บทที่3ตอนที่4
(ทะทุกคนหายไปไหนกันหมดแล้วเนี่ยーーーーー!!)
ฉันกังวลมากเลยล่ะตอนนี้ได้แต่ตะโกนก้องในใจว่า “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยเถอะค่า”
(ทะทำไมจู่ๆก็มาอยู่กับมาร์สองต่อสองแล้วคะเนี่ยーーーーーー! ที่เหลือหายหัวไปไหนกันหมดก่อนที่ฉันจะรู้ตัวอีก!ทำไมกันล่ะ! ทำไมทำกันแบบนี้!!)
ฉันไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปดี!! ในใจได้แต่ตะโกนก้องแต่ในความเป็นจริงฉันพูดอะไรไม่ออกสักคำเลย
「เอะโนโซมุหายไปไหนแล้ว เอ่อหายตัวไปตอนไหนแล้วละเนี่ย?」
「นะ นั่นสินะคะ…………」
ฉันตอบด้วยท่าทางกังวล จนเสียงสั่นเครือ
(นะนี่ จะคุยอะไรกันดีละ! ……ฉะฉันไม่ค่อยได้คุยกับพวกผู้ชายซะด้วยสิ ทำตัวยังไงดี……。ไอจัง! ช่วยฉันด้วยーーーーーー!!)
ฉันทำท่าพยายามขอร้องความช่วยเหลือแต่ว่าที่แถวนั้นไม่มีไอจังและคนอื่นๆอยู่เลยเหลือเพียงแค่ฉันกับมาร์คุง ตอนแรกที่ออกมาเที่ยวกับไอจังและโซเมียจัง ฉันก็เคยโดนพวกผู้ชายมาสารภาพรักด้วยล่ะ แต่ว่านะ แต่ว่า ฉันไม่เคยออกเดทกับผู้ชายสักหน่อย
「อยู่ข้างๆข้าไว้นะ ถนนแถวนี้มันค่อนข้างซับซ้อนถ้าเผลอหลงกันละก็หาตัวกันยากอีก…ถ้าเกิดมันช่วยไม่ได้จริงๆก็คงต้องหยุดเที่ยวแล้วเดินกลับบ้านข้าละนะ」
「อะ อืม รบกวนด้วยนะคะ…………」
เมื่อพูดยังงั้นมาร์ก็เดินนำหน้าไปและฉันก็เดินตามเขา
「……………………」
「……………………」
พวกเราเดินกันเงียบๆสักพัก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีทำได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพราะความอายที่ผุดขึ้นมา
ตอนเจอกับเขาครั้งแรกฉันกลัวเขามาก หากไม่มีไอจังอยู่ด้วยในตอนนั้นตัวฉันคงทรุดลงไปนอนอยู่กับพื้นแล้วล่ะ มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยล่ะ
ครั้งต่อไปที่ได้พบกับเขาก็คืองานเลี้ยงของโซเมีย ตัวฉันทำได้แค่กลัวตอนที่เห็นพวกเขายืนอยู่หน้าบ้านแต่หลังจากเห็นเขาทะเลาะกับน้องสาวของตัวเองแล้วนั้น
พวกเขาทั้งสองทะเลาะกันโดยไม่สนใจรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นฝูงชนก็มุงดูทั้งสองคนทะเลาะกันโนโซมุก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองคนนั้นเลย
เมื่อฉันเห็นภาพเช่นนั้นความตึงเครียดที่ฉันเคยมีมาตลอดก็พลันหลุดลอยหายไป
◇◆◇
และแล้วเหตุการณ์นั่นก็เกิดขึ้น
เพื่อช่วยโซเมียที่จะโดนช่วงชิงวิญญาณไปฉันจึงใช้เวทย์พันธนาการที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อผนึกยมฑูตตนนั้นไว้ แต่รูกาโต้ที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้นเขากระหน่ำยิงกระสุนเวทย์ใส่ฉัน
ตอนนั้นเองมาร์คุงก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยื่นมือมาช่วยฉันคนนี้
“……ข้าเองก็กลัว แต่ว่าเธอมุ่งเน้นไปที่การคงสภาพเวทย์ไว้ซะ ข้าจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเวทย์ของหมอนั่นเอง。”
มาร์หันหลังให้กับฉันแล้วเข้าเผชิญหน้ากับรูกาโต้
ก่อนหน้านั้นเขาที่มองฉันด้วยสายตาเหมือนโกรธอะไรสักอย่าง แต่ว่าตอนที่เขามาช่วยฉันความรู้สึกของพวกเราเป็นเหมือนหนึ่งเดียวกัน
「…………เป็นอะไรไปงั้นเหรอ?」
「อะ เอ่อ! ไม่มีอะไรคะ!」
「……งั้นเหรอ……」
บางทีเพราะสังเกตเห็นฉันหยุดไปชั่วครู่มาร์จึงหันมามองและถามฉัน ฉันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก ฉันตอบเขาไปด้วยความประหม่า ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกรอบ
「……………………ตอนนั้นน่ะแย่มากเลยละนะตัวข้า……」
「…………เอ๊ะ……」
「ก็แบบว่า…………ตอนที่พวกเราพบกันครั้งแรก ข้าก็ดันทำตัวแบบนั้นใส่…………เรื่องในตอนนั้นต้องขอโทษด้วยนะ……」
เขาเกาแก้มและขอโทษฉันออกมากับเรื่องที่พบกันครั้งแรก บางทีเขาคงกังวลกับท่าทางของฉัน เขาเลิกจ้องมาทางนี้เล็กน้อยราวกับว่าสถานการณ์มันชวนอึดอัดใจ
「มะไม่เป็นไรหรอกคะ ตัวฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแล้ว! และตอนนั้นเองมาร์คุงก็ช่วยฉันไว้ด้วย…………」
ต่างจากไอจังที่ดูมั่นใจในทุกเรื่อง เขาเองก็มีช่วงเวลาที่ไม่อยากให้ใครเห็นเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นตัวฉันเองก็ได้เห็นด้านนั้นของเขา
และดูเหมือนมาร์จะกังวลอย่างมากที่ไม่ได้ขอโทษฉันมาโดยตลอด ส่วนทางตัวฉันเองก็กังวลที่ไม่ได้ขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการเสียที…………。
ตัวฉันที่มักจะไม่มีความกล้าและเอาแต่หลบอยู่หลังไอจัง แม้แต่ในช่วงพักกลางวันฉันก็ไม่สามารถขอบคุณเขาด้วยตัวเองได้เลยและฉันเองก็เอาแต่ตามไอจังอยู่เสมอ
แต่ตอนนี้ตัวฉันดึงเอาความกล้าทั้งหมดออกมาพูดขอบคุณเขา หัวใจที่เต้นแรง แต่ถึงยังงั้นฉันก็ยังเผชิญหน้ากับเขา
「อืมมม ก็ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณมาร์คุงเลยล่ะคะ….ตอนนั้นฉันคิดว่าเกือบจะช่วยโซเมียจังไว้ไม่ได้แล้วต้องขอบคุณมาร์ที่ยื่นมือเข้ามาปกป้องฉันเอาไว้จริงๆนะคะ。」
「อะโอ้…………」
มาร์คุงทำท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่ฉันกังวลจนไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย เสียงของเขาที่พูดออกมาจากใจจริงดูเหมือนกับเด็กตัวน้อยๆนั้น แต่ว่าฉันเองก็ใจเต้นจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
「ก็เพราะแบบนั้นไง…………ขอบคุณมากเลยนะคะ…………」
ในที่สุดฉันก็สามารถขอบคุณเขาด้วยตัวเองจากใจจริงได้แล้ว
◇◆◇
ทิม่าเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูด “ขอบคุณนะคะ”กับข้า หลังจากได้ยินเช่นนั้นก็เห็นสีหน้าของเธอที่ดูท่าทางเต็มไปด้วยความกล้า เป็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ ตัวข้าที่เห็นเช่นนั้นก็เผลอยิ้มออกมา
………………ข้าไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรแต่ตอนนี้ใบหน้าของข้าร้อนผ่าวเอามากๆ
「………………」
ข้าพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าเสียงนั่นก็ไม่ออกมาเลย ราวกับปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจ
「…………มาร์คุง?」
บางทีเพราะเห็นว่าข้าท่าทีแปลกไปทิม่าเลยเรียกข้าเช่นนั้นพร้อมกับเริ่มแสดงใบหน้ามืดมน ไม่ดีแล้วหากไม่พูดอะไรไปละก็!!
「อะ อ่า นั่นสินะ………………」
(ไอบ้าเอ้ย!แกทำอะไรลงไป!!นั่นไม่ใช่การตอบคำถามสักนิด!!ทำไมต้องลงอีหรอบนี้ด้วยฟะ!)
ด้วยเหตุผลบางอย่างทิม่ายิ้มออกมาอย่างมีความสุขมันเป็นรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ ตัวข้าที่กำลังหาคำแก้ตัวก็ชะงักไปเลย
เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าเห็นรอยยิ้มของเธอจนทำให้ใจละลายแบบนี้
(……………………………………………)
คราวนี้ตัวข้าได้แต่หยุดคิด หัวใจที่กำลังเต้นรัวและร้อนผ่าว ในเวลาเดียวกันร่างกายก็แข็งทื่อและรู้สึกเหมือนกับว่าหายใจไม่ออก ตัวข้าเองก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันหลังให้กับทิม่า ตรงกันข้ามกับการกระทำของข้า ข้ากังวลกับผู้ชายตรงหน้าเสียมากกว่า
「?เป็นอะไรไปงั้นเหรอ??」
「……ปะเปล่าไม่มีอะไร…………รีบๆไปกันเถอะ」
「อะอ๊าาาาาาา……」
เมื่อข้ารีบเดินออกมาทิม่าเองก็รีบตามมาด้วยเช่นกัน ความรู้สึกน่ารังเกียจทางด้านหลังนี่มันอะไรกัน
พวกเราเดินกันอย่างเงียบๆอีกครั้งแต่ไม่เหมือนครั้งก่อนรอบนี้ทิม่าเดินอยู่ข้างๆข้า
◇◆◇
“ขอบคุณนะ”
คำๆนี้นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยิน
ตั้งแต่เด็ก ตัวข้าที่แข็งแกร่งและมักจะตบตีกับผู้อื่นอยู่เสมอทำให้เด็กวัยเดียวกันต้องร่ำไห้ และเมื่อโตขึ้นมาก็มีแต่พวกน่ารำคาญมาล้อมรอบไปหมด มีอะไรก็ไม่ชอบพูดออกมาตรงๆ ทำเป็นอ้อมค้อม
เกลียดคนที่มาขัดขาตัวเอง ไม่ชอบคนที่ทำอะไรด้วยตัวของตัวเอง เกลียดคนไม่เอาไหนและซุกตัวอยู่แต่ใต้เงามืด คนพวกนั้นเป็นประเภทที่ข้าเกลียดอย่างมาก
ดังนั้นข้าจึงพยายามทำตัวเองให้แข็งแกร่งอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูก แต่ถึงยังงั้นยามเห็นคนไม่เอาไหนก็พาหงุดหงิดเสียทุกที ข้ารู้ว่าตัวเองสร้างความรำคาญให้อิน่าและเดลมากมายขนาดไหนแต่ว่าตัวข้าที่เห็นความอ่อนแอของพวกนั้นยอมรับไม่ได้หรอก
บางทีเพราะข้าอาจจะแสดงออกมากเกินไป ทำให้ตัวข้าที่ควรจะอยู่ในห้องที่สูงกว่านี้กลับมาอยู่ห้องบ๊วยสุด แต่ถึงยังงั้นตัวข้าก็ยอมรับมันไม่ได้ตัวตนที่อ่อนแอ
ทำไมน่ะเหรอ? ตอนแรกข้าก็เกลียดทิม่าเหมือนกับคนอื่นๆที่ชอบทำตัวอ่อนแอ แต่การที่ข้าได้เห็นเธอพูดว่า “ขอบคุณนะ” ออกมาจากใจจริง ตัวเธอที่แสดงความกล้าออกมาให้เห็นทำเหมือนข้าเป็นคนโง่ไปเลย
ไม่เพียงแค่นั้น แต่มันมีบางอย่าง…………………。
ข้าจ้องมองผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ข้างๆข้าโดยไม่ให้เธอสังเกตเห็น ผมหน้าม้าที่บดบังใบหน้าของเธอ ทำให้ตัวข้าไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ของเธอได้
ต้นคอสีขาวที่สามารถมองเห็นได้จากปลายผม ใบหน้าเล็กและดวงตาโตรูปร่างที่ได้รูปงดงาม
ความรู้สึกที่เหมือนกับฟ้าผ่าแล่นไปทั่วร่างนั่นหายไป ตอนนี้หัวใจของข้าเต้นรัวและแรงขึ้นไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร
(อะไรกันนะ ความรู้สึกเช่นนี้………………)
「ยะยังไงก็เถอะ มีพี่น้องบ้างรึเปล่า?」
ยังไงก็ตามเขาเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้และเริ่มพูดคุยกับเธอ
「อะ อืม ฉันมีน้องชายหนึ่งคนคะ……」
ทิม่าเองก็ได้ยินเรื่องราวที่เป็นความลับของข้า ใบหน้านั่นก็เริ่มย้อมเป็นสีแดงและการเคลื่อนไหวก็ดูแปลกๆ
「งั้นเหรอ」
ข้ารู้สึกสนุกที่ได้พูดคุยกับเธอ หัวใจข้าเต้นรัวไม่หยุด ทุกอย่างดูผิดปกติไปหมด
พวกเราเดินไปที่ถนนหลักและมุ่งหน้าไปด้วยกันสองคน ถึงยังงั้นหัวใจของข้าก็ยังไม่หยุดเต้นแรง
◇◆◇
ถนนสายหลักของย่านการค้าเมืองอาร์คาซัม นี่เป็นถนนที่ไปยังสถาบันโซลมินาติซึ่งอยู่ใจกลางเมืองและเป็นหนึ่งในย่านการค้าที่คึกคัก
ขณะที่สาวน้อยทั้งสองกำลังเดินชมแผงลอยโซเมียกับอิน่าจังนั่นเอง พวกเธอพูดคุยกับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าในย่านแถวนั้น ดูเหมือนว่าอิน่าจะสนิทกับคนแถวนี้เป็นพิเศษ
「สวัสดีจ้ะเอนะจังวันนี้วันหยุดยังงั้นเหรอเนี่ย? ถ้างั้นก็ขอให้สนุกกับวันหยุดนะ」「อิน่าจังวันนี้มีเนื้อดีๆมาด้วยล่ะ แต่ว่ามีนิดเดียวนะ」「ว่าไง อิน่าเครื่องรางของมาร์ทำงานอย่างหนักเลยใช่มะ ถ้างั้นจะให้นี่นะ ต่อไปก็ช่วยสนับสนุนกันต่อด้วยละ!」
ผู้คนมากมายต่างพูดคุยกับอิน่าและให้สิ่งของต่างๆกับเธอ พวกเธอทั้งสองตอนนี้มีของอยู่เต็มมือไปหมดแล้ว
「อูววววว~~~。น่าตกใจเลยนะคะเนี่ย หนูได้มาเยอะเลยละคะ……」
「พี่ชายของฉันมักจะอาละวาดไปทั่วเพราะฉะนั้นฉันเลยต้องเป็นสื่อกลางมาคอยขอโทษอยู่เรื่อยเลยละคะทำให้ค่อนข้างสนิทกับคนแถวนี้…………」
ดูเหมือนว่าอิน่าจะมาคอยหยุดมาร์ที่อาละวาดไปทั่วบ่อยๆ อิน่าเองก็ยังช่วยคนในย่านการค้าเหมือนกันเป็นการตอบแทนด้วย
「มาร์อาละวาดหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะ? นี่ตัวตนของเขายั่งรากลึกไปขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย…………」
「อืมโซเมียจังไม่เคยเห็นพี่ชายของฉันอาละวาดนี่น่ะ….ก็ปกติเวลามาซื้อของทีไรหรือขายของอยู่ก็ชอบไปต่อยคนแถวนี้ไปทั่วเลย ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลยทำไมถึงกลายเป็นคนก้าวร้าวเช่นนี้………หวังว่าจะไม่ทำอะไรแย่ๆกับทิม่าซังนะคะ。」
อิน่ากังวลเกี่ยวกับทิม่าจัง เพราะรู้พฤติกรรมของพี่ชายเธอดี แต่ว่าโซเมียดูท่าจะไม่กังวล
「อืม แต่ว่าหนูไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ลงหรอกนะคะ ทิม่าซังก็น่าเป็นห่วงตั้งแต่แรกแล้วด้วยสิคะ」
「ก็ถูกนะแต่ว่า…………」
อิน่ารู้ว่ามาร์เองก็ห่วงทิม่าเหมือนกันแต่ถึงยังงั้นก็ยังกังวล
ในเวลานั้นฝูงคนจำนวนมากก็วิ่งหือเข้ามาจนทำให้พวกเราต้องอพยพไปด้านข้าง
「อะไรกันละนั่น!!」
「อุหวาหวาาาาา~~~~~!」
ผู้คนแตกตื่นราวกับเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น
「ขอโทษนะ ได้โปรดหลบด้วยเถอะ!!」「ย๊ากกกกกกกก!」「อะโอ้!ร้านชั้น!!」
คลื่นพายุลูกใหญ่พัดผ่านถนนสายหลักเสียจนทุกอย่างปลิวกระจายไปหมดเลย
เมื่อตระหนักได้เช่นนั้นก็รู้สึกว่าร้านค้าที่เคยตั้งอยู่และแผงลอยหายไปหมดเลย
◇◆◇
มาร์และทิม่ามาถึงถนนสายหลักแล้วด้วยการวิ่งตามมถนนใยแมงมุม
มีเพียงศูนย์กลางการค้าของเมืองนี้และร้านค้าแผงลอยที่มีชีวิตชีวามากมาย ความพลุกพล่านของผู้คนทำให้ทิม่าตื่นเต้น
「เอ่อ สุดยอดไปเลยนะคะ…………」
「ในขณะที่พวกเรากำลังมุ่งหน้ากลับ “เรือนร่างของโค” พวกโนโซมุกับคนอื่นๆก็น่าจะเป็นตัวเด่นพอสมควรคิดว่าน่าจะมีคนพบเห็นบ้างละนะ」
เมื่อมาร์เดินไปข้างหน้าก็เข้าไปหาพนักงานร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ
「มะมาร์…………。ขะขอโทษนะแต่ว่าวันนี้ร้านปิดแล้ว!!」
มาร์ยังไม่ทันพูดอะไร แต่ฝั่งโน้นชิ่งปิดร้านก่อนแล้ว ร้านอื่นๆที่ได้ยินก็ต่างพากันปิดร้านกันจนหมด
「ขอโทษด้วยนะ! วันนี้ร้านปิดแล้วเพราะฉะนั้นแยกย้ายได้แล้ว!!」
ทุกคนต่างรีบปิดร้านทันทีแม้จะมีสินค้ามากมายวางอยู่บนแผงลอยก็ตาม
「เห้ย นี่มันมีรูที่ก้นหม้อด้วย ขายของมีตำหนิได้ยังไงหะ!! เพราะฉะนั้นขอปิดร้านก่อนละโว้ย!」
เจ้าของร้านอุปกรณ์เองก็เอากับเขาด้วยทุกๆคนต่างรีบปิดร้านกันหมดเลย ทั้งๆที่หม้อนั่นยังทำไม่เสร็จแท้ๆ
「อ๊ากกกกกกกกก! ปวดท้องเหลือเกิน! ดูเหมือนว่าวันนี้จะขายของเน่า……เพราะงั้นจะปิดร้านละเว้ย!!」
เจ้าของร้านเนื้อเองก็ร่วมด้วย ทั้งๆที่ดูยังไงก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แล้วไหงพูดจาให้ร้ายกับร้านตัวเองแบบนั้นวะนั่น
พฤติกรรมแปลกๆของผู้คนรอบๆไม่ได้จำกัดอยู่แค่นี้เท่านั้น…………。
「อ่าาา! ข้าจำได้ว่ามีธุระต้องทำ! รีบกลับบ้านดีกว่า!!」「เออ นั่นสินะวันนี้งานแต่งงานของพี่สาวข้านี่หว่า ต้องรีบกลับบ้าน!!」「เอ่อลืมไปข้ามีเดทนี่หว่า!」「ยายข้ากำลังจะตายแล้ว!ขอตัวก่อนนะ!!」
ลูกค้าที่จับจ่ายซื้อของก็เอากับเขาด้วยวุ้ย ทิม่านั้นยืนนิ่งไปแล้ว ผู้คนตรงหน้าหายไปราวกับคลื่นที่ถูกซัดออกจากฝั่งและมันจะไม่กลับมาอีก
มาร์เดินไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง
「อาาาาาาาาา!มะไม่ คือว่าวันนี้ข้ามีธุระ!「เออเหมือนกัน!!」」
พวกนั้นพยายามรีบเก็บสินค้าทันที แต่ในทางกลับกันมาร์ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นก็รีบเข้าไปหาราวกับไม่ปล่อยให้หนี
「……นี่「คะคะคะคะคะคครับ!ขอโทษนะ!ขอโทษจริงๆครับ!!เพราะฉะนั้นอย่าพังร้านเลยนะ!!」……ฟังที่ข้าจะพูดหน่อยสิเห้ย……」
มาร์ที่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างโดนเสียงของเจ้าของร้านที่ท่าทางสิ้นหวังกลบจนหมด
ในเวลานั้นเองก็มีเสียงหนึ่งเข้ามา
◇◆◇
「พี่ชายคิดจะทำอะไรกันแน่คะ」
「เอ่อ?อยู่ๆร้านทุกร้านก็ปิดไปหมดเลย เกิดอะไรขึ้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน?」
เป็นอิน่าและโซเมียที่เดินมาหาพร้อมกับขนมเต็มมือ เจ้าของร้านที่เห็นอิน่าก็เหมือนกับมีพระผู้ช่วยมาโปรด แตกต่างจากท่าทีก่อนหน้านี้ลิบลับ
「…………จะขอถามอีกครั้ง พี่ชายทำอะไรลงไปคะ?!」
「เอ่อ….อย่าทำอะไรพี่ชายคนนี้เลยนะ………ข้าแค่กำลังตามหาพวกเธออยู่ก็เลยจะมาถามเจ้าของร้านแถวนี้ว่าเห็นพวกเธอบ้างไหม……」
อิน่านั้นถามมาร์ด้วยความกดดัน มาร์เองก็พูดความจริงออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียว วันนี้เขาดูเงียบและเชื่อฟังแบบแปลกๆ ปกติเขาจะชอบแหย่ฉันอยู่เสมอ
อิน่าจ้องไปทางมาร์ด้วยท่าทางสงสัย
(พี่ชายแตกต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัดเลยแหะ)
「…………พี่ชายเป็นอะไรไปเนี่ย? ทำตัวแปลกๆนะเราน่ะ?」
「มันแปลกมากเลยรึไงที่ข้าพูดความจริงเนี่ย…………」
มาร์ที่โดนน้องสาวบอกว่าแปลกก็ตอบกลับไปเช่นนั้น ดูเหมือนว่าอิน่าเองก็ถอดใจเช่นกัน
「นี่พี่ชายไม่รู้ตัวเลยเหรอคะ ว่าการกระทำของพี่น่ะมันปลูกฝังความกลัวให้คนทั่วย่านการค้าไปหมดแล้วนะคะ พี่ชายจำได้หรือเปล่าคะว่าพี่น่ะถล่มร้านค้าไปกี่ร้านกันแน่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่พวกเขาจะตอบสนองแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอกนะคะ?」
「……………………」
มาร์ไม่ได่สามารถพูดอะไรได้เลย
「………………แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่คิดจะทำแบบนั้นแล้วนะ……」
มาร์พูดเช่นนั้นด้วยท่าทีเหงาหงอย ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเริ่มใจเย็นลงแล้ว พูดตามตรงเลยนะเห็นแบบนี้เล่นเอาเพลีย
「…………แต่ว่าวันนี้พี่ชายดูเชื่องเป็นพิเศษเลยนะคะ……」
อิน่าพึมพำเช่นนั้นไม่ให้ใครได้ยิน เธอเองก็จ้องไปทางมทิม่า ที่ดูกังวลกับท่าทางของพวกเรา โซเมียที่ทำท่าทางภูมิใจราวกับจะบอกว่า “เป็นไงละผลลัพธ์ที่หนูสร้างขึ้น”
「อืม อะไรกันละ?」
「อะเอ่อ นี่ก็เย็นแล้วนะ ได้เวลาที่จะต้องไปช่วยงานที่ร้านแล้ว……」
มาร์มองไปทางอิน่าด้วยท่าทางสับสนแต่อิน่าส่ายหัวและบอกว่าถึงเวลากลับไปทำงานแล้ว ท้องฟ้าเองก็ถูกย้อมเป็นสีแดง
「นั่นสินะ แล้วโนโซมุกับไอริสล่ะ「อะพี่สาวคะ!!」「ดะเดี๋ยวก่อนสิโซเมียจัง!!」……อืมดูเหมือนว่าจะเจออีกสองคนแล้วนะ」
เมื่อเห็นเช่นนั้นก็พบกับโนโซมุและไอริสกำลังอยู่ที่อีกฝากหนึ่งของถนน
มาร์โล่งอกที่เห็นทุกคนปลอดภัยดี ทิม่าเองก็ยิ้มให้กับโซเมีย มาร์และทิม่าสบตากันชั่วขณะ และเธอก็หันกลับมามองอีกครั้งพร้อมกับยิ้มให้ มาร์เองก็ยิ้มตอบ
โซเมียที่วิ่งไปหาพี่สาวของเธอและอิน่า มาร์และทิม่าก็กำลังตามโซเมียไปพวกเราสามคนมองกันอีกครั้งและยิ้มให้กันจากนั้นก็เดินไปหาพวกโนโซมุ