นหมองมากกว่าเดิม นางบ่นพึมพำกับตัวเอง “ข้าควรทำเยี่ยงไร หัวใจของเซ่อเจิ้งหวางถูกเฟิงอู๋โยวกุมไว้อย่างแน่นหนา ข้ายังมีวิธีใดอีก”
“หากเฟิงอู๋โยวกลายเป็นศพก็พอมีโอกาสไม่ใช่หรือ ถึงตอนนั้น เจ้าสามารถเข้าไปประคองหัวใจ โดยอาศัยช่วงที่เซ่อเจิ้งหวางจิตใจอ่อนแอและกุมหัวใจของเซ่อเจิ้งหวางให้อยู่หมัด” พระพันปีหลวงเห่อเหลียนพูดขึ้นอย่างชั่วร้าย
จี้มั่วจื่อหยวนรู้สึกตกใจ นางแทบไม่ลังเลที่จะลงมือฆ่าคน แต่ก็ไม่คุ้นชินกับการกระทำละเมิดกฎแห่งสวรรค์
แต่เพื่อให้ได้จวินมั่วหรันกลับมา นางกลับเต็มใจจะลงมือเดิมพันดูสักตั้ง
…
วันรุ่งขึ้น ตอนดึก
พระจันทร์ลอยเหนือยอดไม้ จักจั่นในช่วงสาทรฤดูกำลังส่งเสียง
เฟิงอู๋โยวนอนพลิกไปมาอยู่บนเตียง ไม่ว่าจะนอนเยี่ยงไรก็ไม่สบายตัว
นางชินกับการนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของจวินมั่วหรัน
วันนี้ไม่เห็นเงาจวินมั่วหรันตลอดทั้งวัน นางรู้สึกว่าภายในใจโหวงเหวง ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า
ไม่นานนางก็ลุกขึ้นพรวด ก้าวฉับๆ ไปที่ชั้นวางเสื้อผ้าข้างๆ ฉากบังตา มองพินิจชุดวิวาห์ที่จวินมั่วหรันส่งมาให้
เดิมทีนางต้องการลองใส่ อยู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าชุดวิวาห์ที่อยู่ด้านหน้าตัวนี้แตกต่างจากจตัวที่จวินมั่วหรันส่งมาให้เล็กน้อย
ชุดวิวาห์ที่จวินมั่วหรันส่งมาให้ ปักชื่อนางอยู่มุมลับตาตรงชายแขนเสื้อ
แต่ชุดวิวาห์ที่อยู่ด้านหน้า มีการออกแบบชายแขนเสื้อที่หยาบอย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนจะถูกสับเปลี่ยนชุดวิวาห์เสียแล้ว
เมื่อเฟิงอู๋โยวตระหนักได้ตรงจุดนี้ ก็นึกถึงคำพูดของชิงหลวนเมื่อเช้านี้
จากคำพูดของชิงหลวน ไป๋หลี่เหอเจ๋อได้ส่งลูกน้องไปที่เรือนพำนักเมื่อคืนนี้เพื่อขอแต่งงานกับเป่ยถางหลีอิน
แรกเริ่มเดิมที นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดอยู่ๆ ไป๋หลี่เหอเจ๋อถึงสุ่มขอเป่ยถางหลีอินแต่งงานอย่างเงียบๆ
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดนางก็เข้าใจแผนการของไป๋หลี่เหอเจ๋อแล้ว
เขาน่าจะกำลังวางแผนเล่นละครสลับเกี้ยว[2]
ถึงตอนนั้น หากนางสวมใส่ชุดวิวาห์ที่เหมือนกับเป่ยถางหลีอิน คงยากที่จวินมั่วหรันจะจำได้
เพียงแต่เฟิงอู๋โยวรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อได้ชุดวิวาห์มาได้ได้เยี่ยงไร ซ้ำยังเลียนแบบ ตัดชุดปลอมที่คล้ายกันนี้ได้ในเวลาอันสั้น
หรือว่าเป็นฝีมือของหรงชุ่ย
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวมืดลงเล็กน้อย ข้อสันนิษฐานผุดขึ้นในใจทันที
แต่ต่อให้เป็นหรงชุ่ย นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
เพราะจวินมั่วหรันได้ออกคำสั่งลับให้องครักษ์เงาจับตาดูหรงชุ่ยไว้ตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่ที่พบความเคลื่อนไหวแปลกๆ ก็หนีไม่พ้นสายตาทั้งสองข้างของจวินมั่วหรันแน่นอน
ในเมื่อเขาเตรียมพร้อมมาอย่างดี นางก็โล่งใจลงไม่น้อย
แค่ระวังตัวเพิ่มสักนิดหน่อย และสังเกตให้ดีว่าคนที่มารับตัวเจ้าสาวเป็นจวินมั่วหรันตัวจริง เท่านี้พิธีอภิเษกสมรสวันพรุ่งนี้จะได้ไม่เกิดเรื่องผิดพลาด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็เลิกครุ่นคิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
นางหยิบบทละครที่อยู่ในกล่องออกมาและพยายามศึกษาท่าทางขึ้นเตียงโล้สำเภา นางอ่านพร้อมกับพยายามจำท่ายากจากบทละคร
“เป็นหนังสือที่น่าอัศจรรย์จริงๆ ด้วย! ข้าจะต้องมีทักษะที่เป็นเลิศเหนือผู้อื่นให้ได้ และทำให้เขายอมสยบทั้งกายใจ!”
เฟิงอู๋โยวหัวเราะคิกคัก อ่านบทละครอย่างออกรสออกชาติ ในหัวสมองมีแต่ท่าทางยอมสยบของจวินมั่วหรัน
“แค่กๆ”
ทันใดนั้น เงาร่างสีแดงฉานก็ฉายกระทบลงบนม่านตา
ฟู่เย่เฉินเดินโบกพัดเข้ามา ดวงตานกการเวกกึ่งยิ้มกึ่งหุบ ซุกซ่อนแววเอือมระอา “บทละครไม่น่าดู มีอะไรน่าสนุกนักหรือ”
นิ้วเรียวเล็กของเฟิงอู๋โยวชี้ไปที่ตัวละครในบทละครอย่างเปิดเผย “น่าดูมากเลยไม่ใช่หรือ เจ้าดูแม่นางคนนี้สิ ร่างกายยืดหยุ่นมากเลย!”
มุมปากของฟู่เย่เฉินเกร็งกระตุก เขาไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้ศึกษาบทละครไม่น่าดูกับสตรีที่ตัวเองชอบมานาน
[1]พอถึงเวลาจอดเทียบท่า เรือจะจอดได้ตรงเอง หมายถึงไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน ขอแค่อดทนไว้ สักวันมันก็จะผ่านไปด้วยดี
[2]ละครสลับเกี้ยว หมายถึงแผนการสลับตัวเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว