ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 195 เมาแล้วก่อความวุ่นวาย

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 195 เมาแล้วก่อความวุ่นวาย

ตอนที่ 195 เมาแล้วก่อความวุ่นวาย

หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดผ่านไป อีกไม่นานก็ใกล้จะสิ้นปี เวลานี้ในเมืองหลวงล้วนเต็มไปด้วยหิมะโปรยปราย หน้าประตูแต่ละบ้านต่างแขวนโคมไฟสีแดงกับติดกลอนคู่มงคลไว้จนดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

ในวันส่งท้ายปีเก่าก็ยังคงเหมือนกับปีก่อนๆ เด็กๆ กับมู่ฉินเจินเขียนกลอนคู่ด้วยกัน ในขณะที่เฉียวเยี่ยนทำอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่าอย่างมากมายหลากหลายให้พวกเขา

ปลาเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ในมื้อค่ำส่งท้ายปีเก่า ซึ่งมีความหมายว่ามีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้ทุกปี

ปีนี้เฉียวเยี่ยนวางแผนจะทำอะไรที่แตกต่างออกไป นั่นคือปลากุ้ยหางกระรอก!

สับหัวปลากุ้ยที่จัดการควักเครื่องในเสร็จแล้วออก จากนั้นนำตัวปลาที่เหลือมาแล่เนื้อให้ชิดกับก้าง และให้เชื่อมต่อกันไปถึงส่วนหาง แล้วค่อยนำก้างปลาออกทิ้ง

จากนั้นบั้งเนื้อปลาออกเป็นตารางถี่ๆ แล้วนำไปแช่ในน้ำสะอาด ใส่ต้นหอม ขิง เหล้าเหลืองลงไปดูดซับเอาเลือดออก

นำเนื้อปลาที่แช่เสร็จแล้วไปทาแป้งให้ทั่วกัน จากนั้นนำไปทอดจนเหลืองกรอบ หัวปลาก็ผ่านกรรมวิธีเช่นเดียวกัน นำลงไปทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบ

นำปลาที่ทอดเสร็จแล้วจัดวางบนจาน จากนั้นทำซอสเปรี้ยวหวานจากน้ำส้มสายชูที่หมักจากข้าว น้ำตาล ซอสมะเขือเทศกับแป้งมันเคี่ยวในหม้อ แล้วราดลงบนตัวปลาที่จัดไว้บนจานก็เป็นอันเสร็จ

ในมื้อค่ำส่งท้ายปีเก่า ปลากุ้ยหางกระรอกจานนี้ได้รับความชอบจากทุกคนในครอบครัวจริงๆ เนื้อปลากรอบราดด้วยซอสเปรี้ยวหวาน เมื่อเทียบกับปลาตุ๋นทั่วไป นับว่ารสชาติวิเศษกว่ามาก

ปีนี้ก็เป็นปีที่อุดมสมบูรณ์อีกปีหนึ่ง มูลค่าผลผลิตโรงงานของเฉียวเยี่ยนพุ่งสูงสุดใหม่ ระบบตัวน้อยก็เลื่อนระดับทะลุไประดับเจ็ดในคืนส่งท้ายปีเก่าเช่นกัน

คนตัวเล็กมีความสุข เฉียวเยี่ยนก็เช่นกัน หากนางพยายามอีก บางทีก็อาจจะพานางออกมาได้ในไม่ช้า

ปีใหม่นี้ยังคงเป็นเหมือนปีก่อนๆ ลูกทั้งสองผล็อยหลับไปก่อนจะถึงเที่ยงคืน เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินยังคงนั่งอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า ผิงไฟ ดื่มเหล้า รอคอยรุ่งอรุณ

ตลอดทั้งปี เฉียวเยี่ยนกล้าที่จะปล่อยตัวเพียงครั้งเดียว จึงหยิบเหล้าบ๊วยหนึ่งไหมาดื่มกับมู่ฉินเจิน

บนโต๊ะยังมีถั่วลิสงเค็มวางอยู่หนึ่งจาน ดื่มเหล้าไปหนึ่งอึก ตามด้วยถั่วลิสงเค็ม สุราไม่มอมคน ทว่าคนกลับเมามายเอง

ระดับความคอแข็งของเฉียวเยี่ยนไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง แม้เหล้าบ๊วยจะหวานอมเปรี้ยว แต่หลังจากดื่มไปสองสามแก้ว ฤทธิ์เหล้าก็เริ่มทำให้เวียนหัว

มู่ฉินเจินฟังคำพูดเมามายไม่ต่อเนื่องของนาง และตอบรับอย่างขอไปที มือก็ไม่เคยหยุด แกะถั่วลิสงให้คนเมาอย่างไม่ขาด

เฉียวเยี่ยนกินถั่วลิสงในมือหมด ก็อ้าปากทำตาเชื่อมเยิ้มรอให้มู่ฉินเจินป้อน

มู่ฉินเจินมองนางอย่างหลงใหลและจนใจ และจงใจไม่ป้อนถั่วลิสงให้นาง แต่ใครจะไปคิดว่านางจะลุกขึ้นอย่างโงนเงน และนั่งลงบนตักเขา จากนั้นก็อ้าปากเหมือนนกน้อยรออาหาร

มู่ฉินเจินหัวเราะออกมาเสียงเบา และกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน และป้อนถั่วลิสงให้นางสองเม็ด ก่อนเอ่ยอย่างเอาใจ “เจ้าคนขี้เมา ถั่วลิสงก็กินไปไม่น้อย ไฉนถึงได้ยังเมามายจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้”

เฉียวเยี่ยนตอบรับอย่างเลื่อนลอย แถมยังตำหนิเล็กน้อย “เพราะ…ยังกินไม่พอ!”

“ก็ได้ ในเมื่อกินไม่พอข้าก็จะแกะให้เจ้าอีก แกะให้เจ้ากินจนเจ้าพอ”

มู่ฉินเจินป้อนถั่วลิสงใส่ปากนางอีกหนึ่งเม็ด และตอบกลับคำพูดเมามายของนาง

เฉียวเยี่ยนมีความสุข ยิ้มอย่างโง่งมออกมา และกุมดวงหน้าของมู่ฉินเจินไว้ และประทับตราลงบนริมฝีปากมู่ฉินเจิน

เพียงสัมผัสเดียว จากนั้นก็ตบหน้าอกตัวเองอย่างภูมิใจ “เปิ่นหวางเฟยให้รางวัลเจ้า เจ้าต้องเก็บรักษาไว้ดีๆ นะ!”

รูปร่างของเฉียวเยี่ยนดีมาก ส่วนเว้าโค้งพอเหมาะ ไม่แบนราบเหมือนสาวแรกรุ่น แต่เผยให้เห็นเสน่ห์ของหญิงสาวที่โตเต็มวัย

สายตามู่ฉินเจินหยุดตรงทรวงอกของนาง มองมันสั่นกระเพื่อมไหวแล้วก็รู้สึกเงอะงะเล็กน้อย

ที่ตรงนี้ เขาเคยสัมผัสมาก่อน ทั้งเนียน ทั้งนุ่มมาก…

เมื่อหวนนึกถึงความวุ่นวายในห้องหนังสือวันนั้น สายตาเขาเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนทันใด ก่อนเอ่ยหยอกล้อกับสาวน้อยในอ้อมแขนเสียงเบา “ข้าอยากได้อีก หวางเฟยให้รางวัลอีกได้หรือไม่?”

เฉียวเยี่ยนถูกเขาหยอกล้อจนมีความสุขมาก และประทับตราลงบนริมฝีปากเขาอีกครั้งอย่างใจกว้าง ทว่าคราวนี้นางผละออกไปไม่ได้

มู่ฉินเจินยกมือขึ้นกดท้ายทอยนางไว้ และบดขยี้ลงบนริมฝีปากนางอย่างเร่าร้อน

เฉียวเยี่ยนขัดขืนครู่หนึ่ง ต่อมาหัวก็เริ่มเบลอ คล้ายกับรู้สึกว่ามันน่าสนุกมาก สัมผัสอ่อนนุ่มบนริมฝีปาก รามกับเยลลี่ที่นางไม่ได้ทานมานานแล้ว

นางแลบลิ้นออกไปเลีย ครั้นค้นพบว่าหวานก็กัดลงไปอย่างพึงพอใจ

มู่ฉินเจินรู้สึกเจ็บแปลบ จึงยืดตัวขึ้น และค้นพบว่าปากแตกเลือดไหล

สายตาเขายิ่งเร่าร้อนเพิ่มขึ้น รู้สึกแค่ว่าทั่วร่างร้อนผ่าว ท้องช่วงล่างยิ่งวูบวาบเป็นระลอกๆ

เขาอุ้มเฉียวเยี่ยน ก้าวสามขุมไปทางห้องนอนหลัก พวกข้ารับใช้ที่เพิ่งเข้าเวรอยู่โถงด้านหน้าถึงกล้าถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอกในตอนนี้

แม่เจ้า ท่านอ๋องกับหวางเฟยคู่นี้สนิทสนมกันแบบปากต่อปากจริงๆ ! ไม่มองพวกเขาเป็นคนนอกเลย!

เมื่อกลับไปถึงห้องนอนหลัก มู่ฉินเจินก็วางเฉียวเยี่ยนลงบนเตียงเบาๆ จากนั้นคร่อมตัวอยู่บนร่างนาง และเริ่มสานต่อเรื่องที่ทำเมื่อครู่

เขาเอื้อมมือไปดึงสายรัดเอวของเฉียวเยี่ยน เปลื้องเสื้อผ้านางออก เผยให้เห็นผิวขาวนวล และเฉียวเยี่ยนที่เมามายในคืนนี้ก็กระตือรือร้นเป็นพิเศษ สองมือเลื้อยไปทั่วกายมู่ฉินเจิน

และนางก็เร็วกว่าเขาไปก้าวหนึ่ง เปลื้องผ้าเขาออกจนล่อนจ้อน

มู่ฉินเจินดีใจอย่างมาก ในที่สุดเจ้าท่อนไม้ของเขาก็ตอบสนองกลับแล้ว

เขาซุกหน้าลงกับซอกคอนาง สูดกลิ่นหอมตรงกระดูกไหปลาร้านางแผ่วเบา ไม่นาน ก็รู้สึกแค่ว่าร่างกายผ่อนคลาย สองมือสาวน้อยที่กอดเขาหลังเขาแน่นเมื่อครู่ตกลงข้างลำตัว ไม่ตอบสนองกลับอย่างดุดันแล้ว

ในหัวเขาเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา จึงเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหญิงสาวที่ยั่วให้อารมณ์ขึ้นได้หลับไปแล้วจริงๆ

มู่ฉินเจินในเวลานี้เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นในตอนที่ความเร่าร้อนเพิ่มสูงขึ้น ในใจก็หนาวเยือกทันใด

ทว่าเขาจะทำอย่างไรได้? จึงจำต้องยอมรับชะตากรรมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉียวเยี่ยน จากนั้นก็เดินไปท่ามกลางคืนอันเย็นยะเยือกหิมะตกเพื่อสงบกามตัณหาของตัวเอง

……

หลังเทศกาลหยวนเซียว(เทศกาลแขวนโคมไฟ) พวกขุนนางก็เริ่มว่าราชกิจอีกครั้ง ทุกหนทุกแห่งล้วนหนาวเหน็บเย็นเยือก ลมพัดหนาวเข้ากระดูก แต่พวกเขากลับต้องไปรวมกันที่หน้าประตูอู่เหมินในยามเหม่า รอเวลาว่าราชกิจ

เฉียวเยี่ยนรู้สึกเสมอว่าการว่าราชกิจในสมัยโบราณนั้นไร้มนุษยธรรมเกินไป ขุนนางที่ต้องไปว่าราชกิจแทบจะตื่นตอนยามอิ๋นทุกวัน หรือก็คือตีสองตีสามในสมัยปัจจุบัน

การใช้ชีวิตของท่านอ๋องสอดคล้องกับคำพูดที่ว่าตื่นเร็วกว่าไก่โห่ หลับช้ากว่าสุนัข

เฉียวเยี่ยนสงสารเขามาก ในวันที่หนาวเย็นมากเช่นนี้ หากยังอายุน้อยอยู่คงแค่รู้สึกว่าหนาวเหน็บ แต่ต่อไปเมื่อแก่ตัวขึ้นมาต้องได้รับผลกระทบแน่ ดังนั้นนางจึงติดอาวุธให้เขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ชุดลองจอนขนแกะ รองเท้าบูทขนแกะ และแปะแผ่นแปะความร้อนใต้เสื้อหนาว ให้มู่ฉินเจินชายที่อารมณ์ร้อนเหงื่อออกได้ในวันฤดูหนาว

โชคดีที่เขามีรูปร่างดี หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหนาๆ คงถูกหุ้มเป็นก้อนกลมไปแล้ว แต่เขากลับดูไม่บวมขึ้นเลย

นอกจากเตรียมให้มู่ฉินเจินแล้ว เฉียวเยี่ยนก็เตรียมของให้ความอบอุ่นแก่เฉียวจิ่น ร่างกายของพี่ชายนางไม่ต่างอะไรกับคนกระดาษมากนัก ยิ่งต้องใส่ใจรักษาความอบอุ่น

ด้วยเหตุนี้ มู่ฉินเจินรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อย เดิมที่คิดว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งไม่มีสอง แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะมีส่วนของพี่ภรรยาด้วย

เฉียวเยี่ยนจะไม่รู้นิสัยขี้หึงหวงของเพื่อนตัวโตคนนี้ได้อย่างไร จึงเอ่ยง้ออย่างนุ่มนวลแผ่วเบา และมอบผ้าพันคอที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครให้เขา เขาถึงได้พอใจ

ทว่าการใส่ผ้าพันคอร่วมกับการแต่งตัวโบราณมันก็ดูแปลกไปเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องแต่งตัวขึ้น คนทั่วไปคงสวมใส่ไม่ได้จริงๆ

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องนี่มีกรรมนะ พอใกล้จะได้กินเจ้าท่อนไม้แล้วก็โดนช็อตแรงระดับการไฟฟ้าทุกรอบ ๕๕๕

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท