ตอนที่ 127 กินเนื้อกวางเยอะๆ จะได้บำรุงร่างกาย
ตอนที่ 127 กินเนื้อกวางเยอะๆ จะได้บำรุงร่างกาย
ทั้งสองคุยกันอยู่สักพักก็รู้สึกว่าคุยกันถูกคอมาก ทว่าผ่านไปได้ไม่นาน ท่านอ๋องก็ออกมาจับคน เว่ยอวิ๋นซูเห็นเขาจึงรีบวิ่งหนีไป ทิ้งแค่คำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง “ข้าจะมาหาเจ้าอีก!”
เฉียวเยี่ยนรู้สึกจนใจอยู่ครู่หนึ่ง ใยนางจึงรู้สึกเหมือนถูกมู่ฉินเจินจับได้ว่าเล่นชู้เลยล่ะ?
สีหน้าของท่านอ๋องไม่สู้ดีนัก เฉียวเยี่ยนจะไม่รู้เท่าทันความคิดเจ้าเล่ห์ของเขาได้อย่างไร จึงจับมือเขาแล้วพาเดินกลับไป “ไปกันเถิด เราไปเดินเล่นรอบๆ บริเวณนี้กัน”
พื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์มีทิวทัศน์งดงาม มีผู้คนไม่มากนัก ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มสมบูรณ์ ทั้งสองจึงเดินเล่นรอบๆ อย่างเชื่องช้าโดยไม่มีผู้ใดมารบกวน
จนกระทั่งถึงเวลารับประทานอาหาร ในที่สุดลูกทั้งสองก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปหาบิดามารดา ทว่าเมื่อวิ่งกลับไปยังกระโจมก็ไม่เห็นแม้แต่เงาพวกเขา จึงทำได้เพียงเบะปากด้วยความเสียใจ และให้ท่านลุงองครักษ์พาไปหาพวกเขา
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินไปที่ทะเลสาบบนยอดเขา พืชพรรณอุดมสมบรูณ์ กักเก็บน้ำไว้ได้ดีเยี่ยม ตรงตำแหน่งยอดเขาได้ก่อรูปขึ้นมาเป็นทะเลสาบตามธรรมชาติ และตรงฝั่งหนึ่งของทะเลสาบก็มีร่องอยู่ร่องหนึ่งที่มีน้ำพวยพุ่งออกมาจากตรงนั้น ทำให้มันกลายเป็นม่านน้ำตกดูงดงามตระการตามาก
สองสามีภรรยาไม่มีอะไรทำจึงจับปลาอยู่ริมทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบใสสะอาดจนมองเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจน บวกกับมีคนมาล่าสัตว์ในพื้นที่นี้น้อย พวกปลาจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากจากโลกภายนอก ทำให้พวกมันแต่ละตัวเติบโตอย่างอ้วนท้วนสมบูรณ์
เนื่องจากโดยรอบไม่มีใครอยู่ เฉียวเยี่ยนจึงปล่อยวางและถอดเสื้อตัวนอกออก สวมเพียงชุดป้ายทับตัวใน ลงน้ำไปจับปลา
นางม้วนกางเกงกับแขนเสื้อขึ้นสูง เผยให้เห็นต้นขากับแขนเรียวขาวของนาง มู่ฉินเจินเองก็เช่นกัน สองสามีภรรยาต่างเผชิญหน้ากัน และถือไม้แหลมคอยไล่แทงปลา
ปลาที่นี่ใจกล้ามาก พอคนเดินไปอยู่ข้างๆ มันกลับนิ่งเฉยอย่างมึนงง แทงไปหนึ่งครั้งก็โดนหนึ่งครั้ง ไม่นานก็ได้ปลามาจำนวนมาก
พวกองครักษ์หากันอยู่นานก่อนจะพบเจ้านายทั้งสองอยู่บนยอดเขา เด็กทั้งสองเบ้ปาก น้ำตาเริ่มคลอเบ้า ร่ำๆ จะร้องไห้ออกมาแล้ว
เมื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นมารดากับบิดาออกมาเล่นโดยไม่พานางกับพี่ชายมาด้วย ก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ
“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านเป็นคนไม่ดี ออกมาเล่นโดยไม่พาพวกลูกออกมาด้วย!”
เฉียวเยี่ยนได้ยินเสียงลูกสาวก็หันกลับไปอย่างดีใจ และโบกมือให้นาง “ลูกรัก มานี่เร็ว พ่อกับแม่อยู่ตรงนี้”
พวกองครักษ์เห็นการแต่งกายของหวางเฟยเหนียงเหนียงก็ตกใจ รีบวางนายน้อยทั้งสอง และหันหลังวิ่งกลับไปทันที
แย่แล้วๆ! ท่านอ๋องต้องถลกหนังพวกเขาเป็นแน่!
เมื่อเฉียวเยี่ยนเห็นองครักษ์วิ่งหนีไป ก็นึกขึ้นได้ว่าตนกำลังเผยแขนเรียวกับขาอ่อนอยู่ ความจริงหากอยู่ในสมัยปัจจุบันก็นับว่าเป็นการอนุรักษ์นิยมแล้ว แต่ใครใช้ให้ที่นี่เป็นสมัยโบราณ เป็นยุคที่สตรีไม่ได้รับอนุญาตแม้กระทั่งให้เปิดเผยเท้ากันล่ะ
เมื่อมู่ฉินเจินเห็นพวกองครักษ์ เขาก็เดินไปอยู่ข้างเฉียวเยี่ยนทันที เพื่อบังร่างกายนางเอาไว้ โชคดีที่พวกองครักษ์เหล่านั้นรู้จักเอาตัวรอด
ลูกทั้งสองก้าวขาสั้นย่างไปที่ทะเลสาบ เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็ขึ้นฝั่งเช่นกัน เฉียวเยี่ยนคิดจะถลกชายกางเกงลงทันที แต่มู่ฉินเจินกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา นั่งยองๆ ด้านหน้านาง แล้วเช็ดน้ำออกจากขาให้นางอย่างระมัดระวัง
จวบจนเช็ดน้ำออกได้พอประมาณแล้ว เขาถึงช่วยนางถลกชายกางเกงลง
หัวใจของเฉียวเยี่ยนอุ่นวาบ ยกมือขึ้นแตะศีรษะของท่านอ๋อง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ขอบคุณนะที่รัก”
มู่ฉินเจินเงยหน้ายิ้มกับนาง จากนั้นก็เช็ดขาอีกข้างให้นางต่อ
ระบบตัวน้อยในทะเลแห่งจิตสำนึกเห็นท่าทางของพวกเขาทั้งสองก็อิจฉาจนตัวสั่น เหม็นกลิ่นความรักของคนที่มีความรักเสียจริงๆ !
เมื่อลูกทั้งสองเดินไปถึงบิดากับมารดา พวกเขาก็กอดขาเฉียวเยี่ยนคนละข้างด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ยังระงับอารมณ์ตัวเองได้ แค่ตีหน้าขรึม และกอดขามารดาอย่างเงียบๆ เท่านั้น แต่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มิอาจระงับอารมณ์ฉุนเฉียวของตนไว้ได้ เอาแต่ซักไซ้เอาความอย่างดุดันแบบเด็ก
“ท่านพ่อท่านแม่ไม่น่ารัก ออกมาเล่นไม่เรียกลูกกับท่านพี่ ลูกโกรธแล้ว!”
เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับท่าทางพองลมแก้มป่องของเด็กน้อยจนหัวเราะคิกคักออกมา ก่อนยกมือขึ้นบีบแก้มพองลมน้อยนั้น พอรู้สึกว่าสบายมือเหลือเกินก็บีบไปอีกหลายครั้ง
เจ้าปลาอ้วนตะปบมือแม่ออก และยังคงเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “ท่านแม่หยุด ลูกกำลังโกรธอยู่นะ!”
“ฮาๆ…”
เฉียวเยี่ยนยิ่งหัวเราะดังขึ้น กอดเด็กน้อยทั้งสองและเอ่ยง้ออย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ก็ได้ แม่ผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่วิ่งเล่นกับพ่อพวกเจ้าคนเดียวอีกแล้ว ไปที่ใดก็จะพาพวกลูกไปด้วยทุกที่”
มารดาผู้นี้โยนความผิดไปให้ท่านอ๋องได้สำเร็จ แล้วก็เป็นไปตามคาด เด็กทั้งสองเคลื่อนสายตาไปมองบิดาพร้อมกัน ท่าทางดุดันแบบเด็กน้อยนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก ว่าต่อไปห้ามลักพาตัวมารดาพวกเขาไปอีก!
มู่ฉินเจินส่ายหน้าอย่างจนใจ นี่มันลูกวัยสามขวบครึ่งของเขาชัดๆ คนโตกำลังพยศเงียบ ส่วนคนเล็กกำลังอารมณ์ฉุนเฉียว เขาจะทำอย่างไรได้ แน่นอนว่าต้องง้อด้วยท่าทางอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวล
“พ่อพาแม่พวกเจ้ามาจับปลาให้พวกเจ้า ปลาที่นี่อร่อยมาก พวกเจ้าดูสิ ปลาบนพื้นพวกนั้นพ่อกับแม่ล้วนเป็นคนจับมาให้พวกเจ้าทั้งนั้น”
เด็กน้อยทั้งสองหลงกลจนนิ่งอึ้ง ที่ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่พาพวกเขาไปเล่นด้วย เพราะมาจับปลาให้พวกเขากินนี่เอง!
หลังจากพวกเด็กๆ ยอมรับเหตุผลนี้แล้วก็ญาติดีกับบิดาอย่างมาก พลางกอดขาออดอ้อน
เฉียวเยี่ยนมองสามพ่อลูกคลอเคลียกันไปมา ลูกทั้งสองนี่ง้อง่ายจริงๆ ถูกหลอกแล้วก็ยังไม่รู้ตัวอีก
มู่ฉินเจินใช้ฟางผูกปลาที่จับได้หิ้วไว้ในมือ และแบกเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไว้บนบ่าตัวเอง ในขณะที่เฉียวเยี่ยนอุ้มเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ ครอบครัวสี่คนก็เดินกลับไปที่ค่าย
เมื่อกลับมาที่ค่ายก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว อาหารของพวกเขาถูกส่งไปในกระโจม เฉียวเยี่ยนถือปลาพวงหนึ่งไปที่เตาไฟ และหาอ่างมาใส่ไว้
อาหารวันนี้มีมากมายหลากหลาย และล้วนเป็นอาหารป่า ซึ่งเป็นอาหารที่หากินได้ยากในวันธรรมดา
เนื้อไก่ฟ้าถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หมักกับเครื่องปรุง แล้วนำลงไปทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบ แม้แต่กระดูกก็ยังกรอบ
นอกจากเนื้อไก่ป่าแล้ว ยังมีเนื้อกระต่ายป่า เนื้อกวาง เนื้อกวางหากกินมากไปจะทำให้ร้อนใน เฉียวเยี่ยนจึงไม่ให้เด็กสองคนกินมาก แต่ให้มู่ฉินเจินกินไปไม่น้อย เจ้าสิ่งนี้ดีต่อบุรุษมาก มีฤทธิ์อุ่นบำรุงหยาง
มู่ฉินเจินมองเนื้อกวางที่กองจนเต็มชามและมองเฉียวเยี่ยนแปลกๆ นางกำลังจะบอกใบ้อะไรเขาอยู่หรือ?
เฉียวเยี่ยนสังเกตเห็นท่าทางของเขา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะคีบให้เขาอีกชิ้น “ท่านกินเนื้อกวางนี้ให้มากหน่อย มันดีต่อสุขภาพของท่าน”
มุมปากมู่ฉินเจินกระตุกสองสามครั้ง อยากจะบอกว่าเขามีสุขภาพดีมาก ไม่จำเป็นต้องบำรุง แต่ท่าทาง ‘ข้าเข้าใจ’ ของเฉียวเยี่ยน ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน
ท่านอ๋องที่กลัดกลุ้มใจจึงทำได้แต่กินเนื้อกวางเต็มถ้วยลงท้องจนหมดท่ามกลางสายตาห่วงใยของเจ้าท่อนไม้ และแอบสาบานในใจว่าต่อไปเขาจะต้องทำให้นางรู้ให้ได้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ดูสิว่านางจะยังกล้าให้เขาบำรุงร่างกายอีกไหม!
ตกดึก
บรรยากาศในค่ายครึกครื้นมาก ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงให้เหล่าขุนนางได้อิ่มหนำสำราญร่วมกัน แล้วก็ยังมีการแสดงของเหล่าคุณหนู มีทั้งของกินให้รับประทาน และการแสดงให้ดู
มู่ฉินเจินถูกฮ่องเต้เฒ่าลากไปดื่มสุรา ส่วนเฉียวเยี่ยนเห็นการร้องเพลงเต้นรำของสตรีเหล่านั้นมากแล้ว จึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย เลยแอบพาลูกทั้งสองไปเปิดเตาเล็กๆ
หลังผละจากงานเลี้ยงไป ก็ไปหาเกาจัวหยวน และให้เขาพาองครักษ์คนอื่นไปเก็บฟืนมาก่อไฟ
พวกเขาเลือกที่โล่งห่างจากค่ายพอประมาณ แล้วก่อไฟขึ้นมากองหนึ่ง เตรียมย่างเนื้อกิน
เฉียวเยี่ยนไปหยิบปลาที่ห้องครัว และหยิบเนื้อในครัวออกมาด้วยสองชิ้น หยิบเขียงกับมีดมา และจัดการเนื้อให้เรียบร้อย
ทหารที่เฝ้าวัตถุดิบในคืนนี้ยังคงเป็นทหารคนเมื่อวาน เมื่อเห็นซู่หวางเฟยเข้ามาไม่รอให้นางได้กล่าวอะไร ก็หามุมไปยืนอยู่ที่นั่นอย่างรู้งาน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่ามาเล่นกับไฟ ร้อนๆ มันไม่ดีนะเฉียวเยี่ยน เดี๋ยวก็ลุกพรึ่บพรั่บหรอก เล่นโด๊ปพี่อ๋องโบ้แกแบบนั้น
ไหหม่า(海馬)