ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 286 ซื้อที่ดินไถนา

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 286 ซื้อที่ดินไถนา

ตอนที่ 286 ซื้อที่ดินไถนา

ผู้ใหญ่บางคนที่เด็กๆ เรียกหาต่างวิ่งมาจนเหงื่อแตกพลั่ก เมื่อไปถึงลานตากข้าวแห้งและเห็นผู้สูงส่งเหล่านั้นจากไปแล้ว ก็รีบสอบถามชาวบ้านคนอื่นๆ อย่างร้อนรน

พวกเขาเองก็ไม่กระจ่างเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้ยินเด็กๆ ตะโกนว่ามีคนต้องการซื้อที่ดิน ราคาที่ให้มาก็สูงมาก

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาร้อนรนมาก หากพลาดโอกาสร่ำรวยนี้ไป ต้องเสียใจจนกินข้าวไม่ลงแน่

หลังจากที่พวกเฉียวเยี่ยนจากลานตากข้าวแห้งไป ก็ไม่รีบร้อนกลับ พวกเขาเดินไปรอบๆ หมู่บ้าน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมสักหน่อย

คู่รักไล่ทุกคนที่อยู่ข้างหลังแยกย้ายออกไป และเดินจับมือกันไปตามแม่น้ำ

ทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่ลุ่มแห่งเจียงหนานมองไปทางไหนก็ล้วนเต็มไปด้วยน้ำ ทั้งสองจึงเช่าเรือลำเล็กกับชาวประมง มู่ฉินเจินเป็นคนพายเรือด้วยตัวเอง ค่อยๆ ล่องลอยอยู่บนผิวน้ำ

เฉียวเยี่ยนพิงอยู่ท้ายเรือ หรี่ตาอาบแดด อารมณ์ดีอย่างยิ่ง

“การแสดงของข้าเมื่อครู่เป็นอย่างไรบ้าง?”

นางยืดตัวตรง ถามมู่ฉินเจินด้วยรอยยิ้มสดใส

มู่ฉินเจินขยับไม้พาย และเอ่ยชมประหนึ่งกล่อมเด็กเล็ก “ยอดเยี่ยมมากๆ ”

เฉียวเยี่ยนยิ้มตาหยี่ และเอ่ยยกยอตัวเองอย่างขี้อวด “นั่นมันแน่อยู่แล้ว ข้าคือเทพีแห่งสงครามธุรกิจเชียวนะ!”

มู่ฉินเจินส่งเสียงหัวเราะออกมา “ขอรับ เทพีแห่งสงครามอยากไปไหนหรือ? ข้าจะพาเจ้าไป”

เฉียวเหยียนเหลือบมองตลาดพลุกพล่านอีกฝั่งของแม่น้ำ แล้วชี้ไปตรงนั้น “ไปที่นั่น บ่ายนี้ไม่มีอะไรทำ ข้าจะไปเดินซื้อของ”

มู่ฉินเจินพยักหน้า และพายเรือไปทางฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ

พลันเฉียวเยี่ยนนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมา ก่อนถาม “คนที่หาบ้านให้เราคือใครหรือ? ไม่เช่นนั้นท่านเขียนจดหมายให้เขาสักฉบับหนึ่ง วันหน้าเชิญเขามากินอาหารสักมื้อหนึ่ง”

เขาช่วยพวกเขาจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย หากไม่ขอบคุณดีๆ นางคงรู้สึกไม่ดี

“ไม่ต้องรีบ เขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย รอกลับไปแล้วข้าค่อยให้คนไปส่งจดหมายให้”

สหายเก่าคนนี้ของมู่ฉินเจินมีนามว่าโจวผิงฟาน เคยเป็นอดีตสหายร่วมรบของเขา ทั้งสองเคยนอนในค่ายเดียวกัน ต่อสู้ในสมรภูมิเดียวกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก

อย่ามองว่ามู่ฉินเจินเป็นโอรสองค์โปรดที่สุดของฮ่องเต้ ยามเขาเข้าค่ายทหารมาก็เคยเป็นทหารผู้น้อยชั้นต่ำสุดมาก่อน อาศัยความสามารถตัวเองในการบ่มเพาะบารมีในค่ายทหาร สุดท้ายถึงได้มีเกียรติอย่างวันนี้ได้

ตอนที่เพิ่งเข้าค่ายทหารมา คนอื่นล้วนไม่รู้ตัวตนของเขา มีทหารนักเลงบางคนเห็นเขามีหน้าตาขาวละอ่อน ก็มักจะเล็งเป้ามาที่เขา มีเพียงโจวผิงฟานที่ปกป้องเขา ไปๆ มาๆ ทั้งสองก็สนิทกัน

ทว่าต่อมาโจวผิงฟานได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาพิการไปข้างหนึ่ง มิอาจเข้าร่วมสงครามได้อีก จึงทำได้เพียงปลดประจำการอย่างช่วยไม่ได้

สภาพทางบ้านของโจวผิงฟานนั้นยากจนข้นแค้น ในตอนที่เขาจะจากค่ายทหารไป มู่ฉินเจินได้ยัดตั๋วเงินให้เขาไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นโจวผิงฟานก็ใช้เงินนี้ทำกิจการขึ้นมา ด้วยความเป็นคนสมองใส เวลาเพียงสั้นๆ ไม่กี่ปี ก็หาทรัพย์สินได้ไม่น้อย

ในเขตหางโจวตอนนี้ เขาก็นับว่าเป็นวาณิชผู้ร่ำรวยอันดับต้นๆ

……

มาถึงตลาด เฉียวเยี่ยนก็เดินไปทั่วอย่างตื่นเต้น ซื้อขนมลูกกวาดให้พวกเด็กๆ และซื้อสินค้าประจำท้องถิ่นไปไม่น้อย

สองสามีภรรยาเดินเลือกของอย่างมีความสุข ขณะเด็กทั้งสี่ไปเล่นวุ่นวายอยู่ในหมู่บ้านภายใต้แกนนำของโก่วเชิ่ง โดยมีองครักษ์วิ่งตามหลังจนหอบหายใจแทบไม่ทัน

วันหนึ่งของพวกเขามีสีสันมาก เล่นอย่างสนุกสนานยิ่ง แต่พวกชาวบ้านในหมู่บ้านหูซีกลับยุ่งทั้งวัน

อีกด้านหนึ่งก็ถูกเงินล่อลวง อีกด้านก็กังวลเรื่องในอนาคต ในหัวขัดแย้งกัน ร้อนรนจนพวกเขาแทบจะโมโห

เช้าตรูวันที่สอง พวกเฉียวเยี่ยนมาถึงลานตากข้าวแห้งตรงตามเวลา

หาที่ร่มๆ ตั้งโต๊ะหนึ่งโต๊ะ แล้วนั่งลงอย่างเรียบร้อย รอพวกชาวบ้านมาขายที่

หลังจากหารือกันทั้งเย็นก็มีชาวบ้านหลายคนตัดสินใจขายที่ดิน แต่ส่วนใหญ่ขายที่ดินเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่กล้าพนันทิ้งที่ดินทั้งหมด

คนอีกกลุ่มหนึ่งยังคงไม่ไว้วางใจเฉียวเยี่ยน ยอมไม่ร่ำรวย ถือครองที่ดินเอาไว้โดยไม่ขาย

คนแรกที่มาขายที่ดินคือครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านกับลูกชายนำโฉนดที่ดินมา ครอบครัวของพวกเขามีที่นาทั้งหมดสิบหมู่ ครั้งนี้พวกเขาตัดสินใจขายหกหมู่ ที่เหลืออีกสี่หมู่พวกเขาเก็บไว้ปลูกเอง

เมื่อเห็นพวกเขามา เฉียวเยี่ยนก็ทักทายอย่างสุภาพ และนำเอกสารการขายที่เป็นลายลักษณ์อักษรให้หัวหน้าหมู่บ้านตรวจสอบ หัวหน้าหมู่บ้านอ่านครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็ลงนามตราประทับลงไป

แต่ละฝ่ายจะมีสำเนาของเอกสารคนละฉบับ หลังจากลงนามแล้ว เฉียวเยี่ยนก็มอบเงินหกสิบตำลึงที่เตรียมไว้ให้ไป หัวหน้าหมู่บ้านก็มอบโฉนดที่ดินมา

หัวหน้าหมู่บ้านชรากอดเงินหนักหกสิบตำลึงจากไปด้วยความงุนงงไม่หาย ขณะลูกชายเขาหยิบแท่งเงินขึ้นมากัด และพบว่ามันเป็นของจริง

วิญญาณของเขาล่องลอย แม้เขาจะถือแท่งเงินจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง

นี่พวกเขารวยขึ้นในพริบตาหรือ?

โตมาจนปานนี้แล้ว เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย!

ชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล พบว่าครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านได้เงินไปจริงๆ จิตใจที่กระวนกระวายจึงสงบลง และยกโฉนดที่ดินไปขาย

ตั้งแต่เช้ามา เฉียวเยี่ยนก็ได้รับเงินมาไม่น้อย

ในหมู่บ้านหูซีมีครัวเรือนมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบครัวเรือน แต่ละครอบครัวขายที่ดินโดยเฉลี่ยประมาณห้าหมู่ และตอนนี้นางมีที่นาเกือบหกร้อยหมู่อยู่ในมือ

จุดประสงค์สำคัญของการปลูกข้าวฤดูกาลแรกคือการปลูกข้าวบนที่ดินผืนนี้ ซึ่งเพียงพอที่จะผลิตข้าวจำนวนมากได้แล้ว

หลังจากซื้อที่ดินแล้ว เฉียวเยี่ยนก็เดินสำรวจบ้านต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้งครู่หนึ่งเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสภาพของแต่ละที่ดิน อีกด้านหนึ่งเพื่อเลือกที่ดินที่เหมาะสมสำหรับการเพาะกล้า

ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าว นาส่วนใหญ่ยังมีข้าวหรือตอข้าวอยู่ หากจะเพาะกล้า ต้องไถที่นาก่อน

หลังจากเยี่ยมชมมาสองวัน นางก็เลือกที่นาที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมาก ที่นากว้างขวาง ดินโคลนด้านล่างอุดมสมบูรณ์ คุณภาพน้ำก็ค่อนข้างดี ซึ่งเหมาะแก่การเพาะกล้าข้าวมาก

การเพาะกล้าข้าวนั้นง่ายมาก แช่เมล็ดข้าวในน้ำประมาณสองชั่วยาม จากนั้นนำออกมาวางไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีแดดเพื่อเร่งการงอกเป็นเวลาสองวัน จนกระทั่งเมล็ดข้าวงอกยอดสีขาวออกมาแล้ว ก็สามารถโยนเมล็ดข้าวไปในที่นาได้

หลังจากเลือกที่นาได้แล้ว และแช่เมล็ดดข้าวแล้ว เฉียวเยี่ยนก็พาคนกลุ่มหนึ่งในบ้านไปดูการไถนา

ฃล

เมื่อรู้ว่าที่ดินของพวกเขาถูกเลือก ครอบครัวนั้นจึงรีบหาคนมาเกี่ยวข้าวด้วยกัน หลังจากเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็ไปต้อนวัวมาไถนาทันที

มีคนปลูกข้าวในเมืองหลวงน้อยมาก นอกจากเฉียวเยี่ยนแล้ว คนกลุ่มใหญ่น้อยที่อยู่เบื้องหลัง ไม่เคยเห็นภาพการปลูกข้าวมาก่อนเลย

เจ้าของบ้านจูงวัวและเหยียบคราดไปด้วย ไถกลับไปกลับมาในทุ่งนา พลิกโคลนที่อยู่ด้านล่างขึ้นมา แล้วกวนโคลนในทุ่งทั้งหมดให้ละเอียด

ภาพนี้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อนมาก เกาจัวหยวนกับพวกองครักษ์ถึงกับถอดรองเท้า ม้วนขากางเกงขึึ้น และลงไปที่ช่วยไถนาด้วย

โคลนมีแรงดึงดูดที่อธิบายไม่ถูกสำหรับเด็กๆ เมื่อเด็กๆ เห็นนาข้าวที่กว้างใหญ่ ก็แทบอยากลงไปกลิ้งอย่างทนไม่ไหว

น่าเสียดายที่พวกเขาอยู่สูงเล็กน้อย หากลงไปก็อาจจะจมอยู่ในโคลนไปแล้วครึ่งหนึ่ง

เฉียวเยี่ยนจับตาดูเด็กๆ อย่างใกล้ชิด ด้วยกลัวจริงๆ ว่าหากนางไม่สนใจ พวกเขาจะลงไปในทุ่งนา นางไม่อยากล้างลิงโคลนตัวน้อย

เพิ่งเข้ามาในหมู่บ้านได้ไม่กี่วัน เด็กทั้งสี่ก็เล่นจนคุ้นเคยกับเด็กๆ ในหมู่บ้านแล้ว อยู่ริมทุ่งนางสามารถมองเห็นเพื่อนๆ มากมาย และพวกเขาก็วิ่งมาชวนพวกเด็กๆ ไปเล่น

เด็กๆ วิ่งไปแล้ว เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินเดินไปรอบๆ ตามคันนา ในทุ่งนามีของดีมากมาย มีผักป่าและกบนาอยู่ข้างคูน้ำ เมื่อเดินผ่านบนนั้น กบนาที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าก็จะกระโดดลงไปในน้ำ บางครั้งก็ทำให้คนตกใจ

เฉียวเยี่ยนมองดูกบนาและนึกถึงอึ่งอ่างในสมัยใหม่ นานมาแล้วที่ไม่ได้กิน เมื่อคิดขึ้นมาก็รู้สึกกระหายหิวเล็กน้อย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เมนูเปิบพิสดารเริ่มมาแล้ว ท่านอ๋องอยากลองไหมคะ

อยากลองกินกบเหมือนกันค่ะ ติดที่ผู้ร่วมโต๊ะไม่ชอบ เลยไม่ได้กินสักที

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท