ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 192 ติดสอยห้อยตามไม่ห่าง

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 192 ติดสอยห้อยตามไม่ห่าง

ตอนที่ 192 ติดสอยห้อยตามไม่ห่าง

เมื่อมาถึงตีนเขาในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวอีกครั้ง พบว่าครานี้ไม่มีดอกท้อสีชมพูอันงดงามจนลืมหายใจยามทอดมองออกไปไกลแล้ว ทว่ากลับมีกลิ่นหอมของลูกท้อทั้งภูเขาอบอวลมาแต่ไกล

พวกคนงานบนไหล่เขารู้ว่าเจ้านายกำลังจะมา ก็ทำความสะอาดห้องไว้ล่วงหน้า แม้จะรู้ว่าศึกครานี้ไม่เล็กนัก แต่ยามเห็นฮ่องเต้เฒ่าก็ยังตกใจไม่น้อย

พวกเขาไม่เคยเห็นฝ่าบาท แต่เคยเห็นฮองเฮา ฮองเฮาเรียกเขาว่าตาเฒ่าก็หมายความว่าเขาเป็นฮ่องเต้มิใช่รึ?

หลังจากจัดหาที่พักเรียบร้อยแล้ว ลูกทั้งสองก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำเที่ยวอีกครั้ง โดยพาเสด็จปู่ ท่านยายแล้วก็ท่านลุงที่ยังไม่เคยมาสวนป่าท้อไปดูลูกเจี๊ยบ

ฮ่องเต้เฒ่าลูบเครามองสำรวจไปทั่วภูเขาทั้งลูก ในพระทัยก็อุทานว่าพระสุณิสาของเขามีความสามารถยิ่งนัก จากนี้ไปหากมอบบัลลังก์ให้เจ้าเด็กมู่ฉินเจินนั้นก็นับว่าวางใจได้แล้ว

เขาสนใจกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ทาบกิ่ง’ ต้นท้อน้ำผึ้งมาก จึงยืนอยู่ใต้ต้นท้อศึกษากิ่งก้านเหล่านั้นอย่างละเอียด และเห็นร่องรอยของการเชื่อมต่อกิ่งจริงๆ

ฮองเฮาถือลูกท้อกัดกินไปแล้ว แค่ให้บ่าวรับใช้ปอกเปลือกให้ ไม่ได้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และกัดกินลูกท้ออย่างไร้ภาพลักษณ์ทั้งอย่างนั้น

ความจริงแล้วยามในวังไม่มีคนนอกอยู่ นางก็เสวยผลไม้อย่างอิสระเช่นนี้ กินคำเล็กคำน้อยมักจะรู้สึกว่ามันไร้รสชาติ ต้องถือกัดไปเลยถึงจะหนำใจ

นางมองชายชราที่ยืนอยู่ใต้ต้นท้อเหมือนนกโง่ตัวหนึ่ง จึงบ่นกับแม่นมข้างๆ ว่า “ดูท่าทางนิ่งค้างของตาเฒ่านี่สิ ไม่รู้ว่าตอนข้ายังสาวชอบอะไรในตัวเขากันนะ”

แม่นมเฒ่ายิ้มไม่พูดอะไร ด้วยไม่กล้าเอ่ยต่อคำพูดนี้ ตาเฒ่าที่ออกมาจากปากฮองเฮาเป็นถึงฮ่องเต้เชียวนะ นางที่เป็นบ่าวคนหนึ่งจะริอาจวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร

เฉียวจิ่นถูกเด็กๆ ลากไปดูลูกเจี๊ยบแล้วก็ไปเดินเล่นในสวนป่าท้อ ภาพทิวทัศน์ ณ ยามนี้ ทำให้เขามีสุนทรียภาพด้านกวีนิพนธ์พุ่งสูงขึ้นเล็กน้อย และเกิดแรงบันดาลใจหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา

ซูเนี่ยนหว่านก็หวั่นไหวไปกับสวนป่าท้อผืนนี้ไม่น้อย นางถึงขั้นมีความคิดอยากย้ายมาอยู่ที่นี่ เลี้ยงไก่ ชมดอกไม้ เก็บลูกท้อทุกวัน

หลังจากเฉียวเยี่ยนลงจากรถม้าก็ไม่ว่างเลย นางฟังผู้ดูแลงานรายงานสถานการณ์ในช่วงนี้เป็นอันดับแรก จากนั้นก็ไปที่โกดังเพื่อดูลูกท้อที่เก็บมา

สวนผักในสมัยใหม่ล้วนมีห่วงโซ่ความเย็น(1)ของตัวเอง แต่ในสมัยโบราณไม่มีเงื่อนไขนี้ เฉียวเยี่ยนจึงให้คนสร้างห้องเก็บสินค้าที่สามารถระบายความร้อนได้ เพื่อนำมาใช้เก็บลูกท้อชั่วคราว

ลูกท้อที่เก็บเสร็จแล้วจะถูกขนส่งกลับเมืองหลวงอย่างรวดเร็วเพื่อดำเนินแปรรูปเป็นสินค้าโดยเร็ว

ตอนนี้เป็นเวลาราวๆ ยามซื่อ ลูกท้อที่เก็บเกี่ยวเมื่อวานอยู่ระหว่างทางไปเมืองหลวงแล้ว ส่วนที่อยู่ในโกดังเป็นลูกท้อที่พวกคนงานเพิ่งเก็บมาเช้านี้

ลูกท้อที่เก็บมาจะมีคนงานคัดเกรดโดยเฉพาะ โดยใช้ขนาดกับคุณภาพในการคัดแยกวางไว้ในตะกร้าที่แตกต่างกัน ผลที่มีขนาดใหญ่สามารถขายสดได้ ส่วนผลขนาดเล็กก็สามารถนำไปแปรรูปเป็นท้อน้ำผึ้งเชื่อมหรือแยมท้อน้ำผึ้งก็ได้

ลูกท้อชุดนี้ได้รับการดูแลดีมาก มีโรครบกวนค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่อวบใหญ่สมบูรณ์ สีสดใหม่มาก รสชาติยิ่งไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง ทั้งหวานล้ำและฉ่ำน้ำมาก

หลังจากรับประทานข้าวเช้าเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็เปลี่ยนเสื้อผ้า สะพายตะกร้าจะไปเก็บลูกท้อกับพวกคนงาน เจตนาเดิมคือจะปล่อยให้พวกเขาไปเล่นกันเอง แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไปเก็บด้วย

เฉียวเยี่ยนรู้สึกจนใจ คนแก่ก็แก่ เด็กก็เด็ก ส่วนเฉียวจิ่นที่มีอายุเหมาะสมคนเดียวก็ทำงานหนักไม่ได้

นี่เกรงว่าจะไม่ได้มาช่วยเก็บลูกท้อแน่แล้ว แต่เป็นการมาเล่นโดยแท้

นางเปลี่ยนความคิดพวกเขาไม่ได้ จึงต้องหาถุงมือ หมวกกันแดด และอุปกรณ์การเกษตรชุดใหม่ให้พวกเขาเพื่อไปเก็บลูกท้อ

แต่ละคนสะพายตะกร้าคนละอัน เด็กทั้งสองเองก็ไม่เว้น และไม่รู้ว่าพวกลุงคนงานเหล่านั้นไปหาตะกร้าน้อยให้เด็กจิ๋วสองคนมาจากไหน ซึ่งมันเหมาะสะพายบนร่างจิ๋วของพวกเขาพอดี

เมื่อมาถึงสถานที่เก็บเกี่ยวในวันนี้ ก็เห็นคนงานหลายคนวุ่นกันแล้ว พวกเขาต่างเหงื่อไหลไคลย้อย กระนั้นแต่ละคนก็มีความสุขจนยิ้มยิงฟัน บางคนยังยืนกัดลูกท้ออยู่บนต้นไม้ พักผ่อนตามสบายครู่หนึ่ง

เฉียวเยี่ยนเลือกต้นท้อมาต้นหนึ่ง แล้วปีนขึ้นไป เก็บลูกท้ออย่างชำนาญคล่องแคล่ว ส่วนคนในครอบครัวที่เหลือเหมือนกับมาเล่นก็ไม่ปาน สะพายตะกร้าเดินไปทั่วทุกที่ เห็นลูกท้อที่ไหนก็เก็บตรงนั้น ซึ่งแต่ละลูกที่เลือกทั้งใหญ่ทั้งแดง

เด็กทั้งสองตัวเล็กเกินไป เก็บลูกท้อที่อยู่บนต้นไม้ไม่ถึง จึงร้อนรนอยากจะปีนขึ้นต้นไม้ เสด็จปู่กับท่านลุงผู้หลงเด็กๆ จึงอุ้มกันคนละคน ยกพวกเขาขึ้นไปเก็บ

พวกเขาแบกตะกร้าใบเล็กไว้บนหลัง ใส่ลูกท้อไปสองสามลูกก็เต็มแล้ว ด้วยเหตุนี้เด็กทั้งสองจึงเลือกที่ร่มรื่นที่หนึ่งแล้วนั่งลงกินลูกท้อ

ระบบตัวน้อยในเวลานี้ก็กัดลูกท้อใหญ่เหมือนกับเด็กทั้งสอง กัดจนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำ เมื่อกัดกินลูกท้อไปลูกหนึ่งหมด ก็ตบท้องน้อยตัวเองอย่างพอใจ แถมยังเรอออกมา

หลังกินหมดไปหนึ่งลูก นางก็จะไปเอามาอีกหนึ่งลูก เฉียวเยี่ยนจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างจนใจ “เจ้ากินให้น้อยหน่อย ตอนกลางวันจะยังกินข้าวกลางวันอยู่ไหม”

เด็กน้อยตบท้องตัวเองเบาๆ และส่งสายตาวางใจไปให้โฮสต์

[ไม่ต้องเป็นห่วง! กระเพาะของระบบเจ๋งมากๆ เลย!]

เฉียวเยี่ยนแขวะ “เจ้าเด็กที่เอาแต่กินแล้วไม่โต”

เจ้าเด็กคนนี้ร้อยปีถึงจะโตขึ้นมาหนึ่งขวบ รอนางถูกฝังแล้ว อีกฝ่ายก็คงจะเป็นเด็กซนแบบนี้เหมือนเดิม

ระบบตัวน้อยทำเป็นฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วหยิบสไปรท์ออกมาจากกล่องของว่างสองขวด ดื่มไปสองอึกแล้วกัดลูกท้อกินต่อ

ฮ่องเต้เฒ่าเก็บลูกท้ออย่างมีความสุขมาก ในที่สุดก็รู้ว่าเหตุใดคนงานเหล่านั้นถึงยิ้ม เป็นเพราะได้ดื่มด่ำท่ามกลางความสุขไปกับการเก็บเกี่ยว

หลังเก็บลูกท้อมาตลอดเช้า ทั้งครอบครัวต่างก็เหนื่อยและหิว ตอนอาหารเที่ยง จึงกินข้าวในปริมาณเพิ่มขึ้นไปจากปกติอีกหนึ่งชาม

ลูกท้อที่เก็บได้มีมหาศาลนัก เฉียวเยี่ยนจึงให้พวกคนงานส่งลูกท้อหนึ่งคันรถไปให้พวกชาวบ้านในหมู่บ้านม่ายเซียงกับหมู่บ้านจิ่วหลีพัว ให้พวกเขาได้ลองชิมแบบสดใหม่

ชาวบ้านในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ป่าท้อขนที่พวกเขาขยะแขยงเมื่อก่อนกลายสภาพเป็นป่าท้อน้ำผึ้งเมื่ออยู่ในมือหวางเฟย ผลไม้ที่ผลิตออกมาได้ทั้งใหญ่ทั้งหวาน

หากบอกว่าไม่อิจฉาเลยก็จะเป็นการโกหก แต่อิจฉาก็ส่วนอิจฉา เพราะพวกเขารู้จักตัวเองดีว่าหากป่าท้อผืนนี้ยังอยู่ในมือพวกเขา มันก็ยังคงเป็นสวนป่าท้อขนเช่นเดิม

……

เฉียวเยี่ยนเก็บลูกท้อในสวนป่าท้อมาห้าวันแล้ว ขณะมู่ฉินเจินเฝ้าดูห้องว่างมาสองวัน เมื่อก่อนกลับมาบ้านจะมีสามแม่ลูกมาต้อนรับ ยามนี้กลับเงียบเหงาว้าเหว่ ราวกับย้อนกลับไปในวันที่ไม่มีพวกเขาเมื่อก่อน

เมื่อคิดเช่นนี้ เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย หากไม่มีพวกเขา ชีวิตของเขาจะยังดำเนินต่อไปหรือ?

เขาทอดมองไปข้างหน้า รอคอยให้พวกเขากลับมา เห็นๆ อยู่ว่าเพิ่งจะวันที่ห้า เขากลับรู้สึกว่ามันเชื่องช้ากว่าห้าปีอีก

เพิ่งจะวันที่สอง เขาก็ทนคิดถึงนางไม่ไหว จึงจับพู่กันเขียนจดหมายให้นาง น้ำเสียงน้อยใจได้มากเท่าใดก็น้อยใจเท่านั้น

เมื่อเฉียวเยี่ยนได้รับจดหมายเขาก็รู้สึกเป็นสุขอย่างมาก จึงตอบกลับจดหมายเขาเพื่อเป็นการปลอบโยน

จนกระทั่งถึงวันที่ห้า ฮ่องเต้เฒ่ายังอยากจะอยู่เที่ยวต่ออีกสองสามวัน ทว่ามู่ฉินเจินเจ้าเด็กบ้านั่นมักจะนำงานราชการบ้านเมืองมารบกวนเขา ในใจเขาก็ปล่อยเรื่องเละเทะเหล่านั้นไว้ไม่ได้ จึงเดินทางกลับเมืองหลวง

วันแรกที่กลับมาถึงบ้าน มู่ฉินเจินก็ทำตัวเป็นเงาก็ไม่ปาน เฉียวเยี่ยนไปหนใด เขาก็ตามไปด้วย เหมือนไม่มีตัวตน

บางครั้งก็จับเฉียวเยี่ยนมาหอม มากอด ทำให้จากนี้ไปเฉียวเยี่ยนไม่กล้าแยกกับเขาอีก ต้องให้เขาติดสอยห้อยตามไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาติดหนึบเหมือนตอนนี้

เช่นตอนนี้ ขณะเฉียวเยี่ยนนั่งอยู่บนฟูกนุ่มดูสมุดบัญชีที่กิจการแต่ละอย่างส่งมา ท่านอ๋องบางคนอิงแอบแนบชิดนางประหนึ่งสุนัขตัวโต และกวนนางสารพัด

………………………………………………………………………………………………………………………..

(1)ห่วงโซ่ความเย็น (Cold Chain) เป็นการบริหารจัดการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว การขนส่ง การเก็บรักษา การกระจายสินค้า และการขาย ของสินค้า รวมถึงการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์และการปฏิบัติ เพื่อให้สินค้าคงความสดและมีคุณภาพให้ยาวนานที่สุดในเงื่อนไขที่สภาพของอุณหภูมิ ที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อการเก็บรักษาในแต่ละกระบวนการผลิต

สารจากผู้แปล

คิดถึงลูกพืชฉ่ำ ๆ ที่ญี่ปุ่นยามอากาศร้อนๆ จังเลยค่ะ แงงงง วันนี้อุณหภูมิบ้านผู้แปลพุ่งไปสี่สิบกว่าองศาแล้ว

ท่านอ๋องหนีไม่พ้นจากการเป็นโบ้จริงๆ ค่ะ ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนไซบีเรียนตัวใหญ่ ๆ พอเจ้าของไม่อยู่ก็ร้องโหยหวน

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท