พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 27

ตอนที่ 27

บทที่3ตอนที่4

(ทะทุกคนหายไปไหนกันหมดแล้วเนี่ยーーーーー!!)

ฉันกังวลมากเลยล่ะตอนนี้ได้แต่ตะโกนก้องในใจว่า “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยเถอะค่า”

(ทะทำไมจู่ๆก็มาอยู่กับมาร์สองต่อสองแล้วคะเนี่ยーーーーーー! ที่เหลือหายหัวไปไหนกันหมดก่อนที่ฉันจะรู้ตัวอีก!ทำไมกันล่ะ! ทำไมทำกันแบบนี้!!)

ฉันไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปดี!! ในใจได้แต่ตะโกนก้องแต่ในความเป็นจริงฉันพูดอะไรไม่ออกสักคำเลย

「เอะโนโซมุหายไปไหนแล้ว เอ่อหายตัวไปตอนไหนแล้วละเนี่ย?」

「นะ นั่นสินะคะ…………」

ฉันตอบด้วยท่าทางกังวล จนเสียงสั่นเครือ

(นะนี่ จะคุยอะไรกันดีละ! ……ฉะฉันไม่ค่อยได้คุยกับพวกผู้ชายซะด้วยสิ ทำตัวยังไงดี……。ไอจัง! ช่วยฉันด้วยーーーーーー!!)

ฉันทำท่าพยายามขอร้องความช่วยเหลือแต่ว่าที่แถวนั้นไม่มีไอจังและคนอื่นๆอยู่เลยเหลือเพียงแค่ฉันกับมาร์คุง ตอนแรกที่ออกมาเที่ยวกับไอจังและโซเมียจัง ฉันก็เคยโดนพวกผู้ชายมาสารภาพรักด้วยล่ะ แต่ว่านะ แต่ว่า ฉันไม่เคยออกเดทกับผู้ชายสักหน่อย

「อยู่ข้างๆข้าไว้นะ ถนนแถวนี้มันค่อนข้างซับซ้อนถ้าเผลอหลงกันละก็หาตัวกันยากอีก…ถ้าเกิดมันช่วยไม่ได้จริงๆก็คงต้องหยุดเที่ยวแล้วเดินกลับบ้านข้าละนะ」

「อะ อืม รบกวนด้วยนะคะ…………」

เมื่อพูดยังงั้นมาร์ก็เดินนำหน้าไปและฉันก็เดินตามเขา

「……………………」

「……………………」

พวกเราเดินกันเงียบๆสักพัก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีทำได้แต่ก้มหน้ามองพื้นเพราะความอายที่ผุดขึ้นมา

ตอนเจอกับเขาครั้งแรกฉันกลัวเขามาก หากไม่มีไอจังอยู่ด้วยในตอนนั้นตัวฉันคงทรุดลงไปนอนอยู่กับพื้นแล้วล่ะ มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยล่ะ

ครั้งต่อไปที่ได้พบกับเขาก็คืองานเลี้ยงของโซเมีย ตัวฉันทำได้แค่กลัวตอนที่เห็นพวกเขายืนอยู่หน้าบ้านแต่หลังจากเห็นเขาทะเลาะกับน้องสาวของตัวเองแล้วนั้น

พวกเขาทั้งสองทะเลาะกันโดยไม่สนใจรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นฝูงชนก็มุงดูทั้งสองคนทะเลาะกันโนโซมุก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองคนนั้นเลย

เมื่อฉันเห็นภาพเช่นนั้นความตึงเครียดที่ฉันเคยมีมาตลอดก็พลันหลุดลอยหายไป

◇◆◇

และแล้วเหตุการณ์นั่นก็เกิดขึ้น

เพื่อช่วยโซเมียที่จะโดนช่วงชิงวิญญาณไปฉันจึงใช้เวทย์พันธนาการที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อผนึกยมฑูตตนนั้นไว้ แต่รูกาโต้ที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้นเขากระหน่ำยิงกระสุนเวทย์ใส่ฉัน

ตอนนั้นเองมาร์คุงก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยื่นมือมาช่วยฉันคนนี้

“……ข้าเองก็กลัว แต่ว่าเธอมุ่งเน้นไปที่การคงสภาพเวทย์ไว้ซะ ข้าจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเวทย์ของหมอนั่นเอง。”

มาร์หันหลังให้กับฉันแล้วเข้าเผชิญหน้ากับรูกาโต้

ก่อนหน้านั้นเขาที่มองฉันด้วยสายตาเหมือนโกรธอะไรสักอย่าง แต่ว่าตอนที่เขามาช่วยฉันความรู้สึกของพวกเราเป็นเหมือนหนึ่งเดียวกัน

「…………เป็นอะไรไปงั้นเหรอ?」

「อะ เอ่อ! ไม่มีอะไรคะ!」

「……งั้นเหรอ……」

บางทีเพราะสังเกตเห็นฉันหยุดไปชั่วครู่มาร์จึงหันมามองและถามฉัน ฉันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก ฉันตอบเขาไปด้วยความประหม่า ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกรอบ

「……………………ตอนนั้นน่ะแย่มากเลยละนะตัวข้า……」

「…………เอ๊ะ……」

「ก็แบบว่า…………ตอนที่พวกเราพบกันครั้งแรก ข้าก็ดันทำตัวแบบนั้นใส่…………เรื่องในตอนนั้นต้องขอโทษด้วยนะ……」

เขาเกาแก้มและขอโทษฉันออกมากับเรื่องที่พบกันครั้งแรก บางทีเขาคงกังวลกับท่าทางของฉัน เขาเลิกจ้องมาทางนี้เล็กน้อยราวกับว่าสถานการณ์มันชวนอึดอัดใจ

「มะไม่เป็นไรหรอกคะ ตัวฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแล้ว! และตอนนั้นเองมาร์คุงก็ช่วยฉันไว้ด้วย…………」

ต่างจากไอจังที่ดูมั่นใจในทุกเรื่อง เขาเองก็มีช่วงเวลาที่ไม่อยากให้ใครเห็นเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นตัวฉันเองก็ได้เห็นด้านนั้นของเขา

และดูเหมือนมาร์จะกังวลอย่างมากที่ไม่ได้ขอโทษฉันมาโดยตลอด ส่วนทางตัวฉันเองก็กังวลที่ไม่ได้ขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการเสียที…………。

ตัวฉันที่มักจะไม่มีความกล้าและเอาแต่หลบอยู่หลังไอจัง แม้แต่ในช่วงพักกลางวันฉันก็ไม่สามารถขอบคุณเขาด้วยตัวเองได้เลยและฉันเองก็เอาแต่ตามไอจังอยู่เสมอ

แต่ตอนนี้ตัวฉันดึงเอาความกล้าทั้งหมดออกมาพูดขอบคุณเขา หัวใจที่เต้นแรง แต่ถึงยังงั้นฉันก็ยังเผชิญหน้ากับเขา

「อืมมม ก็ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณมาร์คุงเลยล่ะคะ….ตอนนั้นฉันคิดว่าเกือบจะช่วยโซเมียจังไว้ไม่ได้แล้วต้องขอบคุณมาร์ที่ยื่นมือเข้ามาปกป้องฉันเอาไว้จริงๆนะคะ。」

「อะโอ้…………」

มาร์คุงทำท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่ฉันกังวลจนไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย เสียงของเขาที่พูดออกมาจากใจจริงดูเหมือนกับเด็กตัวน้อยๆนั้น แต่ว่าฉันเองก็ใจเต้นจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

「ก็เพราะแบบนั้นไง…………ขอบคุณมากเลยนะคะ…………」

ในที่สุดฉันก็สามารถขอบคุณเขาด้วยตัวเองจากใจจริงได้แล้ว

◇◆◇

ทิม่าเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูด “ขอบคุณนะคะ”กับข้า หลังจากได้ยินเช่นนั้นก็เห็นสีหน้าของเธอที่ดูท่าทางเต็มไปด้วยความกล้า เป็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ ตัวข้าที่เห็นเช่นนั้นก็เผลอยิ้มออกมา

………………ข้าไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรแต่ตอนนี้ใบหน้าของข้าร้อนผ่าวเอามากๆ

「………………」

ข้าพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าเสียงนั่นก็ไม่ออกมาเลย ราวกับปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจ

「…………มาร์คุง?」

บางทีเพราะเห็นว่าข้าท่าทีแปลกไปทิม่าเลยเรียกข้าเช่นนั้นพร้อมกับเริ่มแสดงใบหน้ามืดมน ไม่ดีแล้วหากไม่พูดอะไรไปละก็!!

「อะ อ่า นั่นสินะ………………」

(ไอบ้าเอ้ย!แกทำอะไรลงไป!!นั่นไม่ใช่การตอบคำถามสักนิด!!ทำไมต้องลงอีหรอบนี้ด้วยฟะ!)

