ตอนที่ 73 เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากัน ใยต้องกล่าวขอบคุณด้วย
ตอนที่ 73 เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากัน ใยต้องกล่าวขอบคุณด้วย
เหล่าทหารสัมผัสได้ถึงไอเย็นอันคุ้นเคยจึงสั่นสะท้านไปพร้อมกัน แย่แล้ว ท่านอ๋องใกล้ระเบิดลงแล้ว!
พวกเขาลืมได้อย่างไรว่าท่านอ๋องเป็นคนติดเมีย ดูท่าตอนนี้อาจต้องเพิ่มฉายาเป็นราชาแห่งไหน้ำส้มด้วยเสียแล้ว
หวางเฟยจะงามปานใด สุดท้ายก็เป็นของท่านอ๋อง และชีวิตน้อย ๆ ของพวกเขาก็ยังสำคัญกว่า!
พวกทหารรีบละสายตาในทันที ไม่กล้ามองเฉียวเยี่ยนอีก
เฉียวเยี่ยนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ใยคนที่สบตานางเมื่อครู่ในยามนี้ถึงไม่กล้ามองนางเสียแล้วล่ะ?
นางยังเป็นมิตรไม่พอรึ หรือนางยังอ่อนโยนไม่พอ?
ระบบตัวน้อยกอดขวดน้ำส้มสายชู และจิบไปหนึ่งอึก ดวงหน้าน้อยพลันยับย่นยู่ยี่
[เปรี้ยวจังเลย]
น้ำส้มสายชูของนางว่าเปรี้ยวแล้ว แต่น้ำส้มสายชูแห้งของพี่มู่คนหล่อนั้นเปรี้ยวยิ่งกว่า!
เฉียวเยี่ยนเดินไปยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทหารที่เรียงแถวกัน พลางกระแอมไอ และพูดคุยกับพวกเขาสั้น ๆ สองสามประโยค ให้พวกเขาได้ทราบงานที่จะทำต่อไปนี้
ครั้นพวกทหารได้ยินว่าหวางเฟยจัดเตรียมหนทางหาเลี้ยงชีพให้พวกเขาแล้ว แต่ละคนต่างตกตะลึง พวกเขารอเรื่องดีเช่นนี้อยู่เลย!
เมื่อก่อนพี่น้องที่ปลดประจำการจากกองทัพล้วนนำเงินเดือนทหารกลับบ้านไปทำนา การทำนาจะได้เท่าไรเชียว ตลอดปีใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และมีคนไม่น้อยที่อายุใกล้จะสามสิบแล้วไม่มีแม้แต่ภรรยา
เพราะตอนนี้เฉียวเยี่ยนหางานให้ได้แค่ทหารปลดประจำการบางส่วนเท่านั้น และกลัวว่าเหล่าทหารที่ไม่ได้รับการคัดเลือกจะไม่ยอมและสร้างปัญหา มู่ฉินเจินจึงไม่ได้บอกวัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้แก่พวกเขา
และทหารกลุ่มนี้เชื่อฟังเป็นอย่างดี ทหารสวมหมวก สนใจแค่ทำตามคำสั่งก็พอ ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำอะไร พวกเขาก็แค่ทำตาม และไม่ต้องถามอะไรมาก
ตอนนี้ได้ยินว่าจะให้หนทางหาเลี้ยงชีพแก่พวกเขาหลังเกษียณ เสี้ยวเดียวพวกเขาก็ฉีกยิ้มอย่างเบิกบานประหนึ่งเก็บก้อนเงินได้ เผยให้เห็นฟันขาวซี่ใหญ่เต็มปาก แสดงความไร้เดียงสาแต่น่ารักแบบโง่ ๆ ออกมา
หลังจากคุยสถานการณ์โดยทั่วไปแล้ว เฉียวเยี่ยนก็แบ่งคนหนึ่งร้อยคนออกเป็นกลุ่ม หกสิบคนรับผิดชอบการทาบกิ่ง สามสิบคนรับผิดชอบเลี้ยงไก่กับหมูบ้านแบบปล่อย และอีกสิบคนที่เหลือเป็นผู้ดูแลพลาธิการแนวหลัง
กลุ่มทาบกิ่งได้ถูกแบ่งออกเป็นอีกสองกลุ่มย่อย แบ่งไปรับการถ่ายทอดเทคนิคการทาบกิ่ง หากมีคนมากเกินไป ผลลัพธ์จะไม่ค่อยดีนัก
เฉียวเยี่ยนจัดตารางเรียนให้ผู้คนหนึ่งร้อยคนเหมือนเด็กนักเรียนเล็ก ต้องมาเรียนที่ลานแสดงการต่อสู้ในตำหนักอ่องซู่ตรงเวลาทุกวัน
นางให้คนเตรียมกระดานไม้เรียบ ๆ หนึ่งแผ่น และใช้หมึกย้อมเป็นสีดำ แล้วเอามาตั้งไว้บนลานแสดงการต่อสู้ ให้มันเป็นกระดานดำธรรมดา ก่อนนำหินฝุ่นมาเขียนตัวหนังสือบนนั้น ซึ่งผลลัพธ์ดีเป็นพิเศษ
ตั้งม้านั่งเล็ก ๆ ไว้ในลานแสดงการต่อสู้ ให้เหล่าทหารนั่งในยามที่เรียน
ช่วงเช้าเป็นชั้นเรียนทาบกิ่งสองห้อง เฉียวเยี่ยนซื้อมีดแต่งกิ่ง แผ่นกันน้ำกับระบบมาจำนวนมาก เมื่อต้องการผลงานที่ดีก็ต้องลับเครื่องมือให้คมก่อน หากอยากประสบความสำเร็จในการทาบกิ่ง ต้องเลือกเครื่องมือให้ดี
มีดแต่งกิ่งทำจากอะลูมิเนียมนำเข้า มีขนาดเล็กจุ๋มจิ๋ม ทว่าราคากลับแพงมาก ในยุคปัจจุบันต้องใช้ธนบัตรแดงถึงสองใบ ดังนั้นเพื่อซื้อมีดแต่งกิ่งชุดนี้ นางจึงใช้คะแนนไปไม่น้อย ระบบตัวน้อยเลยด่านางว่าเป็นโฮสต์สุรุ่ยสุร่ายมาตั้งหลายวัน
แผ่นกันน้ำนั้นมีราคาถูก หนึ่งม้วนไม่ถึงหนึ่งคะแนน นางอาจหาญซื้อมาเป็นร้อย ๆ ม้วน หากอยากให้เทคนิคทาบกิ่งมีประสิทธิภาพสูง การฝึกฝนจริงจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ดังนั้นก็ให้พวกเขาใช้แผ่นกันน้ำอย่างตามใจชอบได้เลย
เช้านี้เป็นวันแรกของการเรียนการสอน เข้าเรียนช่วงเช้า และสิ้นสุดลงในตอนเที่ยง บางทีอาจจะตื่นเต้นเกินไป ยังไม่ทันถึงเวลาเข้าเรียน เหล่าทหารก็มารอกันเต็มแล้ว
ชั้นเรียนแรกของเหล่าทหาร พวกเขาต่างนั่งบนม้านั่งขนาดเล็กอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และคนที่ไม่มีเรียนก็มายืนล้อมรอบดูความสนุก แต่ไม่มีใครส่งเสียงเลยสักคน ท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง ไม่ย่อท้อแม้แต่น้อย
ท่านอ๋องเองก็มาเข้าเรียนเช่นกัน เชาให้เกาจัวหยวนย้ายเก้าอี้ไท่ชือ* มาให้เขา และนั่งอยู่รอบนอกพวกทหาร จ้องนักเรียนเข้าเรียนราวกับเป็นหัวหน้าฝ่ายการเมืองและการศึกษา ใครริอาจไม่ตั้งใจเรียน ก็ลากออกไปตี
(*太师椅 เก้าอี้ไท่ชือ เก้าอี้ไม้แบบโบราณ)
เหล่าทหารถูกท่านอ๋องจ้องมองจนเสียวสันหลัง พวกเขานั่งตัวตรง ไม่กล้าทำตัวหย่อนยานในระหว่างเรียนเลย
เฉียวเยี่ยนพูดไม่ออกกับการกระทำของมู่ฉินเจิน ท่านบอกไม่ไปว่าราชกิจตอนเช้าก็ไม่ไป บอกไม่สนใจค่ายทหารก็ไม่สน แล้วฝ่าบาทรู้เรื่องนี้หรือไม่?
ไม่กลัวเหล่าขุนนางจะเล่นงานท่าน ให้บิดาท่านตัดท่านทิ้งหรือ?
ทว่าท่านอ๋องที่โลภมากจนลืมตัวไม่สนใจสิ่งจอมปลอมเหล่านั้น เขาอยากอยู่ตรวจดูในตำหนัก ใครริอาจจ้องเจ้าท่อนไม้ของเขาตาเป็นมัน คนผู้นั้นต้องตายสถานเดียว!
ก่อนเริ่มชั้นเรียน เฉียวเยี่ยนให้ฮุ่ยเซียงแจกจ่ายใบสัญญาเป็นตายให้กับกลุ่ม ‘นักศึกษา’ เพราะเนื้อหาที่นางจะสอนในวันนี้อาจต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าผู้คนในยุคนี้จะค้นพบ หากเผยแพร่ออกไปต้องถูกคนอื่นคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อและนอกรีตแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น มีดแต่งกิ่งกับแผ่นกันน้ำที่นางเตรียมไว้ให้ล้วนไม่มีในยุคนี้ ซึ่งต้องเก็บเป็นความลับอย่างยิ่งยวด
ดังนั้นนางจึงเขียนใบสัญญาเป็นตายไว้ล่วงหน้า ให้พวกเขารับประกันด้วยชีวิตว่าจะไม่เปิดเผยสิ่งที่ได้เรียนรู้และได้เห็นในวันนี้ออกสู่ภายนอก
คนสมัยก่อนหวาดกลัวใบสัญญาเป็นตายมาก เพียงแค่ลงนาม ชีวิตของเจ้าก็จะอยู่ในกำมือคนอื่น ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกสังหารสิ้น!
ฮุ่ยเซียงแจกใบสัญญาเป็นตายให้กับทุกคน แม้แต่ท่านอ๋องที่คอยสอดส่องตรวจดูอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ปล่อยไป และทันทีที่มันถูกส่งมาถึงเขา นางก็ลอบแค่นเสียงเย็นชาออกมาเบาๆ
สำหรับบุรุษที่มักจะคอยแย่งงานนางผู้นี้ ฮุ่ยเซียงไม่มีความกลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กลับแทนที่ด้วยความขุ่นเคืองเต็มเปี่ยม
ท่านอ๋องดี ๆ อย่างท่านช่วยหยุดแย่งงานข้ารับใช้อย่างข้าเพื่อเข้าใกล้หวางเฟยเหนียงเหนียงได้หรือไม่?
มู่ฉินเจินเห็นความขุ่นเคืองในสายตาของสาวใช้ มุมปากก็กระตุกอย่างพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าตั้งแต่เจ้าท่อนไม้กลับมาเมืองหลวง สถานะของเขาในตำหนักแห่งนี้ก็ลดลง ตอนนี้กระทั่งสาวใช้ก็ยังกล้าดูแคลนเขา!
หลังจากฮุ่ยเซียงดูแคลนท่านอ๋องเสร็จ ก็กลับไปอยู่ข้างหวางเฟยอย่างภาคภูมิใจ ฮึ! ตอนนี้นางเป็นคนของหวางเฟยแล้ว ท่านอ๋องที่เข้าแม้แต่ห้องหวางเฟยไม่ได้อย่างท่านจะทำอะไรกับข้าได้?
เฉียวเยี่ยนสังเกตเห็นท่าทางของสาวน้อย ก็ตบไหล่นางอย่างจนใจและตามใจ “เก็บอาการหน่อย วันไหนที่ข้าไม่อยู่ข้างเจ้า ท่านอ๋องคงมาลอบสังหารเจ้าไปแล้ว!”
ฮุ่ยเซียงหุบยิ้ม และซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเฉียวเยี่ยนอย่างระแวดระวัง พลางแอบชำเลืองมองท่านอ๋อง
ความจริงแล้วที่นางกล้าอวดดีเช่นนี้อย่างแรกเป็นเพราะนางเป็นที่โปรดปรานของเฉียวเยี่ยน สองนางรู้จักนิสัยของท่านอ๋อง แม้ท่านอ๋องของพวกเขาจะดูเย็นชา แต่จริง ๆ แล้วมีจิตใจดีมาก ไม่เคยกระทำรุนแรงกับข้ารับใช้อย่างพวกเรา และให้เงินเดือนพวกเขาสูงกว่าตำหนักอื่นอีก
ทว่านางแค่ชอบเกาะติดหวางเฟย ไม่ชอบให้ท่านอ๋องมาแย่งชิงความโปรดปรานกับนาง!
หลังทุกคนได้อ่านใบสัญญาเป็นตายเสร็จ ผู้ที่ไม่รู้หนังสือก็เข้าใจเนื้อหาด้วยความช่วยเหลือจากคนอื่น
เฉียวเยี่ยนหุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “ข้าเชื่อว่าทุกคนรู้แล้วว่าเนื้อหาในนั้นคืออะไร ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้เลือก หากอยากทำงานกับข้า ต้องลงนามในใบสัญญาเป็นตายแผ่นนี้ หากไม่อยากลงนาม ก็ตามแต่พวกเจ้า”
ทันใดนั้น พวกทหารเกิดความลังเลขึ้นมา พวกเขาอยากทำงานกับหวางเฟย อยากหาเงินเลี้ยงชีพ แต่พวกเขาก็รักชีวิตตัวเอง
หลังจากท่านอ๋องอ่านใบสัญญาความเป็นตายเสร็จ ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และลุกขึ้นเดินไปหาเฉียวเยี่ยน กดฝ่ามือลงบนแผ่นหมึกชาดแดง และประทับรอยมือลงบนใบสัญญาความเป็นตาย
“ในเมื่อไม่มีผู้ใดแย่งชิงกับเปิ่นหวาง เช่นนั้นเปิ่นหวางจะมาทำเป็นคนแรกเอง”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว ทำให้ทหารทุกคนสั่นสะท้าน และทำให้ใจเฉียวเยี่ยนก่อเกิดคลื่นขึ้นมา นางยอมรับว่าในเวลานี้นางหลงใหลในความหล่อเขาแล้ว
เขามักจะสนับสนุนอาชีพการงานของนางโดยไม่ลังเล ไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็จะคอยติดตามนางอย่างเงียบ ๆ การสนับสนุนเช่นนี้ ความไว้วางใจเช่นนี้ แม้แต่พ่อแม่นางในชาติที่แล้วก็ไม่เคยให้นางเลย
นัยน์ตานางฉายแววสั่นระริก ทว่ามุมปากนางกลับยกขึ้น เสียงอันนุ่มนวล กลับหนักแน่นเป็นพิเศษ “ขอบคุณ”
ทั้งสองสบสายตากัน นางยิ้ม เขาก็ยิ้ม มู่ฉินเจินยกมือปัดปอยผมที่ปลิวไหวทัดไว้หลังหูนางเบา ๆ “เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากัน ใยต้องกล่าวขอบคุณด้วย”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
กลิ่นน้ำส้มคลุ้งเหม็นเปรี้ยวไปหมดเลยค่ะตอนนี้ น้ำส้มใครบ้างก็ไม่รู้เนี่ย เสี่ยวเยี่ยนไม่ได้กลิ่นเปรี้ยวนี้เลยเหรอคะ
ไหหม่า(海馬)