ตอนที่ 65 ทำสัญญาที่ดินกับบรรดาชาวบ้านผู้กระตือรือร้น
ตอนที่ 65 ทำสัญญาที่ดินกับบรรดาชาวบ้านผู้กระตือรือร้น
เฉียวเยี่ยนรู้สึกจนใจกับนางงามมิตรภาพตัวน้อยของตัวเอง พลางกวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม “เด็ก ๆ มานี่เร็ว อยากเล่นกับพวกพี่ ๆ เขาหรือไม่?”
ครั้นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้ยินว่าเล่นได้ ก็ดึงมือออกจากบิดาและวิ่งออกไป ส่วนเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ผู้รักน้องก็วิ่งตามน้องสาวไปด้วย นางไปไหนเขาก็ไปตรงนั้น
ลูกของพวกชาวบ้านพาเจ้าก้อนแป้งทั้งสองไปเล่น ผู้ใหญ่หลายคนมองแผ่นหลังเด็ก ๆ วิ่งออกไปไกล และยังมิวายตะโกนสั่งห้ามพาเด็กทั้งสองไปในที่อันตราย
มู่ฉินเจินไม่วางใจ ส่งองครักษ์คนหนึ่งไปติดตามเด็ก ๆ
หลังจากคุยกันไปสักพัก บรรยากาศบริเวณนั้นก็ผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว พวกชาวบ้านไม่มีความหวาดกลัวเหมือนตอนเริ่มแรกแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงเริ่มคุยเรื่องสำคัญกับพวกเขา
นางนำสัญญาที่เตรียมไว้พร้อมแล้วส่งให้หัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนรู้หนังสือ หลังจากรับมาแล้วเขาก็อ่านอย่างจริงจัง ยิ่งอ่านก็ยิ่งตกใจ
คนที่รู้ตัวหนังสือในบรรดาฝูงชนเดินมาอยู่ด้านหลังหัวหน้าหมู่บ้านอย่างใคร่รู้ และอ่านไปด้วยกัน
ในเวลานี้เอง เฉียวเยี่ยนก็ให้เกาจัวหยวนอ่านเนื้อหาในสัญญา ให้พวกชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรรู้สึกสนใจ
กล่าวง่าย ๆ คือเฉียวเยี่ยนจะจ้างพวกเขาปลูกผัก โดยเป็นคนมอบต้นกล้าและสอนวิธีการปลูกให้ ขอแค่พวกชาวบ้านดูแลพวกมันแทนนาง หลังจากพืชผลเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้ นางก็จะมาเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมดไป
จากการคำนวณพื้นที่หนึ่งหมู่ต่อเงินสองตำลึง ทุกครัวเรือนสามารถทำสัญญาที่ดินตามสมาชิกในครัวเรือนได้
แต่เฉียวเยี่ยนใช่ว่าจะไม่มีเงื่อนไขในการให้เงิน หากอีกฝ่ายทำต้นกล้านางตาย หรือแอบเอาไปขาย ก็จะต้องชดใช้เป็นเงิน ไม่เพียงแต่คืนเงินทั้งหมดที่ได้รับจากนาง แต่ยังต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วย
แน่นอนว่าหากมันเสียหายเพราะภัยธรรมชาติ พวกเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เฉียวเยี่ยนจะรับผิดชอบค่าเสียหายเอง
หลังจากฟังจบ พวกชาวบ้านต่างก็ตื่นเต้น โดยเฉพาะครอบครัวที่มีสมาชิกมาก หากพวกเขาทำสัญญาที่ดินสิบหมู่ หนึ่งเดือนก็จะได้เงินถึงยี่สิบตำลึง!
หัวหน้าหมู่บ้านตื่นเต้นจนสองมือสั่นเทา นัยน์ตาสั่นระริก รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย
นี่มันจริงรึ? หวางเฟยเหนียงเหนียงไม่ได้กำลังทำการกุศลอยู่ใช่ไหม
ที่ดินหนึ่งหมู่ต่อเงินสองตำลึง ขอแค่พยายาม อย่างน้อยหนึ่งเดือนทุกครัวเรือนก็สามารถหาเงินได้!
แม้จะบอกว่าหากผักตายต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่เขาเชื่อว่ามีแค่คนขี้เกียจเท่านั้นถึงจะทำให้ผักตาย ขอแค่พวกเขาขยันหน่อย ต้องเก็บเงินได้อย่างแน่นอน
เฉียวเยี่ยนดูออกว่าพวกชาวบ้านไม่ค่อยจะเชื่อ จึงลากมู่ฉินเจินมารับประกัน
ต่อให้พวกเจ้าไม่เชื่อข้า ถึงอย่างไรก็ต้องเชื่อท่านอ๋อง! หากข้ากล้าพูดปด พวกเจ้าพาคนไปร้องเรียนตำหนักอ๋องซู่ได้ และทำลายตำหนักอ๋องซู่เสีย!
มู่ฉินเจินมีความน่าเชื่อถือสูงในหมู่ผู้คน เรื่องนี้เฉียวเยี่ยนรู้ดี เขาเป็นใครกันเล่า? เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามที่คอยรักษาความสงบเชียวนะ!
ตามคาด เมื่อท่านอ๋องออกโรง ทุกคนก็เหมือนมั่นใจมากขึ้น และปรึกษาคนในครอบครัวว่าจะทำสัญญาที่ดินกี่หมู่กันแน่
มู่ฉินเจินที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือไม่รู้สึกอารมณ์เสียเลยสักนิด เขาติดตามอยู่ด้านหลังเฉียวเยี่ยนอย่างเงียบ ๆ หากนางต้องการเขา เขาก็จะเข้าไปหา หากไม่ต้องการ เช่นนั้นเขาก็จะมองนางอยู่เงียบ ๆ
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้หัวหน้าหมู่บ้านกลับบ้านไปเอาโต๊ะกับม้านั่งออกมาตั้ง เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินนั่งอยู่ข้างโต๊ะ ขณะพวกชาวบ้านต่อแถวกันมาประทับลงนาม
สัญญาหนึ่งมีสองฉบับ พวกชาวบ้านเก็บไว้เองหนึ่งฉบับ เฉียวเยี่ยนเก็บไว้หนึ่งฉบับ พวกชาวไร่ชาวนาบางส่วนถือสัญญาเพ่งมองอย่างละเอียด แม้จะไม่รู้จักตัวอักษร แต่กลับยิ้มเบิกบานออกมา
ว่ากันว่าการมีเด็กมากทำให้ครอบครัวจน เมื่อก่อนพวกเขากลุ้มใจว่าเด็กทั้งห้าคนของพวกเขาจะกินไม่อิ่มและหาภรรยาไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่กลุ้มใจแล้ว ยิ่งคนมากก็ยิ่งมีกำลังมาก!
พวกเขาทำสัญญาที่ดินสิบหมู่ หากทั้งครอบครัวออกโรงแล้ว จะปลูกผักบนที่ดินสิบหมู่ไม่ได้เชียวหรือ?
หากปลูกไม่เสร็จ เขาก็จะปลูกทั้งคืน ต่อให้ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายก็จะปลูกให้สำเร็จ!
แม้ครอบครัวที่มีสมาชิกน้อยจะอิจฉาอีกครอบครัวที่ทำสัญญาที่ดินสิบหมู่ ทว่าพวกเขาก็พอใจ เมื่อมีกำลังมากก็ต้องทำงานมาก โลภมากเกินไปก็ไม่ดี หากถึงตอนนั้นผักไม่รอดต้องชดใช้ค่าเสียหายคงไม่ดีแน่
หลังจากวุ่นมาตลอดเกือบสองชั่วยามก็ลงนามสัญญากันเสร็จ เฉียวเยี่ยนลงนามสัญญาไปด้วยคลายข้อสงสัยของพวกชาวบ้านไปด้วยจนคอแห้ง
มู่ฉินเจินไม่พูดอะไรมาตั้งแต่ต้นจนจบ เขาแค่นั่งอยู่ข้างนาง คอยปรนนิบัตินางอย่างตั้งใจและทั่วถึง นางคอแห้งก็รินน้ำมาป้อนถึงปาก พู่กันไม่มีน้ำหมึกก็รับมาจุ่มหมึกแล้วส่งคืนให้นาง
ในขณะที่เฉียวเยี่ยนกำลังยุ่ง นางเพลิดเพลินไปกับการบริการของท่านอ๋องอย่างปกติ ไม่มีความรู้สึกอึดอัดใด ๆ
ฮุ่ยเซียงที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาใช้เท้าเขี่ยดินอย่างเบื่อหน่าย เขี่ยจนกระทั่งเป็นหลุมขนาดย่อม
ฮึ่ม! รินน้ำ ฝนหมึกให้หวางเฟยเป็นงานของนาง ท่านอ๋องอย่ามาแย่งงานนางได้หรือไม่! ช่างน่าโมโหจริง ๆ !
แต่พวกชาวบ้านกลับรู้สึกเหมือนพวกตนกำลังกินอาหารสุนัขชามใหญ่ สายตาของท่านอ๋องตอนนี้แทบจะสิงร่างหวางเฟยอยู่แล้ว!
ดูเขาพยายามเอาอกเอาใจหวางเฟยสิ ช่างเป็นสามีที่ดีจริง ๆ !
หลังลงนามสัญญาเสร็จก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว เฉียวเยี่ยนยื่นมือบิดขี้เกียจ กำลังจะเรียกเด็ก ๆ กลับบ้านไปทำอาหาร ก็เห็นบรรดาหญิงชาวบ้านยกอาหารมาไว้ที่ใต้ต้นไทรใหญ่
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเดินนำหน้าสุด พอเห็นเฉียวเยี่ยนก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร ทำให้คนที่เห็นรู้สึกว่านางเป็นหญิงชราใจดีคนหนึ่ง
“ในบ้านพวกเราไม่ได้มีของดีอะไรมากมาย ท่านอ๋องกับหวางเฟยอย่าได้ถือสาไปเลย ลองชิมฝีมือชาวบ้านอย่างเราดูเถิดเจ้าค่ะ”
พวกนางแต่ละคนวางอาหารเสร็จก็เดินออกไป ด้วยกลัวว่าเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินจะไม่รับไว้
เฉียวเยี่ยนรู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก จึงเอ่ยพลางถอนหายใจกับมู่ฉินเจิน “คนที่นี่ช่างกระตือรือร้นจริง ๆ ”
มู่ฉินเจินอารมณ์ดีมาก ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกแจ่มใส “เป็นเพราะเจ้า พวกเขาถึงได้กระตือรือร้นเช่นนี้”
แม้เจ้าท่อนไม้จะไม่สนใจเขา ทว่ากับคนอื่นนางอ่อนโยนจนเหมือนดวงอาทิตย์ พูดสองสามประโยคก็ทำให้คนคลายความไม่พอใจและจริงใจกับนางได้
พวกชาวบ้านปรนนิบัติพวกเขาอย่างจริงใจ เป็นเพราะนางไม่วางท่าใหญ่โต และปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม
พวกคนที่มาส่งอาหารช่างใจกว้างนัก ครอบครัวนี้เอาหมูรมควันมาให้ ครอบครัวนู้นเอาไข่ไก่มาให้ ไม่มีผักเนื้อก็นำผักดองที่บ้านตัวเองหมักมา แล้วก็ยังมีแกงผักป่าสดหวานหม้อใหญ่ ไม่นานบนโต๊ะที่พวกเขาประจำอยู่ก็เต็มไปด้วยอาหาร