ด้วยเหตุผลบางอย่างทิม่ายิ้มออกมาอย่างมีความสุขมันเป็นรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ ตัวข้าที่กำลังหาคำแก้ตัวก็ชะงักไปเลย

เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าเห็นรอยยิ้มของเธอจนทำให้ใจละลายแบบนี้

(……………………………………………)

คราวนี้ตัวข้าได้แต่หยุดคิด หัวใจที่กำลังเต้นรัวและร้อนผ่าว ในเวลาเดียวกันร่างกายก็แข็งทื่อและรู้สึกเหมือนกับว่าหายใจไม่ออก ตัวข้าเองก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันหลังให้กับทิม่า ตรงกันข้ามกับการกระทำของข้า ข้ากังวลกับผู้ชายตรงหน้าเสียมากกว่า

「?เป็นอะไรไปงั้นเหรอ??」

「……ปะเปล่าไม่มีอะไร…………รีบๆไปกันเถอะ」

「อะอ๊าาาาาาา……」

เมื่อข้ารีบเดินออกมาทิม่าเองก็รีบตามมาด้วยเช่นกัน ความรู้สึกน่ารังเกียจทางด้านหลังนี่มันอะไรกัน

พวกเราเดินกันอย่างเงียบๆอีกครั้งแต่ไม่เหมือนครั้งก่อนรอบนี้ทิม่าเดินอยู่ข้างๆข้า

◇◆◇

“ขอบคุณนะ”

คำๆนี้นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยิน

ตั้งแต่เด็ก ตัวข้าที่แข็งแกร่งและมักจะตบตีกับผู้อื่นอยู่เสมอทำให้เด็กวัยเดียวกันต้องร่ำไห้ และเมื่อโตขึ้นมาก็มีแต่พวกน่ารำคาญมาล้อมรอบไปหมด มีอะไรก็ไม่ชอบพูดออกมาตรงๆ ทำเป็นอ้อมค้อม

เกลียดคนที่มาขัดขาตัวเอง ไม่ชอบคนที่ทำอะไรด้วยตัวของตัวเอง เกลียดคนไม่เอาไหนและซุกตัวอยู่แต่ใต้เงามืด คนพวกนั้นเป็นประเภทที่ข้าเกลียดอย่างมาก

ดังนั้นข้าจึงพยายามทำตัวเองให้แข็งแกร่งอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูก แต่ถึงยังงั้นยามเห็นคนไม่เอาไหนก็พาหงุดหงิดเสียทุกที ข้ารู้ว่าตัวเองสร้างความรำคาญให้อิน่าและเดลมากมายขนาดไหนแต่ว่าตัวข้าที่เห็นความอ่อนแอของพวกนั้นยอมรับไม่ได้หรอก

บางทีเพราะข้าอาจจะแสดงออกมากเกินไป ทำให้ตัวข้าที่ควรจะอยู่ในห้องที่สูงกว่านี้กลับมาอยู่ห้องบ๊วยสุด แต่ถึงยังงั้นตัวข้าก็ยอมรับมันไม่ได้ตัวตนที่อ่อนแอ

ทำไมน่ะเหรอ? ตอนแรกข้าก็เกลียดทิม่าเหมือนกับคนอื่นๆที่ชอบทำตัวอ่อนแอ แต่การที่ข้าได้เห็นเธอพูดว่า “ขอบคุณนะ” ออกมาจากใจจริง ตัวเธอที่แสดงความกล้าออกมาให้เห็นทำเหมือนข้าเป็นคนโง่ไปเลย

ไม่เพียงแค่นั้น แต่มันมีบางอย่าง…………………。

ข้าจ้องมองผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ข้างๆข้าโดยไม่ให้เธอสังเกตเห็น ผมหน้าม้าที่บดบังใบหน้าของเธอ ทำให้ตัวข้าไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ของเธอได้

ต้นคอสีขาวที่สามารถมองเห็นได้จากปลายผม ใบหน้าเล็กและดวงตาโตรูปร่างที่ได้รูปงดงาม

ความรู้สึกที่เหมือนกับฟ้าผ่าแล่นไปทั่วร่างนั่นหายไป ตอนนี้หัวใจของข้าเต้นรัวและแรงขึ้นไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร

(อะไรกันนะ ความรู้สึกเช่นนี้………………)

「ยะยังไงก็เถอะ มีพี่น้องบ้างรึเปล่า?」

ยังไงก็ตามเขาเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้และเริ่มพูดคุยกับเธอ

「อะ อืม ฉันมีน้องชายหนึ่งคนคะ……」

ทิม่าเองก็ได้ยินเรื่องราวที่เป็นความลับของข้า ใบหน้านั่นก็เริ่มย้อมเป็นสีแดงและการเคลื่อนไหวก็ดูแปลกๆ

「งั้นเหรอ」

ข้ารู้สึกสนุกที่ได้พูดคุยกับเธอ หัวใจข้าเต้นรัวไม่หยุด ทุกอย่างดูผิดปกติไปหมด

พวกเราเดินไปที่ถนนหลักและมุ่งหน้าไปด้วยกันสองคน ถึงยังงั้นหัวใจของข้าก็ยังไม่หยุดเต้นแรง

◇◆◇

ถนนสายหลักของย่านการค้าเมืองอาร์คาซัม นี่เป็นถนนที่ไปยังสถาบันโซลมินาติซึ่งอยู่ใจกลางเมืองและเป็นหนึ่งในย่านการค้าที่คึกคัก

ขณะที่สาวน้อยทั้งสองกำลังเดินชมแผงลอยโซเมียกับอิน่าจังนั่นเอง พวกเธอพูดคุยกับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าในย่านแถวนั้น ดูเหมือนว่าอิน่าจะสนิทกับคนแถวนี้เป็นพิเศษ

「สวัสดีจ้ะเอนะจังวันนี้วันหยุดยังงั้นเหรอเนี่ย? ถ้างั้นก็ขอให้สนุกกับวันหยุดนะ」「อิน่าจังวันนี้มีเนื้อดีๆมาด้วยล่ะ แต่ว่ามีนิดเดียวนะ」「ว่าไง อิน่าเครื่องรางของมาร์ทำงานอย่างหนักเลยใช่มะ ถ้างั้นจะให้นี่นะ ต่อไปก็ช่วยสนับสนุนกันต่อด้วยละ!」

ผู้คนมากมายต่างพูดคุยกับอิน่าและให้สิ่งของต่างๆกับเธอ พวกเธอทั้งสองตอนนี้มีของอยู่เต็มมือไปหมดแล้ว

「อูววววว~~~。น่าตกใจเลยนะคะเนี่ย หนูได้มาเยอะเลยละคะ……」

「พี่ชายของฉันมักจะอาละวาดไปทั่วเพราะฉะนั้นฉันเลยต้องเป็นสื่อกลางมาคอยขอโทษอยู่เรื่อยเลยละคะทำให้ค่อนข้างสนิทกับคนแถวนี้…………」

ดูเหมือนว่าอิน่าจะมาคอยหยุดมาร์ที่อาละวาดไปทั่วบ่อยๆ อิน่าเองก็ยังช่วยคนในย่านการค้าเหมือนกันเป็นการตอบแทนด้วย

「มาร์อาละวาดหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะ? นี่ตัวตนของเขายั่งรากลึกไปขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย…………」

「อืมโซเมียจังไม่เคยเห็นพี่ชายของฉันอาละวาดนี่น่ะ….ก็ปกติเวลามาซื้อของทีไรหรือขายของอยู่ก็ชอบไปต่อยคนแถวนี้ไปทั่วเลย ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลยทำไมถึงกลายเป็นคนก้าวร้าวเช่นนี้………หวังว่าจะไม่ทำอะไรแย่ๆกับทิม่าซังนะคะ。」

อิน่ากังวลเกี่ยวกับทิม่าจัง เพราะรู้พฤติกรรมของพี่ชายเธอดี แต่ว่าโซเมียดูท่าจะไม่กังวล

「อืม แต่ว่าหนูไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ลงหรอกนะคะ ทิม่าซังก็น่าเป็นห่วงตั้งแต่แรกแล้วด้วยสิคะ」

「ก็ถูกนะแต่ว่า…………」

อิน่ารู้ว่ามาร์เองก็ห่วงทิม่าเหมือนกันแต่ถึงยังงั้นก็ยังกังวล

ในเวลานั้นฝูงคนจำนวนมากก็วิ่งหือเข้ามาจนทำให้พวกเราต้องอพยพไปด้านข้าง

「อะไรกันละนั่น!!」

「อุหวาหวาาาาา~~~~~!」

ผู้คนแตกตื่นราวกับเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

「ขอโทษนะ ได้โปรดหลบด้วยเถอะ!!」「ย๊ากกกกกกกก!」「อะโอ้!ร้านชั้น!!」

คลื่นพายุลูกใหญ่พัดผ่านถนนสายหลักเสียจนทุกอย่างปลิวกระจายไปหมดเลย

เมื่อตระหนักได้เช่นนั้นก็รู้สึกว่าร้านค้าที่เคยตั้งอยู่และแผงลอยหายไปหมดเลย

◇◆◇

มาร์และทิม่ามาถึงถนนสายหลักแล้วด้วยการวิ่งตามมถนนใยแมงมุม

มีเพียงศูนย์กลางการค้าของเมืองนี้และร้านค้าแผงลอยที่มีชีวิตชีวามากมาย ความพลุกพล่านของผู้คนทำให้ทิม่าตื่นเต้น

「เอ่อ สุดยอดไปเลยนะคะ…………」

「ในขณะที่พวกเรากำลังมุ่งหน้ากลับ “เรือนร่างของโค” พวกโนโซมุกับคนอื่นๆก็น่าจะเป็นตัวเด่นพอสมควรคิดว่าน่าจะมีคนพบเห็นบ้างละนะ」

เมื่อมาร์เดินไปข้างหน้าก็เข้าไปหาพนักงานร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ

「มะมาร์…………。ขะขอโทษนะแต่ว่าวันนี้ร้านปิดแล้ว!!」

มาร์ยังไม่ทันพูดอะไร แต่ฝั่งโน้นชิ่งปิดร้านก่อนแล้ว ร้านอื่นๆที่ได้ยินก็ต่างพากันปิดร้านกันจนหมด

「ขอโทษด้วยนะ! วันนี้ร้านปิดแล้วเพราะฉะนั้นแยกย้ายได้แล้ว!!」

ทุกคนต่างรีบปิดร้านทันทีแม้จะมีสินค้ามากมายวางอยู่บนแผงลอยก็ตาม

「เห้ย นี่มันมีรูที่ก้นหม้อด้วย ขายของมีตำหนิได้ยังไงหะ!! เพราะฉะนั้นขอปิดร้านก่อนละโว้ย!」

เจ้าของร้านอุปกรณ์เองก็เอากับเขาด้วยทุกๆคนต่างรีบปิดร้านกันหมดเลย ทั้งๆที่หม้อนั่นยังทำไม่เสร็จแท้ๆ

「อ๊ากกกกกกกกก! ปวดท้องเหลือเกิน! ดูเหมือนว่าวันนี้จะขายของเน่า……เพราะงั้นจะปิดร้านละเว้ย!!」

เจ้าของร้านเนื้อเองก็ร่วมด้วย ทั้งๆที่ดูยังไงก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แล้วไหงพูดจาให้ร้ายกับร้านตัวเองแบบนั้นวะนั่น

พฤติกรรมแปลกๆของผู้คนรอบๆไม่ได้จำกัดอยู่แค่นี้เท่านั้น…………。

「อ่าาา! ข้าจำได้ว่ามีธุระต้องทำ! รีบกลับบ้านดีกว่า!!」「เออ นั่นสินะวันนี้งานแต่งงานของพี่สาวข้านี่หว่า ต้องรีบกลับบ้าน!!」「เอ่อลืมไปข้ามีเดทนี่หว่า!」「ยายข้ากำลังจะตายแล้ว!ขอตัวก่อนนะ!!」

ลูกค้าที่จับจ่ายซื้อของก็เอากับเขาด้วยวุ้ย ทิม่านั้นยืนนิ่งไปแล้ว ผู้คนตรงหน้าหายไปราวกับคลื่นที่ถูกซัดออกจากฝั่งและมันจะไม่กลับมาอีก

มาร์เดินไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง

「อาาาาาาาาา!มะไม่ คือว่าวันนี้ข้ามีธุระ!「เออเหมือนกัน!!」」

พวกนั้นพยายามรีบเก็บสินค้าทันที แต่ในทางกลับกันมาร์ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นก็รีบเข้าไปหาราวกับไม่ปล่อยให้หนี

「……นี่「คะคะคะคะคะคครับ!ขอโทษนะ!ขอโทษจริงๆครับ!!เพราะฉะนั้นอย่าพังร้านเลยนะ!!」……ฟังที่ข้าจะพูดหน่อยสิเห้ย……」

มาร์ที่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างโดนเสียงของเจ้าของร้านที่ท่าทางสิ้นหวังกลบจนหมด

ในเวลานั้นเองก็มีเสียงหนึ่งเข้ามา

◇◆◇

「พี่ชายคิดจะทำอะไรกันแน่คะ」

「เอ่อ?อยู่ๆร้านทุกร้านก็ปิดไปหมดเลย เกิดอะไรขึ้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน?」

เป็นอิน่าและโซเมียที่เดินมาหาพร้อมกับขนมเต็มมือ เจ้าของร้านที่เห็นอิน่าก็เหมือนกับมีพระผู้ช่วยมาโปรด แตกต่างจากท่าทีก่อนหน้านี้ลิบลับ

「…………จะขอถามอีกครั้ง พี่ชายทำอะไรลงไปคะ?!」

「เอ่อ….อย่าทำอะไรพี่ชายคนนี้เลยนะ………ข้าแค่กำลังตามหาพวกเธออยู่ก็เลยจะมาถามเจ้าของร้านแถวนี้ว่าเห็นพวกเธอบ้างไหม……」

อิน่านั้นถามมาร์ด้วยความกดดัน มาร์เองก็พูดความจริงออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียว วันนี้เขาดูเงียบและเชื่อฟังแบบแปลกๆ ปกติเขาจะชอบแหย่ฉันอยู่เสมอ

อิน่าจ้องไปทางมาร์ด้วยท่าทางสงสัย

(พี่ชายแตกต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัดเลยแหะ)

「…………พี่ชายเป็นอะไรไปเนี่ย? ทำตัวแปลกๆนะเราน่ะ?」

「มันแปลกมากเลยรึไงที่ข้าพูดความจริงเนี่ย…………」

มาร์ที่โดนน้องสาวบอกว่าแปลกก็ตอบกลับไปเช่นนั้น ดูเหมือนว่าอิน่าเองก็ถอดใจเช่นกัน

「นี่พี่ชายไม่รู้ตัวเลยเหรอคะ ว่าการกระทำของพี่น่ะมันปลูกฝังความกลัวให้คนทั่วย่านการค้าไปหมดแล้วนะคะ พี่ชายจำได้หรือเปล่าคะว่าพี่น่ะถล่มร้านค้าไปกี่ร้านกันแน่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่พวกเขาจะตอบสนองแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอกนะคะ?」

「……………………」

มาร์ไม่ได่สามารถพูดอะไรได้เลย

「………………แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่คิดจะทำแบบนั้นแล้วนะ……」

มาร์พูดเช่นนั้นด้วยท่าทีเหงาหงอย ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเริ่มใจเย็นลงแล้ว พูดตามตรงเลยนะเห็นแบบนี้เล่นเอาเพลีย

「…………แต่ว่าวันนี้พี่ชายดูเชื่องเป็นพิเศษเลยนะคะ……」

อิน่าพึมพำเช่นนั้นไม่ให้ใครได้ยิน เธอเองก็จ้องไปทางมทิม่า ที่ดูกังวลกับท่าทางของพวกเรา โซเมียที่ทำท่าทางภูมิใจราวกับจะบอกว่า “เป็นไงละผลลัพธ์ที่หนูสร้างขึ้น”

「อืม อะไรกันละ?」

「อะเอ่อ นี่ก็เย็นแล้วนะ ได้เวลาที่จะต้องไปช่วยงานที่ร้านแล้ว……」

มาร์มองไปทางอิน่าด้วยท่าทางสับสนแต่อิน่าส่ายหัวและบอกว่าถึงเวลากลับไปทำงานแล้ว ท้องฟ้าเองก็ถูกย้อมเป็นสีแดง

「นั่นสินะ แล้วโนโซมุกับไอริสล่ะ「อะพี่สาวคะ!!」「ดะเดี๋ยวก่อนสิโซเมียจัง!!」……อืมดูเหมือนว่าจะเจออีกสองคนแล้วนะ」

เมื่อเห็นเช่นนั้นก็พบกับโนโซมุและไอริสกำลังอยู่ที่อีกฝากหนึ่งของถนน

มาร์โล่งอกที่เห็นทุกคนปลอดภัยดี ทิม่าเองก็ยิ้มให้กับโซเมีย มาร์และทิม่าสบตากันชั่วขณะ และเธอก็หันกลับมามองอีกครั้งพร้อมกับยิ้มให้ มาร์เองก็ยิ้มตอบ

โซเมียที่วิ่งไปหาพี่สาวของเธอและอิน่า มาร์และทิม่าก็กำลังตามโซเมียไปพวกเราสามคนมองกันอีกครั้งและยิ้มให้กันจากนั้นก็เดินไปหาพวกโนโซมุ

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท