ตอนที่ 236 ดื่มเบียร์
ตอนที่ 236 ดื่มเบียร์
เมื่อเฉียวเยี่ยนเห็นสีหน้าเหมือนเด็กเล็กของเขา นางก็อยากเอื้อมมือไปลูบหัวของเขามาก
ไม่นานนักถุงทำความร้อนก็ทำให้น้ำในกล่องเดือด และส่งไอน้ำลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของมู่ฉินเจินที่จ้องมองกล่องอาหารพลันเบิกกว้าง กระทั่งอยากจะยื่นมือออกไปสัมผัสมัน
เฉียวเยี่ยนคว้ามือเขาเอาไว้ทันที ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายความจนใจของตัวเองได้แล้ว “ท่านอ๋อง นั่นมันไอน้ำ มันร้อนมาก ท่านไม่ต้องการมือของเจ้าแล้วหรือ”
มู่ฉินเจินชะงักค้าง และหดมือกลับอย่างรู้สึกอายเล็กน้อยราวกับตัวเองมือไวอย่างไม่น่าอภัย
ไม่มีไอน้ำลอยออกมาด้านนอกกล่องข้าวอีกต่อไปแล้ว แสดงว่าอาหารสุกแล้ว จากนั้นก็เทกับข้าวร้อนๆ ลงในข้าว กลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นมันฝรั่งก็โชยออกมา
ทั้งสองคนที่ผ่านความเป็นความตายมา ในเวลานี้ต่างก็หิวโหย เมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นมันฝรั่ง มันก็เหมือนดั่งอาหารชั้นเลิศอันโอชะบนโลกนี้
แม้อาหารกล่องที่ผลิตจากโรงงานจะไม่อร่อยเท่าที่เฉียวเยี่ยนทำ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งสองกลับหาข้อบกพร่องอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากกินอิ่มดื่มพอแล้ว ทั้งสองก็ห่มผ้าอย่างสบาย และกินของว่างอื่นๆ เฉียวเยี่ยนยื่นขวดเบียร์นั้นให้มู่ฉินเจิน “ลองดื่มดู นี่เบียร์จากโลกข้า ไม่ทำให้คนเมาหรอก”
มู่ฉินเจินรับมา และก้มหน้าพลางลูบขวดเบียร์ที่เป็นขวดแก้วเบาๆ วัสดุที่มีพื้นผิวโปร่งใสดังกล่าว กลับเป็นเพียงแค่ขวดเหล้า
ดูท่าโลกเดิมของเจ้าท่อนไม้น่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ร่ำรวยมาก
เมื่อเห็นว่าเขากำลังศึกษาขวดเบียร์อีกครั้ง เฉียวเยี่ยนก็รู้ว่าเขารู้สึกสนใจอีกแล้ว
“นี่มันก็แค่ขวดแก้วธรรมดาๆ ในโลกของพวกเรามันไร้ค่า ไม่ต้องศึกษาแล้ว รีบลองเบียร์ขวดนี้ดูว่ามันเป็นอย่างไร”
มู่ฉินเจินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ไอ้ของที่เรียกว่าแก้วกลับเป็นสิ่งไร้ค่า
แม้จะไม่มีที่เปิดฝาขวด แต่ฝาขวดเล็กๆ ก็มิอาจต้านกำลังของมู่ฉินเจินเอาไว้ได้ เพียงเขาบิดมือเบาๆ เท่านั้น ฝาขวดก็เปิดออก
ทันทีที่ฝาเปิดออก ก็มีเสียงขับลมออกมา ตามมาด้วยฟองที่พรั่งพรูขึ้นมาตรงปากขวด
มู่ฉินเจินตกตะลึงอีกครั้ง สงสัยว่าเหล้าที่เต็มไปด้วยฟองนี้จะเน่าเสียแล้วหรือไม่?
“วางใจเถิด นี่เป็นเรื่องปกติ สามารถดื่มได้”
เฉียวเยี่ยนพลันรู้สึกว่าคืนนี้ตัวเองเป็นเหมือนครูอนุบาลที่ต้องคอยแก้ปัญหาแปลกๆ ทุกอย่างให้กับสหายตัวน้อย
เมื่อมู่ฉินเจินได้ยินเช่นนี้ ก็เงยหน้าขึ้นดื่มอึกหนึ่ง รสชาติแปลกประหลาดกระจายอยู่เต็มปากเขาอย่างรวดเร็ว
ฟองระเบิดกระตุ้นลิ้นของเขาไม่หยุด และรสชาติอันหอมนุ่มของมันก็ค่อนข้างแตกต่างจากสุราที่เขาเคยดื่มในอดีต มันไม่มีรสกลมกล่อมแสบคอ มันเบากว่ามาก ทว่าอร่อยอย่างอธิบายไม่ได้
เฉียวเยี่ยนเห็นสีหน้าเขาก็รู้แล้วว่าดื่มจนเคยชิน นางจึงหยิบโค้กขึ้นมาเปิด แล้วดื่มเข้าไปหนึ่งอึก
นางก็อยากจะดื่มเหล้าเหมือนกัน แต่ร่างกายนี้ของนางอ่อนแอเกินไป ขณะนึกถึงปีนั้นที่นางกระดกเบียร์คนเดียวห้าขวดโดยไม่มีปัญหา
ฝนข้างนอกยังคงตกอยู่ บางครั้งก็มีเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง กระนั้นกลับไม่ส่งผลกระทบต่อคนสองคนที่อยู่ในเต็นท์เลย
กินเหล้าพูดคุยกินขนม จวบจนกินอิ่มดื่มพอแล้ว ก็นอนกอดกันหลับ
ทั้งคู่ไม่กล้านอนหลับลึกจนเกินไป ค่ำคืนในป่าอาจมีสัตว์ป่าดุร้ายออกมา หากพวกเขานอนหลับลึก วันรุ่งขึ้นตื่นมาอาจจะพบว่าตัวเองอยู่ในท้องของสัตว์ป่าไปแล้ว
คืนนั้นผ่านไปโดยปราศจากอันตรายใดๆ พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้นฝนก็หยุดตกอย่างหาได้ยาก ทว่าท้องฟ้ายังคงมีเมฆครึ้ม
อากาศในป่าสดชื่นมาก ความชื้นก็สูงมากเช่นกัน บริเวณรอบๆ มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว ฟังดูไพเราะเป็นพิเศษ
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินตื่นขึ้นมาแล้วก็รับประทานอาหารเช้าเล็กน้อย ก่อนเก็บข้าวของเตรียมตัวลงจากภูเขา
ทั้งคู่รื้อเต็นท์พับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย หลังจากเก็บข้าวของที่ใช้เมื่อคืนเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้ผ้าปูที่นอนห่อเป็นสัมภาระห่อใหญ่ แล้วแบกลงภูเขาไป
ทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดเปียกของเมื่อวาน ตอนนี้บนยอดไม้ และพุ่มหญ้าล้วนมีแต่หยดน้ำ แม้พวกเขาจะสวมเสื้อผ้าแห้ง ทว่าเดินไปสักพักก็โดนหยดน้ำจนเปียก
มู่ฉินเจินแบกสัมภาระพร้อมจับมือเฉียวเยี่ยนไว้ และพานางลงจากเขามาอย่างระมัดระวัง
ดินโคลนถล่มเมื่อวานรุนแรงมาก พวกเขาเดินลงมาจากภูเขาก็เห็นสภาพพังทลาย ต้นไม้ถูกถอนรากถอนโคน บนเนินโคลนยังมีร่องรอยของน้ำไหลเซาะอยู่
เป็นเรื่องยากมากที่จะลงเขาจากบริเวณที่พังทลาย ทั้งสองจำต้องใช้ทางอ้อม เดินไปในทิศทางที่ตั้งฉากกับโคลนถล่ม จนกระทั่งไม่พบร่องรอยของการพังทลายก่อนที่จะลงจากเขามา
หลังจากอ้อมไปไกลมาก เมื่อทั้งสองมาถึงตีนเขา ก็เป็นเวลาสองขั่วยามแล้ว สถานที่พักของพวกเขาอยู่ห่างจากเขื่อนกั้นน้ำไประยะหนึ่ง หากเดินกลับไปก็ยังคงต้องใช้เวลาไปอีกไม่น้อย
บนเส้นทางหลักก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยดินโคลน ทุกครั้งที่ทั้งสองก้าวเดิน เท้าของพวกเขาจะจมลึกลงไปในโคลน ทำให้ความเร็วล่าช้าขึ้นมาก
หลังจากเดินไปได้ไม่นาน ทั้งสองก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกน เป็นพวกเจ้าหน้าที่ทหารกำลังตามหาพวกเขา
ทั้งภูเขา ทั้งริมตลิ่งล้วนมีเจ้าหน้าที่ทหารค้นหาร่างของพวกเขาทั้งสอง เมื่อวานหลังจากดินโคลนถล่ม พวกเขาออกตามหาคนตลอด กระทั่งกลางคืนยังไม่กล้าแม้แต่จะพัก
พวกเกาจัวหยวนใช้เวลาทั้งคืนเพื่อตามหาคน หาทั้งในภูเขา ขุดโคลนในแม่น้ำ แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้านายทั้งสองเลย
พวกเขาแต่ละคนต่างหน้ามุ่ย หากยังไม่พบใครอีกคาดว่าคงจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ครั้งนี้ช่างเป็นหายนะใหญ่นัก ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องที่หายไป แม้แต่หวางเฟยก็หายไปด้วย!
ครั้งก่อนในรัฐฉู่ หวางเฟยเป็นคนหาท่านอ๋องเจอ ตอนนี้ดวงตาสองข้างของพวกเขามืดบอด ไม่มีกระแสจิตติดต่อกับท่านอ๋อง แล้วพวกเขาจะไปหาคู่รักคู่นี้ได้ที่ไหน?
เฉียวเยี่ยนตะโกนกลับอย่างสุดเสียง “พวกเราอยู่ที่นี่!”
มู่ฉินเจินหยิบนกหวีดสีเงินออกมาจากอก วางไว้ใกล้ปากแล้วเป่าสองสามครั้ง นี่เป็นสัญญาณของเขากับพวกเกาจัวหยวน ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงหรือเปล่า
สองสามีภรรยายังคงเดินไปข้างหน้า เดินไปได้ระยะหนึ่งก็เป่าสองครั้ง ทว่าน่าเสียดายที่เสียงน้ำไหลในแม่น้ำหวงเหอดังเกินไปจนไม่มีใครได้ยินเสียง
ในที่สุด หลังจากเดินไปได้สักพัก ก็พบเข้ากับกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังค้นหา ครั้นพวกเจ้าหน้าที่ทหารเห็นท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟยกลับมาอย่างไม่บุบสลาย ใจที่ทำงานหนักมาทั้งคืนในที่สุดก็คลายลง
เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งเข้ามารับสัมภาระใหญ่ที่มู่ฉินเจินแบกไว้ แม้พวกเขาจะสงสัยว่ามีอะไรอยู่ข้างในนั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
เรื่องของท่านอ๋องกับหวางเฟย ใช่ว่าพวกเขาจะเข้าไปยุ่งได้
หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารคุ้มกันกลับไปที่ข้างเขื่อนกั้นน้ำแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต่างก็มารอกันอยู่ที่นั่น และเมื่อพวกเขาเห็นสองสามีภรรยาก็ดีใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
หากโอรสคนโปรดของฮ่องเต้ประสบอุบัติเหตุในพื้นที่ใต้อำนาจของพวกเขา เช่นนั้นชีวิตพวกเขาก็จบสิ้นเช่นกัน
หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวัน พวกเขาต่างก็ชื่นชมท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟยจากก้นบึ้งของหัวใจ
อยู่กินกับผู้ประสบภัย นำเจ้าหน้าที่ทหารไปบรรเทาภัยอย่างจริงจังและรับผิดชอบ และช่วยให้ผู้ประสบภัยฟื้นคืนความมั่นใจ…
เรื่องแต่ละเรื่องเหล่านี้ควรเป็นงานของพวกเขา แต่ทั้งคู่กลับทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้พวกเขาละอายใจยิ่งนัก
เกาจัวหยวนกำลังนำพวกองครักษ์ไปขุดโคลนตรงเชิงเขาที่เกิดโคลนถล่ม ใจพวกเขาแต่ละคนดุจดับมอดไปเป็นเถ้าถ่าน หน้าตามอมแมมไปด้วยฝุ่น และตัวของพวกเขาก็ยิ่งเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเหมือนกลิ้งไปมาอยู่ในโคลน
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินอยู่ห่างจากตีนเขาไปช่วงหนึ่ง เมื่อเห็นพวกเขาขุดโคลนเหมือนลิงโคลนอย่างขะมักเขม้น ก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที
นี่คิดว่าพวกเขาถูกฝังอยู่ในนั้นหรือ?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องเกิดความคิดจะเพิ่มรายการเบียร์ในโรงหมักเหล้าของท่านหรือเปล่านะ
ดีที่หวางเฟยมีระบบตัวช่วย ไม่งั้นคงไม่รอดมาในสภาพครบสามสิบสองหรอก
ไหหม่า(海馬)