เหล่าสตรีที่มาส่งอาหารจูงเจ้าตัวแสบของตัวเองที่กำลังเล่นอยู่ให้กลับบ้านอย่างรวดเร็ว ส่วนเด็กทั้งสองก็ถูกองครักษ์พากลับมา
เด็กเหล่านี้เล่นโคลนอยู่ริมแม่น้ำ เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ยังสภาพดีอยู่ แม้จะเล่นกับเด็กคนอื่นๆ แต่เสื้อผ้ายังคงสะอาดสะอ้าน มือน้อยๆ ก็ยังล้างจนขาวสะอาด
ทว่าเจ้าปลาอ้วนได้เปลี่ยนสภาพเป็นปลาโคลนตัวน้อยไปแล้ว กระโปรงตัวเล็กที่เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเช้าเปื้อนโคลนด้านหน้าเป็นหย่อม ๆ ถึงขั้นมีรอยฝ่ามือ บางทีอาจเป็นเพราะเล่นจนสนุกเกินไปจึงได้เอามือไปเช็ดกับกระโปรง
เฉียวเยี่ยนเห็นลูกสาวในสภาพนี้ก็รู้สึกขบขันและจนใจ เหตุใดลูกคนอื่นดูสวยหล่อ พอมาเป็นลูกสาวของนางแล้วถึงต่างจากคนอื่นนักเล่า
ทว่านางก็ไม่โกรธ ถ้าเด็กๆ อยากจะเล่นก็ปล่อยให้พวกเขาเล่นไป ไม่อย่างนั้นพอโตแล้วอยากจะเล่นก็คงจะเล่นไม่ได้เพราะไม่สมวัย
ขอแค่ลูกของนางมีความสุขก็พอแล้ว
พวกองครักษ์นำอาหารที่พวกชาวบ้านเอามาให้กลับไปยังบ้านที่พวกเขาพัก ส่วนเฉียวเยี่ยนก็พาเจ้าปลาอ้วนไปล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน หากนับตามความถี่ที่นางทำเปื้อนก็คาดว่านางอาจต้องเปลี่ยนชุดกระโปรงวันละหลายครั้ง
อาหารเช้านี้มีหลากหลายมาก อะไรก็มีหมด แค่เนื้อรมควันอย่างเดียวก็รู้สึกได้ถึงรสชาติที่แตกต่าง ทุกครัวเรือนมีวิธีหมักเนื้อรมควันไม่เหมือนกัน ดังนั้นรสชาติที่ได้ออกมาจึงต่างกัน
อาหารที่เฉียวเยี่ยนชอบที่สุดก็คือแกงผักจี้ฉ่าย* ซึ่งฤดูนี้เป็นฤดูผักป่าเจริญเติบโตได้ดี ยอดผักจี้ฉ่ายอ่อนนำมาต้มเป็นน้ำแกงได้หวานอร่อยมาก
(*荠菜 หรือ Shepherd’s purse เป็นพืชตระกูลกะหล่ำชนิดหนึ่ง เป็นวัชพืชในเขตอากาศหนาว ยอดอ่อนนำมารับประทานได้)
วิธีทำก็ง่ายนัก ต้มน้ำให้เดือด ใส่น้ำมันหมู เกลือ กระวานดำ กับพริกไทยลงไปในหม้อเล็กน้อย จากนั้นก็ใส่ผักจี้ฉ่ายลงไปต้มให้สุกก็เป็นอันเสร็จ
นางคีบผักจี้ฉ่ายให้เด็กทั้งสอง เสี่ยวฉวนเอ๋อร์กินลงไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กลับย่นหน้า จ้องมองผักอย่างรังเกียจขมขื่น
“จะกินแต่เนื้อไม่ได้ ต้องกินผักเยอะ ๆ ไม่เช่นนั้นจะเป็นร้อนในนะ”
เฉียวเยี่ยนพูดตำหนิลูกสาวอย่างขบขัน แล้วคีบผักกวางตุ้งให้นาง ใบหน้าน้อยของเจ้าปลาอ้วนยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องดีดมาก โดนตัวไหนมาคะ เหมือนโกลเด้นตัวใหญ่ๆ เรียกร้องความสนใจเจ้าของอะ ฮุ่ยเซียงน้อยใจแล้วนั่น โดนท่านอ๋องแย่งงาน
เจ้าปลาน้อยกินผักด้วยนะ จะได้แข็งแรงมีกำลังต่อสู้นะคะ
ไหหม่า(海馬)