ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 221 เทศกาลชีซี

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 221 เทศกาลชีซี

ตอนที่ 221 เทศกาลชีซี

ใบหน้าฮุ่ยเซียงแดงปลั่งขึ้นทันใด ขยับก้นห่างจากเฉียวเยี่ยนไปสองฉืออย่างเขินอาย เบือนหน้าไปอีกด้าน ก่อนมุ่ยปากเอ่ย “บ่าวขอตัดขาดกับหวางเฟยหนึ่งเค่อ!”

เฉียวเยี่ยนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อคำขู่อันนุ่มนวลของนางเลย และยังคงหยอกล้อต่อ “ข้าแค่พูดไปเท่านั้น ไฉนเจ้าถึงหน้าแดงไปเสียล่ะ? ฮุ่ยเซียงน้อย เจ้ามีพิรุธนะ!”

ฮุ่ยเซียงยิ่งเขินอายเข้าไปใหญ่ หน้าแดงปลั่งจนลามไปถึงใบหู สุดท้ายลำคอขาวระหงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงตามไปด้วย

นางขยับก้นอีกครั้ง ถอยห่างจากเฉียวเยี่ยนไปไกลมากขึ้น หันไปเง้างอดกับนางอย่างน่าสงสาร “ไอหยา หวางเฟย ท่านเลิกหยอกบ่าวได้แล้ว!”

นางกับพี่เฟิงหยางยังไม่ได้เริ่มอะไรกันเลย แม้ตอนนี้จะดูคลุมเครือเล็กน้อย แต่ก็สัมผัสได้ว่าพี่เฟิงหยางมีความรู้สึกเหมือนเดียวกันกับนาง ทว่าพวกเขายังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ให้กระจ่างเลย

เด็กสาวล้วนโกหกไม่เป็น เฉียวเยี่ยนแค่เอ่ยหยอกธรรมดาสองประโยคก็ทำหน้านางแดงปลั่งขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกอะไรล้วนเขียนอยู่บนหน้าหมด จนหลันหนิงที่มองอยู่ด้านข้างส่ายหน้าอย่างระอา

เฉียวเยี่ยนไม่หยอกนางอีก และรีบเอ่ยง้อ “เอาล่ะๆ เลิกโกรธได้แล้ว แค่หยอกเจ้าเล่นนิดหน่อยเอง ดูสิหน้าแดงจนเหมือนสีปูขนแล้ว”

เวลาเกือบสองปี นางกับเฟิงหยางอยู่ด้วยกันทั้งเช้าทั้งเย็น เฉียวเยี่ยนมองความผิดปกติระหว่างทั้งสองออกนานแล้ว

กระนั้นนางก็ดีใจที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เฟิงหยางเป็นคนซื่อสัตย์ในหน้าที่ เป็นคนที่ไว้วางใจได้ ส่วนฮุ่ยเซียงเรียบง่ายมีชีวิตชีวา หากทั้งสองสามารถเดินไปด้วยกันได้ ก็นับว่าเป็นสวรรค์บันดาลให้เป็นคู่ชีวิตกัน

หลังจากหยอกฮุ่ยเซียงเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็เคลื่อนสายตาไปหาหลันหนิง ยิ้มจนดูมีเลศนัย “หลันหลันน้อย ช่วงนี้เล็งบุรุษดีๆ คนไหนในตำหนักบ้างไหม ข้าจะไปเป็นแม่สื่อให้”

มุมปากหลันหนิงกระตุก ไม่คิดเลยว่าไฟแห่งสงครามจะลามมาหาตัวเองเร็วเช่นนี้

นางควักมีดสั้นตรงข้างเอวออกมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชาไร้ความรู้สึก “บุรุษล้วนมีผลต่อความเร็วในการชักดาบของข้าก็เท่านั้น!”

เฉียวเยี่ยน “…”

นี่พี่สาวจะครองโสดไปตลอดชีวิตจริงเหรอ?

ระบบตัวน้อยมองโฮสต์ตัวเองที่กระตือรือร้นจะเป็นแม่สื่อ ก็เท้าคางตัวเองอย่างระอา

[ท่านโฮสต์ ไม่เช่นนั้นท่านไปเปิดสำนักแม่สื่อเถิด?]

แม่สื่อเฉียวเยี่ยนครุ่นคินอย่างจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเป็นตุเป็นตะ “เหมือนจะเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย!”

ฮุ่ยเซียงคิดว่าหัวข้อมันเลยเถิดไปไกลแล้ว จึงเปลี่ยนหัวข้อกลับไปทางที่ถูกทันที “หวางเฟย บ่าวคิดถึงพวกเจ้านายน้อยแล้ว พวกเราจะกลับไปเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ?”

เมื่อเอ่ยถึงเด็กๆ ใจที่อยากจะเป็นแม่สื่อของเฉียวเยี่ยนก็สงบลง ทำไมนางจะไม่คิดถึงพวกเด็กๆ ล่ะ? และยังคิดถึงท่านอ๋องของนางด้วย

ไม่รู้ว่านางไม่อยู่สองสามวัน พวกเขากินดีอยู่ดีหรือเปล่า จะคิดถึงนางบ้างไหม?

นางเอ่ยปลอบ “คอยอีกสองวัน อีกสองวันงานที่นี่ก็คงจะเสร็จพอประมาณแล้ว”

ในหมู่บ้านจือซานมีพื้นที่เรือนกระจกอยู่ยี่สิบหมู่ แบ่งเป็นสิบห้าเรือน ประมาณห้าวันพวกคนงานจะเพาะเห็ดทั้งหมดเสร็จ

ทว่าพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ทางด้านนางเพิ่งเอ่ยถึงพวกเด็กๆ กับมู่ฉินเจิน ไม่ไกลนักก็มีเสียงของเด็กทั้งสองดังออกมา

“ท่านแม่ พวกเรามาหาท่านแล้ว!”

“ท่านแม่ ลูกน้อยของท่านมาหาแล้ว!”

เฉียวเยี่ยนนึกว่าตัวเองหูฝาด จึงหันไปทางต้นเสียงอย่างฉงน ก็เห็นเด็กทั้งสอง ก้าวขาสั้นๆ พุ่งมาทางนาง ตามมาด้วยมู่ฉินเจินกับพวกองครักษ์

นางชะงักค้างไป พลันปิติยินดีขึ้นทันใด และลุกขึ้นวิ่งไปหาเด็กๆ

เมื่อเด็กทั้งสองมาถึงตรงหน้า เฉียวเยี่ยนก็โน้มตัวไปกอดพวกเขาไว้ในอ้อมแขน หอมแก้มน้อยของพวกเขา ราวกับหอมอย่างไรก็หอมไม่พอ

เด็กน้อยทั้งสองไม่เห็นมารดามาหลายวันก็เสียใจอย่างมาก ในดวงตากลมโตแวววาวเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ปากน้อยเบะออกเหมือนจะร้องแต่ก็ไม่ร้อง

ท่าทางน่าสงสารนี้ทำให้เฉียวเยี่ยนเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจ ก่อนรีบเอ่ยกล่อมด้วยเสียงอ่อนโยน “ลูกรักอย่าร้อง เป็นแม่เองที่ไม่ดี แม่ขอโทษพวกเจ้าดีหรือไม่?”

แม้เด็กน้อยทั้งสองจะเสียใจ แต่ก็รู้ความอย่างมาก ก่อนส่ายหัวน้อยๆ ของพวกเขา

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว “ท่านแม่ไม่ต้องขอโทษ ท่านแม่คือคนที่ดีที่สุด”

พวกเขารู้ว่าที่มารดาไม่กลับบ้านเพราะกำลังหาเงิน หาเงินได้ถึงจะสามารถซื้อของอร่อย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเขาได้

เฉียวเยี่ยนรู้สึกปวดใจไม่น้อย ทั้งปลื้มใจทั้งซาบซึ้งใจ และกอดเด็กทั้งสองหอมไปหลายฟอด

มู่ฉินเจินนำพวกองครักษ์เข้ามาใกล้ ในมือถือดอกไม้ไว้ช่อหนึ่ง ดูแล้วยังสดอยู่ น่าจะเพิ่งเก็บมาใหม่ๆ

เขาไม่ได้รบกวนการรำลึกความหลังของสามแม่ลูก แค่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ และจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาที่ทอแววอ่อนโยน

หลังจากเฉียวเยี่ยนกับเด็กทั้งสองหวงแหนกันพอแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาลงบนพื้น และไปง้อคนโตต่อ

ครั้นเห็นดอกไม้ในมือมู่ฉินเจิน นางก็ยิ้มพลางยื่นมือไปรับ และหอบไว้ในอ้อมกอดสูดดมอย่างพึงพอใจ

มันคือดอกเยว่จี้(1)สีแดงสด เข้ากับเทศกาลวันนี้เป็นอย่างดี

เทศกาลชีซีปีก่อนนางพูดล้อเล่นเขาว่าเทศกาลชีซีเป็นวันที่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ามาพบกัน ดังนั้นเทศกาลชีซีควรเป็นวันแห่งความรัก ในวันนี้คู่รักจากทั่วโลกต่างมาพบกัน ผู้ชายจะส่งดอกกุหลาบแดงให้ผู้หญิงเพื่อแสดงความรู้สึกของตัวเอง

ไม่นึกเลยว่าแค่ล้อเล่นประโยคเดียว เขากลับจดจำขึ้นใจ ทั้งยังกระทำตามอีก

เทียนลี่ยังไม่มีดอกกุหลาบ ทว่ามีดอกเยว่จี้ ที่จริงดอกกุหลาบที่ซื้อได้ตามร้านดอกไม้ส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันก็ล้วนเป็นดอกเยว่จี้ เพียงแต่ต่างชนิดกับดอกเยว่จี้ในตอนนี้ก็เท่านั้น

หนามบนก้านดอกเยว่จี้ถูกลิดออกหมดแล้ว เหลือใบเขียวๆ ประดับ กำไว้ในมือก็ไม่ถูกทิ่ม นำมาวางตรงปลายจมูก ก็ยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้

มู่ฉินเจินเห็นนางชอบ ก็มีสีหน้าอ่อนโยน และเอ่ยเสียงเบา “สุขสันต์วันแห่งความรักนะ”

เฉียนเยี่ยนพอใจจนหัวใจพองโตเต็มไปด้วยสีชมพู ก่อนแย้มยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน นางมีดีอะไรกันนะ วันนี้ถึงได้พบกับคนที่ทั้งหัวใจทั้งดวงตาล้วนเป็นนาง

ในทางกลับกันนางดูทำแบบขอไปทีเล็กน้อย

เขาเดินทางมาที่นี่ในเทศกาลชีซีและเตรียมของขวัญให้นางอย่างประณีต แต่นางไม่คิดแม้แต่จะกลับบ้าน เมื่อคิดดูแล้ว ใจก็พรั่งพรูความรู้สึกผิดขึ้นมา

ทว่ามู่ฉินเจินไม่ได้คิดเช่นนั้น ขอแค่ได้เห็นนาง เขาก็รู้สึกพึงพอใจมากแล้ว

ในสายตาของสองสามีภรรยาในเวลานี้มีแค่กันและกันเท่านั้น ไม่ได้สังเกตเห็นคนรอบข้างที่ถูกสาดความหวานใส่จนรู้สึกท้องผูกสักนิด

พวกเขารู้ ออกมากับท่านอ๋องเมื่อใดเป็นต้องถูกยัดอาหารหมาแน่!

ฮุ่ยเซียงมองท่านอ๋องถือดอกเยวี่ยจี้ช่อหนึ่งจนทำให้หวางเฟยหลงใหล ก็รู้สึกหงุดหงิดในใจยิ่งนัก ในหัวพลันแวบความคิดบ้าบิ่นหนึ่งออกมา

หากรู้ว่าหวางเฟยชอบดอกเยวี่ยจี้เร็วกว่านี้ นางคงไปเก็บให้อีกฝ่ายนานแล้ว จะปล่อยให้มาถึงมือท่านอ๋องได้อย่างไร!

สาวน้อยมุ่ยปากอย่างโมโห ไม่ทันได้สังเกตถึงเฟิงหยางที่อยู่ตรงข้ามกำลังแอบมองนางอยู่

และเกาจัวหยวนที่มีฐานะเป็นนักกินอาหารหมามืออาชีพ วันนี้มีอาการผิดปกติเล็กน้อย

เขาไม่ได้ชิงชังต่อท่านอ๋องผู้ชอบทรมานเหล่าหมาโสดเหมือนเมื่อก่อน แต่ยิ้มอย่างโง่งม ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างในหัวอยู่

เฉียวเยี่ยนพาครอบครัวกลับไปบ้านของชาวบ้านที่นางพักอยู่ พร้อมกับกอดช่อดอกไม้

บ้านของชาวบ้านนี้เป็นบ้านที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว มีห้องหลักห้าห้อง แล้วยังมีห้องปีกอีกสองห้อง ลานบ้านใหญ่มาก เลี้ยงไก่ เป็ด ห่านไว้ไม่น้อยเลย

ตอนรับเฉียวเยี่ยน หลันหนิง และฮุ่ยเซียงสามนายบ่าว แค่ห้องหลักห้าห้องก็เพียงพอแล้ว พวกเขาเจ้าของบ้านพักอยู่สามห้อง สองห้องที่เหลือให้พวกนาง เฉียวเยี่ยนนอนลำพังห้องหนึ่ง ส่วนหลันหนิงกับฮุ่ยเซียงสองคนนอนด้วยกันห้องหนึ่ง

…………………………………………………………………………………………………………………………

(1)月季花 ดอกกุหลาบจีน (Rosa chinensis) เป็นกุหลาบพื้นเมืองของจีน ลักษณะเด่นคือกิ่งก้านเล็กเต็มไปด้วยหนาม กลีบดอกเรียงตัวกันหลวมๆ ให้รอบดอกเร็ว เมื่อใกล้โรยแล้วสีกลีบยังสดใสไม่ซีดจาง จึงเป็นที่นิยมของนักปรับปรุงพันธุ์กุหลาบลูกผสม

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องดูเป็นคนโรแมนติกขึ้นนะคะหลังจากมีความรักแล้ว

รอกุหลาบจากเฟิงหยางก็ได้นะฮุ่ยเซียง

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท