พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 42

ตอนที่ 42

บทที่4ตอนที่12

 

 

ผมฝันถึงความฝันสีเลือดอีกครั้ง ฝันร้ายที่ผมเคยเห็นมาก่อนหน้านี้

 

 

เมืองอาร์คาซัมที่ถูกทำลายและเปลวเพลิงที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง และกลิ่นไหม้ของเนื้อมนุษย์จำนวนมากที่ตลบอบอวลไปทั่ว

 

 

「 ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……」

 

 

ผมพยายามวิ่งไปรอบๆ เพื่อพยายามจะหนีจากมัน มองให้ไกลจากผู้คนในเมืองที่ถูกทิ้งร้าง รอบๆตัวมัน เหมือนตัวผม ก่อนที่พบจะพบกับอาจารย์

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะวิ่งไปนานแค่ไหน ความฝันสีเลือดนี่ไม่เคยสิ้นสุดลง ซากปรักหักพักเต็มไปทั่วและเปลวเพลิงที่แผดเผาร่างกายของผม

 

 

ขาของผมที่หมดแรงและกล้ามเนื้อที่บอกว่า “ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”แต่ผมก็หยุดมันไม่ได้

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!」

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นก็ถึงขีดจำกัดเช่นกัน

 

 

ซากปรักหักพังกำลังถล่มลง อิฐที่ถูกเผากำลังหล่นทับร่างกายของผมอยู่เนืองๆ

 

 

「อว๊ากกกกกก!」

 

 

 

 

ผมพยายามจะสบัดเศษอิฐเหล่านั้นออกไป หากมาล้มลงอยู่ตรงนี้ได้ตายจริงๆแน่

 

 

“คิดจะไปไหนกัน?”

 

 

จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งแว่วเข้ามาในหัวของผม เสียงที่ได้ยินตอนที่ผมกำลังฆ่าเหล่าไซคลอปส์

 

 

บังคับร่างกายที่แสนเจ็บปวดรวดร้าวให้ขยับไปข้างหน้า ผมพยายามจะหนีจากมัน ขาของผมเริ่มถึงขีดจำกัด และตัวผมก็สั่นเดินโซเซ

 

 

แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน

 

 

ขาของผมก้าวไปข้างหน้าไม่ไหวแล้ว และผมก็ล้มลงกับพื้น

 

 

หากมองเข้าไปใกล้ๆที่ขาแล้ว มันมีความมืดมิดกำลังพันธนาการขาของผมเอาไว้

 

 

“……คิดจะหนีไปถึงเมื่อไร?……”

 

 

ผมไม่สนใจเสียงที่ก้องอยู่ในหัว ผมพยายามคลานและก้าวไปข้างหน้า

 

 

「……อึก อึก…………」

 

 

ผมยื่นมือไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง แต่ความร้อนจากผืนดินกำลังเผาไหม้ร่างกายของผม ไม่มีเสียงให้พูดอีกต่อไป มีแต่เสียงครางเบาๆที่ออกมาจากปาก

 

 

“หยุดเสียเถอะ…………ไม่ว่าจะทำเช่นไรเจ้าก็หนีไม่พ้น……”

 

 

ด้วยน้ำเสียงนั้น ผิวของมือเริ่มมีเกล็ดสีดำปกคลุมร่างกายพร้อมกับเสียงอันดังกึกก้อง

 

 

「…………อาาาาาาาา……」

 

 

วินาทีถัดมาทั่วทั้งร่างกายผมก็มีเลือดไหลออกมา และมีบางสิ่งกำลังทำลายผมอยู่ภายใน

 

 

「อั่ก!!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!」

 

 

สิ่งที่ออกมาจากปากของผมคือเสียงคำรามที่จะกู่ก้องไปให้ถึงน่านฟ้า ตัวมันทะลุออกจากร่างกายของผมและในที่สุดมันก็ถูกปลดปล่อยออกมา

 

 

สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือมังกรสีดำสนิทตัวใหญ่และมีปีกหกปีกที่สูงถึงสวรรค์

 

 

 

 

ดวงตาของผมเปลี่ยนเป็นสีขาวและหมดสติลงในที่สุด

 

 

◇◆◇

 

 

「อุกหวาาา!!!」

 

 

 

ผมลุกขึ้นเหมือนกับกระโดดออกจากฝัน

 

 

สิ่งแรกที่ผมเห็นคือแสงอาทิตย์ที่สอดส่องผ่านหน้าต่าง

 

 

ท้องฟ้าสีครามที่ไร้ซึ่งเมฆแสงแดดของฤดูใบไม้ผลิทุกอย่างกำลังส่องแสงแห่งรุ่งอรุณด้วยความอบอุ่น

 

 

「อั่ก!!!!」

 

อย่างไรก็ตาม ผมไม่เห็นภาพนั้นอีกแล้ว แต่ว่าก็อยากจะอาเจียนออกมาอย่างแรง

 

 

รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและคายทุกสิ่งออกมา

 

 

เมื่อวานผมปล่อยน้ำย่อยออกจากกระเพาะเยอะมาก ผมดื่มน้ำจำนวนมากและคายน้ำที่ดื่มออกไป

 

 

 

หลังจากทำซ้ำประมาณสามครั้ง ในที่สุดก็นั่งลงและนึกถึงสิ่งที่จะทำต่อไป

 

 

ผมกลับไปที่ห้องของผมหลังจากที่เธอช่วยรักษาแผลให้ผมแล้ว

 

 

พอผมกลับมาถึงห้องบางทีอาจจะเหนื่อยมากก็เลยผล็อยหลับไป ความเหนื่อยล้าทางกายและใจที่สะสมทำให้ผมจมดิ่งสู่ฝันนั่น

 

 

 

อย่างไรก็ตามแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว ร่างกายของผมก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ ใจเองก็ยังคงหม่นหมอง

 

「อึก!!」

 

ปวดหัวมาก เพราะพักผ่อนน้อย

 

ความจริงที่เคนชี้ให้เห็นนั้น ทำให้ผมถึงกับต้องหนีความจริงด้วยการเอาชีวิตเหมือนไปทิ้ง

 

 

เหนือสิ่งอื่นใดคำสัญญาที่ผมให้กับอาจารย์ผมก็ทำไม่ได้ ผมเกลียดตัวเองที่เอาแต่หนีจริงๆ

 

 

หลับตาแน่นและได้แต่กัดฟัน

 

 

ตรงหน้าผม ผมนึกถึงโศกนาฏกรรมที่ผมก่อขึ้นไว้ได้อย่างชัดเจน

 

 

พวกหมาป่าและไซคลอปส์

 

 

และตัวผมเองที่สังหารหมู่พวกนั้น

 

 

「…………เวรเอ้ย……」

 

เขาอาเจียนออกมาและได้แต่บ่นโทษตัวเอง แต่ว่าเสียงก็ไม่ค่อยมีมากนัก

 

ผมขดตัวและจับหน้าอกแน่น

 

 

 

 

ถึงกระนั้น เมื่อเวลามาถึงผมก็ไปสถาบันตามปกติ มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าผมได้พักผ่อน แต่ถ้าผมหลับอยู่ในห้องผมอาจจะฝันถึงมันอีกก็ได้ ผมกลัวที่จะอยู่คนเดียว

 

 

ผมกำลังมุ่งหน้าไปสถาบัน ในขณะที่สติยังคงคลุมเครือ

 

 

ความเหนื่อยล้าที่หนักแน่นและร่างกายที่ปวดเมื่อย ความล้าทางใจ ความคิดของผมแทบไม่รับรู้อะไรแล้ว ดวงตาอันแสนอ่อนแอ

 

 

「…………เฮ้……มุ…………」

 

 

ผมควรจะทำยังไงดี ผมต้องทำยังไง

 

ความคิดแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย ความคิดแบบนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผม

 

 

「…เน่ โน….มุ……เป็นไร…………」

 

 

ลิซ่าและเคน ต่างทิ้งผมไปแล้ว ผมควรจะทำยังไงกับพวกเขาดี

 

 

ผมนึกถึงภาพที่ผมหนีมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

ภาพปรากฏการณ์ที่ผมหนีจากเรื่องราวทุกอย่างเข้าไปในป่ายังคงชัดเจน

 

ทะเลเลือดและตัวผมที่อยู่ท่ามกลางซากศพ

 

 

“หมอนั่น” สะใจที่ได้อาละวาดตามใจชอบ ตัวเขาเองก็ดีใจที่ได้ปลดปล่อย ความรู้สึกยินดีที่ได้ฆ่าอีกฝ่าย ความสุขที่โดนร่างกายได้รับความทรมาน และสุดท้ายก็ได้แต่มานั่งเกลียดตัวเอง

 

 

บอกตรงๆว่าอยากจะหนีไปให้ไกล อยากจะออกไปจากความบ้าคลั่ง

 

 

แต่ว่าก็ทำแบบนั้นไม่ได้

 

 

ผมที่สัญญากับอาจารย์ว่าจะไม่ละเลยความเป็นจริงเหล่านั้นที่ผมทำลงไป

 

แต่ตอนนี้ผมรักษาสัญญาเหล่านั้นให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

 

อยากจะหนีแต่ทำไม่ได้ อยากจะลืมแต่ลืมไม่ได้

 

 

หัวใจของผมที่เหมือนดั่งนาฬิกาที่ขึ้นสนิทตอนนี้พยายามกัดเซาะสนิมเหล่านั้นเพื่อเริ่มหมุนฟันเฟืองตัวเอง

 

 

ฟันเฟืองแห่งหัวใจพยายามที่จะเริ่มเดิน คำสัญญากับอาจารย์และความรู้สึกที่ว่าจะต้องก้าวเดินต่อไป

 

หัวใจกำลังโดนกัดกร่อนและพยายามเดินเข็มไปข้างหน้า

 

 

หัวใจของทั้งสองต่างสั่นพ้องซึ่งกันและกันจนเกิดการก้าวหน้าต่อไป

 

 

อย่างไรก็ตามหัวใจที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งเรียกผม

 

 

「เฮ้ย โนโซมุ!!! ได้ยินไหมเนี่ย!!!」

 

จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น เมื่อมองไปหาเจ้าของเสียงก็พบกับเพื่อนที่เจ้าอารมณ์

 

 

「……มาร์?」

 

「เออ ก็ข้าไง แล้วเรียกตั้งนานไม่ตอบสักที! เรียกแกมาได้สักพักแล้ว!」

 

 

ข้างหลังมาร์ ผมก็เห็นพวกไอริส เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเรียกผมมานานอยู่เหมือนกัน

 

 

「อ่า……ขอโทษนะ……ที่จู่ๆก็เงียบไปน่ะ」

 

「……เออ ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ」

 

 

มาร์ทำท่าทางน่าสงสัยเล็กน้อย แต่ว่าก็บอกให้ผมเดินหน้า

ผมเองก็เดินตามเขาไป

 

 

「ยังไงก็ตามโนโซมุคุงเมื่อวานเข้าป่าไปสินะ……และนั่น……แผลพวกนั้น……เป็นอะไรไหมคะ?」

 

 

ผมเองก็กำลังคุยกับทุกคนอยู่ พักหนึ่งไอริสก็เรียกผมด้วยความเป็นห่วง เธอจ้องมองผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบๆแขนผม

 

 

「เอ๊ะ……อืม! ไม่เป็นไรหรอกครับ ระหว่างซ้อมก็ได้แผลมานิดหน่อย」

 

ผมยกแขนที่พันผ้าพันแผลขึ้นทันทีและทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

「งั้นเหรอ……ไม่เป็นไรสินะ…………」

 

น้ำเสียงเธอเหมือนมีความลังเลบางอย่าง ไม่เหมือนกับท่าทางตามปกติของเธอเลย ถ้าเธอตามปกติแล้วจะถามผมอย่างตรงไปตรงมา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอเปลี่ยนไป

 

 

「…………………」

「…………………」

 

 

แต่ผมเองก็พูดอะไรไม่ได้เช่นกัน

 

 

สนิทที่เกาะกินจิตใจกำลังจะละลาย ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าตอนนี้เปิดปากพูดออกไป

 

 

มีบรรยากาศแปลกๆระหว่างผมกับเธอ โซเมียที่อยู่ข้างๆก็พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง

 

 

「ไง ไอริสดีน่า」

 

 

เสียงที่ผมไม่เคยได้ยินดังก้องไปทั่ว และเมื่อมองไปทางนั้นก็พบกับเผ่าครึ่งสัตว์ผู้มีหูและหางสีเงินกำลังเดินมาทางนี้

 

 

◇◆◇

 

 

ไม่นานก่อนที่พวกโนโซมุจะมาถึงสถาบัน

 

 

ที่ประตูหลักของสถาบัน ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นอย่างสดใสและบรรยากาศในฤดูใบไม้ผลิอันเงียบสงบ

 

 

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นยามเช้าที่น่ารื่นรมย์ แต่ว่าก็มีบรรยากาศแปลกๆรายล้อมอยู่

 

 

ขณะที่นักเรียนของสถาบันแต่ละคนกำลังเข้าเรียน มันก็มีช่องว่างอยู่พักหนึ่ง

 

 

พื้นที่ตรงนั้นมันให้บรรยากาศอันน่ากลัว นักเรียนที่เดินมาถึงต่างต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่ตรงนั้น

 

 

มีนักเรียนหลายคนอยู่ตรงกลางพื้นที่ตรงนั้น ทำท่าทางข่มขู่อยู่แต่ตรงนั้นคนที่อยู่ตรงกลางปล่อยแรงกกดดันมามากที่สุด

 

 

「ชิ!! ไอเวร!……」

 

 

ตรงนั้นคือเควิน หมาป่าสีเงินที่ให้ความรู้สึกหวาดกลัวแก่ผู้คนทั้งหลาย ตรงรอบๆก็มีสมาชิกปาร์ตี้ของเขาอยู่

 

 

เควินดูอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก นักเรียนทุกคนต่างเบือนหน้าหนี

 

 

「เน่ เควินใจเย็นๆหน่อยดิ」

 

「หุบปากน่า!!! ไอ้เวรเอ้ย!!」

 

 

หนึ่งในสมาชิกในปาร์ตี้พยายามให้เขาใจเย็นนั่นคือ ออซ ออซพยายามให้เขาใจเย็นแต่ว่าเขาก็ตอบกลับมาด้วยความโกรธ เพราะโดนไล่กลับมาหลังจากเห็นภาพเมื่อวานเพราะจิฮัด

 

 

 

 

「พวกนายรีบกลับเข้าห้องพักไปได้แล้ว ที่เหลือเหล่าอัศวินเงินสีรุ้งจะจัดการเอง」

 

「เหอะ!!! หมายความว่าไง。」

 

เควินพยายามไล่ตามจิฮัดและพยายามค้นหาความจริง

 

 

ตัวเขาเองก็มั่นใจในความสามารถของตัวเอง

 

 

ดังนั้นเควินจึงพยายามยืนกรานไล่ตามจิฮัดที่พยายามไล่พวกเขากลับไป

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะทำเช่นไรจิฮัดก็ไม่ยอม และบอกให้พวกเขากลับบ้านไป เขาไม่ยอมพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและหันหลังไปคุยกับเมาส์ต่อ

 

 

แผ่นหลังนั่นบอกว่า “ไม่มีเรื่องจะคุยต่อแล้ว”และเควินก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับห้องไป

 

 

◇◆◇

 

 

「อะไรกันวะ…ไอหมอนั่น!!」

 

ข้าไม่พอใจอย่างมากกับท่าทางของเขา จิฮัดกำลังหารือกับพวกหน่วยป้องกันเมือง

 

 

ข้าเป็นถึงแรงค์ A เลยนะ กล้ามาดูถูกกันได้นะ

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าข้าพยายามจะตื้อและหวังว่าจิฮัดจะให้ข้าตามไปด้วย

 

 

แต่นั่นก็ไม่เกิดขึ้น และเขาบอกให้เควินกลับบ้านไป

 

 

สำหรับจิฮัดแล้ว เขากังวลเกี่ยวกับพวกนักเรียน

 

 

แต่สำหรับเควิน จิฮัดพูดราวกับว่า “พวกแกมันไร้ประโยชน์กลับบ้านไปซะ”

 

 

มันเป็นความอัปยศสำหรับเควิน หมาป่าสีเงินที่ภาคภูมิใจที่จะปกป้องผู้คนด้วยพละกำลังของตัวเอง

 

 

「เหอะ?」

 

ทันใดนั้นเองข้าก็ได้กลิ่นบางอย่าง

 

 

สัญญาณของผู้แข็งแกร่ง ด้วยความอ่อนไหวเช่นนั้นเขาจึงรีบตามกลิ่นนั่นไป

 

 

ชายหญิงห้าคนกำลังเดินมาทางนี้

 

 

「ไง ไอริสดีน่า」

 

และก็มีตัวโนโซมุที่มาสถาบันด้วย

 

 

◇◆◇

 

 

「……จากนั้นความจริงที่ว่าไซคลอปส์โดนกำจัดไปแล้วก็ถูกปกปิดไว้ชั่วคราวงั้นเหรอ」

 

「ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจเช่นนั้น การเข้าไปในป่าในปัจจุบันนั้นอันตรายเกินไป ดังนั้นให้คิดว่ามีไซคลอปส์อยู่ในป่าจะได้ไม่มีใครเข้ามา」

 

ณ สำนักงานของ จิฮัด・รัลเดล สถาบันโซลมินาติ

 

 

ที่นี่มีจิฮัด หัวหน้าเมืองอาร์คาซัม และเมาส์ที่กำลังเผชิญหน้าคุยกัน

 

 

เนื้อหาคือเกี่ยวกับศพของไซคลอปส์ที่พบในป่าเมื่อวานนี้และใครกันที่ฆ่าพวกมัน

 

 

พวกเขากลับมาจากป่าเมื่อวานนี้และเป็นสภาสูงสุดของทางการเมืองเข้ามาดูแลเรื่องนี้ทันที เขาได้เข้าไปหาและรายงานเรื่องนี้ให้ฟัง

 

 

โดยปกติต้องทำเรื่องต่างๆมากมาย และเมาส์เองที่เป็นหัวหน้าองค์รักษ์ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาด้วย แต่เขาเองก็เป็นคนของอัศวินเงินสีรุ้ง ที่เป็นตัวแทนระหว่างประเทศและตัวแทนของอัศวินเงินสีรุ้งของอาร์คาซัมก็คือจิฮัด

และการตัดสินใจของท่านประธานจิฮัดก็คือการปกปิดข้อมูลไว้ชั่วคราว

 

 

 

「อย่างไรก็ตามหากเป็นเช่นนั้นเมืองได้รับความเสียหายหนักแน่…………」

 

「……ก็เป็นไปได้ แต่คิดว่าโอกาสมันต่ำกว่าที่คุณเมาส์คิดนะครับ」

 

「…………ทำไมงั้นละ」

 

「คนที่ปราบไซคลอปส์นั่นใช้วิชาดาบในการจัดการ ว่าง่ายๆมันไม่ใช่พวกสัตว์อสูรที่ฆ่ากันเองแต่เป็นมนุษย์ต่างหากที่ฆ่าพวกมัน อย่างน้อยมันก็ไม่น่าจะโจมตีเผ่าพันธุ์เดียวกันหรอก」

 

ศพของไซคลอปส์เหล่านั้นที่พวกเขาเห็นในป่า มีซากศพที่ขาดสะบั้นและฆ่าด้วยวิธีที่หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ก็ตายด้วยของมีคมทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม วิธีการฆ่าพวกนั้นต่างไม่ธรรมดาทั้งสิ้น……。

 

 

 

「…………ท่านจิฮัด หลังจากนี้คงต้องประกาศเรื่องนี้……」

 

เมาส์แนะนำจิฮัดว่าควรเปิดเผยข้อมูล แต่จิฮัดคิดต่างออกไป

 

「ก็ยังคงต้องดูสภาพไปก่อน แน่นอนว่าอันตรายจากการเข้าป่าที่มีมากขึ้น จะทำให้คนยิ่งรู้เรื่องราวมากไปใหญ่ ยังไงก็ตาม คู่ต่อสู้เป็นคนทีฆ่าไซคลอปส์ให้พวกเรา และเมื่อพิจารณาถึงตำแหน่งทางการเมืองในตอนนี้ผมว่าการเปิดเผยข้อมูลยังเสี่ยงเกินไปและดูเหมือนว่าพวกระดับสูงเองก็คิดเช่นนั้นด้วยครับ」

 

 

ตำแหน่งของเมืองอาร์คาซัม ฟังดูดีที่จะบอกว่าแต่ละประเทศได้ร่วมมือกัน แต่อันที่จริงมันเกิดศึกชิงอำนาจระหว่างประเทศอยู่

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือผู้ชนะจะได้ครองเมืองอาร์คาซัมไป และนั่นจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศขึ้นมาอย่างใหญ่หลวง

 

 

และปัญหาในตอนนี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้สั่นคลอนได้

 

 

 

เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วนับตั้งแต่การรุกรานครั้งใหญ่

 

 

ช่วงเวลานั้นผู้คนต่างลืมเลือนและความขัดแย้งระหว่างประเทศก็หายไปทำให้ทุกคนต้องร่วมมือกัน

 

ผู้ทรงพลังที่สามารถจัดการกับฝูงไซคลอปส์เช่นนี้ได้ หากโผล่มาในสถานการณ์เช่นนี้

 

 

ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่เข้าใจถึงความคิดของอีกฝ่ายเลย ว่าทำไมถึงต้องทำเรื่องแบบนี้ เพราะมันจะทำให้เกิดความวิตกกังวลเข้าไปใหญ่อย่างมากอาจจะคิดว่าเป็นพวกปีศาจมาฆ่าไซคลอปส์ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นผลประโยชน์ระหว่างประเทศจะสั่นคลอน

 

 

หากไฟดั่งกล่าวถูกจุดขึ้นมา ก็อาจจะนำไปสู่การล่มสลายของเมืองนี้ และอาจจะเกิดพวกที่เคลื่อนไหวภายใต้เงามืดของเมืองนี้เพื่อทำการบางอย่าง

 

 

「แน่นอน ตราบใดที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เราก็ไม่สามารถละเลยได้เลย เพราะเราห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชน อย่างไรก็ตาม หากมีคนที่ใช้ชีวิตด้วยการหาของป่า ก็ช่วยไม่ได้」

 

หลายคนต่างอาศัยทรัพยากรของป่านี้เพื่อดำรงชีวิตอยู่ พืชที่มีประโยชน์มากมายและสมุนไพร ต้นไม้ที่ไว้ใช้ทำฝืน

 

 

อุปกรณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ขาดแคลนไม่ได้ต่อการดำรงชีวิต อย่างน้อยเสบียงที่มาจากเมืองอื่นเราก็ไม่รู้ว่าจะมีปริมาณมากพอจนทำให้คนไม่ต้องเข้าป่าได้รึเปล่า

 

「หากถึงเวลาจำเป็น ก็ต้องให้เหล่าเบื้องสูงเป็นคนตัดสินและต้องเผยแพร่ข้อมูลอย่างถูกต้องระวังอย่าให้เกิดความเข้าใจผิด」

 

นี่คือเหตุผลที่จิฮัดพยายามไม่ให้เควินเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะกลัวข้อมูลมันจะออกมาผิดๆ

 

 

อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ต้องการคือใครเป็นคนจัดการเหล่าไซคลอปส์ เพราะนั่นเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าอย่างมาก

 

 

แน่นแนในเวลานั้น เขาสั่งให้พวกเควินและเพื่อนๆกลับบ้านไปก่อนเพราะพวกเขาเองก็เป็นทรัพยากรมนุษย์แสนมีค่าเช่นกัน ไม่อยากให้มาเสียกับสถานการณ์เช่นนี้

 

 

หากว่าเป็น ไอริสดีน่า จิฮัดคงตัดสินใจไปอีกทางหนึ่ง ถึงกระนั้นข้าเองก็จะกำหนดให้รักษาความลับเหล่านี้ไว้……。

 

「ขอความร่วมมือจากพวกคุณเมาส์ด้วยนะครับ อย่างไรก็ตาม มีเพียงเราเหล่าอัศวินเงินสีรุ้งและหน่วยผู้พิทักษ์เมืองอาร์คาซัมของคุณเมาส์เท่านั้นที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ยังไงก็ฝากรวบรวมข้อมูลและดำเนินการอย่างระมัดระวังด้วยครับ。」

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท