ตอนที่ 273 ฝากฝังลูก
ตอนที่ 273 ฝากฝังลูก
เฉียวเยี่ยนขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกตกใจอย่างมาก ไฉนจึงรู้สึกว่านางกำลังฝากฝังสั่งเสียก่อนจะจากไปเลยล่ะ
เด็กหญิงตัวน้อยตกใจกับคำพูดมารดา ยื่นมือเล็กไปขยำเสื้อผ้าของนางแน่น แล้วเรียกแม่ด้วยเสียงแผ่วเบา
แต่ฮูหยินหวังกลับเพิกเฉยนาง และกล่าวต่อ “ต่อให้เป็นไพร่เป็นบ่าวก็ได้หมด ขอแค่หวางเฟยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
ขณะกล่าวนางจะคำนับเฉียวเยี่ยนอีกครั้ง แต่คราวนี้เฉียวเยี่ยนดึงนางลุกขึ้นมาจากพื้น และถามอย่างจริงจัง “เจ้าฝากเด็กไว้กับข้า แล้วเจ้าจะไปทำอะไร?”
ฮูหยินหวังถูกดึงจนซวนเซไปสองก้าว พลางกัดริมฝีปาก ก่อนเล่าทุกอย่างออกมา
“ฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าหวังจงคือข้าเอง”
คำพูดนี้ของนางไม่ได้ทำให้เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินตกใจเท่าใดนัก การคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขาก็เป็นเช่นนี้
กระนั้นกลับรู้สึกฉงนนัก นิสัยของฮูหยินหวังดูไม่เหมือนคนที่กล้าพอจะฆ่าใครเลย
ฮูหยินหวังเล่าขั้นตอนในการวางยาพิษหวังจงทั้งหมดออกมาอย่างละเอียด
ปีที่แล้ว หวังจงดื่มเหล้าเมามายและทุบตีลูกสาวของนาง จนเกือบคร่าเอาชีวิตลูกสาวนาง ตั้งแต่นั้นมานางก็รู้สึกท้อแท้ และเริ่มคิดแผนชั่วร้ายอยากให้หวังจงที่รู้สึกเป็นสุข ค่อยๆ ทรมานจนตายอย่างช้าๆ
หวังจงชอบกินเนื้อห่าน ตั้งแต่หอหวาอวิ้นเปิดกิจการมา เขามักจะไปกินในภัตตาคารบ่อยๆ และในอาหารทุกจานที่เขาสั่งจะต้องมีเนื้อห่าน
แม้เนื้อห่านจะอร่อย แต่อาหารที่แสลงต่อมันมีมากเหลือคณาจริงๆ
นางจึงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ต้มน้ำแกงหวานหรือทำขนมต่างๆ ให้เขากินทุกครั้งหลังกลับมาจากการกินที่ภัตตาคาร
สาลี่ตุ๋นน้ำตาลกรวดเป็นอาหารที่แสลงต่อเนื้อห่าน สามารถทำลายไตได้ ข้าวหมากไข่หวานเมื่อกินกับเนื้อห่านจะทำลายพลังชีวิต แล้วตบท้ายด้วยเกาลัดกรุบกรอบซึ่งจะเป็นพิษเมื่อกินพร้อมกับเนื้อห่าน
สิ่งเหล่านี้จะไม่คร่าชีวิตเขาในทันที แต่จะสะสมเรื้อรังไปเรื่อยๆ จนทำให้ร่างกายเขายิ่งย่ำแย่ลง สารพิษก็จะค่อยๆ สะสมอยู่ในร่างกายเขา
นางแค่อยากให้เขาตายอย่างทุกข์ทรมาน แต่ไม่เคยทราบเลยว่าเขาจะตายอยู่ในหอหวาอวิ้นพอดี จึงเป็นการใส่ร้ายเฉียวเยี่ยนเข้าโดยไม่รู้ตัว
หลังจากฟังเรื่องราวของนางจบ เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย นางเป็นคนมีชีวิตลำบากคนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะถูกสามีเย็นชาหมางเมินใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็คงไม่ลงมือทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้
ฮูหยินหวังยังคงเล่าต่อ “เดิมข้าคิดเพียงหวังจงตายไปแล้ว ชีวิตข้ากับลูกสาวจะได้ดีขึ้นมาบ้าง แม่สามีในบ้านก็มีชีวิตอยู่อีกไม่นาน เมื่อพวกเขาจากไปทั้งหมดแล้ว ข้ากับลูกก็จะมีชีวิตที่สุขสงบได้”
“แต่ไม่คิดเลยว่าบ้านรองของหวังจงจะมีลูกชายหนึ่งคน ตอนนี้พวกเขาเข้าพักอยู่ในจวนแล้ว จากนี้ไปจะต้องไม่ปล่อยข้ากับลูกสาวข้าไปแน่ ข้าหาคนขอความช่วยเหลือไม่เจอใครแล้ว จึงได้มาหาท่าน”
“ข้ารู้ว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีเมตตา ท่านบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับเหยื่อที่ไม่เกี่ยวข้องกับท่านได้ ข้าไม่ขอให้ท่านยกโทษให้ข้า ขอแค่ท่านให้ทางรอดแก่ลูกสาวข้าด้วย”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจใส่ร้ายท่านจริงๆ ได้โปรดท่านช่วยข้าเถิด!”
ขณะกล่าวนางก็จะคุกเข่าลงคำนับอีกครั้ง ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลนองหน้า ยืนอยู่ข้างๆ หนูน้อยที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จึงกอดนางแน่นพร้อมร้องไห้เสียงดัง
เฉียวเยี่ยนเป็นแม่คนแล้ว ย่อมเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของนาง นางออกมารับสารภาพผิดเอง และให้ตนคุ้มครองดูแลลูกสาวนางจนเติบใหญ่
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางจึงเอ่ยกับฮูหยินหวัง “เจ้าคิดดีแล้วหรือ? ข้าช่วยเจ้าได้ แต่นี่หมายความว่าเจ้าอาจจะถูกเนรเทศหรือไม่ก็ถูกประหารทันทีเลยนะ”
ฮูหยินหวังได้ยินนางยอมช่วยตน ก็ดีใจจนน้ำตาไหล “ข้าคิดดีแล้ว ขอแค่ท่านช่วยข้า ให้ทำอะไรข้ายอมทั้งนั้น อีกอย่างเรื่องนี้ข้าเป็นคนทำอยู่แล้ว ไม่อยากเข้าไปพัวพันท่านอีก”
เฉี่ยวเยี่ยนถอนหายใจออก ก่อนเอ่ยสัญญา “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง นับแต่นี้ไปนางจะมีข้าคอยดูแล และไม่มีใครมารังแกนางได้”
ความจริงตอนนี้นางค่อนข้างมีความรู้สึกสับสน สาเหตุโดยตรงที่หวังจงตายคือกล้ามเนื้อหัวใจตาย และพิษที่ออกฤทธิ์ช้าภายในร่างกายเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดสาเหตุนี้ โรคนี้ยังเกี่ยวข้องกับกิจวัตรประจำวันบางส่วนของหวังจง เช่น การหมกมุ่นในสุรานารี การรับประทานอาหารไม่เป็นปกติ เป็นต้น
แม้ฮูหยินหวังจะผิดที่วางยาจริง แต่กลับไม่ได้คร่าชีวิตหวังจงตรงๆ เลย พูดตรงๆ แล้ว นางไม่ถือว่าเป็นฆาตกร
นี่คือขีดจำกัดในการรักษาของยุคนี้ นางเองก็ไม่มีหลักฐานหนักแน่นพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าหวังจงตายเพราะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ปมที่ขมวดกันทั้งหมดนี้แปรสภาพได้เพียงเสีงยถอนหายใจเท่านั้น สิ่งที่นางทำให้ได้คือทำตามคำขอนาง ปกป้องลูกสาวนางให้มีชีวิตสุขสงบ
ฮูหยินหวังมอบตัวอย่างเต็มใจ ขณะทางด้านจิงจ้าวฝูเขียนคำสารภาพ จากนั้นเฉียวเยี่ยนกับคนในภัตตาคารก็ถูกปล่อยออกมาทันที
จิงจ้าวฝูอิ่นส่งคนนำคดีที่เขียนเสร็จแล้วไปติดประกาศทั่วเมือง ผู้คนที่รู้เหตุการณ์ต่างตกตะลึงอย่างมาก
เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ข่าวลือที่แพร่โดยคนรับสินบนจากคู่แข่งของเฉียวเยี่ยนค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยข้อเท็จจริงของคดี ทวงคืนความบริสุทธิ์ของเฉียวเยี่ยนกับภัตตาคารกลับมา
ครั้นแม่เฒ่าหวังรู้ว่าคนที่ทำร้ายลูกชายนางจนตายคือลูกสะใภ้นาง ก็อยากเข้าไปฆ่าฮูหยินหวังในคุกเหมือนคนคลุ้มคลั่งก็ไม่ปาน
ทว่าขานางยังหักอยู่ ไม่มีทางลงจากเตียงได้เลย ทำได้เพียงโมโหจนเจ็บหัวใจ
ไม่เพียงโมโหที่ลูกสะใภ้ไร้ประโยชน์ของนางทำร้ายลูกชายนาง ยังโมโหที่พลาดโอกาสรีดไถเงินของตำหนักอ๋องซู่ด้วย
เหมือนกับเงินห้าหมื่นตำลึงทองมากองอยู่ตรงหน้า ยังไม่ทันได้หยับไป เงินพวกนี้ก็บินหนีหายไปแล้ว ทำให้นางโมโหแทบกระอักเลือก
หญิงชราก่นด่าฮูหยินหวังอย่างขุ่นเคือง คำหยาบคายสารพัดพ่นออกมาจากปากนางติดๆ กัน และแทบอยากถลกหนังเลาะกระดูกนาง ทำลายกระดูกจนป่นปี้เป็นขี้เถ้า
นางก่นด่าอย่างรุนแรง แต่กลับลืมไปว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตอนที่ลูกชายนางยังไม่ได้เป็นขุนนาง เป็นฮูหยินหวังที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แถมยังปลีกเวลามาเย็บปักถักร้อยเพื่อหารายได้ เพื่อประทังชีวิตทั้งครอบครัว
พวกเขามีวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของฮูหยินหวัง
แต่คนเรามักมีความโลภไม่สิ้นสุด ลุ่มหลงในความมั่งคั่งของเมืองหลวง นับวันยิ่งหลงใหลมัวเมาในลาภยศจอมปลอมขึ้นเรื่อยๆ จนลืมคนที่แบ่งปันปัญหากับพวกเขาตั้งแต่แรกไปเสียสิ้น
หวังจงไม่ชอบฮูหยินหวังผู้แก่ชราและทรุดโทรม แต่กลับลืมไปว่านางก็เคยเป็นสตรีสะคราญโฉมคนหนึ่งก่อนที่จะมาแต่งงานกับเขา แต่เพื่อชีวิตของคนในครอบครัว เพื่อการสอบขุนนางของเขา นางจึงเปลี่ยนสภาพจากสาวน้อยดอกไม้เหลือง(1)ไปเป็นหญิงแก่หน้าเหลือง(2)
……
เฉียวเยี่ยนออกมาจากห้องขัง โดยมีเด็กหญิงตัวเล็กเพิ่มมาอีกคน
หนูน้อยเห็นมารดาถูกจับเข้าคุกกับตาตัวเอง จึงร้องไห้จนดวงตาบวมเป่ง และตอนนี้ก็เดินตามหลังเฉียวเยี่ยนอย่างงุนงง เหมือนกับเสาไม้น้อยก็ไม่ปาน
เฉียวเยี่ยนคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กน้อย หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบน้ำตาให้นาง ก่อนเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ลูกรักเจ้าชื่ออะไรหรือ? บอกท่านน้าได้หรือไม่?”
เด็กน้อยมองท่านน้าตรงหน้าที่งดงามดุจนางฟ้าอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย
ไม่คิดเลยว่าท่านน้าคนสวยคนนี้จะเรียกนางว่าลูก นอกจากมารดาแล้วก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกนางว่าลูก ท่านน้าคนนี้อ่อนโยนเหมือนกับแม่นางเลย
แต่นางไม่มีแม่แล้ว แม่ของนางถูกขังอยู่ในห้องขังอันดำมืดแล้ว!
นางขมุบขมิบปาก ตอบกลับเสียงเบาหวิว “ข้าชื่อหวังหนิงอัน”
เฉียวเยี่ยนลูบหัวนาง และเอ่ยกล่อมอย่างอ่อนโยนต่อ “ที่แท้ลูกก็ชื่ออันอันนี่เอง ท่านน้าพาเจ้ากลับบ้านไปเล่นกับพวกพี่ๆ ดีหรือไม่? บ้านน้ามีพี่ๆ อยู่สองคน ต้องชอบเจ้ามากๆ แน่”
เด็กน้อยไม่เคยเล่นกับใครมาก่อน ยามนี้ได้ยินว่ามีพี่ๆ มาเล่นกับนาง ดวงตากลมโตเปี่ยมหยาดน้ำคู่นั้นก็เปล่งประกาย
แต่สักพักก็กลับหม่นหมองลงอีกครั้ง นางนึกถึงสิ่งที่แม่เอ่ยกับนางเมื่อคืนได้ หากไปถึงบ้านใหม่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย ห้ามโมโหงอแง ห้ามเอาแต่ใจตัวเอง
นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปที่เฉียวเยี่ยนและเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ข้าไม่เล่นหรอกเจ้าค่ะ ข้าทำงานได้ ข้าซักผ้า ต้มน้ำ กวาดพื้นเป็น และกินน้อยมาก ยามนอนขอเพียงเป็นพื้นที่เล็กๆ ก็นอนได้”
ข้าเป็นคนง่ายๆ เช่นนี้ อย่าทุบตีข้าได้ไหม อย่าไล่ข้าไป ข้าแค่อยากมีบ้าน
………………………………………………………………………………………………………………………….
黄花闺女 เป็นสำนวน หมายถึงหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ยังไม่แต่งงานหรือผ่านประสบการณ์ทางโลก ยังมีความงดงามสดใสอยู่
黄脸婆 เป็นสำนวน หมายถึง หญิงอัปลักษณ์ที่ไร้ซึ่งความสดสวยงดงาม
สารจากผู้แปล
อ่านตอนนี้แล้วก็ อืม สมควรโดนเมียฆ่าทิ้งแล้วแหละหวังจง เขาอุตส่าห์สละความสาวความสวยมาแบกครอบครัวเอ็ง แต่เอ็งกลับได้ใหม่แล้วลืมเก่า
น้องอันอันไม่ต้องเศร้าน้า จงมีชีวิตอยู่เพื่อแม่นะคะ
ไหหม่า(海馬)